แผ่นหลังของมู่อี๋เสวี่ยมีรอยช้ำและรอยแผลเป็ มันดูน่ากลัวเป็อย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่เสริมเติมแต่งอยู่บนใบหน้าของนางก็ยังไม่อาจมองได้
ดวงตาของนางว่างเปล่าไร้แสง ดวงตาของนางดูไร้สติ มือที่สั่นเทาคู่หนึ่งปกป้องของของตนเอาไว้ด้วยสัญชาตญาณ สิ่งที่รอนางอยู่คือนรกที่ไม่มีที่สิ้นสุด...
ในทางกลับกัน เมื่อมองไปที่มู่จื่อหลิงและคนอื่นๆ
หลงเซี่ยวอวี่เอนกายไปด้านข้าง เขาไม่สนใจที่จะรับรู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นที่ตรงนั้น ความสนใจของเขาอยู่ที่มู่จื่อหลิงทั้งหมด
แต่มู่จื่อหลิงกลับมีความอยากรู้อยากเห็นเป็อย่างมาก ยามนี้หลงเซี่ยวอวี่กำลังหันมองไปรอบๆ แต่ไม่ว่านางจะทำอย่างไรก็ยังมองไม่เห็น ทั้งยังถูกเขาโอบอุ้มอีกครั้งและไม่สามารถลงได้
ดังนั้นนางจึงเงยหน้าขึ้นมองหลงเซี่ยวอวี่ “วางข้าลง ข้าอยากเห็น”
“มองไปก็เสียสายตา ไม่ให้มอง” หลงเซี่ยวอวี่ขมวดคิ้วและเดินไปที่รถม้าโดยไม่รอช้า
ศีรษะของมู่จื่อหลิงเต็มไปด้วยเส้นสีดำ [1] และนางก็พูดไม่ออก
ฉีอ๋องท่านไม่เคยเห็นมันมาก่อน ท่านรู้ได้อย่างไรว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ณ ที่ตรงนั้น?
เป็ไปไม่ได้ที่จะต่อต้านหรือเจรจากับมารร้ายทรงอำนาจผู้นี้ได้
โดยไม่มีทางเลือกใดๆ ก่อนที่จะถูกพาขึ้นรถม้า มู่จื่อหลิงจึงรีบยกแขนขึ้นโอบรอบคอขาวของหลงเซี่ยวอวี่ แล้วปีนไปตามร่างผอมเพรียวของเขา ก่อนจะวางคางของตนลงบนไหล่กว้างของเขา
หลงเซี่ยวอวี่หยุดฝีเท้าของตนลง และ ณ จุดนี้เขาตกตะลึงเป็อย่างมาก
ดวงตาของเขาสั่นไหว ทั้งยังเป็ประกายวาววับ เขาไม่นึกเลยว่าจู่ๆ มู่จื่อหลิงจะ...กอดเขาแน่น ไม่ว่านางจะกอดเขาด้วยเหตุผลใดก็ตาม
นางกอดแน่นมาก แม้กระทั่งสวมผ้าหลายชั้นหลงเซี่ยวอวี่ก็ยังสามารถััอุณหภูมิในร่างกายของนางได้อย่างชัดเจน...
