ทันใดนั้นเจียงเฉินก็นึกขึ้นได้ว่าการพาเยี่ยนเฉินหยวี่มากับเขาด้วยไม่ใช่ปัญหาที่แท้จริง หวงต้าต่างหากที่เป็ผู้นำปัญหามาให้.....ไม่ว่าเ้าหมาโหดร้ายไปที่ใด มันจะเป็ศูนย์กลางดึงดูดให้ผู้คนเกลียดชังในทุกๆที่
ในวันถัดไป!
ท้องฟ้ายังคงมืดครึ้ม แต่เมืองเซียงหยางนั้นเต็มไปด้วยผู้คน แม้ว่าจตุรัสจะมีพื้นที่ครอบคลุมอาณาเขตมากกว่าสิบลี้ มันก็คับคั่งไปด้วยผู้คน
การแข่งขันประจำปีแคว้นฉีซึ่งจัดปีละครั้งเป็เหตุการณ์ที่ใหญ่ที่สุดของเมืองเซียงหยางและมันเป็ก็ดึงดูดความสนใจเป็จำนวนมาก
ตึง!ตึง!ตึง!.......
ตามด้วยการตีกลองศึกเสียงก้อง ทำให้เสียงฮือฮาเงียบลงในทันที เสียงกลองศึกนั้นเป็สัญญาณในการเริ่มการแข่งขัน
เสียงกลองศึกดังมาจากมุมทั้งสี่ของจตุรัส แต่ละจังหวะเริ่มดังออกมา และจะค่อยๆเบาลง สั่นะเืทุกคนที่อยู่ที่นี่ กลองศึกได้สืบทอดมาั้แ่สมัยโบราณกาลและเป็สัญลักษณ์ของการต่อสู้ ที่สนามประลอง เหล่าผู้เชี่ยวชาญเมื่อได้ยินเสียงกลองศึกต่างรู้สึกเืลมเดือดพล่านทันที
จตุรัสทั้งสี่ด้านของเมืองเซียงหยาง มีทางเดินทั้งกว้างและยาว ที่้าของแต่ละด้านนั้น จะมีคำขนาดั์ที่เขียนด้วยอักษรสีทอง
้าทิศตะวันออก : นิกายเซวียนอี้ ้าทิศตะวันตก : นิกายเทียนเจี้ยน ้าทิศใต้ : นิกายอัคคีผลาญฟ้า ้าทิศเหนือ : หุบเขาสุขสันต์
ทางเดินเหล่านี้ได้กำหนดไว้แก่สี่นิกายใหญ่ แม้ว่าภายในจตุรัสจะคับคั่งไปด้วยผู้คนแต่ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้ทางเ่าั้ นอกจากนั้นไม่มีผู้ใด้าทำเื่เสียมารยาทต่อนิกายใหญ่ทั้งสี่ ขณะที่พวกเขาทุกคนรู้ว่าแม้การแข่งขันนี้จะถูกเรียกว่าการแข่งขันประจำแคว้นฉี จริงๆแล้วมันเป็การแข่งขันของนิกายใหญ่ทั้งสี่
"ดูนั่น! บรรดาศิษย์ของนิกายใหญ่ทั้งสี่มากันแล้ว!"
