หลังจากที่จุนห่าวนำทีมทหารหน่วยรบพิเศษทั้งเจ็ดคน ทำภารกิจพรางตัวเป็ทหารรับจ้างข้ามพรมแดนได้สำเร็จนั้น ในขณะที่กำลังเดินทางกลับจากการทำภารกิจ จู่ ๆ พวกเขาก็ถูกซุ่มโจมตีจากทหารรับจ้างข้ามพรมแดนนับร้อยคน หลังจากการสู้รบอย่างดุเดือดตลอดหนึ่งคืนเต็ม ทั้งแปดคนจึงได้หลบหนีเข้าไปในป่าร้อนชื้น
แม้ทั้งแปดคนจะวิ่งหลบหนีเข้าไปในป่าทั้งวันทั้งคืน ก็ยังไม่อาจหนีจากทหารที่ไล่ล่าได้ ณ เวลานี้ะุปืนจะไม่เพียงพอแล้ว ตลอดระยะเวลาสองวันหนึ่งคืนที่ไม่ได้หยุดพัก ทำให้ร่างกายอ่อนล้าเต็มที ตอนนี้พวกเขาอาศัยเพียงจิตใจที่แน่วแน่ประคับประคองไว้ ในใจของพวกเขามีเพียงเป้าหมายเดียว นั่นคือ หนีไปให้ถึงเขตชายแดนและรวมตัวกับกองกำลังสนับสนุน พวกเขาถึงจะปลอดภัย ในการรบนอกเขตชายแดนเช่นนี้ ทำได้แค่พึ่งพาตัวเองเท่านั้น!
“ซานจึ อีกไกลแค่ไหนจนกว่าจะถึงชายแดน?” จุนห่าวถามขณะวิ่ง ซึ่งคำกล่าวนี้ไม่ได้ส่งผลต่อความเร็วของเขาเลยสักนิด
“ยังเหลืออีกหนึ่งร้อยกิโลเมตร เบื้องบนให้พวกเรายืนหยัดอีกประมาณสิบนาที เห็นว่าทหารหน่วยกองกำลังสนับสนุนที่พรางตัวเป็ทหารรับจ้างข้ามพรมแดนได้ออกจากเขตชายแดนแล้ว พวกเขากำลังรีบตามมาช่วยพวกเรา” ซานจึตอบ ขอแค่เราไปรวมตัวกับกองกำลังสนับสนุนทันและมีะุที่เพียงพอ เราก็จะสามารถสกัดกั้นและกำจัดทหารฝ่ายตรงข้ามที่ไล่ตามหลังเราอยู่ได้
จุนห่าวได้ยินเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาพลันคิดว่า มันสายเกินไปแล้ว ศัตรูได้เข้าใกล้พวกเขาเข้าไปทุกที
“พวกนายเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเถอะ เดี๋ยวฉันจะสกัดหลังให้” จุนห่าวพูดขึ้นในสถานการณ์ที่กำลังหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ เขาต้องรีบตัดสินใจโดยเร็ว ในระหว่างที่กำลังทำภารกิจ ไม่ว่าเขาจะตกอยู่ในสถานการณ์แบบใด เขาจะสุขุมและมีสติอยู่เสมอ ซึ่งตอนนี้มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น...ถึงจะตัดสินใจได้อย่างถูกต้องที่สุดในสถานการณ์ที่พลิกผันเช่นนี้ได้
“ท่านหัวหน้า พวกเราไม่ไป เราจะต้องอยู่หรือไปด้วยกัน” ทหารทั้งเจ็ดกล่าวอย่างพร้อมเพรียงกัน พวกเขารู้ดีว่า คนที่อยู่เพื่อสกัดด้านหลังมีโอกาสที่จะรอดชีวิตน้อยมาก หัวหน้ากำลังจะนำชีวิตของตัวเองมาแลกกับโอกาสรอดตายของพวกเขา! สิ่งที่พวกเขา้าที่สุดในตอนนี้ คือ เวลา ขอแค่มีคนสกัดกั้นศัตรูไว้เพียงครู่เดียว ทุกคนก็จะสามารถไปรวมตัวกับกองกำลังสนับสนุนได้ แต่ถ้าหากจะต้องแลกเวลากับชีวิตของหัวหน้าล่ะก็ พวกเขายอมอยู่ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับหัวหน้าดีกว่า
“รีบหนีไปซะ นี่คือคำสั่ง!” จุนห่าวกล่าวอย่างขึงขัง “พวกนายจะขัดคำสั่งนายทหารหรือไง จงรีบหนีไปซะ!”
