“จะ เ้าสารเลว!”
หลังจากชะงักค้างไปครู่หนึ่ง ข่งเซวียนเอ๋อร์ก็รู้สึกราวกับมีกระแสไฟฟ้าสถิตไปทั่วทั้งร่างในชั่วพริบตา นางแผดเสียงคำรามออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว ส่วนขาทั้งสองข้างก็ดิ้นเตะไปมาไม่หยุด
“วันนี้ข้าจะมอบบทเรียนให้เ้าได้จำขึ้นใจว่าการบุกเข้ามาในห้องฝึกของผู้อื่นตามใจชอบนั้นจะมีผลลัพธ์เป็เช่นไร”
มู่เฟิงโบกมือส่งพลังปราณออกไปปิดประตูหินของห้องฝึกในทันที
“เ้า เ้าคิดจะทำอะไร?”
เมื่อเห็นประตูหินถูกปิดลง ข่งเซวียนเอ๋อร์ก็พลันตื่นตระหนกขึ้นมาทันที
มู่เฟิงเชยคางของข่งเซวียนเอ๋อร์ขึ้นด้วยมือข้างเดียว เขาแสยะยิ้มก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “แล้วเ้าคิดว่าข้าจะทำอะไรเล่า?”
“เ้าอย่าได้คิดทำตัวเหลวไหล หากเ้ากล้ามายุ่งกับข้า พี่สาวของข้าจะต้องฆ่าเ้าทิ้งแน่”
ข่งเซวียนเอ๋อร์ตื่นตระหนก ความหวาดกลัวกำลังเกาะกุมจิตใจของนาง
เผี๊ยะ!
โดยไม่คาดคิด มู่เฟิงยกมือข้างหนึ่งขึ้นตบลงบนร่างของอีกฝ่ายอย่างแรง
ดวงตากลมโตคล้ายกับเมล็ดซิ่งของข่งเซวียนเอ๋อร์เบิกกว้าง นางรู้สึกชาหนึบไปชั่วขณะ ก่อนที่นางจะกรีดร้องออกมาจนเสียงเล็กแหลมดังก้องอยู่ภายในห้องฝึก
เสียงหวีดร้องนี้ทำให้หูของมู่เฟิงอื้ออึงไปชั่วขณะ ยิ่งไปกว่านั้นเสียงนี้ยังดังก้องไปทั่วบริเวณชั้นสี่ทำให้บัณฑิตหลายคนที่กำลังฝึกฝนอยู่ถูกรบกวนจนต้องลืมตาขึ้นมาด้วยความฉงน
“กรี๊ด…!”
เสียงหวีดร้องดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ทุกคนต่างก็หันไปมองยังทิศทางของเสียงทันที
“นี่ เกิดอะไรขึ้นกันน่ะ? เสียงนี้ไม่ใช่ว่าดังมาจากห้องฝึกของข่งเซวียนเอ๋อร์หรอกหรือ?”
“ใช่แล้ว เสียงนี้ดังมาจากห้องฝึกของข่งเซวียนเอ๋อร์อย่างแน่นอน เกิดอะไรขึ้นกัน?”
บัณฑิตหลายคนต่างก็เอ่ยด้วยความประหลาดใจ และมีบางคนหยัดกายขึ้นเพื่อเข้าไปฟังเสียงชัดๆ
ภายในห้องฝึก ฝ่ามือของมู่เฟิงยังคงตบลงไปบนร่างของข่งเซวียนเอ๋อร์ครั้งแล้วครั้งเล่า
“เ้าคนสารเลว ข้าจะต้องฆ่าเ้าให้ตายแน่ ฆ่าเ้า...!”
เวลานี้ใบหน้าของข่งเซวียนเอ๋อร์กำลังแดงก่ำ ดวงตาคู่สวยของนางเริ่มมีหยดน้ำเอ่อคลอ
“หื้ม นี่เ้ายังไม่สำนึกถึงความผิดของตัวเองอีกอย่างนั้นรึ?”
มู่เฟิงตวาดอย่างเ็า จากนั้นเขาก็ยกฝ่าเท้าของข่งเซวียนเอ๋อร์ขึ้นมาและถอดรองเท้าของนางทิ้ง
“เ้าคนสารเลว เ้าจะทำอะไร หยุด หยุดเดี๋ยวนี้”
สีหน้าของข่งเซวียนเอ๋อร์เปลี่ยนไปทันที หลังจากถอดรองเท้าและถุงเท้าของนางออกแล้ว มู่เฟิงก็งอนิ้วมือของตัวเองลงเล็กน้อยก่อนจะใช้ข้อนิ้วจี้ไปยังจุดต่างๆ บนฝ่าเท้าของข่งเซวียนเอ๋อร์
“อ๊ะ...ฮ่าๆ...อา...หยุด หยุดเดี๋ยวนี้ ข้าจั๊กจี้ จั๊กจี้จะตายอยู่แล้ว...”
