ผู้เป็หัวหน้าคือชายหนุ่มผู้หนึ่ง ชายผู้นี้ดูซีดเซียวคล้ายกับว่ามีสุขภาพไม่ดี กระทั่งเบ้าตายังโบ๋ลึก
เมื่อเย่เฟิงเห็นชายผู้นี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะเขาเคยเจอคนผู้นี้ครั้งหนึ่ง หากเขาจำไม่ผิด ชายผู้นี้ก็คือบุตรที่เกิดจากป้าเขามู่ไฉ่เจี๋ยกับจวิ้นอ๋อง นามว่าจ้าวเทียน แต่เย่เฟิงไม่เข้าใจว่าจ้าวเทียนมาทำอะไรที่นี่ อีกฝ่ายเองก็จำเย่เฟิงได้เหมือนกัน
“เ้านี่เอง!” จ้าวเทียนกล่าวพลางเหยียดยิ้ม ก่อนสายตาจะเลื่อนไปมองฉินเยียนหราน
“ใช่ ข้าเอง!” เย่เฟิงกล่าวเสียงนิ่งเรียบ “เขตค้าอาวุธอยู่ในการดูแลของเ้าหรือ?”
จ้าวเทียนได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มจาง ๆ จากนั้นเชิดหน้าแล้วกล่าวว่า “ใช่ หากเ้ายังดื้อดึงไม่ยอม ก่อความวุ่นวายที่นี่ ข้าจะลงโทษเ้าโดยไม่สนฐานะของเ้า เพราะฉะนั้นข้าขอแนะนำให้เ้าไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ ธุรกิจของตระกูลมู่ไม่ต้อนรับเ้า!”
บทสนทนาของทั้งสองคนทำให้ผู้คนรอบข้างมึนงง แน่นอนว่าพวกเขารู้จักจ้าวเทียน เขาคือบุตรของจวิ้นอ๋อง อ๋องเล็ก และหลานชายของผู้เฒ่ามู่ แต่สองคนนี้เหมือนรู้จักกัน ทำให้พวกเขาสงสัยว่าทั้งสองเป็อะไรกัน
“เ้าไล่ข้างั้นหรือ?” เย่เฟิงได้ยินเช่นนั้นก็แสยะยิ้ม “ธุรกิจของตระกูลมู่? เ้าแซ่จ้าวมิใช่หรือ แล้วเปลี่ยนเป็แซ่มู่ั้แ่เมื่อใดกัน? หรือพ่อเ้าเตรียมย้ายเข้าตระกูลมู่แล้ว”
ถ้อยคำของเย่เฟิงเรียบเฉย แต่เมื่อตกอยู่ในหูของจ้าวเทียนกลับดูเฉียบคม จ้าวเทียนคือเชื้อพระวงศ์ บิดาเขาคือจวิ้นอ๋องผู้สูงศักดิ์
การที่เย่เฟิงบอกว่าเขาเปลี่ยนเป็แซ่มู่และบิดาเขาเตรียมย้ายเข้าตระกูลมู่ แม้ฟังแล้วดูไม่มีอะไร แต่ด้วยสถานะของจ้าวเทียน นี่เท่ากับเป็การดูิ่บิดาเขาและตัวเขาเอง ซึ่งเขาในฐานะเชื้อพระวงศ์ เขาและบิดาตระกูลจ้าวจะย้ายเข้าตระกูลมู่ได้อย่างไร
“ไร้สาระ!” จ้าวเทียนดุด่าเย่เฟิง เขาจะให้เย่เฟิงดูิ่เช่นนี้ได้อย่างไร จากนั้นเขาพูดขึ้นว่า “ข้าจะนับหนึ่งถึงสาม หากเ้าไม่ปล่อยตัวคน เช่นนั้นก็อย่าตำหนิว่าข้าไม่เกรงใจ!”
เมื่อกล่าวจบ จ้าวเทียนก็เริ่มนับ ที่แห่งนี้คือตลาดตระกูลมู่ เขามีลูกน้องมากฝีมือหลายคน ตอนนั้นที่เขาไปร่วมงานวันเกิดผู้เฒ่ามู่ ตบะอยู่เพียงขั้นรวมชี่ที่ 5 ต่อให้เย่เฟิงเอาชนะข้ามระดับได้ แต่จะใช่คู่ต่อสู้ของลูกน้องเขาได้อย่างไร?
“ก็แค่คนไร้ค่า ไม่มีประโยชน์อะไร แล้วข้าจะเอาไปทำไม?” เย่เฟิงแสยะยิ้ม จากนั้นกล่าวว่า “ถ้าเ้าอยากได้ งั้นข้าจะคืนให้!”