บางคนกระซิบกัน
ตามด้วยเสียงของกลองศึก อักษรบางอย่างได้ปรากฏขึ้นที่ทางเดินทั้งสี่ บรรดาศิษย์ต่างเดินตรงไปยังจตุรัสเมืองเซียงหยางด้วยท่าทางภาคภูมิใจ คนจำนวนมากชื่นชมเหล่าศิษย์ขณะที่บางส่วนอิจฉาพวกเขาลึกๆ
ศิษย์จากสี่นิกายใหญ่ต่างเดินอย่างหยิ่งยโส บางคนกระทั่งเชิดหน้าขึ้น แสดงถึงความเย่อหยิ่งอย่างไม่เคยปรากฎมาก่อน ความชื่นชมและความอิจฉานั้นทำให้พวกเขาพึงพอใจ
ศิษย์ทุกคนที่เดินออกมาจากทางเดินนั้นล้วนอยู่ขอบเขตแก่นแท้มนุษย์ ตัดสินจากเพียงการมอง อ่อนแอที่สุดในหมู่พวกเขาอยู่ระดับขอบเขตแก่นแท้มนุษย์ขั้นกลาง ระดับแก่นแท้มนุษย์ขั้นต้นไม่แม้จะมีโอกาสที่จะเข้าร่วมการแข่งขันและผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้มนุษย์ขั้นกลางที่เข้าร่วมการแข่งขันนั้นยอดเยี่ยมที่สุดแล้วในหมู่พวกเขา ผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้มนุษย์ทั่วๆไปไม่กล้าที่จะเข้ามาที่นี่ มันเป็การสร้างความอับอายขายหน้าให้กับตนเอง
ในด้านฝั่งตะวันออก ที่นิกายเซวียนอี้อยู่ เหล่าศิษย์ทั้งหมดสวมชุดสีขาว และบนอกพวกเขามีสัญลักษณ์วสันต์ [一] สีทองนูนขึ้นมานี่เป็สัญลักษณ์ของนิกายเซวียนอี้
ในอีกด้านหนึ่ง ศิษย์นิกายเทียนเจี้ยนตรงกับสีเหลืองธรรมดาและมีรูปกระบี่นูนขึ้นที่อกพวกเขา สำหรับนิกายอัคคีผลาญฟ้า พวกเขาสวมชุดสีดำและดูจริงจัง ที่นี่มีสิ่งที่แตกต่างอยู่เพียงหนึ่งคือหุบเขาสุขสันต์ จำนวนของเหล่าศิษย์จากหุบเขาสุขสันต์นั้นมีเพียงครึ่งเดียวของนิกายอื่นๆและส่วนใหญ่จะเป็เด็กสาว เด็กสาวเหล่านี้สวมใส่ชุดหลากสีมีลวดลาย พวกนางทั้งหมดทั้งเซ็กซี่และทรงเสน่ห์
ศิษย์หญิงบางคนได้เปิดเผยบางส่วนของร่างกายพวกนาง เหมือนไม่ได้สวมอะไรเพียงแต่เสื้อบางโปร่งใสนั้น ร่างกายที่โค้งเว้าและเซ็กซี่สามารถเห็นได้อย่างง่าย ส่งผลให้เืพุ่งออกจากจมูกของผู้คนทันทีที่เห็นเหล่าเด็กสาวพวกนี้
"มารดาเถอะ! หญิงสาวจากหุบเขาสุขสันต์ช่างยั่วยวนเสียจริง! หากข้าได้ร่วมหลับนอนกับพวกนาง ไม่ว่าจะต้องจ่ายเท่าไรก็คุ้ม"
"หากว่าเ้ามีความสามารถเ้าก็สามารถที่จะเข้าร่วมหุบเขาสุขสันต์ และเ้าก็สามารถที่จะร่วมหลับนอนกับพวกนางได้ทุกวัน!"
"มันไม่ง่ายเช่นนั้น หุบเขาสุขสันต์มุ่งเน้นเพียงบ่มเพาะเป็คู่ และมันถือว่าเป็วิธีที่ชั่วร้าย! ข้อกำหนดสำหรับศิษย์นั้นเข้มงวดจริงๆ โดยเฉพาะศิษย์บุรุษ! ข้าได้ยินมาเ้าจำเป็ต้องไปประเมินเพื่อทดสอบการทำงานร่วมกันของการจับคู่บ่มเพาะ และมันยากมากที่จะทำให้พวกเขานั้นพิจารณาเ้า!"
เมื่อเหล่าเด็กสาวจากหุบเขาสุขสันต์ปรากฏตัว ได้ดึงดูดสายตาทั้งหมด ในหมู่นิกายใหญ่ทั้งสี่ในแคว้นฉี แม้ว่าหุบเขาสุขสันต์นั้นมีศิษย์น้อยที่สุด แต่เมื่อรวมกำลังกันนั้นไม่สามารถที่จะดูถูกได้ โดยเฉพาะทักษะมนเสน่ห์นั้นถือว่าไร้เทียมทานภายใต้ตะวัน
ยิ่งไปกว่านั้น ศิษย์สตรีจากหุบเขาสุขสันต์มักใช้ทักษะมนเสน่ห์ในการชนะคู่ต่อสู้ตัวต่อตัว พวกนางมีการจัดการที่ได้รับการสนับสนุนเป็จำนวนมากจากต่างขุมพลัง ผลลัพธ์คือหุบเขาสุขสันต์ได้หยั่งรากลึกลงไปยังแคว้นฉี มีแม้กระทั่งศิษย์จากอีกสามนิกายยอมที่จะทำกิจธุระร่วมกับศิษย์จากหุบเขาสุขสันต์
"เด็กสาวเหล่านี้! ไม่ช้าก็เร็วข้าจะทำให้พวกนางทุกคนเป็สัตว์เลี้ยงมนุษย์ของข้า ว๊ะก่ะก่ะ!"