ทันใดนั้นข่งเซวียนเอ๋อร์ก็หัวเราะออกมาดังลั่น ร่างกายของนางสั่นเทาและบิดเร่าไปมาอย่างแรง บริเวณฝ่าเท้ามีอาการคันยุบยิบจนนางแทบจะร้องไห้ออกมา
“รู้สึกผิดแล้วหรือยัง เ้ารู้ความผิดของตัวเองแล้วหรือยัง?”
มู่เฟิงเอ่ยถามขึ้น
“เ้าคนเลว อ่า...คิกๆ...”
เมื่อได้ยินดังนั้น มู่เฟิงก็กระตุ้นจุดฝังเข็มบนฝ่าเท้าของข่งเซวียนเอ๋อร์ต่อทันที
“สุดยอดนัก คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนทำเช่นนี้ในห้องฝึก”
“จุ๊ๆ ใช่แล้ว แม้จะไม่รู้ว่าเป็ผู้ใด แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีวาสนาได้ลิ้มลอมรสรักเช่นนี้”
“จิ๊ๆ ข้าทนฟังเสียงนี้ไม่ไหวแล้ว แบบนี้ผู้ใดยังจะมีใจฝึกต่อไปได้อีกกัน”
“พวกเ้าทำอะไรกัน เหตุใดคนจึงมารวมตัวกันที่นี่มากมายนัก ทำไมไม่ตั้งใจฝึกให้ดีเล่า”
ฉับพลันนั้นเสียงะโหนึ่งก็ดังขึ้นอย่างเ็า คราวนี้เป็ผู้ดูแลในชุดคลุมสีครามที่เพิ่งเดินเข้ามา
“ศิษย์พี่หวัง"
เมื่อบัณฑิตกลุ่มนั้นเห็นผู้ดูแลหนุ่ม พวกเขาก็ประสานมือกำหมัดทำความเคารพอีกฝ่ายในทันที
“ศิษย์พี่หวัง ท่านมาฟังเอาเถิด”
บัณฑิตผู้หนึ่งกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย
“หื้ม?”
ผู้าุโหวังเลิกคิ้วอย่างสงสัยก่อนจะเดินเข้าไปฟัง
“อ๊ะ...อย่านะ หยุด เ้าสารเลว...อือ หยุดเดี๋ยวนี้!”
ภายในห้องฝึกมีเสียงหัวเราะและเสียงด่าของสตรีดังเล็ดลอดออกมา
ดวงตาของผู้าุโหวังเป็ประกายขึ้นมาในทันที จากนั้นเขาก็ถอยหลังออกมาก้าวหนึ่งและะโบอกผู้คนรอบข้างเสียงดังว่า “เลิกแอบฟังได้แล้ว พวกเ้าจงรีบไปฝึกฝนให้หนักเดี๋ยวนี้!”
“ขอรับ…”
ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันกลับไปยังตำแหน่งเดิม แต่สายตาของพวกเขากลับยังคงจ้องมองไปทางห้องฝึกห้องนั้น
หวังจื๋อะโไล่เหล่าบัณฑิตให้กลับไปฝึกฝนต่อก่อนจะถอนหายใจออกมา
“โลกเราย่ำแย่ลงทุกวัน ย่ำแย่ลงทุกวัน เฮ้อ...”
หวังจื๋อส่ายหน้าพลางถอนหายใจ
“ไม่ได้การ ข้าจะต้องรั้งอยู่ที่นี่เพื่อดูแลไม่ให้เ้าพวกนั้นแอบฟังและตั้งใจฝึกฝนให้ดี อืม ใช่…”
ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะแนบตัวพิงหลังประตูเพื่อแอบฟังสถานการณ์ด้านใน
ภายในห้องฝึก ข่งเซวียนเอ๋อร์กำลังอยู่ในอารมณ์ขมขื่นและสาปแช่งเด็กหนุ่มตรงหน้าไม่หยุด
“ข้าผิดไปแล้ว ผิดไปแล้ว...หยุดเถอะ หยุดได้แล้ว อ่า...”
ในที่สุดข่งเซวียนเอ๋อร์ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป นางจึงยอมรับผิดกับมู่เฟิง
เมื่อได้ยินดังนั้นมู่เฟิงก็หยุดมือทันที ก่อนจะตอบว่า “กล่าวขอโทษข้า”
“เ้าสารเลว เ้า...อา...ฮ่าๆ ๆ...หยุด ขอโทษ ข้าขอโทษ...”