ไม่ทันสิ้นเสียงดี พลันเห็นเย่เฟิงยกเท้า จากนั้นเตะร่างผู้ดูแลเฝิงออกไป ทำผู้ดูแลเฝิงร้องด้วยความเ็ป ก่อนร่างเขาจะไปกระแทกกับลูกน้องที่อยู่ด้านหลังจ้าวเทียน
“กล้าทำตัวเหิมเกริมในตลาดตระกูลมู่ข้า จับตัวมาให้ข้าซะ!”
จ้าวเทียนถูกเย่เฟิงยั่วโมโหอย่างสมบูรณ์ จากนั้นะโสั่งลูกน้องที่อยู่ด้านหลังด้วยเสียงเกรี้ยวกราด ลูกน้องพลันตาเผยประกายเย็นเยียบ ก่อนจะเข้าปิดล้อมเย่เฟิงและฉินเยียนหรานอย่างรวดเร็ว
ฉินเยียนหรานเดินมาอยู่ข้าง ๆ เย่เฟิงแล้วกล่าวว่า “คนพวกนี้คือผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่ ดูท่าจะจัดการไม่ได้ง่าย ๆ”
ฉินเยียนหรานนั้นไม่ได้ติดต่อเย่เฟิงมาระยะหนึ่ง ความประทับใจที่ฉินเยียนหรานมีต่อพลังของเย่เฟิงจึงหยุดอยู่ที่งานประลองสำนักยุทธ์เทียนเสวียน เย่เฟิงในเวลานั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่ ดังนั้นฉินเยียนหรานจึงเป็กังวลในการเผชิญหน้ากับการล้อมกรอบของลูกน้องจ้าวเทียน
“วางใจเถอะ พวกเขาทำอะไรข้าไม่ได้หรอก” เย่เฟิงยิ้มให้ฉินเยียนหรานพลางส่งสายตาอบอุ่นให้อีกฝ่ายหมายปลอมประโลม
“สาวสวยคนนี้ไม่เลว เดี๋ยวจับตัวไปให้ท่านอ๋องเล็ก!” ชายร่างกำยำผู้หนึ่งกล่าวขณะมองฉินเยียนหรานด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย
“ใช่! ท่านอ๋องเล็กเสวยสุขเสร็จ พวกเราอาจจะได้เสวยสุขต่อก็เป็ได้” คนอื่น ๆ พากันหัวเราะเสียงดัง นี่ทำให้ฉินเยียนหรานตาวาบประกายเย็นเยือก จากนั้นมีชายร่างกำยำผู้หนึ่งดวงตาเปลี่ยนไปดุร้าย ก่อนจะเหวี่ยงหมัดโจมตีเย่เฟิงด้วยความรวดเร็ว
เย่เฟิงเผยสีหน้าเย็นเยียบ จากนั้นเขาเหยียดมือแล้วคว้าหมัดของชายผู้นั้น จู่ ๆ ชายผู้นั้นรู้สึกว่าหมัดของตนถูกพลังสายหนึ่งมาพันธนาการ ทำให้ขยับไม่ได้
“ปัง!”
จากนั้นเย่เฟิงออกแรงที่เท้าแตะไปที่ของรักของหวงของชายผู้นั้นเต็มแรง ทำให้ชายผู้นั้นส่งเสียงร้องด้วยความเ็ปจนตัวงอ พร้อมกับมีเืออกจากเป้ากางเกง ลูกรักของเขาถูกเย่เฟิงเตะเต็มแรง จนชั่วชีวิตนี้ก็อย่าคิดจะสืบพันธุ์
ในขณะเดียวกันมีชายอีกคนจู่โจมมาจากด้านข้าง โดยใช้กระบองเขี้ยวหมาป่าฟาดไปที่เย่เฟิง ซึ่งด้วยการโจมตีของกระบองนี้เพียงพอที่จะะเิศีรษะของเย่เฟิงได้อย่างง่ายดาย
จู่ ๆ เย่เฟิงหมุนตัวไป ก่อนจะเห็นเขาเหยียดมือไปคว้าข้อมือของชายผู้นั้น พร้อมกับเตะไปที่ลูกรักอีกครั้ง ตามมาด้วยเสียงดังปัง เป็อีกหนึ่งคนที่ถูกทำลายลูกรัก นี่ทำให้คนอื่น ๆ ต่างตื่นใ คล้ายไม่คิดว่าเย่เฟิงจะจัดการสหายสองคนของพวกเขาได้อย่างสะอาดเกลี้ยงเกลา ลูกรักของสองคนนั้นถูกเย่เฟิงเตะจนสืบพันธุ์ต่อมิได้ ทำให้พวกเขามีสีหน้าไม่สู้ดี พร้อมกับจิตใต้สำนึกสั่งการมือกุมเป้ากางเกงของตนเอง ราวกับกลัวเย่เฟิงจะมาทำลายลูกรักของพวกเขา
