เมื่อไม่มีสิ่งใดให้ต้องสนทนากันต่อแล้ว มู่หรงซานและหลี่จื่อเวยก็เดินทางกลับมาที่เรือนเล็ก มู่หรงซานนั้นก่อนกลับยังคว้าขวดสุราอย่างดีที่ท่านอารองมอบให้ท่านพ่อของเขากลับมาอีกด้วย นายท่านมู่หรงผู้เป็บิดาทำได้เพียงก่นด่าบุตรชายของตนตามหลังด้วยความโมโห
เมื่อกลับมาแล้ว หลี่จื่อเวยก็ครุ่นคิดว่าจะต้องทำสิ่งใดดี นิยายเื่นี้เดิมทีตัวเอกจะต้องปลูกผัก แต่ทว่านางยังอ่านไม่ถึงครึ่งเล่มเลยด้วยซ้ำ ไม่อาจรู้ได้ว่าเื่ราวจะดำเนินต่อไปในทิศทางไหน ยามนี้คงต้องเสี่ยงโชคชะตาเสียแล้ว
นางเปิดถุงเงินนั้นดู พบว่ามีตั๋วเงินอยู่ไม่น้อยเลย หลี่จื่อเวยยิ้มออกมาเล็กน้อย ในความโชคร้ายของนางที่ครอบครัวเดิมไม่สนใจ ได้สามีไม่ดี แต่นางกลับได้พ่อแม่สามีที่ดี เ้าของร่างเดิมโง่เขลาเกินไป หากนางไม่ตามใจมู่หรงซาน เข้าหาแม่สามี ยามนี้นางก็คงไม่ต้องพบจุดจบเช่นนั้น
แต่ทุกอย่างไม่อาจแก้ไขสิ่งใดได้แล้ว หลี่จื่อเวย ข้าจะเป็คนกำหนดชะตาชีวิตนี้ของเ้าเอง!
เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางจึงนำตั๋วเงินออกมานับ คิดๆ ดูแล้วด้านหลังเรือนเล็กก็มีที่ดินว่างอยู่คาดว่าคงปลูกผักได้หลายอย่าง ตอนนี้สิ่งที่นางจะต้องเริ่มทำก็คือทำให้พ่อแม่สามีเชื่อใจ ไว้ใจว่านางสามารถดูแลกิจการได้
กิจการของตระกูลมู่หรงมีทั้งภัตตาคารและร้านรวงอีกไม่น้อย
ในขณะที่หลี่จื่อเวยกำลังนั่งนับเงินที่แม่สามีให้มาอยู่นั้น นางก็รู้สึกได้ว่ามีสายตาของใครบางคนกำลังมองมาที่นาง เมื่อหลี่จื่อเวยเงยหน้าขึ้นไปมองก็พบกับมู่หรงซานที่กำลังจ้องมองมาที่เงินของนางตาเป็ประกาย หลี่จื่อเวยส่งเสียงเฮอะออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะรีบเก็บเงินนั้นใส่ถุงและเก็บเอาไว้กับตัว มู่หรงซานทำหน้ามุ่ย เดิมทีเขาคิดจะขอนางสักสามสี่ร้อยตำลึงเพื่อเข้าไปต่อทุน แต่เขาไม่กล้าเสียแล้ว นางดูแปลกไปเหลือเกิน ยามนี้เขาเริ่มกลัวนางอย่างบอกไม่ถูก
"จือจือยอดรัก วันนี้ข้านัดสหายเอาไว้ว่าจะดูเขาแข่งขันกัดจิ้งหรีดกัน เ้าพอจะให้เงินข้าไปสักสองร้อยตำลึงได้หรือไม่"
หลี่จื่อเวยที่ได้ยินเช่นนั้นก็เงยหน้ามามองมู่หรงซาน ก่อนจะเอ่ย
"มู่หรงซาน แทนที่ท่านจะทำให้ท่านพ่อท่านแม่ไว้ใจ และให้ท่านเข้าไปช่วยดูแลกิจการและเทือกสวนไร่นาที่มี แต่ว่าวันๆ ท่านเอาแต่เที่ยวเล่น ใช้เงินราวกับสายน้ำ สมองของท่านคิดเื่ดีๆ เป็บ้างหรือไม่"