เขาหันไปมองนาง และบังเอิญชนเข้ากับแก้มสีชมพูนุ่มนิ่มของนางอย่างพอดิบพอดี
กลิ่นหอมที่ทั้งสดชื่นและสูงส่งบนร่างกายของนางอุดรูจมูกของเขา เข้าห่อหุ้มเติมเต็มหัวใจของเขาทันที
หลงเซี่ยวอวี่ยกริมฝีปากของเขาเล็กน้อย ใช้โอกาสนี้ลอบสูดดมกลิ่นกายนาง
เห็นได้ชัดว่ามู่จื่อหลิงเป็ฝ่ายเข้าใกล้ชิดก่อน และฉีอ๋องได้แสดงให้เห็นว่ามันมีประโยชน์มากเพียงใด
สำหรับคนที่กำลังถูกหลอกกินเต้าหู้ [2] เห็นได้ชัดว่ามู่จื่อหลิงไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะรับรู้ถึงมันเลย นางไม่สังเกตเห็นแม้แต่น้อย
กลิ่นดอกเหมยเย็นซึ่งเป็กลิ่นเฉพาะตัวของเขา นางเองก็ยังอดไม่ได้ที่จะสูดดม
มู่จื่อหลิงเมินเฉยต่อองค์หญิงอันหย่าที่กำลังเดินตรงมาทางพวกเขา ทั้งยังไม่สนใจสายตามืดมนและเ็าขององค์หญิงอันหย่า นางดูสงบนิ่ง และจ้องมองการเคลื่อนไหวของมู่อี๋เสวี่ยด้วยความสนใจ
แม้ว่ามู่อี๋เสวี่ยจะถูกทหารคุ้มตัวไว้อย่างแ่า จนนางไม่อาจมองเห็นได้เลยแม้แต่น้อย
แต่เพียงแค่ฟังเสียงที่ไม่น่าพึงประสงค์เ่าั้ ก็จินตนาการได้ไม่ยากว่ามีภาพที่น่ากลัวมากเพียงใดอยู่ในนั้น
กระทำการเช่นนี้ที่หน้าประตูวัง เป็เื่ที่อุกฉกรรจ์ ทั้งยังผิดศีลธรรม หากมันลามไปถึงในวังหลวง มันจะเป็ความวุ่นวายที่ไม่อาจลบล้างได้
แต่ที่มู่จื่อหลิงแสดงออกว่านางไม่กลัวสิ่งใดนั้นเป็เพราะในยามนี้มีฉีอ๋องยืนอยู่ที่นี่
แม้ว่าแซ่ของมู่อี๋เสวี่ยยังคงเป็แซ่มู่ และยังเป็คนของตระกูลมู่ การทำเช่นนี้ จึงดูเหมือนว่านางกำลังทำลายตระกูลของนางเอง
แต่ยามนี้บิดานางสนใจเพียงเื่ที่เกี่ยวกับมารดาของนาง คนในตระกูลจะทำสิ่งใดนั้น นางเชื่อว่าบิดาของนางไม่มีเวลามาสนใจ
นอกจากนี้ ในยามนี้ทั้งตระกูลมู่ มีเพียงมู่อี๋เสวี่ยและไป๋ซู่ซู่ผู้เป็มารดาของนางเท่านั้น การที่จะต้องเสียหน้าจึงเป็เพียงเื่ของพวกนาง
เนื่องจากมู่อี๋เสวี่ย้ายั่วยวนผู้ชายด้วยวิธีเช่นนั้น นางจึงต้องชดใช้สำหรับการกระทำนี้
การเยาะเย้ยปรากฏขึ้นที่มุมปากของมู่จื่อหลิง มู่อี๋เสวี่ย เ้าจงเพลิดเพลินกับสิ่งที่พี่สาวผู้นี้มอบให้เ้าเสียเถิด
แต่สิ่งที่มอบให้ด้วยความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่นี้ไม่ได้ใจกว้างเกินไป แค่ทำให้คนเ่าั้มี่เวลาที่ดีผ่านมือของตนเท่านั้น ไม่ได้ทำให้นางเสียความบริสุทธิ์อย่างแท้จริง
นอกจากนี้ นางยังสามารถควบคุมฤทธิ์ของหญ้าหมีหุนเซียงได้เป็อย่างดี มันไม่รุนแรงเลย และมันก็เพียงพอแล้วที่จะแก้ปัญหาด้วยมือหลายสิบคู่ ดังนั้นไม่ว่าจะกล่าวอย่างไรก็ยังถือได้ว่านางมีเมตตา
มู่จื่อหลิงมีรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้าของนางอยู่เสมอ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความสนใจ
ฉีอ๋องได้ฟื้นคืนสติกลับมาแล้ว เขาเห็นว่าผู้หญิงตัวเล็กในอ้อมแขนของตนกำลังมองผู้อื่นด้วยความสนใจ
หญิงโง่ผู้นี้รบกวนจิตใจเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่นางกลับมองผู้อื่น มันทำให้เขาไม่มีความสุขเป็อย่างมาก
ก่อนที่มู่จื่อหลิงจะได้มองจนพอใจ หลงเซี่ยวอวี่ก็ได้อุ้มนางไปที่รถม้าคันใหญ่แล้ว
จากนั้นเขาก็เหวี่ยงมู่จื่อหลิงลงบนเบาะนั่งตัวนุ่มอย่างแรง
แม้ว่าจะถูกโยนลงไป แต่การเคลื่อนไหวนั้นแม่นยำมากจนมู่จื่อหลิงไม่ชนเข้ากับสิ่งใดเลย
แม้จะไม่ได้กระแทกจนได้รับความกระทบกระเทือน แต่จู่ๆ ก็ถูกโยนลงบนเบาะนุ่ม ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจทำให้คนมีความสุขได้จริงไหม?
