ภายนอกมีเื่ราวกันจนฟ้าถล่มดินทลาย ภายนอกมีคนจำนวนมากเศร้าโศกเสียใจ หงอยเหงาเปล่าเปลี่ยว สิ้นหวังและเฝ้ารอคอย...แต่เย่ชิงหานไม่ได้รับรู้แม้แต่น้อย
แม้เขาอยากจะรู้แต่ก็ไม่สามารถรู้ได้ เขารู้แค่เพียงว่าภายในสถานที่บ้าๆ นี้หากเขาไม่รีบหาหนทางทะลวงให้ผ่านทั้งสามด่านแล้วเข้าไปยังหอเทพเพื่อหยิบเอากระบี่เทพอย่างที่เย่รั่วสุ่ยบอกไว้ละก็ เขาจะไม่สามารถกลับออกไปได้อีกตลอดกาล
หลังจากผ่านการเดินสำรวจมาหลายวันเขาแน่ใจได้แล้วว่าคิดที่จะหาทางลัดเพื่อออกไปให้เร็วที่สุดนั้นเป็ไปไม่ได้ เขาทำการเดินไปเรื่อยอย่างไม่มีจุดหมายเป็เวลาหลายวันภายในดินแดนแห่งภาพลวงตาแห่งนี้ สิ่งที่ค้นพบคือดินแดนแห่งนี้ไม่มีเขตแดนสิ้นสุดและเดินเท่าไรก็ไม่พบจุดหมายปลายทาง จากการเดินสำรวจหลายวัน นอกจากพฤกษาเจ็ดอารมณ์ทั้งเจ็ดต้นและผลไม้วิเศษที่มีอยู่มากมายแล้ว เขาก็ไม่พบสิ่งอื่นใดอีกเลยนอกจากหมอกสีขาวหนาทึบกับทุ่งราบเวิ้งว้างว่างเปล่า
เขานึกว่าูเาสุสานทวยเทพที่มองดูจากภายนอกมีขนาดไม่กว้างใหญ่เท่าใดนักขอเพียงเดินไปในทิศทางเดียวเรื่อยๆ ก็น่าจะพบกับเขตแดนสิ้นสุดจากนั้นค่อยหาวิธีออกไปจากที่แห่งนี้ เพียงแต่เดินอยู่หลายวันระยะทางพอๆ กับการเดินจากตรงนี้ไปเมืองัเห็นจะได้แต่ก็ยังเดินไม่ถึงเขตแดนสิ้นสุดเสียที ที่พบเห็นมีเพียงหมอกสีขาวหนาทึบ ทุ่งราบเวิ้งว้างและดินโคลน
จนกระทั่งวันนี้เขาจึงเลิกล้มความคิดที่จะเดินหาทางออกนั้นทิ้งไป ดินแดนภาพลวงตาแห่งนี้จะต้องมีค่ายกลระดับสุดยอดไม่ธรรมดาอยู่อย่างแน่นอน
แน่นอนว่าไม่ต้องบอกก็รู้ ถ้าหากไม่ใช่ค่ายกลระดับสุดยอดไฉนเลยจะสามารถสร้างภาพมายาที่มีอานุภาพน่ากลัวถึงเพียงนั้นขึ้นมาได้? และเขารู้อีกว่าภายในค่ายกลนี้ยังมีภาพลวงตาที่พิเศษมหัศจรรย์อีกอย่างหนึ่งที่สามารถทำให้คนเดินวนย่ำไปมาอยู่ที่เดิมตลอดได้
หากทำลายค่ายกลนี้ไม่ได้ทั้งชีวิตคงต้องเดินย่ำวนไปมาอยู่เช่นนี้ต่อไป แต่คงไม่ต้องรอให้เดินย่ำวนไปมาทั้งชีวิตนานถึงเพียงนั้น เพราะเย่รั่วสุ่ยบอกแล้วว่าระยะเวลาหนึ่งปีจากนี้หากไม่สามารถทำลายค่ายกลนี้ได้อานุภาพของการโจมตีจากภาพลวงตาในค่ายกลนี้จะทำลายิญญาของเขาให้ดับสูญไปโดยตรง
ในเมื่อไม่มีหนทางอื่นให้เลือกเดินก็คงต้องตั้งใจฝึกฝนอย่างเต็มที่เพื่อเพิ่มระดับขั้นพลังปราณรบให้สูงขึ้นจากนั้นระดับพลังิญญาจึงจะเพิ่มสูงขึ้นตาม ผลกระทบที่ได้รับจากอานุภาพของภาพลวงตาก็จะลดระดับความรุนแรงลง ต่อจากนั้นถึงจะมีโอกาสเข้าไปเด็ดเอาผลเจ็ดอารมณ์ลงมาได้ทั้งหมดเพื่อทะลวงผ่านด่านแรกไป