“ครับ!” พวกเขาเป็ทหาร หน้าที่ของทหารคือเชื่อฟังคำสั่งจากนาย ถ้าเป็คำสั่งจากนาย แม้ว่าข้างหน้าจะเป็เหวลึก พวกเขาก็ต้องะโลงไป ทั้งเจ็ดคนรวบรวมะุทั้งหมดที่มีอยู่ในตัวแม้จำนวนจะไม่มาก ทิ้งไว้ให้จุนห่าว พวกเขาหวังว่าหัวหน้าจะใช้มันยืนหยัดต่อสู้ได้อีกสักพัก ทหารทั้งเจ็ดต่างมองจุนห่าวอย่างอาลัยอาวรณ์อยู่ครู่หนึ่ง และจึงวิ่งเข้าป่าลึกไป สักพักภาพของพวกเขาก็ได้จางหายไปจากเบื้องหน้าของจุนห่าว
“ลาก่อน สหายรบที่รักของฉัน หวังว่าฉันจะมีโอกาสได้พบกับพวกนายอีก” จุนห่าวกล่าวไล่หลังภาพของทั้งเจ็ดคนที่ค่อยๆ จางหายไป ในเมื่อเลือกที่จะอยู่ เขาก็เตรียมใจที่จะสละชีวิตไว้แล้ว
เขารวบรวมะุที่เพื่อนทหารทิ้งไว้ใส่กระบอกปืนอย่างรวดเร็ว และรีบหาที่กำบังซ่อนตัว เพื่อเตรียมตัวต่อสู้ เขาจะไม่ยอมแพ้... จนกว่าจะถึงนาทีสุดท้ายของชีวิต
ทันทีที่เขาซ่อนตัว ศัตรูก็ไล่ตามเข้ามา จุนห่าวกับศัตรูแลกะุกันเบื้องหน้า แรงะุของศัตรูดุเดือดมาก หลังจากแลกะุกันสักพัก จุนห่าวก็ถูกยิงด้วยะุหลายนัด แม้ว่าจุนห่าวจะเป็ยอดทหาร แต่ก็ไม่อาจสู้กับศัตรูนับร้อยได้
จุนห่าวแข็งใจยืนหยัดไว้ ปรารถนาเพียงยื้อเวลานี้ให้สหายของเขาหนีไปได้ไกลยิ่งขึ้น จุนห่าวถูกะุยิงเข้าตรงกลางตัว เืสีแดงสดไหลท่วมอยู่บนชุดลายพรางสีเขียวของเขา เนื่องจากเขาสูญเสียเืมากเกินไป จุนห่าวรับรู้ได้ว่าร่างกายตัวเองหนาวเย็นและดวงตาพร่ามัวขึ้นเรื่อยๆ ตระหนักดีว่าตัวเองคงเหลือเวลาอีกไม่มากนัก จุนห่าวยิงะุนัดสุดท้ายที่มี พลันทรุดลงไปกองบนพื้นอย่างอ่อนแรง
เืของเขาเปรอะเปื้อนใบไม้ที่อยู่บนพื้น เขามองลอดใบไม้ที่ทับถมกัน พลันเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ท้องฟ้าช่างมีสีครามอะไรอย่างนี้นะ? เขารู้สึกเสียดายที่จะไม่มีโอกาสได้เห็นอีกแล้ว
จุนห่าวหวนนึกถึง่เวลาชีวิตสั้น ๆ ของตัวเอง เกิดมาก็ถูกพ่อแม่ทิ้งไว้ที่หน้าประตูบ้านเด็กกำพร้า โตมาในบ้านเด็กกำพร้า เขาไม่เคยรู้เลยว่าครอบครัวของเขาคือใคร เขาเคยปรารถนาที่จะได้เจอครอบครัว แต่ทว่าด้วยอายุที่เพิ่มขึ้น ความปรารถนาที่อยากจะพบเจอครอบครัวของเขาก็ได้จางหายไป