หวงต้าหัวเราะเสียงดัง ทำให้ผู้คนที่อยู่ใกล้ๆมันหวาดกลัว พวกเขารีบเว้นระยะห่างจากมันอย่างน้อยหนึ่งจ้าง เ้าหมาตัวนี้ระยำจริงๆ มันกล้าดีอย่างไรที่จะนำเหล่าศิษย์จากนิกายหุบเขาสุขสันต์มาเป็สัตว์เลี้ยงของมัน? ยืนข้างๆมันเดี๋ยวปัญหาจะมาเยือน
"เ้าหมาเวร ไม่มีใครหาว่าเ้าเป็ใบ้หรอกนะหากว่าเ้าเงียบปากน่ะ"
เจียงเฉินหมดคำพูด
"สนใจเื่ของตัวเองเถอะ หุบปากไป!"
หวงต้าไม่ได้ให้เกียรติใดๆ
"ดูนั่น าาปีศาจน้อยจากนิกายเซวียนอี้!"
บางคนะโออกมา
เมื่อได้ยินดังนั้น หลายๆคนได้หันไปยังทิศทางของนิกายเซวียนอี้ เจียงเฉินเองก็หันไปมองด้วยและเขาเห็นชายคนสุดท้ายที่มายังทางเดินนั่น ชายคนนั้นสวมชุดสีฟ้า ดูหล่อเหลาและสุภาพ จะเป็ใครอื่นไม่ได้นอกจากาาปีศาจน้อยฮันหยาน ผู้ที่ได้ช่วยเขาที่ภัตตาคารหยินเยว่่
ศิษย์อื่นๆจากนิกายเซวียนอี้ต่างสวมชุดสีขาว มีเพียงคนเดียวที่สวมชุดสีฟ้า มันถือว่าเป็กรณีพิเศษ ในความจริงแล้วเขานั้นมีชื่อเสียงแม้ในหมู่ของเหล่าอัจฉริยะ
"นี่คือาาปีศาจน้อย อัจฉริยะที่หาได้ยากในรอบร้อยปีแห่งนิกายเซวียนอี้ และพร์ของเขายอดเยี่ยมยิ่งกว่ากวนอี้หยุน! ความสำเร็จของเขาในอนาคตนั้นแน่นอนว่าต้องเหนือกว่ากวนอี้หยุนมากอย่างแน่นอน! ข้าได้ยินมาว่าเขามีสายเืของปีศาจ์าอยู่ในร่างกายของเขา! เมื่อสายเืของเขาได้ตื่นขึ้นมา เขาจะกลายเป็คนที่น่ากลัวมาก"
"าาปีศาจน้อยมีโอกาสที่จะได้อันดับหนึ่งมากที่สุดแล้ว!"
การปรากฏตัวของาาปีศาจน้อยนั้นได้ทำให้เกิดความครึกครื้นขึ้นมา นี่เป็กลิ่นอายของอัจฉริยะ ไม่ว่าเขาจะไปยังที่แห่งใด เขาก็จะเป็ศูนย์กลางความสนใจทันที
"ดูนั่นเร็ว! นั่นหลี่หวู่ซวง จากนิกายเทียนเจี้ยนเองก็ปรากฏตัวแล้ว! ดูเหมือนว่าเวลานี้เขาจะเป็เพียงผู้เดียวที่สามารถแข่งกับาาปีศาจน้อยได้"
บางคนชี้ไปยังชายหนุ่มคนสุดท้ายที่สวมชุดสีเหลืองที่ออกมาจากทางเดินที่อยู่ของนิกายเทียนเจี้ยน ชายคนนี้เหมือนดั่งปราการเหล็กไหลและเขามีกลิ่นอายะเิพลังออกมา
"หลี่หวู่ซวงผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดา ข้าได้ยินมาว่าเขาได้ไปยังดินแดนลับ ผู้เชี่ยวชาญจิติญญายุทธและได้ทักษะชั้นยอดมาจากผู้เชี่ยวชาญจิติญญายุทธ! พละกำลังของเขาช่างน่าหวาดหวั่น ร่างของเขาสามารถเทียบได้กับสัตว์อสูร นี่มันน่าหวาดกลัวนัก"
"หลี่หวู่ซวงน่าหวาดกลัวจริงๆ! ได้รับสืบทอดทักษะยุทธมาจากผู้เชี่ยวชาญจิติญญายุทธ? นี่มันโชคดีมาก ทั่วทั้งแคว้นฉีไม่มีผู้เชี่ยวชาญจิติญญายุทธแม้แต่คนเดียว"
"หลิงอ้าวจากนิกายอัคคีผลาญฟ้า และฉิงจื่อจากหุบเขาสุขสันต์เองก็ปรากฏตัวแล้วเช่นกัน! พวกเขาต่างเป็ศิษย์นอกที่แข็งแกร่งที่สุดของนิกายพวกเขา! พวกเขามีความสามารถที่จะสู้กับาาปีศาจน้อยและหลี่หวู่ซวง แต่โอกาสชนะของพวกเขาต่ำกว่า"
"มันยากที่จะคาดเดาว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้น! ในปีนี้มีหลายสิ่งได้เปลี่ยนไป ไม่มีผู้ใดสามารถที่จะคาดเดาถึงผลลัพธ์ได้ อย่าลืมว่าในระหว่างกายแข่งขันของศิษย์ใน หนานเป่ยเฉาที่ไม่รู้ว่ามาจากที่แห่งใดได้รับชัยชนะไป"
"นั่นก็จริงอยู่ หนานเป่ยเฉาเป็ม้ามืด...ข้าสงสัยว่าหากยังมีม้ามืดอีกตัวได้ปรากฏในการแข่งขันของศิษย์นอก หากมีอีกหนึ่งมันน่าตื่นตาตื่นใจอย่างแท้จริง!"