ฝึกฝน ฝึกฝน นอกจากฝึกฝนแล้วก็ไม่มีอะไรให้ทำได้ในที่บ้าๆ แห่งนี้ แต่ก็ยังดีที่มีเสี่ยวเฮยอยู่เป็เพื่อนหาไม่แล้วละก็ให้เขาอยู่ในที่แห่งนี้ใช้ชีวิตที่น่าเบื่อและเก็บกดเช่นนี้คนเดียวนานๆ ไม่แน่ว่าสักวันเขาอาจจะกลายเป็บ้าเสียสติหรือกลายเป็โรคซึมเศร้าไปเสียก่อน
นอกจากการโจมตีของภาพลวงตาที่เกิดขึ้นทุกๆ สามครั้งอย่างตรงเวลาต่อหนึ่งวันแล้ว เวลาอื่นล้วนปลอดภัยหายห่วง ดังนั้นนอกจาก่เวลาที่ภาพลวงตาใกล้จะถึงเวลาโจมตีออก เวลาอื่นๆ เขาจึงปล่อยให้เสี่ยวเฮยออกไปเล่นได้ตามสบาย
ผลไม้วิเศษที่มีอยู่ภายในด่านดินแดนแห่งภาพลวงตานี้กลายเป็ทั้งอาหารและพลังงานบริสุทธิ์ที่มีอยู่อย่างเหลือเฟือสำหรับเขา แม้ว่าผลไม้วิเศษที่กินลงไปจะต้องเว้น่ระยะเวลาถึงจะมีผลของพลังงานเกิดขึ้นมา แต่อย่างน้อยในหนึ่งวันก็สามารถกินได้ถึงสามครั้งคือ ่เวลาเช้า กลางและเย็น พลังงานบริสุทธิ์ที่เกิดขึ้นหลังจากกินลงไปในท้องแม้จะเบาบางไม่เข้มข้นมากเท่าไร แต่มันกลับมีความมหัศจรรย์เป็อย่างมาก หลังจากที่พลังงานบริสุทธิ์ไหลเข้าไปภายในจุดชีพจรจนไปถึงตันเถียนแล้วมันกลับสามารถไหลเข้าไปรวมกับพลังปราณรบที่เป็สภาพของเหลวโดยตรงและกลายสภาพเป็พลังปราณรบของเหลวได้เองโดยอัตโนมัติ
ต้องเข้าใจว่าโดยปกติแล้วผู้ฝึกยุทธ์จะต้องทำการดูดซับพลังฟ้าดินเข้ามาภายในร่างแล้วค่อยเปลี่ยนเป็พลังปราณรบเก็บไว้ภายในตันเถียน จากนั้นค่อยๆ เปลี่ยนพลังปราณรบให้กลายเป็สภาพของเหลว ที่ผ่านมาการฝึกฝนพลังปราณรบตลอดทั้งวันเพื่อนำมาเปลี่ยนเป็พลังปราณรบสภาพของเหลว อย่างมากสุดก็ได้แค่เพียงเศษหนึ่งส่วนร้อยเมื่อเทียบกับของเดิมที่มีอยู่ แต่ตอนนี้พลังงานบริสุทธิ์ที่ได้จากผลไม้วิเศษกลับสามารถเปลี่ยนเป็พลังปราณรบสภาพของเหลวได้โดยตรงทันที
นี่เรียกได้ว่าเป็เื่ที่น่าตกตะลึงเป็อย่างมาก ตอนนี้เย่ชิงหานกินผลไม้วิเศษหนึ่งวันสามารถเปลี่ยนเป็พลังปราณรบสภาพของเหลวโดยตรงทันทีได้เท่ากับห้าวันของการนั่งฝึกฝนพลังปราณรบแบบปกติ ดังนั้นเมื่อเขาฝึกฝนพลังปราณรบอยู่ภายในที่แห่งนี้หนึ่งวันเท่ากับการฝึกฝนปกติเมื่อตอนอยู่ภายนอกถึงหกวัน ระดับความเร็วในการฝึกฝนรวดเร็วขึ้นถึงหกเท่าตัว
หกเท่า!