เมื่อจุนห่าวอายุ 18 ปี เขาสอบเข้าโรงเรียนทหาร พออายุครบ 22 ปี ก็ได้เข้าร่วมกองทัพ เขาอยู่ในกองทัพเป็สิบปี ก่อนหน้าที่จะทำภารกิจนี้ เขาได้ยื่นขอลาออกไว้ เขาคิดอย่างถี่ถ้วนแล้วว่า หลังออกจากกองทัพ เขาจะทำธุรกิจเล็ก ๆ หาคนรักสักคน และช่วยกันดูแลธุรกิจนี้ไปด้วยกัน
จุนห่าวเป็ชายร่างสูงหน้าตาหล่อเหลา อีกทั้งยังเป็ทหาร การงานมั่นคง มีคนจำนวนไม่น้อยเคยแนะนำคู่ให้แก่เขา แต่ล้วนถูกปฏิเสธทั้งหมด เหตุผลที่แท้จริงนั้น คือ ‘จุนห่าวชอบเพศเดียวกัน’ จุนห่าวค้นพบตัวเองตอนอยู่โรงเรียนทหาร เขาพบว่าเขาชอบผู้ชายสูงหล่อร่างกายกำยำ เขาในตอนนั้นเคยลังเล เคยหวาดกลัว และเคยอยากเปลี่ยนรสนิยมทางเพศของตัวเอง แต่จุนห่าวก็พบว่าตัวเองเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ ไม่อาจที่จะแปรเปลี่ยนได้ หลังจากที่ต่อสู้กับตัวเองอยู่สักพัก เขาก็สามารถยอมรับความจริงข้อนี้ได้ในที่สุด
จุนห่าวนอนกองอยู่กับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง พลางคิดว่า ‘เขาคงไม่มีโอกาสได้มีคนรักแล้ว’ เขารู้ดีว่าชีวิตของเขาใกล้จะดับสูญลงอีกไม่นาน พละกำลังที่มีค่อย ๆ หมดลงเรื่อย ๆ ั้แ่เขาเริ่มสวมเครื่องแบบทหาร ไม่ว่าเมื่อไหร่เขาก็พร้อมที่จะพลีชีพอยู่เสมอ การตายในสนามรบ คือ จุดจบที่ดีที่สุดของทหาร และถือว่าเป็จุดจบที่ดีที่สุดของจุนห่าวเช่นกัน
จุนห่าวแข็งใจยกมือคว้าจี้น้ำเต้าที่ห้อยคอ จี้น้ำเต้านี้ทำจากไม้ที่ไม่เป็ที่ไม่รู้จัก เขาห้อยมันมาั้แ่เด็ก หลังจากที่ได้เป็ทหารจึงถอดเก็บไว้ แต่ทุกครั้งที่ทำภารกิจ เขาจะห้อยจี้น้ำเต้านี้ไว้กับตัวเสมอ มันเป็เหมือนส่วนหนึ่งของร่างกาย หากไม่ได้ห้อยไว้ ก็จะรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง เขาคว้าจี้น้ำเต้าไม้มาไว้เบื้องหน้า เหลือบมองอยู่ครู่หนึ่งอย่างอาลัยอาวรณ์ จี้น้ำเต้าไม้ที่โตมากับเขา... ตอนนี้เขาคงต้องห้อยมันลาจากโลกนี้ไป
จุนห่าวคิดย้อนกลับไปมากมาย ทว่าเพียงครู่หนึ่ง ศัตรูได้ล้อมเป็วงกลมเข้ามาหาเขา จุนห่าวมองไปที่ศัตรูที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เขาฝืนฉีกยิ้มที่มุมปาก พลางพูดอย่างไร้เสียงว่า “ลาก่อน...เพื่อนทหารที่รักของฉัน ลาก่อน...ประเทศที่รักของฉัน”