เมื่อผู้คนรอบข้างเห็นฉากนี้ต่างก็ะเิหัวเราะพร้อมเผยสีหน้าเย้ยหยัน
“ไอ้พวกไม่ได้เื่ บุกเข้าไปพร้อมกันให้หมด แล้วทำลายเขาซะ!” จ้าวเทียนเห็นผู้คนหัวเราะก็เผยสีหน้าเย็นเยียบ ก่อนจะกล่าวเช่นนั้น จากนั้นชายร่างกำยำสองสามคนตัวสั่นระริกคล้ายหวาดกลัวจ้าวเทียน จึงบุกโจมตีเย่เฟิงในเวลาต่อมา
“ปัง ๆ ๆ ๆ!” เสียงดังต่อเนื่อง ชายร่างกำยำผู้อยู่จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่กลับเปราะบางเมื่ออยู่ต่อหน้าเย่เฟิง เพราะฉะนั้นพวกเขาก็ไม่มีข้อยกเว้น จึงถูกเย่เฟิงทำลายลูกรักด้วยลูกเตะ
“นี่...” เหล่าผู้คนเห็นชายร่างกำยำนอนโอดโอยอยู่บนพื้น จู่ ๆ ก็เสียวสันหลังวาบขึ้นมา สำหรับผู้ชายแล้ว การสูญเสียลูกรักเป็เื่ร้ายแรงยิ่งกว่าความตายเสียอีก เพราะนับจากนี้ไปจะเล่นสนุกกับสาว ๆ มิได้อีก และความรู้สึกเช่นนี้มิอาจอธิบายออกมาเป็คำพูดได้
“ต่อไปพวกเ้าจะพูดอะไรก็ระวังปากไว้หน่อย นี่แหละคือจุดจบของพวกเ้าที่ชอบปากดี!” เย่เฟิงกล่าวขณะมองชายร่างกำยำเ่าั้ด้วยรอยยิ้มหยัน
“เ้าหมอนี่ทำอะไรเนี่ย?” ฉินเยียนหรานเห็นชายร่างกำยำเ่าั้ถูกเย่เฟิงสั่งสอนก็ถึงกับหน้าแดงพร้อมเอามือปิดหน้า เพราะทนดูไม่ได้ แม้นางไม่ค่อยรู้เื่ราวมากเท่าไร แต่จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเย่เฟิงทำอะไรกับชายร่างกำยำเ่าั้
“เ้าอยากกำจัดข้าไม่ใช่หรือ?” เย่เฟิงไม่สนใจชายร่างกำยำเ่าั้ แล้วหันไปมองจ้าวเทียนที่อยู่ไม่ไกล ก่อนจะกล่าวเช่นนั้นพร้อมกับเดินไปหาจ้าวเทียนทีละก้าว ๆ
“ลูกผู้น้อง เมื่อครู่ข้าแค่พูดเล่นน่ะ อย่าจริงจังนักเลย!” จ้าวเทียนเห็นเย่เฟิงเดินมาหา สุดท้ายความกลัวก็เข้าครอบงำ ตบะของเขาอยู่เพียงจุดสูงสุดของขั้นรวมชี่ที่ 7 จะใช่คู่ต่อสู้ของเย่เฟิงได้อย่างไร
“ล้อเล่นจริง ๆ งั้นหรือ?” เย่เฟิงแสยะยิ้มพลางหรี่ตาลงเล็กน้อย จ้าวเทียนถูกบีบจนหลังไปติดผนังของอาคารด้านหลัง จากนั้นฝ่ามือใหญ่ของเย่เฟิงจับคอเสื้อของจ้าวเทียนพร้อมออกแรงเล็กน้อย
เมื่ออยู่ต่อหน้าเย่เฟิงร่างสูงใหญ่ ร่างจ้าวเทียนดูผอมแห้งอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังดูอ่อนแอ