หกเท่าถือว่าเป็ระดับความเร็วที่น่าเหลือเชื่อเป็อย่างมาก สถานการณ์ปกติทั่วไปการที่ผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตนักรบจะฝึกฝนจนบรรลุถึงระดับขอบเขตจ้าวนักรบได้นั้นต้องใช้เวลาอย่างน้อยประมาณสิบปี หากเป็ผู้มีพร์ที่โดดเด่นหาได้ยากของทวีปอย่างเย่ชิงหานและหลงไซ้หนาน บวกกับตระกูลที่มีเคล็ดวิชาระดับสูงให้ใช้ฝึกฝน แต่อย่างน้อยทั้งสองก็ยังต้องใช้เวลาถึงห้าปีถึงจะฝึกฝนจนบรรลุได้
แต่ตอนนี้ภายในสถานที่แห่งนี้ ถ้าเย่ชิงหานยังคงฝึกฝนด้วยระดับความเร็วเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ระยะเวลาที่ใช้ก็จะลดสั้นลงมาอีกมาก เขาคิดคำนวณอยู่สักพักถ้าหากไม่มีอะไรผิดพลาดละก็ ด้วยระดับความเร็วในการฝึกฝนเช่นนี้เขาจะสามารถฝึกฝนจนบรรลุถึงระดับขอบเขตจ้าวนักรบได้ภายในแปดถึงสิบเดือน
จากผู้ที่เพิ่งจะเลื่อนระดับขั้นพลังฝีมือขึ้นมาสู่ระดับขอบเขตนักรบ แต่กลับใช้เวลาเพียงแค่แปดถึงสิบเดือนก็สามารถฝึกฝนจนบรรลุถึงระดับขอบเขตจ้าวนักรบได้ ระดับความเร็วที่น่าเหลือเชื่อเช่นนี้พูดออกไปใครเขาจะเชื่อ แน่นอนว่าพวกนายน้อยและคุณหนูของตระกูลใหญ่ทั้งหลายอยากจะฝึกฝนให้บรรลุอย่างรวดเร็วเช่นนี้ก็สามารถทำได้เช่นกัน เพียงแต่ยาวิเศษผลไม้วิเศษและของล้ำค่าอื่นๆ ที่ต้องใช้จ่ายไปกับการเร่งฝึกฝนนั้น ต่อให้ตระกูลที่มีฐานะร่ำรวยที่สุดอย่างตระกูลเยว่หัวหน้าตระกูลยังต้องหน้าเปลี่ยนสีและคิ้วขมวดขึ้นมาเช่นเดียวกันหากทำเช่นนั้น...
“ลูกพี่ ข้ากลับมาแล้ว!”