หลี่จื่อเวยบ่นยาวเหยียด มู่หรงซานถอนหายใจออกมาพร้อมกับลอบเบ้ปาก ก่อนจะเดินเข้าไปหาภรรยายอดรักของตน หลี่จื่อเวยยังไม่ทันตั้งตัวก็ถูกมู่หรงซานรวบเอวบางเข้าไปกอดเอาไว้ นางหันขวับไปมองเขาทันที ก่อนจะเอ่ย
"ปล่อย"
"ไม่ปล่อย เรามาทำเื่ที่สามีภรรยาควรทำเถิด จะได้มีหลานเร็วๆ หากเรามีลูกสมบัติก็ต้องตกมาเป็ของลูกเรา"
หลี่จื่อเวยกำมือแน่น นางเริ่มจะอยากกระทืบคนขึ้นมาอีกรอบแล้ว
"ปล่อย"
"ไม่ๆๆ โอ๊ย อย่าหยิกข้า"
มู่หรงซานร้องเสียงหลง หลี่จื่อเวยจึงผลักเขาออก ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา
"ข้าอยากจะไปที่ตลาดเสียหน่อย อยากดูว่าที่ตลาดจะมีอะไรขายบ้าง เผื่อจะมีสิ่งใดที่นำมาต่อยอดค้าขายได้ ส่วนท่านก็ห้ามทำตัวเหลวไหล ต่อไปนี้ตั้งใจทำงาน"
มู่หรงซานที่ได้ยินเช่นนั้นก็ครุ่นคิดคราหนึ่ง ภรรยาชวนออกไปข้างนอก เขาควรจะพานางไป แล้วถือโอกาสที่นางเผลอแอบพบสหายที่โรงพนันสักหนึ่งเค่อ นางย่อมตามเขาไม่ทันอยู่แล้ว
เมื่อคิดได้อย่างนั้นเขาจึงตกปากรับคำและพานางไปที่ตลาดทันที
รถม้าเดินทางมาไม่นานก็หยุดลง หลี่จื่อเวยลงมาจากรถม้าก่อนจะมองไปโดยรอบ และพบว่าตลาดที่นี่ค่อนข้างใหญ่และกว้างขวางไม่น้อย อีกทั้งยังมีร้านค้ามากมาย ทั้งร้านอาหาร ร้านผ้า รวมไปถึงร้านขายเมล็ดผัก แต่เมื่อได้สอบถามราคานางก็ถึงกับถอนหายใจออกมาทันที
ก่อนหน้านี้นางได้ยินมาว่าระยะนี้ต้าเซี่ยเกิดากับต่างแคว้น บ้านเมืองเดือดร้อนข้าวของราคาแพงสูงขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ชาวบ้านที่ยากจนมีบางคนอดอยากล้มตายไปไม่น้อย หลี่จื่อเวยเห็นว่าในสถานการณ์เช่นนี้การนำเงินไปจมกับของบางอย่าง คงไม่เหมาะเท่าใดนัก นางจึงตั้งใจว่าจะเก็บเงินนั้นเอาไว้ก่อน
"เรากลับ..."
ในขณะที่นางกำลังจะหันไปเอ่ยกับมู่หรงซาน ก็พบว่าข้างกายนางไม่มีเงาของเขาอยู่แล้ว หลี่จื่อเวยขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะหันไปมองเถาเถาที่ยืนอยู่ เถาเถาสาวใช้ของนางมีท่าทีกระอักกระอ่วนพร้อมกับส่งยิ้มแห้งๆ มาให้นาง
"มู่หรงซานไปไหนแล้ว เ้าเห็นเขาไหม"
เถาเถามองเ้านายของตนด้วยท่าทีที่ไม่สู้ดีเท่าใดนัก ก่อนจะเอ่ย
"เอ่อ นายน้อยน่าจะไปที่โรงพนันแล้วเ้าค่ะ บ่าวเห็นว่าเดินไปทางนั้น เขาบอกว่าห้ามบ่าวบอกฮูหยินน้อย บ่าวจึงไม่กล้าเ้าค่ะ"
หลี่จื่อเวยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจออกมาอย่างหนัก ก่อนจะเอ่ย
"เ้ารู้ไหมว่าโรงพนันแห่งนั้นอยู่ที่ใด"