การพูดคุยเกิดขึ้นทุกๆที่ ทุกๆคนต่างพุ่งความสนใจไปยังาาปีศาจน้อยฮันหยาน หลี่หวู่ซวง หลิงอ้าวและฉิงจื่อ นิกายใหญ่แต่ละแห่งต่างมีตัวแทนเป็ของตัวเอง และบรรดาศิษย์ทั้งสี่นั้นเป็ที่ชัดเจนที่สุด หากไม่มีเหตุบังเอิญเกิดขึ้นตำแหน่งจุดสูงสุดทั้งสี่จะตกเป็ของศิษย์ทั้งสี่
เจียงเฉินกำลังคิดอย่างคร่าวๆ นิกายเซวียนอี้ นิกายเทียนเจี้ยนและนิกายอัคคีผลาญฟ้าแต่ละแห่งมีศิษย์ราวๆสองร้อยคนที่ได้เข้าร่วมวันนี้ หุบเขาสุขสันต์น้อยกว่า พวกเขามีราวๆเจ็ดสิบถึงแปดสิบคนเท่านั้น
แม้ว่าแคว้นฉีจะเป็เพียงแคว้นเล็กๆของทวีปตะวันออก มันก็ยังใหญ่และมีความหลากหลาย มีอัจฉริยะในทุกๆที่ ในแต่ละนิกายใหญ่นั้น มีศิษย์มากกว่าหมื่นคนและส่วนใหญ่จะเป็ศิษย์นอกที่อยู่ระดับแก่นแท้มนุษย์ และผู้ที่ได้เข้าร่วมการแข่งขัน คนอีกจำนวนมากมาเพื่อหาประสบการณ์ ผู้เข้าร่วมการแข่งขันมีมากกว่าเจ็ดร้อยคนและมีแค่เพียงสามสิบคนเท่านั้นที่สามารถที่จะผ่านไปยังรอบที่สอง..อัตราการคัดออกสูงมาก
ศิษย์ทั้งหมดจากบรรดาสี่นิกายใหญ่ได้ตรงไปยังใจกลางจตุรัสในกลุ่มของพวกเขาเอง พวกเขาต่างหยุดถัดจากเส้นทางสู่์
ตึง!ตึง!ตึง!.......
เสียงตีกลองศึกตีถี่ขึ้น หลายคนได้กลั้นหายใจ พวกเขาต่างรู้ว่าเหล่าผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้์ขั้นปลายทั้งสี่ ได้ปรากฎตัวขึ้นบนยอดของเส้นทางสู่์และปลดปล่อยกลิ่นอายพลังของพวกเขาออกมา
ทั้งสี่คนได้บินไปดั่งอุกกาบาตไปยังทิศทางที่แตกต่างกันทั้งสี่้าของเส้นทางสู่์ เมื่อผู้คนได้เห็นหน้าพวกเขาเกือบที่จะะโขึ้นจากพื้น พวกเขาตื่นตระหนกจนปากค้างกว้าง
เพราะว่าทั้งสี่ไม่ใช่ชุดเดียวกับปีที่แล้ว ปีที่แล้วพวกเขาทั้งหมดเป็ผู้าุโจากนิกายใหญ่ทั้งสี่ สี่คนจากยอดของเส้นทางสู่์นั้นเป็บุรุษและสตรี พวกเขาทั้งหมดยังหนุ่มสาวอยู่
"์! นั่นพวกเขาคือผู้ที่จะมารับผิดชอบการแข่งขันของปีนี้?"