จุนห่าวเงยหน้าขึ้น พลางใช้ปากเปิดะเิมือที่ห้อยอยู่บนหน้าอก เมื่อศัตรูที่กำลังล้อมเข้ามาเห็นท่าทีของจุนห่าว ก็รีบถอยหนีในทันที แต่มันสายเกินไป ได้ยินเพียงเสียง “ปัง!” ดังกึกก้อง จุนห่าวและศัตรูที่ถอยหนีไม่ทันได้ถูกคร่าชีวิตไปพร้อมกัน
ณ เมืองอวี้หวา แผ่นดินชางหลาน
ตระกูลจุนเป็หนึ่งในห้าตระกูลใหญ่ของเมืองอวี้หวา
ณ จวนอันห่างไกลของตระกูลจุน ข้ารับใช้สองคนกำลังกระซิบกัน
ข้ารับใช้ที่มีใบหน้ากลมเอ่ยขึ้นว่า “นายน้อยสลบไปหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว เหตุใดยังไม่ฟื้นเลยล่ะ ไม่ใช่ว่านายน้อยจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกแล้วนะ”
ข้ารับใช้อีกคนรีบเอ่ยขึ้นว่า “อย่าพูดจาไร้สาระนะ! ปากเ้านี้กระไร นายน้อยเป็คนดี อีกเดี๋ยวก็คงฟื้นขึ้นมาแหละ”
ข้ารับใช้หน้ากลมกวาดสายตามองไปรอบ ๆ พบว่าไม่มีผู้ใดเลย เขาตีหน้าอกพลางคิดในใจว่า ใครจะมาในที่ห่างไกลเช่นนี้กัน! หลังจากที่นายน้อยถูกนำตัวกลับมาเมื่อวานนี้ ก็ไม่เห็นจะมีใครผ่านมาที่นี่เลยสักคน แม้กระทั่งหมอก็ไม่ได้เชิญมา เขามาอยู่จวนที่ห่างไกลเช่นนี้ ถึงจะไม่ได้ถูกทอดทิ้ง แต่ก็ไม่ต่างอะไรจากการถูกทอดทิ้งเลย
จุนห่าวนอนอยู่บนเตียง อ่อนแรงไปทั้งตัว เขาแข็งใจลุกขึ้นมานั่งพิงพนักพิงบนเตียง พลางมองสิ่งต่าง ๆ รอบตัวอย่างไม่รู้สึกคุ้นเคย เขาได้รับความทรงจำของร่างเดิมผ่านการผสานิญญา
หลังจากเหตุการณ์ะเิ เขาคิดว่าเขาตายไปแล้ว แต่... ไม่คาดคิดเลยว่าจะฟื้นขึ้นมาอยู่ในร่างนี้ ณ ตอนนั้นเขาตื่นตระหนกมาก เมื่อเขาฟื้นขึ้นมา ิญญาของร่างเดิมยังไม่แตกสลาย แต่อ่อนแอมาก กล่าวได้ว่า ตัวเขาไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ิญญาของเขาไม่สมบูรณ์และหมดหนทางที่จะกลับเข้าร่างมาได้แล้ว เขาหวังว่าจุนห่าวจะรวมกับิญญานี้ เพื่อให้เขายังมีชีวิตอยู่ได้ในอีกรูปแบบหนึ่ง ิญญาของจุนห่าวจึงข้ามเวลาแห่งห้วงมิติมา นอกจากจะไม่อ่อนแอแล้ว ยังแข็งแกร่งกว่าเดิมอีกด้วย จุนห่าวตอบรับคำขอของิญญาเ้าของร่างเดิม ิญญาของจุนห่าวกับร่างเดิมจึงประสานกันอย่างง่ายดาย มิหนำซ้ำยังยิ่งแข็งแกร่งขึ้น แม้จะผสานรวมิญญากับร่างเดิม แต่ทว่าิญญาใหม่นี้กลับมีจุนห่าวเป็หลัก จิตสำนึกของร่างเดิมได้สลายไปเหลือไว้เพียงความทรงจำเท่านั้น