ดังนั้น มู่จื่อหลิงจึงไม่มีความสุขในทันที
นางลุกขึ้นนั่งอย่างโกรธเคืองบนเบาะนุ่ม เงยหน้าขึ้น จ้องไปที่หลงเซี่ยวอวี่อย่างโกรธจัด พูดอย่างไม่ปะติดปะต่อกันว่า “หลงเซี่ยวอวี่ ท่านโยนข้าทำไม! ท่านไม่รู้หรือว่าข้าเป็สิ่งที่เปราะบาง?”
เป็สิ่งที่เปราะบาง?
หลงเซี่ยวอวี่ตกตะลึงจนแข็งทื่อไปครู่หนึ่ง รู้สึกสนุกขึ้นมาทันที
หญิงโง่ผู้นี้คิดว่านางเป็สิ่งที่ต้องใช้ความระมัดระวังในการหยิบจับหรือ? นอกจากนี้ยังเป็สิ่งที่เปราะบางอีกด้วย
หลงเซี่ยวอวี่กำหมัดของตนแล้วกระแอมไอเบาๆ เพื่อปกปิดรอยยิ้มที่มุมปาก จากนั้นจึงทำตนราวกับไม่มีเื่ใดเกิดขึ้น เขาหยิบจอกเหล้าที่เขาดื่มขึ้นมา ก่อนจะรินเหล้าผูเถาแล้วยื่นให้มู่จื่อหลิง
“ท่านกำลังทำอะไรอยู่?” มู่จื่อหลิงมองเขาอย่างสงสัยและระแวดระวัง
นางยังไม่รับจอกมา ชายผู้นี้กำลังพยายามทำสิ่งใดอยู่?
มู่จื่อหลิงแอบตั้งข้อระวังอยู่ในใจ นางขยับร่างไปมาด้วยความรู้สึกราวกับกำลังจะเกิดเื่ไม่ดี
หลงเซี่ยวอวี่เอนตัวลง มือข้างหนึ่งวางมันลงบนน่องของมู่จื่อหลิงอย่างนุ่มนวล ไม่รู้ว่ามันเป็ความตั้งใจหรือไม่ จอกเหล้าผูเถาวางอยู่ระหว่างจมูกของนางอย่างพอดิบพอดี
ริมฝีปากบางสวยของเขาเผยรอยยิ้มบาง “เมื่อครู่ะโเสียงดังถึงเพียงนั้น ดื่มให้ชุ่มคอสักหน่อย”
กลิ่นหอมจางๆ ของเหล้าผูเถาทำให้มึนเมา กลิ่นหอมยังคงอยู่ มู่จื่อหลิงกลืนน้ำลายลงลำคอแห้งของนาง อดไม่ได้ที่จะหยิบจอกเหล้าผูเถาขึ้นมาจิบ
มันเป็เพียงการจิบเหล้า มู่จื่อหลิงไม่ได้จริงจังกับมันมากนัก แต่หลังจากที่เหล้าผูเถาลงไปในท้อง กลิ่นหอมที่หลงเหลืออยู่ภายในปาก และรสที่ค้างอยู่ในคอก็ยาวนาน ยากจะลืมเลือน
มู่จื่อหลิงอดไม่ได้ที่จะเลียริมฝีปากของตนเอง
แม้ว่าเหล้าผูเถานี้จะเปรี้ยวเล็กน้อย แต่ก็มีรสหวาน ไม่แปลกใจเลยที่มารร้ายผู้นี้จะดื่มมันด้วยความเอร็ดอร่อยและเพลิดเพลินกับมันอย่างแท้จริง
ก่อนที่คำสบประมาทของมู่จื่อหลิงจะสิ้นสุดลง หลงเซี่ยวอวี่ซึ่งเห็นภาพการเลียปากของนาง ก็ยิ้มอย่างชั่วร้ายจากมุมที่นางไม่ได้สังเกต เขากางมือออกแสร้งทำเป็ทุกข์ “ฉีหวางเฟยจะทำอย่างไร? จอกนี้เปิ่นหวางเคยใช้ดื่มมาก่อนแล้ว...”
มู่จื่อหลิงผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นนางก็ตอบสนอง แทบจะกัดฟันด้วยความโกรธ
จะทำอย่างไรหมายความว่าอย่างไร?