หลังจากที่เย่ชิงหานฝึกฝนผ่านไปได้สักพักและกำลังคิดที่จะพักผ่อนสักหน่อยอยู่นั้น ภายในหัวพลันได้ยินเสียงของเสี่ยวเฮยดังขึ้นพร้อมกับในเวลาเดียวกันหมอกสีขาวหนาทึบเบื้องหน้าเริ่มปรากฏเงาเล็กๆ สีดำซึ่งกำลังพุ่งตรงเข้ามา จากนั้นมันพุ่งกระโจนตรงเข้าไปยังหน้าอกของเขาอย่างรวดเร็ว
“เหอะๆ เสี่ยวเฮย เ้าวิ่งเล่นไปทั่วเช่นนี้เดี๋ยวจะหลงทางเอาได้นะ!”
เย่ชิงหานลูบหัวของมันอย่างรักใคร่เอ็นดูพร้อมกับใช้นิ้วหนีบเขาสีดำที่มีอยู่เพียงน้อยนิดบนหัวของมันเล่นไปมา เขาสีดำของมันเริ่มโผล่ออกมาเมื่อหนึ่งปีก่อน เพียงแต่เวลาหนึ่งปีผ่านไปความยาวของเขาบนหัวของมันกลับไม่ได้งอกยาวเพิ่มออกมาอย่างที่ควรจะเป็ ความยาวในตอนนี้แค่สามารถใช้นิ้วสองข้างหนีบจับได้เพียงเท่านั้น
“อืม...อิ่มมาก ผลไม้ที่นี่อร่อยเป็อย่างมาก ข้ากินลงไปอย่างน้อยสิบกว่าลูกเห็นจะได้!”
เสี่ยวเฮยใช้หัวของมันดันถูไถไปมากับมือของเย่ชิงหานด้วยความสนิทสนม จากนั้นมันยกอุ้งเท้าหน้าทั้งสองข้างขึ้นพร้อมกับยืดตัวขึ้นตรงจนพุงกลมๆ เล็กๆ ของมันโผล่ออกมาให้เห็น
เย่ชิงหานยื่นมือออกไปลูบพุงกลมๆ เล็กๆ ของมันพร้อมกับพูดขึ้นระคนเสียงหัวเราะ “เหอะๆ เ้าอย่ากินจนท้องแตกตายล่ะ ท้องของเ้าเล็กแค่นิดเดียวสามารถกินผลไม้ลงไปได้ถึงสิบกว่าลูกเลยรึ”
“กินไม่ได้ก็ต้องกินแล้ว พลังความร้อนที่เกิดจากผลไม้เหล่านี้ให้ความรู้สึกสุขสบายอย่างถึงที่สุด พลังงานบริสุทธิ์ที่ได้รับมีความเข้มข้นกว่าผลึกัเป็อย่างมาก ข้าต้องกินให้เยอะๆ หน่อยจะได้รีบผ่านเข้าสู่่ระยะเติบโตเต็มวัย”
เสี่ยวเฮยยื่นอุ้งเท้าออกไปทำท่าทางลูบพุงน้อยๆ ของตนเองราวกับกิริยาท่าทางของมนุษย์ ปากสุนัขเล็กๆ น่ารักของมันทำท่าทางเคี้ยวแจ่บๆ อยู่หลายครั้งคล้ายกับว่ากำลังหวนคิดถึงรสชาติของความอร่อยที่ได้ััลิ้มรสมาเมื่อสักครู่
“ระยะเติบโตเต็มวัย? ไอ้ลูกหมาน้อย! ครั้งที่แล้วไม่ใช่เ้าบอกว่ากลืนผลึกัลงไปก็เกือบจะผ่านเข้าสู่ระยะเติบโตเต็มวัยแล้วมิใช่รึ? จนถึงตอนนี้ก็ล่วงเลยมาหลายเดือนแล้ว อย่าว่าแต่ระยะเติบโตเต็มวัยเลยแม้กระทั่งขนาดตัวของเ้ายังเล็กจิ๋วอยู่แค่นี้เอง!”
