ณ ูเาลั่วเยวี่ยแห่งแคว้นจินหลาน
เมื่อหลัวเลี่ยเดินออกมาจากตราหยกเชื่อมิญญาแล้ว เขาก็เห็นแพนด้าน้อยปั้นที่กำลังหลับอยู่ พลังที่ครอบงำตราหยกเชื่อมิญญาได้สลายไปแล้ว ตรงกันข้าม บนตราหยกเชื่อมิญญากลับมีดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ูเา และแม่น้ำ และมีร่างจางๆ ของอีกาสามขาสีทองบินอยู่บนนั้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตราหยกเชื่อมิญญานี้ได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก
นอกจากนี้เขายังร่ายมนตร์แห่ง์ใส่เข้าไปอีกด้วย
ความพิเศษภายนอกทั้งหมดของตราหยกเชื่อมิญญาหายไป และกลายเป็รูปลักษณ์ที่ธรรมดาแล้ว
ตอนนี้ตัวตนของหลัวเลี่ยในฐานะ ‘ผู้มีัอยู่ในเป้า’ ได้ถูกซ่อนไว้อย่างแท้จริงแล้ว
หลัวเลี่ยนำแพนด้าน้อยปั้นใส่ลงในแหวนปีศาจ และนำตรายกเชื่อมิญญาใส่ลงในกระเป๋าเฉียนคุณ เมื่อเขาทำทุกอย่างเสร็จแล้ว เขาก็เดินออกจากูเาลั่วเยวี่ย
เมื่อหลัวเลี่ยยืนอยู่บนยอดเขาลั่วเยวี่ย และมองไปทางเมืองหลวงของแคว้นจินหลาน เขาก็สังเกตเห็นว่ามีคนจำนวนมากเข้ามาใกลู้เาลั่วเยวี่ยแห่งนี้ พวกเขาบางคนกำลังจ้องมาที่หลัวเลี่ยอย่างเปิดเผย และบางคนก็กำลังแอบมองหลัวเลี่ย เพราะมีคนกระจายข่าวออกไปว่าเขาเสียชีวิตแล้ว
แม้ว่าตัวตนของหลัวเลี่ยในภพจิตัจะทำให้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นครั้งใหญ่ และยังมีความเป็วีรบุรุษช่วยเหลือผู้อื่นจนได้รับการยอมรับจากเทพ
แต่การเคลื่อนไหวที่เกิดจากตัวตนที่แท้จริงของเขานั้นก็ไม่ใช่เื่เล็กเช่นกัน
การที่เขาสามารถเรียนรู้เคล็ดวิชามหาหลุนิได้สำเร็จภายในหนึ่งเดือน ก็สร้างความตกตะลึงอย่างใหญ่หลวงพอๆ กับเหตุการณ์ในภพจิตั กองกำลังที่ทรงพลังมากมายต่างแย่งชิงตัวหลัวเลี่ย และในท้ายที่สุดหลัวเลี่ยก็เลือกตระกูลข่งของข่งเซวียน ซึ่งการตัดสินใจในครั้งนี้ของเขายังคงเป็ความลับ
แม้แต่คนในตระกูลข่งก็มีไม่กี่คนที่รู้ความลับนี้ ข่งไท่โต้วซึ่งเป็ผู้ที่ดำรงตำแหน่งผู้นำตระกูลข่งคนปัจจุบันบอกกับหลัวเลี่ยว่า คนที่รับรู้ว่าเขาได้เข้าร่วมกับตระกูลข่งมีไม่ถึงสิบคนเท่านั้น และคนที่รู้ส่วนใหญ่จะเป็คนในตระกูลข่งที่มีพลังอยู่ในระดับบรรพชน ซึ่งเื่นี้แม้แต่ปรมาจารย์บางคนในตระกูลก็ยังไม่รู้เื่ด้วยซ้ำ
เมื่อเื่นี้ยังคงเป็ความลับ จึงทำให้กองกำลังที่ทรงพลังอื่นๆ ยังไม่ถอดใจยอมแพ้ที่จะเชิญหลัวเลี่ยให้เข้าร่วมกับพวกเขา
ดังนั้นเมื่อมีข่าวออกไปว่าหลัวเลี่ยออกมาจากูเาแล้ว กองกำลังทั้งหลายจึงรีบเดินทางมาหาหลัวเลี่ยทันที
