“ส่วนเ้า 3 คน ข้าขอมอบดินแดนศักดินาให้พวกเ้าปกครอง องค์หญิงลู่เสียน ครองแคว้นปิง องค์หญิงเลี่ยงหรู ครองแคว้นผิง องค์หญิงลี่ซือ ครองแคว้นกู่ และให้ทายาทของพวกเ้าสืบบัลลังก์แคว้นสืบไป” ฮ่องเต้ตรัสราชโองการแต่งตั้ง โดยให้ขุนนางเสี่ยงเซิงเขียนราชโองการเป็ลายลักษณ์อักษร
“รับด้วยเกล้าเพคะ” องค์หญิงทั้งสามกล่าวพร้อมเพียงกัน
“สถานการณ์เร่งด่วนแผ่นดินโกลาหล ข้าจะให้พวกเ้าออกเดินทางทันที โดยให้ขุนนางผู้ใหญ่มากประสบการณ์ติดตามพวกเ้าไปด้วย อย่างไรพวกเ้าก็เป็สตรี ให้เหล่าขุนนางผู้ใหญ่สั่งสอนการปกครองให้พวกเ้า และช่วยบริหารแคว้น” ฮ่องเต้ตรัสถ่ายทอดรับสั่ง
“องค์หญิงทุกคนได้รับภาระหน้าที่ แต่หม่อมฉันกลับว่างงาน ขอฝ่าาโปรดจงให้หม่อมฉันช่วยงานราชกิจด้วยเพคะ” องค์หญิงซูเจินกล่าว
“ข้าจะให้เ้าอยู่ช่วยงานวังหลัง ไม่ต้องพูดมากความเ้าออกไปได้” ฮ่องเต้ตรัส พระองค์ไม่ได้ลำเอียงแต่อย่างใด เนื่องจาก่ที่ฮ่องเต้ไท่เฉินครองราชย์ องค์หญิงซูเจินได้ดิบได้ดีเพราะเป็น้องสาวมารดาเดียวกับฮ่องเต้ทรราช ฮ่องเต้ไท่หนิงเห็นว่าเชื้อพระวงศ์ตายกันเยอะ จึงไม่อยากถือสาหาความกับนาง อย่างไรนางก็เป็พี่สาว
“รับด้วยเกล้าเพคะ ขอบพระทัยฝ่าาที่ยังให้งานหม่อมฉันทำ” องค์หญิงซูเจินกล่าวด้วยความผิดหวังน้ำตาคลอเบ้า
ใช้เวลาแรมเดือนกว่าองค์หญิงลู่เสียนจะไปถึงแคว้นปิง เฟินไท่เสียนเฟย ขอติดตามพระธิดาไปด้วยเพราะเป็ห่วง ซึ่งแคว้นปิงอยู่ทางตอนเหนือสุดติดกับเผ่านอกด่านตูลุน ฮ่องเต้ทรงวางใจองค์หญิงเป็อย่างมากเพราะนางเป็คนสุขุมเยือกเย็นความคิดอ่านรอบครอบ
พระสวามีขององค์หญิงลู่เสียนเป็แม่ทัพจับศึกมานับไม่ถ้วน ออกรบั้แ่วัยเยาว์ เขาคนนั้นคือหานกั๋วกง ซึ่งติดตามองค์หญิงไปด้วย
“ถวายบังคมองค์หญิง ขอทรงพระเจริญพันปี พันปี พันพันปี” เหล่าขุนนางท้องที่กล่าว แล้วทำท่าคำนับพร้อมกัน
“ตามสบาย” องค์หญิงลู่เสียนกล่าว
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ” เหล่าขุนนางกล่าวพร้อมเพียง
“ข้ามาถึงที่นี่ ในยามที่เกิดศึกา เผ่าตูลุนตั้งค่ายท้ารบอยู่นอกกำแพงเมือง ทุกท่านมีแผนในการศึกว่าอย่างไร” องค์หญิงลู่เสียนเอ่ยถาม
“เผ่าตูลุนดุร้าย ป่าเถื่อน บุกมาครั้งแล้วครั้งเล่า ที่ผ่านมาใช้กำลังสู้ตรงอย่างเดียวไม่ได้ ต้องใช้กลยุทธ์ทหารกลอุบายศึกในการสู้รบ” แม่ทัพเจา ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของแคว้นปิงกล่าวรายงาน