เหตุใดชายน่ารังเกียจผู้นี้ถึงชอบเล่นนอกลู่นอกทาง?
เห็นได้ชัดว่าเขาบอกให้นางดื่ม แต่ยามนี้เขากลับถามนางว่าจะทำอย่างไร ด้วยนางใช้จอกเหล้าของเขาไปแล้วอย่างนั้นหรือ?
ชายผู้นี้เคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะไม่มีวันแบ่งปันจอกกับคนอื่น แต่นางควรเชื่อหรือ? เห็นได้ชัดว่านางไม่เชื่อ นางไม่ได้โง่
“หืม ข้าดื่มไปแล้ว ยังจะทำอย่างไรได้อีกเล่า” มู่จื่อหลิงเชิดคางของนางขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง และมองเขาอย่างจงใจยั่วยุ
ก่อนที่นางจะพูดจบ นางเงยหน้าขึ้น แล้วเทเหล้าผูเถาที่เหลือในมือเข้าปากของนาง
ในยามที่นางเงยศีรษะขึ้น นางไม่เห็นร่องรอยของรอยยิ้มประสบความสำเร็จภายในดวงตาของหลงเซี่ยวอวี่
ก่อนที่มู่จื่อหลิงจะกลืนเหล้าผูเถาลงไป เสี้ยวเวลาต่อมา ริมฝีปากสีแดงของหลงเซี่ยวอวี่ก็ได้ประกบลงบนริมฝีปากนุ่มๆ ของนางที่เปิดออกเล็กน้อย
“อือ!” มู่จื่อหลิง้าต่อต้านการบุกรุกอย่างกะทันหันโดยสัญชาตญาณ แต่ถูกมือใหญ่จับไว้แน่น จนไม่อาจเคลื่อนไหวได้เลย
เมื่อมู่จื่อหลิงอยู่ในสถานะที่ไม่อาจโต้ตอบได้ นางเกือบจะร้องไห้ออกมาเนื่องจากสมองที่โง่เขลาของนาง
เหตุใดนางถึง้าแข่งขันกับมารร้ายผู้นี้?
หลงเซี่ยวอวี่ใช้แรงดันฟันขาวของนางออกแล้วเข้าคลุกคลีกับนางอย่างชิดใกล้
ลิ้นเร่าร้อนไล่ตามพัวพันกันด้วยความลืมตัว โอบล้อม ดูดดื่มความหวานของเหล้าผูเถาในปากของนาง
เป็จุมพิตที่ทรงพลัง ป่าเถื่อน และหยิ่งผยอง แต่กลับอ่อนโยน...
มู่จื่อหลิงสูญเสียตัวตนไปโดยสิ้นเชิงในทันที
จูบที่นุ่มนวลค่อยๆ เคลื่อนไหวไปมาราวขนนก ริมฝีปากเย็นประทับลงบนริมฝีปากนุ่มของนาง
ปลายลิ้นร้อนแผดเผาดูดเหล้าผูเถาที่หลงเหลืออยู่ที่มุมปากของนางทีละนิด
ก่อนจะค่อยๆ ละริมฝีปากออก ระยะห่างระหว่างคนทั้งสองอยู่ใกล้กันมากจนได้กลิ่นผลไม้จางๆ จากปากของกันและกัน
“รสชาติเป็อย่างไรบ้าง?” หลงเซี่ยวอวี่จับใบหน้าเล็กที่ขาวซีดของมู่จื่อหลิงไว้อย่างอ่อนโยน มองดูอย่างระมัดระวัง ดวงตาสีเข้มราวกับหมึกของเขาเปล่งประกายด้วยความรักที่เร่าร้อนจนทำให้มึนเมา
---------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] เต็มไปด้วยเส้นสีดำ (满头黑线) เป็คำอุปมา มีความหมายว่า สีหน้าไม่มีความสุขหรือบูดบึ้ง มีต้นกำเนิดมาจากตัวละครในอนิเมะญี่ปุ่นที่มักวาดเส้นทับใบหน้าเพื่อแสดงอารมณ์วิตกกังวล หดหู่ใจและโกรธ
[2] ถูกหลอกกินเต้าหู้ (被吃豆腐) เป็คำเปรียบเปรย มีความหมายว่า ถูกเอาเปรียบ หรือถูกลอบลวนลามไม่ว่าจะทางสายตาหรือการกระทำก็ตาม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้