“ใช่ เป็การล้อเล่นน่ะ เ้าคือลูกผู้น้อง เป็หลานชายของตระกูลมู่ แล้วข้าจะไล่เ้าได้อย่างไรเล่า ต่อไปลูกผู้น้องมาเที่ยวเล่นที่ตลาดได้ตามสบายเลย ข้าจะไม่เข้าไปยุ่งอีก” จ้าวเทียนกล่าวพร้อมเหงื่อแตกพลั่ก เขารู้นิสัยของเย่เฟิงดี เป็คนเด็ดเดี่ยว กล้าหาญ ทำสิ่งใดจะไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา หากเขาล่วงเกินเย่เฟิง แม้แต่พระเ้าก็รู้ว่าเย่เฟิงจะจัดการเขาอย่างไร โดยเฉพาะลูกรักของเขา เขาไม่คิดจะมีจุดจบเช่นเดียวกับลูกน้องของเขาเ่าั้
“เชื่อเ้าก็บ้าแล้ว!” พลันแววตาของเย่เฟิงเปลี่ยนไปเฉียบคม พร้อมพลังปราณพวยพุ่งออกจากร่าง นี่ทำให้จ้าวเทียนตัวสั่นระริกด้วยความกลัวจนกระทั่งฉี่ราด นั่นเป็เพราะกลัวว่าเย่เฟิงจะทำลายลูกรักของเขา จึงทำให้เขากลัวเป็อย่างมาก
เมื่อผู้คนรอบข้างเห็นที่เป้ากางเกงของจ้าวเทียนเปียกโชกก็พากันหัวเราะเสียงดัง อ๋องเล็กผู้สง่าผ่าเผยในยามปกติ บัดนี้กลัวเย่เฟิงจนฉี่รดกางเกง
“หากไม่มีความสัมพันธ์ทางญาติเข้ามาเกี่ยวข้อง วันนี้เ้าได้ตายเป็แน่ แต่ครั้งนี้จะเป็ครั้งสุดท้าย หากคราวหน้าเ้ายั่วยุข้าอีก ก็อย่ามาโทษข้าแล้วกัน!” เย่เฟิงกล่าวขณะมองจ้าวเทียนด้วยสายตาคมกริบ จากนั้นโยนร่างอีกฝ่ายลงพื้น ก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับฉินเยียนหราน
เดิมทีทั้งสองคนเป็ลูกพี่ลูกน้องจากปู่คนเดียวกันและควรมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด แต่จ้าวเทียนกับมารดาเขามู่ไฉ่เจี๋ยเห็นเย่เฟิงเป็ญาติั้แ่เมื่อใดกัน?
แน่นอนว่าการที่เย่เฟิงไว้ชีวิตจ้าวเทียนในวันนี้ ถือว่าให้ความเมตตาจนถึงที่สุดแล้ว
“เย่เฟิง แค้นในวันนี้ ข้าจ้าวเทียนจะคืนเ้าเป็สองเท่าในไม่ช้าก็เร็ว!” จ้าวเทียนมองแผ่นหลังของเย่เฟิงที่เดินจากไปด้วยความโกรธแค้น ความอัปยศที่ได้รับในวันนี้เป็เพราะเย่เฟิงคนเดียว
“พวกเรากลับสำนักยุทธ์กันเถอะ!” ขณะที่เดินอยู่บนถนนในตลาด ฉินเยียนหรานก็พูดขึ้นมาด้วยความเป็กังวลพลางลูบขนเสี่ยวไป๋ในอ้อมกอดไปด้วย
“เ้ายังไม่ได้ซื้อดาบ จะไปตอนนี้ได้ไงเล่า?” เย่เฟิงกล่าวพลางยิ้ม
“เ้าทำเขาขายหน้าขนาดนั้น ข้าว่าจ้าวเทียนหมอนั่นไม่มีทางรามือง่าย ๆ แน่” ฉินเยียนหรานกล่าว
“ก็แค่คนไม่ได้เื่ ไม่มีทางสร้างคลื่นลูกใหญ่ได้หรอก!” เย่เฟิงกล่าวอย่างไม่สนใจ จากนั้นเขาหันไปเห็นป้ายร้านค้าหนึ่งที่อยู่ตรงฝั่งตรงข้ามถนน
“หอพันศัสตรา”
ร้านนี้มีขนาดใหญ่ มีผู้คนเข้าออกอย่างหนาแน่น น่าจะเป็ร้านค้าอาวุธที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในตลาดแห่งนี้
“เยียนหราน เราเข้าไปดูกันเถอะ” เย่เฟิงกล่าว ฉินเยียนหรานก็พยักหน้า จากนั้นทั้งสองคนเดินเข้าหอพันศัสตรา ซึ่งภายในหอพันศัสตรากว้างขวางมีอาวุธมากมายวางแสดงอยู่บนตู้สินค้า เพื่อให้ลูกค้าที่สัญจรไปมาได้เลือกสรร