“ตำราพิชัยาซุนวูกล่าวว่า รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ข้าอยากรู้จากปากขุนนางท้องที่ว่า พวกชนเผ่าตูลุนบุกโจมตีแคว้นปิงเพราะเหตุอันใด” ใต้เท้าอวี้ ขุนนาง 4 แผ่นดินกล่าว อดีตเขาเคยเป็กุนซือให้องค์ปฐมฮ่องเต้ออกรบรวมแผ่นดิน
“พวกเผ่าตูลุน เป็เผ่าเร่ร่อน แผ่นดินของพวกเขาหนาวเย็นฤดูหนาวมีมากกว่าฤดูร้อน ชนเผ่านี้ไม่รู้วิธีเพาะปลูก อาศัยการเลี้ยงสัตว์เป็อาหาร และเร่ร่อนไปเรื่อยๆ จึงเป็เผ่าที่มักจะขาดแคลนอาหารอยู่บ่อยครั้ง พวกเขารู้ว่าต้าฮั่วเริ่มอ่อนแอเกิดศึกภายใน จึงอยากบุกเพื่อ่ชิงดินแดนและอาหาร” ใต้เท้าเจีย เสนาบดีแคว้นปิงกล่าว ซึ่งเขาเป็ผู้นำขุนนางท้องที่
“ข้าอยากรู้ว่า ถ้าเกิดว่าพวกเรามอบเสบียงแก่เผ่าตูลุน พวกเขาจะถอยทัพหรือไม่” องค์หญิงกล่าวถาม
“ถอยทัพพ่ะย่ะค่ะ แต่เมื่ออาหารหมดพวกเขาก็จะกลับมาอีก จึงได้รบจนถึงทุกวันนี้” ใต้เท้าเจียกล่าว
“เสบียงแคว้นเรามีจำกัด เพราะพื้นที่แคว้นปิงก็มีอากาศหนาวเหมือนกัน ่หน้าหนาวก็ยาวนานกว่าหน้าร้อน แต่น้อยกว่าดินแดนเผ่าตูลุนซึ่งอยู่ทางตอนเหนือขึ้นไปอีก” แม่ทัพเจากล่าว
“ข้าคิดว่าการให้เสบียงเป็แผนแค่ชั่วคราวเท่านั้น มีแต่ต้องรบสุดกำลังจึงจะแก้ปัญหาได้” หานกั๋วกง พระสาวมีขององค์หญิงลู่เสียนกล่าว
“กระหม่อมก็เห็นเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ การที่ให้เสบียงแก่เผ่าตูลุนเป็การเผยว่าแคว้นเราอ่อนแอ ดังนั้นมีแต่ต้องออกนอกประตูเมืองไปบุก เพื่อให้พวกศัตรูรู้ว่าต้าฮั่วได้มีฮ่องเต้องค์ใหม่แล้ว ชาติแข็งแกร่งดังเดิม จึงอยากบุกพิชิตดินแดนเหนือเพื่อขยายดินแดน” ใต้เท้าอวี้กล่าว
องค์หญิงเห็นว่าแผนค่อนข้างใช้ได้จึงสั่งให้กองทัพเคลื่อนทัพออกเมืองไปสู้รบ ตึงกำลังที่นอกเมืองแล้วบุกทันที ทำให้กองทัพเผ่าตูลุนใอย่างมาก สั่งรวมกองทัพแทบไม่ทัน ทั้งสองทัพเผชิญหน้ากัน
“ฮ่องเต้ได้ขึ้นครองราชย์ ้าขยายดินแดน พวกเ้าถ้าไม่อยากตายก็สวามิภักดิ์โดยดี” หานกั๋วกงนำทัพด้วยตนเอง เผ่าตูลุนไม่เคยเห็นหน้าเขาจึงเข้าใจว่าฮ่องเต้ส่งแม่ทัพมาขยายดินแดนจริงๆ
“ข้าได้ยินว่า แคว้นเ้าองค์หญิงมาปกครอง ส่งตัวนางให้เป็ภรรยาข้า แล้วข้าจะไว้ชีวิตพวกเ้า” ข่านคูยาะโเสียงดังโต้ตอบ
“ต่ำช้ายิ่งนัก บุก!!!!” หานกั๋วกงะโด่ากลับ พร้อมกับบุก
“ฆ่า!!!” กองทัพทหารแคว้นปิงบุกสุดกำลัง ซึ่งจำนวนของทั้งสองกองทัพมีจำนวน 5 หมื่นเท่ากัน
สองฝ่ายสู้กันอย่างดุเดือด ทำให้เผ่าตูลุนเสียกำลังพลไปมากกว่าเพราะโดนบุกไม่ทันได้ตั้งตัว ซึ่งโดนบุกตีขณะยังจัดทัพยังไม่เสร็จ เผ่าตูลุนชะล่าใจเนื่องจากก่อนหน้านี้แคว้นปิงตั้งรับอยู่ที่กำแพงเมืองอย่างเดียว ไม่ออกมาบุกนานแล้ว ข่านคูยาประมาทและคาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะออกมาบุกทำให้เผ่าตูลุนพลาดท่า ดังนั้นท่านข่านจึงสั่งถอยทัพขึ้นดินแดนทางเหนือทันที
