ตอนนี้ห้าทุ่มกว่าแล้วอากาศหนาวขึ้นเรื่อย ๆ ผมเลยตัดสินใจที่จะกลับบ้าน แต่เมื่อผมเดินลงบันไดมาถึงชั้นหนึ่ง กำลังจะเลี้ยวไปยังทางออกทางทิศเหนือ ทันใดนั้นเธอก็วิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน และวิ่งผ่านผมขึ้นบันไดไป โดยที่ไม่ได้ยิ้ม หรือก้มหน้าทักทายกันเหมือนอย่างทุกครั้ง เธอคงรีบเพราะตอนนี้มันก็ดึกมากแล้ว ผมรู้สึกเป็ห่วงจึงเดินตามขึ้นไป เห็นเธอกำลังกดซื้อตั๋ว จากนั้นเธอก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งผ่านเข้าช่องเก็บตั๋วไป ผมเผลอยืนยิ้ม คงเพราะสุดท้ายแล้ว วันนี้ผมก็ได้เจอเธอจนได้ แม้ว่าเธอจะไม่เห็นผมก็ตาม ผมเดินกลับบ้านอย่างสบายใจ ที่ผมสังหรณ์ใจแปลก ๆ แล้วทำให้ไม่รีบพาตัวเองกลับบ้านสักที คือสิ่งนี้สินะ...
ใช้เวลาไม่นานผมก็มาถึงบ้าน ผมเช่าอพาร์ทเม้นท์อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ เป็อาคารสิบชั้น ห้องของผมอยู่ชั้นบนสุด ขนาดห้อง 40.61 ตารางเมตร เป็ห้องเรียบง่าย และเป็สัดส่วน เน้นการใช้สอยพื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไป จะมีพื้นที่เล็ก ๆ สำหรับถอดใส่รองเท้า ด้านขวาจะเป็ตู้เก็บรองเท้า และของใช้อื่น ๆ ด้านซ้ายจะเป็ห้องส้วมเล็ก ๆ ที่มีโถสุขภัณฑ์หนึ่งตัวเท่านั้น แต่เพียงพอกับการใช้งาน ด้านหน้าจะเป็ประตูอีกบานที่เปิดเข้าสู่ห้องนั่งเล่น ซึ่งด้านขวาของห้องจะเป็ครัวเปิด มีเคาน์เตอร์สีขาว มีซิงก์ล้างจานขนาดเล็ก และพื้นที่สำหรับวางอุปกรณ์ทำครัว ้ามีตู้เก็บของแบบแขวนผนัง ดูเป็สัดส่วน และเรียบร้อยดี พื้นห้องนั่งเล่นปูด้วยไม้ลามิเนตสีอ่อน ผนังสีขาว ด้านหน้าสุดเป็ประตูกระจกแบบบานเลื่อน เปิดออกไปเป็ระเบียงขนาดเล็กแต่สามารถออกไปยืนชมวิวได้ ด้านซ้ายของห้องเป็ประตูแบบบานเลื่อนไปสู่ห้องนอน ห้องนี้มีขนาดเล็กกว่า พื้นห้องและผนังเหมือนห้องนั่งเล่น มีเตียงนอนอยู่กลางห้อง มีหน้าต่างอยู่ด้านเดียวกับระเบียง ด้านซ้ายเป็ตู้เสื้อผ้าที่มีประตูบานเลื่อน ด้านข้างของตู้เป็ประตูอีกบานสู่ห้องเล็ก ๆ ห้องนี้ด้านหน้าจะเป็อ่างล้างหน้า และกระจกเงา ด้านซ้ายมีพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้า ถัดไปเป็ประตูห้องอาบน้ำ ที่มีขนาดกะทัดรัดแต่จัดสรรพื้นที่อย่างลงตัว มีอ่างอาบน้ำสีขาวอยู่ด้านในสุด มีฝักบัวอยู่เหนืออ่าง ด้านซ้ายมีกระจกเงาขนาดใหญ่ และชั้นวางของติดผนัง