จุนห่าวรับรู้ผ่านความทรงจำของร่างเดิมว่า ร่างนี้ก็มีนามว่าจุนห่าวเช่นกัน ปีนี้มีอายุ 16 ปี เป็บุตรชายคนที่สี่ของจุนอี้เจิน ผู้เป็บุตรชายคนรองของจุนเจิ้นเทียน ประมุขแห่งตระกูลจุน จุนอี้เจินมีอายุ 45 ปี เป็ผู้ฝึกปราณขั้นที่หก เขามีภรรยาเอกสามคนและอนุภรรยาอีกสองคน ภรรยาเอกมีบุตรสามคน บุตรชายคนโตมีนามว่า จุนอี้ ปีนี้อายุ 25 ปี กำลังศึกษาและแต่งงาน มีบุตรแล้ว บุตรคนรองเป็บุตรสาวนามว่า จุนเสวี่ย แต่งงานออกเรือนไปแล้ว บุตรคนสุดท้องของของจุนอี้เจินกับภรรยาเอกคนแรกมีอายุ 14 ปี เป็นายน้อยลำดับที่ห้า ส่วนภรรยารองให้กำเนิดบุตรชายสองคน คือ นายน้อยรอง จุนเช่อ อายุ 24 ปี และนายน้อยสาม จุนฟาน อายุ 18 ปี นายน้อยสี่ก็คือ จุนห่าว ซึ่งเกิดจากภรรยาลำดับที่ 3 อนุภรรยาลำดับที่ 4 มีเพียงบุตรสาวนามว่า จุนเซี๋ย อายุ 14 ปี และอนุภรรยาลำดับที่ 5 ให้กำเนิดซวงเอ๋อร์ [1] นามว่า จุนยู่ว ซึ่งปีนี้มีอายุครบ 8 ปี
ตระกูลจุนเป็ตระกูลใหญ่ที่มีหลายสิบคนอย่างที่โบราณกล่าวไว้ว่า คนเยอะเื่แยะ จุนเจิ้นเทียนมีบุตรชาย 3 คน บุตรซวงเอ๋อร์ 2 คน และบุตรสาวอีก 3 คน
ครั้นร่างเดิมอายุ 6 ขวบ เขาได้สอบวัดระดับสติปัญญาและพร์ด้านการบำเพ็ญเพียร เขามีห้ารากิญญา ซึ่งถือว่าเป็ระดับสติปัญญาและพร์ด้านการบำเพ็ญเพียรที่อ่อนด้อยที่สุด ประกอบกับชาติกำเนิดมารดาของร่างเดิมที่เป็เพียงสามัญชนทั่วไป ไม่ได้มาจากตระกูลที่แข็งแกร่ง อีกทั้งนางยังจากโลกนี้ไปั้แ่เขาอายุ 4 ขวบ การที่ไม่มีแม่คอยปกป้องดูแล ร่างเดิมจึงอยู่ในบ้านตระกูลจุนอย่างไม่ได้สุขสบายเท่าไหร่นัก
ร่างเดิมที่มีพร์ด้านการบำเพ็ญเพียรอ่อนด้อย เขาใช้เวลาถึง 10 ปี กว่าจะฝึกจนถึงขั้นที่หนึ่ง ตระกูลจุนมีคนจำนวนมากมายและมีลูกหลานที่โดดเด่นหลายคน ด้วยเหตุนี้ตระกูลจุนจึงไม่ปล่อยให้การบำเพ็ญเพียรอันล้ำค่าเสียชื่อไปกับคนอ่อนด้อยอย่างร่างเดิม เงินเดือนของร่างเดิมที่ได้รับจึงถูกหักครั้งแล้วครั้งเล่า จนเหลือเงินใช้ในแต่ละเดือนเพียงแค่สองตำลึงเงินเท่านั้น