เย่ชิงหานอมยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับพูดหยอกล้อเสี่ยวเฮยออกมา ในขณะเดียวกันภายในใจก็เกิดความสงสัยเป็อย่างมาก ตามสภาพการณ์โดยทั่วไปของสัตว์อสูรหากกลืนกินผลึกัที่อัดแน่นไปด้วยพลังงานมากมายมหาศาลเช่นนั้น ถึงแม้อาจจะไม่ผ่านเข้าสู่่ระยะเติบโตเต็มวัยโดยตรงในทันที แต่อย่างน้อยขนาดรูปร่างก็น่าจะขยายใหญ่ขึ้นบ้างถึงจะถูก? แต่ทำไมขนาดรูปร่างของเสี่ยวเฮยกลับยังคงเท่ากับลูกสุนัขอยู่เช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง?
เพียงแต่...สิ่งที่เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดคือพลังฝีมือของเสี่ยวเฮยที่เพิ่มสูงขึ้นอยู่ตลอด แม้ขนาดร่างกายจะเล็กแต่พลังฝีมือตามที่มันบอกมาตอนนี้เทียบเท่ามารอสูรระดับเจ็ด ดังนั้นเย่ชิงหานจึงไม่ค่อยที่จะเป็ห่วงอะไรมาก อาจจะเป็ไปได้ว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์ไม่เหมือนกับสัตว์อสูรและมารอสูรระดับทั่วไป เพราะมันคืออสูรศักดิ์สิทธิ์!
เสี่ยวเฮยถูกเย่ชิงหานถามขึ้นเช่นนี้ก็เกิดความรู้สึกสงสัยไม่เข้าใจขึ้นมาเช่นเดียวกัน ใช้อุ้งเท้าหน้าเกาศีรษะสุนัขของตนเองอย่างงุนงง ดวงตาคู่ดำขลับแวววาวของมันกลอกกลิ้งไปมาอยู่หลายครั้งก่อนจะส่งกระแสเสียงมา “เอ่ออ...เื่นี้ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน หากพูดตามหลักเหตุผลเมื่อข้าเติบโตจนพลังฝีมือเทียบเท่ามารอสูรระดับเจ็ดขนาดของร่างกายก็ควรจะมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นถึงจะถูก หรือว่าการเติบโตของอสูรศักดิ์สิทธิ์ค่อนข้างช้า? หรืออาจจะเป็ไปได้ว่าระดับของข้าสูงกว่าระดับอสูรศักดิ์สิทธิ์? เทพอสูร? ถ้าไม่ใช่เช่นนั้นแล้วทำไมข้าถึงได้เติบโตเชื่องช้าเช่นนี้? ลูกพี่ท่านว่าที่ข้าพูดมามีความเป็ไปได้ไหม?”
“อืม! อาจจะเป็ไปได้...รอเมื่อไหร่ที่ข้ากลายเป็เทพเดี๋ยวข้าจะใช้พลังเทพอันสูงส่งเปลี่ยนให้เ้าเป็เทพอสูรเลยทันที! เอาละ เ้าไปเล่นของเ้าเถอะข้าจะฝึกฝนต่อแล้ว ต้องรีบบรรลุระดับขอบเขตจ้าวนักรบให้เร็วที่สุดเพื่อทะลวงผ่านด่านภาพลวงตาบ้าๆ แห่งนี้ไปเสียที” เย่ชิงหานกลอกตาขาวมองบนพูดหยอกล้อเสี่ยวเฮยขึ้น
เทพอสูร? ยังไม่เคยได้ยินว่าทวีปัเพลิงมีตำนานเื่เล่าเกี่ยวกับเทพอสูรเลยสักครั้ง ดังนั้นเขาจึงหยุดยั้งความคิดจินตนาการของเสี่ยวเฮยด้วยการพูดหยอกล้อขึ้น เรียกได้ว่าเป็การสาดด้วยน้ำเย็นเข้าใส่ทั้งกะละมังเลยก็ว่าได้...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้