เมื่อเห็นว่าข่งเซวียนเอ๋อร์ยังตวาดเสียงด่าออกมาอย่างไม่ยอมแพ้ มู่เฟิงก็ไม่รังเกียจที่จะสั่งสอนบทเรียนให้นางอีกครั้ง ทำให้นางรีบเอ่ยยอมรับผิดอย่างรวดเร็ว
“ก็เท่านั้น คราวนี้ข้าขอถามเ้า ห้องฝึกนี้เป็ของผู้ใด”
มู่เฟิงเอ่ยถามขึ้น
“ข้า...ไม่ ของเ้า ของเ้า”
“ไม่ใช่ของข้า แต่เป็ของบัณฑิตทุกคน ผู้ใดมาก่อนก็มีสิทธิ์ใช้มันก่อน ข้าขอถามเ้าอีกครั้ง ต่อไปหากมีผู้อื่นกำลังฝึกฝนอยู่ในห้องนี้ เ้าจะยังเข้ามารบกวนเขาอีกหรือไม่?”
“ไม่แล้ว ข้าจะไม่เข้ามาแล้ว”
ข่งเซวียนเอ๋อร์หวาดกลัวมู่เฟิงเป็อย่างมาก นางจึงรีบส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว
“ก็เท่านั้นแหละ”
มู่เฟิงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ และยอมปล่อยตัวข่งเซวียนเอ๋อร์ในที่สุด
แขนของข่งเซวียนเอ๋อร์ยังคงไร้เรี่ยวแรงจนไม่อาจใช้การได้ มู่เฟิงประคองร่างของนางวางลงบนพื้น ดวงตาคู่สวยของอีกฝ่ายจ้องมองเขาอย่างอาฆาตแค้น
“ทำไม เ้ายังจะเอาอีกหรือ?”
เมื่อมู่เฟิงเห็นสายตาของนางเขาก็พูดข่มขู่ขึ้นอีกครั้ง
“ฮึ่ม เ้าคนสารเลว...”
ข่งเซวียนเอ๋อร์ตวาดอย่างเ็า ก่อนจะเบี่ยงหน้าหลบไปทางอื่น
“อีกไม่กี่นาทีแขนของเ้าก็จะกลับมาใช้งานได้ปกติ ส่วนห้องฝึกนี้ข้าขอมอบให้เ้าแล้วกัน”
มู่เฟิงหยัดกายลุกขึ้นและเดินไปเปิดประตู แต่แล้วเขากลับได้พบกับหวังจื๋อที่กำลังยืนอยู่หน้าประตู
“ศิษย์พี่ ท่าน...?"
มู่เฟิงจ้องมองหวังจื๋อด้วยความแปลกใจ
“เฮ้ ศิษย์น้อง เป็อย่างไรบ้าง?”
หวังจื๋อเหลือบมองไปทางข่งเซวียนเอ๋อร์ที่ยังคงนอนอยู่บนพื้นห้อง จากนั้นเขาก็ส่งยิ้มให้กับมู่เฟิงอย่างมีเลศนัย
มู่เฟิงมึนงงไปชั่วขณะ “ท่านหมายถึงอะไร?” "
“เฮ้อ ศิษย์น้อง เ้ายังจะแสร้งทำเป็ไม่เข้าใจอีก ข่งเซวียนเอ๋อร์ผู้นั้นก็ถือว่าเป็หญิงงามที่หาได้ยากในสำนักศึกษา เ้านี่ช่างโชคดีเสียจริง”
หวังจื๋อทำสีหน้าราวกับว่าตนนั้นเข้าใจสถานการณ์เป็อย่างดี
เมื่อเข้าใจความหมายของอีกฝ่าย เส้นเืตรงขมับของมู่เฟิงก็ปูดขึ้นในทันที เขากล่าวอย่างอับจนหนทางว่า “ศิษย์พี่ ท่านคิดมากเกินไปแล้ว”
มู่เฟิงเดินหลบออกมา เขาเดินไปยังมุมหนึ่งของชั้นสี่และเริ่มฝึกฝนอีกครั้ง แต่ในระหว่างนั้นสายตาของบัณฑิตคนอื่นต่างก็เหลือบมองมาทางเขาด้วยความอิจฉา
หลังจากนั้นไม่นาน ข่งเซวียนเอ๋อร์ก็เดินออกมาจากห้องฝึก นางยกมือข้างหนึ่งปิดใบหน้าที่กำลังแดงระเรื่อ ขณะเดินออกจากห้องฝึกด้วยท่าทางกะโผลกกะเผลก
เมื่อเหล่าบัณฑิตได้เห็นภาพนี้ พวกเขาก็รีบหันขวับไปมองมู่เฟิงที่กำลังฝึกฝนอยู่ในมุมที่ห่างออกไปทันที พลางแอบยกนิ้วโป้งให้กับอีกฝ่าย
“สหายเ้าสุดยอดมาก...”
“มองอะไรกัน หากยังมองอีกข้าจะควักลูกตาพวกเ้าเสีย”
ข่งเซวียนเอ๋อร์ตวาดออกมาด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง ทุกคนจึงรีบหันไปมองทางอื่นอย่างรวดเร็ว และไม่กล้ายั่วยุแม่เสือตัวน้อยนั่นอีก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้