ในห้องนั่งเล่น ผมเห็นเ้ากรณ์กำลังนั่งเล่นมือถืออยู่บนโซฟาสีเทาอ่อน ขาพาดอยู่บนโต๊ะกลางที่ทำจากไม้ เ้ากรณ์เป็ลูกชายของคุณอาปรีชาที่เป็ทั้งเพื่อน และทนายส่วนตัวของพ่อผม เราสองคนอายุเท่ากันจึงเป็เพื่อนเล่นกันมาั้แ่เด็ก เรียนโรงเรียนเดียวกันตลอดจนถึงมหาวิทยาลัย มันจึงเป็เพื่อนที่สนิทที่สุดของผม ตอนนี้มันช่วยผมดูแลงานโรงแรม และเป็หุ้นส่วนร้านอาหารกับผมด้วย แล้วก็ยังเช่าอพาร์ทเม้นอยู่ติดกันกับผม ต้องยอมรับว่าผมสลัดมันออกจากชีวิตของผมไม่ได้สักที
เ้ากรณ์มีรูปร่างสูงพอ ๆ กับผม แต่กำยำกหน่อย ๆ ดูแข็งแรงและคล่องแคล่ว ใบหน้าเหลี่ยมเล็กน้อย ดูคมคาย ดวงตาเป็ประกาย จมูกไม่โด่งมากนัก แต่ได้สัดส่วนกับใบหน้า ปากยิ้มกว้าง และมันชอบเซตผมเป็ทรงที่ดูดี แต่ก็ไม่มากจนเกินไป เ้ากรณ์เป็คนอัธยาศัยดี พูดเก่ง ทำงานเก่ง เป็คนตลก มีความเป็มิตร และรักเพื่อน
“ยังไม่กลับไปห้องตัวเองอีกเหรอ” ผมทักเ้ากรณ์
“ชั้นรอปลอบใจแกไง วันนี้คงไม่ได้เจอน้องคนนั้นสินะ” มันตอบ
ผมยิ้มเล็กน้อย “ใครบอก ได้เจอว่ะ”
“จริงอะ ได้ไงวะเพื่อน ชั้นนึกว่าวันนี้แกจะไม่ได้เจอกับน้องเค้าซะอีก”
“ตอนแรกชั้นก็คิดแบบนั้น แต่ตอนจะกลับบ้านน่ะ” ผมเปิดตู้เย็นเอาน้ำเปล่ามาดื่ม
“แล้วไงต่อวะ” เ้ากรณ์มีอาการอยากรู้มาก ๆ
“พอชั้นกำลังเดินถึงทางออกสถานี น้องเค้าก็วิ่งเข้ามาในสถานีน่ะสิ”
“แล้วไงต่อ” มันคะยั้นคะยอ
ผมดื่มน้ำอีกรอบก่อนตอบ “น้องเค้าก็วิ่งผ่านชั้นไปเลย น่าจะรีบเพราะมันก็ ห้าทุ่มกว่าแล้ว คงกลัวว่าจะไปถึงปลายทางดึกเกินไป”
“มิน่าถึงแกถึงดูอารมณ์ดี” เ้ากรณ์แซว แล้วมันก็ตั้งคำถามที่สำคัญมาก ๆ ขึ้นมา “แล้วเมื่อไหร่แกจะเข้าไปทักไปคุยกับน้องเค้าวะ”
“ยังไม่รู้เหมือนกัน” ผมตอบ
“ระวังนะเพื่อน แกได้เจอน้องเค้าทุกอาทิตย์ก็จริง แต่แกไม่มีทางรู้ได้หรอกนะว่า อาทิตย์ไหนจะเป็ครั้งสุดท้ายที่แกจะได้เจอกับน้องเค้า” มันเตือนสติผม
“ชั้นรู้แล้ว จริง ๆ แล้วชั้นก็คิดมาตลอดทางที่กลับมาจากโตเกียวนะ ว่าถ้าวันนี้ชั้นได้เจอกับน้องเค้า ชั้นจะเข้าไปทักทายทำความรู้จักกันไว้ แต่ก็อย่างที่แกรู้ วันนี้จังหวะมันไม่ได้เลย” ผมอธิบาย