ยามที่ร่างเดิมอยากบำเพ็ญเพียร ก็ต้องพึ่งพาแต่ตัวเอง เขามักจะเข้าไปในป่าหลานอูที่อยู่นอกเมือง เพื่อเก็บสมุนไพรและล่าสัตว์เพื่อมาใช้ในการฝึก
สาเหตุที่ร่างเดิมาเ็ในครั้งนี้ เป็เพราะเขาตกหลุมรักหลิวหว่าน... คุณหนูรองแห่งตระกูลหลิว หลิวหว่านมีหน้าตางดงาม อรกทั้งยังมีพร์ด้านการบำเพ็ญเพียรชั้นเลิศ และตระกูลหลิวยังเป็หนึ่งในห้าตระกูลหลักของเมืองอวี้หวา หญิงสาวที่เพียบพร้อมเช่นนี้หาได้สนใจไยดีคนไร้ค่าอย่างร่างเดิมไม่
ร่างเดิมไม่รับรู้ว่าปีศาจคืออะไร ทั้งร่างกายและจิตใจล้วนผูกไว้กับหลิวหว่าน เขาคอยตามเอาใจหลิวหว่าน ถึงขั้นยอมละทิ้งการบำเพ็ญเพียร ซึ่งการาเ็ในคราวนี้ เกิดขึ้นเพียงเพราะได้ยินว่าหลิวหว่าน้าเลื่อนขั้นด้วยยาวิเศษชนิดหนึ่ง ร่างเดิมจึงเข้าไปในป่าหลานอูเพื่อหายานั้นมาให้นาง ยาก็หาไม่พบ ซ้ำยังาเ็สาหัสจนต้องหนีตายออกจากป่าอีก
ในความทรงจำของร่างเดิม จู่ ๆ ร่างเดิมก็พบกับปีศาจที่สามารถโจมตีิญญาได้ เขาไม่เพียงแต่ไม่เห็นหน้าตาของปีศาจว่าเป็เช่นไรเท่านั้น แต่ยังถูกเสียงกรีดร้องของปีศาจทำให้าเ็สาหัส หลังจากหนีออกจากป่า เขาก็ถูกบรรดาลูกหลานตระกูลจุนที่ออกไปบำเพ็ญเพียรพากลับจวน
ในมุมของจุนห่าว ร่างเดิมชอบหลิวหว่านไม่ได้ผิดแต่อย่างใด ถ้าจะผิดก็ผิดที่ร่างเดิมนั้นหน้ามืดตามัว ไม่ยอมรับความจริง บนแผ่นดินที่ยกย่องผู้ที่มีพลังแข็งแกร่งเช่นนี้ หากไร้ซึ่งความสามารถ ก็จงอย่าไปไล่ตามคนที่ไม่มีวันมีใจเสน่ห์หาตอบ
ในสายตาของผู้อื่น ร่างเดิมอาจเป็แค่บุรุษที่หลงมัวเมา เพื่อความรักแล้วยอมละทิ้งได้แม้กระทั่งชีวิต ทว่าในสายตาของจุนห่าว ร่างเดิมเป็เพียงแค่สวะ ใน่เวลาที่ภรรยาของเขาตั้งครรภ์ เขากลับเสี่ยงชีวิตเพื่อสตรีอื่น แสดงถึงการไร้ซึ่งความรับผิดชอบ ในเมื่อไม่รัก...เหตุใดถึงแต่งงานด้วย
ครึ่งปีก่อน ร่างเดิมแต่งงานกับซวงเอ๋อร์ผู้หนึ่ง ซึ่งแต่งมาเป็ภรรยาเอกและได้สมสู่กับซวงเอ๋อร์ผู้นั้น จนตอนนี้เขาตั้งครรภ์ได้หกเดือนกว่าแล้ว ร่างเดิมไม่เพียงแต่ไม่รักไม่ชอบซวงเอ๋อร์ผู้นี้เท่านั้น แต่ดันพาลไม่ชอบบุตรในครรภ์ของเขาไปด้วย
[1] ซวงเอ๋อร์ คือ มีรูปลักษณ์ภายนอกเหมือนชาย แต่สามารถตั้งครรภ์ได้