หานกั๋วกงแกล้งตามต่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่กลับมา ตั้งค่ายทหารรอดูจนแน่ใจแล้วว่าเผ่าตูลุนได้พ่ายแพ้ไปแล้วจริงๆ
ส่วนองค์หญิงเลี่ยงหรูถึงแคว้นผิงแล้ว มารดาของนางหลิงไท่ผินก็ติดตามไปด้วย อีกทั้งพระสวามีของนาง หลุนเชียงโหวก็ได้ติดตามไปสมทบ แคว้นผิงวุ่นวายเพราะทายาทของผิงจวิ้นอ๋องสู้รบกันเองเพื่อแย่งชิงบัลลังก์อ๋อง
ที่ผ่านมาฮ่องเต้ไม่แต่งตั้งท่านชายทั้งสองเป็อ๋องเพราะสู้กันเองในยามบ้านเมืองวุ่นวาย จึงไม่เหมาะเป็อ๋องครองแคว้น องค์หญิงเลี่ยงหรูสั่งให้หลุนเชียงโหว กับใต้เท้าฉิงที่ติดตามมาไปถ่ายทอดราชโองการ ให้ท่านชายทั้งสอง
ไม่นานท่านชายทั้งสองก็ยอมจำนน เพราะฮ่องเต้ระบุในราชโองการว่าหากไม่หยุดรบกันจะถือว่าเป็ฏ ทั้งสองคนจึงมามอบตัวที่ท้องพระโรงแคว้นผิง องค์หญิงเลี่ยงหรูตัดสินโทษสถานเบา สั่งโบยคนละ 50 ที และให้สำนึกผิดในจวน
ส่วนองค์หญิงลี่ซือก็ถึงแคว้นกู่แล้ว พระมารดาซูไท่เต๋อเฟยตามไปด้วย และพระสวามีขององค์หญิงคือ ใต้เท้าเถียน เขาเป็ขุนนางที่ได้จากการสอบคัดเลือกบัณทิต ซึ่งสอบได้อันดับหนึ่งเป็จอหงวน องค์ปฐมฮ่องเต้ถูกใจเขาจึงประทานสมรสให้แต่งกับองค์หญิงลี่ซือ
ในแคว้นกู่วุ่นวายเพราะโจรฏตั้งตัวเป็ใหญ่หวัง่ชิงดินแดนปกครอง
ใต้เท้าเถียนขออาสาเป็ทูตไปเจรจา เข้าไปยังเมืองหรู่สือที่โจรฏนำโดยหู่จางหย่งยึดครอง เข้าไปใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งวันเท่านั้นโจรฏก็ออกมาสวามิภักดิ์ เขาใช้วาจาที่เป็เลิศโน้มน้าวใจให้โจรกลับตัว
“ท่านไปเจรจาอย่างไร ให้หู่จางหย่งยอมจำนน” องค์หญิงลี่ซือเอ่ยถาม
“ข้าก็แค่บอกไปว่า จะรับพวกเขาเป็ขุนนาง ข้ารับปากพวกเขาไว้ว่า จะให้หู่จางหย่งเป็นายอำเภอซือสุ่น ซึ่งอยู่ติดชายป่าทางทิศตะวันออกของแคว้น อำเภอนี้เคยเป็หมู่บ้านโจรมาก่อน แล้วภายหลังขยายจนกลายเป็อำเภอ” ใต้เท้าเถียนตอบ
“ตกลงง่ายขนาดนั้นเลยหรือ เป็ไปได้เยี่ยงไร ข้าไม่อยากจะเชื่อ” องค์หญิงลี่ซือทำหน้ามึนงง
“ข้าก็บอกปิดท้ายไปว่า หากไม่ตกลง ฮ่องเต้จะส่งทหารแสนนายมาบุกตีเมือง ซึ่งกองโจรมีไม่กี่พันคนเท่านั้นเอง” ใต้เท้าเถียนตอบราวกับเป็เื่ที่ง่ายดาย เพราะทัพที่ตามเสด็จองค์หญิงลี่ซือมา มีเพียงแค่ 1 หมื่นนายเท่านั้น เขาใช้ทักษะในการเจรจาปราบฏได้สำเร็จโดยไม่เสียเืแม้แต่หยดเดียว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้