“เออ ๆ นานแล้วที่ไม่เห็นแกชอบใครสักที อยู่ดี ๆ ก็มีน้องคนนี้ขึ้นมา ชั้นก็เลยไม่อยากให้แกพลาด” เ้ากรณ์บอกความรู้สึก “แล้วแกคิดว่าน้องเค้ามาทำอะไรที่นี่วะ มาทุกวันอาทิตย์ หรืออาจจะมาวันอื่นด้วย แต่กลับวันอาทิตย์ เพราะแกก็ไปรอน้องเค้าแค่่เย็น เลยได้เจอแต่วันที่น้องเค้ากลับรึเปล่า”
“ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ที่แน่ ๆ ไม่น่าจะมาเที่ยว” ผมแสดงความคิดเห็น
“แกบอกว่าน้องเค้าน่าจะเป็คนไทย ถ้าไม่ได้มาเที่ยว ก็แสดงว่าน่าจะมาทำงาน หรือไม่ก็มาเรียน แล้วก็มีความจำเป็ที่จะต้องมาย่านนี้ทุกอาทิตย์สินะ” มันวิเคราะห์ต่อ
“เอาเป็ว่า เดี๋ยวอาทิตย์หน้าชั้นจะถามน้องเค้าให้นะ แต่ตอนนี้แกกลับห้องตัวเองไปได้แล้ว ชั้นจะอาบน้ำนอนแล้ว พรุ่งนี้ค่อยเจอกัน” ผมไล่เ้ากรณ์กลับห้อง
“โอเค งั้นชั้นไม่กวนละ ขอให้ได้ทำอย่างที่ตั้งใจนะเพื่อน”
“ขอบใจ”
“เอ่อ พี่โชคบอกว่ามีเมนูใหม่ อยากให้แกกับชั้นไปชิมที่ร้านพรุ่งนี้นะ”
“ได้ ๆ พรุ่งนี้เช้าเรียกชั้นด้วยจะได้ออกไปพร้อมกัน”
“โอเคเพื่อน รับทราบ” เ้ากรณ์ตอบก่อนที่จะปิดประตูห้อง
ผมใช้เวลาไม่เกินห้านาทีก็อาบน้ำเสร็จ จากนั้นก็ออกไปยืนที่ระเบียง เหม่อมองออกไปในความมืด ที่ยังพอมีแสงไฟอยู่บ้างของสวนสาธารณะที่อยู่ข้างล่าง ผมนึกถึงคำพูดของเ้ากรณ์ แกไม่มีทางรู้ได้หรอกนะว่า อาทิตย์ไหนจะเป็ครั้งสุดท้ายที่แกจะได้เจอกับน้องเค้า มันพูดถูกที่สุด ผมยอมรับว่าตอนแรกที่อยากเจอ อยากรู้จักกับเธอคนนั้น ก็เพื่ออยากรู้ว่าความรู้สึกของผมในตอนนั้น มันคืออะไร แต่ทุกครั้งที่ผมได้เจอเธอ นอกจากจะยังไม่ได้คำตอบแล้ว กลับทำให้ผมรู้สึกว่าอยากเจอเธอมากขึ้นทุกครั้ง ทุก ๆ วันผมเฝ้ารอเวลา ที่จะไปยืนที่สถานีรถไฟ เพียงเพื่อเห็นเธอเดินขึ้นบันได แล้วเลี้ยวซ้ายเดินมาทางผม จากนั้นก็ยิ้ม และก้มหัวทักทายผม แล้วก็เดินผ่านผมไป มันเป็่เวลากับความรู้สึก ที่หายไปจากผมหลายปีมากแล้ว
ดังนั้นผมจึงบอกกับตัวเองอย่างจริงจัง ว่าครั้งหน้าที่เจอกัน ผมจะต้องเข้าไปทักทาย และพูดคุยกับเธอให้ได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้