และหลัวเลี่ยก็ทำเพียงแค่เดินผ่านพวกเขาออกไปเฉยๆ
เขาไม่้าเข้าไปพัวพันกับคนเหล่านี้อีก หากเขายังเกี่ยวข้องกับคนเหล่านี้ มันก็อาจทำให้เกิดปัญหาขึ้นมาได้ เพราะตอนนี้เป้าหมายหลักของเขาคือเคล็ดวิชาจักรพรรดิฟ้าแดนประจิมเท่านั้น
แม้ว่าเย่เิหลงรับปากว่าจะช่วยเขา แต่ก็ไม่มีอะไรที่จะสามารถรับประกันได้ว่านางจะทำได้สำเร็จ
หลัวเลี่ยคิดว่าตอนนี้พลังของเขาที่อยู่ในระดับผู้ฝึกตนระดับที่สิบนั้น ถือได้ว่าอยู่ไม่ไกลจากการเข้าสู่ระดับหยินหยางแล้ว เขาไม่อาจรอช้าได้อีก และแน่นอนว่าเขาก็ไม่อาจฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่ผู้อื่นด้วยเช่นกัน
ดังนั้นเมื่อเยี่ยนอวิ๋นหวู่ เสวี่ยปิงหนิง และซูชิวเชิงมารับเขา พวกเขาจึงนั่งรถม้าไล่ตามดวงจันทร์ออกจากแคว้นจินหลาน และออกเดินทางไปยังแคว้นเหยียนหลง
ที่แคว้นเหยียนหลงมีตระกูลอยู่ตระกูลหนึ่งที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงมาก ตระกูลนั้นก็คือตระกูลอู!
เหตุผลที่ตระกูลอูมีชื่อเสียงไม่ใช่เพราะพวกเขาแข็งแกร่ง แม้ว่าแคว้นเหยียนหลงจะเป็ที่รู้จักกันในนามแคว้นที่แข็งแกร่งที่สุดจากร้อยแคว้นทางเหนือ ซึ่งหมายความว่าสถานะของแคว้นเหยียนหลงย่อมเหนือกว่าแคว้นจินหลานมากนัก แต่ตระกูลอูที่เป็หนึ่งในห้าตระกูลใหญ่จากแคว้นเหยียนหลงนั้น ไม่ได้แข็งแกร่งในระดับแนวหน้าของดินแดนเหยียนหวงเลยสักนิด
เหตุผลที่พวกเขามีชื่อเสียง เพราะตระกูลอูสามารถปลุกสายเืแห่งจักรพรรดิแดนประจิมขึ้นมาได้
ฉะนั้นจึงเป็ไปได้ว่าตระกูลอูอาจจะเคล็ดวิชาจักรพรรดิฟ้าแดนประจิมอยู่
ดังนั้นเป้าหมายของหลัวเลี่ยในครั้งนี้ ก็คือตระกูลอูแห่งแคว้นเหยียนหลง
ตอนที่หลัวเลี่ยเริ่มออกเดินทาง เขาได้แอบส่งข่าวไปถึงข่งไท่โต้วว่า พลังวรยุทธ์ของเขาในตอนนี้ใกล้จะเปลี่ยนผ่านไปยังระดับหยินหยางแล้ว และเขาก็้าเคล็ดวิชาจักรพรรดิฟ้าแดนประจิม เมื่อข่งไท่โต้วรับรู้เื่นี้ เขาก็ตอบกลับหลัวเลี่ยว่า ตนเองสัญญาว่าจะช่วยหลัวเลี่ยตามหาเคล็ดวิชาจักรพรรดิฟ้าแดนประจิมอย่างสุดความสามารถ และนำมันมาให้ได้ภายในสองเดือน
รถม้าไล่ตามดวงจันทร์นั้นวิ่งเร็วมาก หลังจากผ่านไปเจ็ดวัน พวกเขาก็เดินทางมาถึงเขตชายแดนของแคว้นเหยียนหลงแล้ว
เมื่อพวกเขาออกจากชายแดนของแคว้นจินหลานมาแล้ว ทันใดนั้นก็มีคนที่ขี่อินทรีลมลอยลงมาจากบนท้องฟ้า และหยุดลงขวางทางเดินรถของพวกเขา
ผู้ที่นั่งอยู่บนอินทรีลมค่อยๆ ะโลงมาทีละคน จนครบสี่คน