"ฉิบหาย! นั่นไม่ใช่ผู้ที่อยู่อันดับสูงสุดทั้งสี่จากการแข่งขันศิษย์ในมิใช่รึ? กวนอี้หยุนจากนิกายเซวียนอี้ เหลียงเซียวจากนิกายเทียนเจี้ยน ไป๋หัวเตี๋ยจากหุบเขาสุขสันต์....กระทั่งหนานเป่ยเฉาจากนิกายอัคคีผลาญฟ้าก็มายังที่นี่!"
"นั่นคือหนานเป่ยเฉา? เขายังหนุ่มอยู่ เขาเป็อัจฉริยะที่หาได้ยากจริงๆ! การได้มาเห็นหน้าตาเขานั่นด้วยตาตนเองทำให้การเดินทางมายังที่นี่คุ้มค่าแล้ว"
ด้วยการมาถึงของเหล่าอัจฉริยะของสี่นิกายใหญ่ บริเวณนี้พลันร้อนระอุ มีหลากหลายคนที่พลาดการชมการแข่งขันของศิษย์ภายในและรู้สึกเสียดายที่ไม่มีโอกาสได้พบหน้าม้ามืดด้วยตัวพวกเขาเอง แต่พวกเขาไม่เคยคาดคิดว่าจะมีโอกาสได้มาเห็นเขาตัวเป็ๆวันนี้
สายตาของเจียงเฉินหยุดยังยอดของเส้นทางสู่์ เสน่ห์ดึงดูดของเหล่าอัจฉริยะทั้งสี่นั้นไม่ธรรมดาจริงๆ กวนอี้หยุนและเหลียงเซียวอาจถือว่าธรรมดา อย่างไรก็ตามหนานเป่ยเฉาที่สวมชุดสีทองและมีผมสีทองยาวพลิ้วไหวกับสายลม ใบหน้าที่คมคายทำให้เขาดูยิ่งใหญ่ ปลดปล่อยกลิ่นอายของผู้ที่ยืนเหนือผู้อื่น แม้เจียงเฉินที่เคยเป็เซียนผู้ยิ่งใหญ่ในโลกยังอดที่จะผงกหัวเห็นด้วยไม่ได้
"พร์ของชายผู้นี้ เมื่อเทียบกับเหล่าอัจฉริยะของทวีปศักดิ์สิทธิ์ เขาไม่ได้ด้อยกว่าพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย ข้าไม่คาดคิดมาก่อนว่าแคว้นเล็กๆอย่างแคว้นฉีแห่งนี้จะมีคนแบบนี้อยู่"
เจียงเฉินคิดกับตัวเขาเอง พลังหยวนฟ้าดินได้ไหลมาอยู่รอบๆหนานเป่ยเฉาโดยอัตโนมัติ มันแสดงให้เห็นชัดเจนว่าเขาเป็ผู้ที่มีโชคชะตาที่ยิ่งใหญ่ เมื่อเทียบกับกวนอี้หยุนและอีกสองคนดูธรรมดาไปเลย
มุมปากของเจียงเฉินยกขึ้น เืร้อนของเขากำลังเดือด ตอนแรกเริ่มเขาไม่ได้สนใจในแคว้นฉี แต่เขาไม่เคยคาดมาก่อนว่าจะได้พบคนอย่างหนานเป่ยเฉา ได้จุดประกายกำลังใจในการต่อสู้ของเจียงเฉินขึ้น
หนานเป่ยเฉายืนตรงกลางของเส้นทางสู่์ เห็นได้ชัดว่ากลุ่มนี้มีเขาเป็ผู้นำ เขาได้ยกมือขึ้น และเสียงกลองศึกได้หยุดลง
"กฏเกณฑ์สำหรับรอบแรกเหมือนเช่นเคย ข้าจะไม่อธิบายเพิ่ม พวกเ้าจะต้องมุ่งสู่สามสิบอันดับแรก สำหรับรางวัลในการแข่งขันปีนี้ ข้ายังไม่ประกาศตอนนี้ เริ่มได้!"
หนานเป่ยเฉาพูดราวกับตัวเขาเป็าาที่มอบหมายคำสั่ง ให้ความรู้สึกว่าเขาไม่สามารถเข้าถึงได้