พวกเขาคือซือสิ่งหลง เฉิงปู้กุย หูหยางอี และหูหยินอี พวกเขาเป็คนสนิทขององค์ชายสามและองค์ชายเก้าแห่งแคว้นจินหลาน ต่อมาองค์ชายทั้งสองก็สั่งให้พวกเขาโจมตีหลัวเลี่ยในการประลองยุวราชันโดยไม่คำนึงถึงหลักคุณธรรม แต่พวกเขาทั้งสี่คนกลับไม่ทำตาม สุดท้ายเมื่อหลัวเลี่ยชนะการประลอง เขาจึงขอให้ทั้งสี่คนได้เข้าไปฝึกฝนวรยุทธ์ที่ถ้ำลับในเมืองจินหลาน
หลังจากนั้นหลัวเลี่ยก็เข้าสู่ภพจิตั ในขณะที่ทั้งสี่คนก็เข้าไปฝึกฝนวรยุทธ์ในถ้ำ ดังนั้นนับจากการประลองยุวราชันจบลง พวกเขาก็ไม่ได้พบหน้ากันอีกเลย
“พวกเ้าสี่คนมาที่นี่ด้วยความรีบร้อนเช่นนี้ มีเื่อะไรหรือ”
หลัวเลี่ยก้าวออกจากรถม้าไล่ตามดวงจันทร์ แม้ว่าอินทรีลมจะเร็ว แต่ความเร็วของมันก็ยังไม่สามารถไล่ตามรถม้าไล่ตามดวงจันทร์ได้ หลัวเลี่ยมองไปที่ใบหน้าขาวซีดของเฉิงปู้กุยและหูหยางอี ซึ่งเป็สิ่งที่แสดงให้เห็นว่าทั้งสองใช้พลังหมดไปมากเพียงใดในการบังคับอินทรีลม
“เรามาที่นี่เพื่อบอกให้พี่หลัวรีบไป และทางที่ดีให้แอบออกไปจะดีที่สุด” ซือสิ่งหลงมีสีหน้าวิตกกังวล “ไม่นานมานี้ พวกเราเพิ่งได้ข่าวว่าองค์ชายสาม องค์ชายเก้า และคนอื่นๆ แน่ใจแล้วว่าพี่หลัวไม่ได้เข้าร่วมกับกองกำลังที่ทรงพลัง นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่าพี่หลัวถูกกองกำลังที่ทรงพลังปฏิเสธอีกด้วย ดังนั้นพวกเขาจึง้าสังหารพี่หลัวเพื่อแก้แค้น ตอนนี้องค์ชายสาม องค์ชายเก้า และแม้แต่ศัตรูเก่าของพี่หลัวอย่างกองกำลังอินทรีดำของชงโหวหู่ และนักดาบทั้งเจ็ดจากตระกูลเลี่ย ก็ยังรีบตามหาพี่หลัวเพื่อที่จะสังหารอีกด้วย”
เื่ที่หลัวเลี่ยเข้าร่วมกับตระกูลข่งนั้นเป็ความลับมาก และมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เื่นี้ ดังนั้นเมื่อตอนที่เขาออกมาจากูเาลั่วเยวี่ย และเลือกที่จะเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรออกมา จึงทำให้ทุกคนสงสัยและเข้าใจว่า เขาถูกกองกำลังที่ทรงพลังปฏิเสธไม่ให้เข้าร่วมด้วย
เมื่อทุกคนเข้าใจเช่นนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่ศัตรูของหลัวเลี่ยจะพากันมาแก้แค้นเขา
และการกระทำของพวกซือสิ่งหลงก็ทำให้หลัวเลี่ยถอนหายใจออกมา
แม้ว่าในตอนแรกพวกเขาจะเป็ศัตรูกัน แต่ภายหลังพวกซือสิ่งหลงก็ไม่ได้ทำร้ายหลัวเลี่ย นอกจากนี้พวกเขาทั้งสี่ยังมาเตือนหลัวเลี่ยอีกด้วย สิ่งนี้ทำให้หลัวเลี่ยชื่นชมพวกเขามาก
“ขอบคุณทั้งสี่คน” หลัวเลี่ยคำนับพวกเขาด้วยความจริงใจ
“พี่หลัวอย่าได้เกรงใจกันเลย ถ้าไม่ใช่เพราะท่าน พวกเราทั้งสี่คนคงไม่ได้ไปฝึกฝนที่ถ้ำลับของแคว้นจินหลาน เื่นี้เป็สิ่งที่พวกเราควรทำเพื่อตอบแทนท่านแล้ว” ซือสิ่งหลงรีบหลีกเลี่ยงการคำนับจากหลัวเลี่ย
หลัวเลี่ยกล่าวว่า “เ้ามาบอกเื่นี้กับข้า เ้าไม่กลัวว่าจะถูกองค์ชายสามและคนอื่นๆ รู้หรือ”
พวกซือสิ่งหลงมองหน้ากันและยิ้มออกมา
ซือสิ่งหลงเอ่ยออกมาว่า “ข้าจะพูดโดยไม่ปิดบังพี่หลัว การกระทำของพวกเราทั้งสี่คนในการประลองยุวราชันแห่งสิบแคว้นทำให้องค์ชายทั้งสองโกรธมาก แต่พวกเขาก็ยังจำเป็ต้องพึ่งพาตระกูลของพวกเราในการชิงบัลลังก์าา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ทำอะไรพวกเรา แต่เหตุการณ์นี้ก็ได้ตัดอนาคตของพวกเราในแคว้นจินหลานไปแล้ว ดังนั้นเราทั้งสี่จึงตัดสินใจเปลี่ยนชื่อและแซ่ แล้วย้ายไปอยู่ที่อื่นอย่างสันโดษ เพื่อตั้งใจและมุ่งมั่นฝึกฝนวรยุทธ์ โดยไม่แสวงหาอำนาจและผลประโยชน์อีก และหวังว่าสักวันหนึ่งพวกเราจะประสบผลสำเร็จในการฝึกฝนวรยุทธ์”
“โอ้!” เมื่อหลัวเลี่ยได้ยินเช่นนั้นเขาก็ดีใจ “หากพวกเ้าได้ละทิ้งชื่อเสียงและเกียรติยศเพื่อมุ่งมั่นในการฝึกฝนวรยุทธ์แล้ว ข้าเชื่อว่าพวกเ้าทั้งสี่จะประสบความสำเร็จในพลังวรยุทธ์ดังที่หวังไว้อย่างแน่นอน”
“ขอบคุณสำหรับคำอวยพรของพี่หลัว” ซือสิ่งหลงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเ้าทั้งสี่คนกำลังจะไปที่ไหน และเปลี่ยนชื่อแซ่ว่าอะไรบ้าง ดังนั้นข้าขอทราบชื่อแซ่ใหม่ของพวกเ้าได้หรือไม่ เผื่อภายหน้าพวกเราได้พบกันอีก” หลัวเลี่ยถาม
ซือสิ่งหลงกล่าวว่า “พวกเราทั้งสี่ ต่อจากนี้สาบานจะร่วมเป็ร่วมตายกัน ดังนั้นพวกเราจึงใช้แซ่เดียวกัน ข้ามีนามว่า โม่หลี่ชิง”
เฉิงปู้กุยกล่าวว่า “ข้ามีนามว่า โม่หลี่ไห่”
หูหยางอีกล่าวว่า “ข้ามีนามว่า โม่หลี่หง”
หูหยินอีกล่าวว่า “ข้ามีนามว่า โม่หลี่โชว”
“อืม?”
หลัวเลี่ยรู้สึกมึนงงเล็กน้อย “ที่ที่พวกเ้าจะไปคือเทือกเขาคันธาระหรือ”
“พี่หลัวก็เดาได้หรือว่าพวกเรากำลังจะไปที่ไหน? ฮ่าๆๆ เพื่อนเก่าของท่านปู่ของข้าอยู่ที่เทือกเขาคันธาระ พวกเราทั้งสี่คนจึงวางแผนที่จะไปที่นั่นเพื่อฝึกฝนกับท่านผู้เฒ่าคนนั้น” ซือสิ่งหลงพูด “นอกจากนี้การที่พวกเราได้รับของมากมายจากการไปฝึกฝนในถ้ำลับของแคว้นจินหลาน ก็เป็เพราะพวกเราได้รับคำแนะนำจากท่านผู้เฒ่า”
หลังพูดจบประโยคทั้งสี่คนก็แสดงสิ่งของที่พวกเขาได้รับมา
สิ่งของเหล่านี้แบ่งเป็ดาบชิงเฟิง พู่กันเวทผีผา พู่กันร่มวิเศษไข่มุกฮุนหยวน และขนจิ้งจอกสีม่วงทอง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้