จนกระทั่งเที่ยงคืน เด็กสาวทั้งสองจึงจากไปอย่างมีความสุข!
ในขณะที่กำลังสอนอยู่นั้น เซียวหลิงอวิ๋นต้องแสร้งทำเป็มองไม่เห็นท่าทีที่กระตือรือร้นของหยางลู่ที่ส่งผ่านมาทางสายตา หรือแม้แต่ท่าทางเชื้อเชิญด้วยร่างกายอย่างเป็นัยๆ!
เซียวหลิงอวิ๋นผู้มีประสบการณ์มายาวนานหลายหมื่นปีย่อมไม่ใช่เด็กหนุ่มหัวอ่อน บวกกับความแค้นที่ฝังแน่นอยู่ในใจ เขาจึงไม่มีอารมณ์และไม่มีความคิดที่จะมาหมกมุ่นเื่ความรักในเวลานี้!
คู่ที่เขา้าจริงๆ เหนือสิ่งอื่นใดคือต้องมีพร์อันล้ำเลิศที่จะสามารถขึ้นสู่โลกเบื้องบนไปกับเขาได้!
หากว่าไม่มีความสามารถมากพอที่จะร่วมเดินทางผ่านดวงดาว ไปยังโลกต่างๆ พร้อมกับเขาได้แล้ว ไม่ว่าจะหน้าตาสะสวยเพียงใด หรือมีอุปนิสัยน่ารักใคร่เพียงใดก็ตาม ในสายตาของเซียวหลิงอวิ๋น ล้วนเป็ได้เพียงโครงกระดูกสีชมพูเท่านั้น!
ดังนั้นสำหรับการแสดงออกถึงความสนใจของหยางลู่นั้น เซียวหลิงอวิ๋นจึงแสร้งทำเป็หูหนวกตาบอดไม่เข้าใจ ทำเหมือนเป็เด็กหนุ่มไร้เดียงสาที่ไม่รู้จักความรัก!
อย่างไรเสียร่างกายของเขาในเวลานี้ก็เป็เพียงเด็กหนุ่มอายุเพียงสิบสี่ปีเศษๆ เท่านั้น การเป็เด็กหนุ่มไม่ประสีประสาเื่ความรักนั้นถือเป็เื่ปกติ!
หลังจากนั้นเซียวหลิงอวิ๋นจึงบอกลาทั้งสองและกลับมาที่ห้องของตัวเอง หลังจากรวบรวมสมาธิและสงบสติอารมณ์ได้ เขาก็ถอดเสื้อของตนเองออก หมุนเวียนพลังปราณ ทุ่มสมาธิทั้งหมดไปกับการดูดซับพลังหยินที่แผ่ลงมาจากดวงดาวเพื่อฝึกวิชา!
แต่ทางด้านสองสาวกลับไม่ได้ความสงบนิ่งและไม่รู้สึกรู้สาอะไรเหมือนเซียวหลิงอวิ๋น!
หยางลู่ที่กำลังนั่งอยู่ริมเตียง ร่างกายแผ่กลิ่นหอมอ่อนๆ คล้ายดอกไม้ออกมา ในหัวของนางกำลังนึกถึงร่างกายที่แข็งแรงและว่องไวของเซียวหลิงอวิ๋น แน่นอนว่ายังรวมถึงทักษะดาบที่สุดยอดอีกด้วย
สุดยอดอัจฉริยะเช่นนี้ นางไม่มีวันปล่อยให้หลุดมือไปอย่างแน่นอน! หนุ่มน้อยไร้เดียงสางั้นหรือ? ข้าจะเปลี่ยนเ้าให้กลายเป็หนุ่มน้อยนักรักรูปงามให้ดู! เมื่อถึงเวลานั้น พวกเราก็จะเป็คู่ไปไหนมาไหนด้วยกัน หนุ่มอัจฉริยะกับสาวงาม ไม่ว่าใครได้เห็นก็ต่างต้องอิจฉาอย่างแน่นอน! ครั้นนึกถึงภาพในอุดมคติอันสวยหรูนี้แล้ว ใบหน้าของหยางลู่ก็ปรากฏรอยยิ้มที่เย้ายวนใจ!
...
หลิงอวิ๋นน้อย สมแล้วที่เป็สุดยอดอัจฉริยะที่ในรอบหมื่นปีจะมีสักคน!
กระบวนท่าตายตัว... แต่คนมีชีวิต... ดาบต้องออกมาจากใจ... ทุกอย่างต้องออกมาจากใจ... จากความซับซ้อนไปสู่ความเรียบง่าย... จากความเรียบง่ายไปสู่ความซับซ้อน... ทั้งหมดนี้ไม่ได้พูดถึงแค่กระบวนดาบเท่านั้น แต่ยังใช้ได้กับดาบ หอก กระบอง หรือแม้แต่หมัด รวมถึงฝ่ามือ ดรรชนี และขาด้วย! ในหัวของฉินหรูเยียนจมดิ่งลงไปในคำพูดเหล่านี้ ทำให้นางรู้สึกเหมือนกำลังฟังคำสอนอยู่
เดิมทีฉินหรูเยียนมาจากตระกูลที่โดดเด่นในด้านการร่ำเรียน ไม่ว่าจะเป็ความรู้ความเข้าใจหรือพร์ล้วนเหนือกว่าหยางลู่มาก ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าคำพูดเหล่านี้ล้วนมีความหมายอันลึกซึ้งซ่อนอยู่ นางรู้สึกด้วยว่า หากสามารถเข้าใจและหาความหมายที่แท้จริงในคำพูดเหล่านี้และนำไปปรับใช้ได้ นางก็จะจะสามารถเปิดเส้นลมปราณได้สำเร็จโดยไม่ต้องพึ่ง ‘ยาเปิดเส้นลมปราณ’ เลย และสามารถบรรลุกลายเป็ผู้ใช้พลังิญญาได้!
เมื่อกลับมาถึงห้อง ฉินหรูเยียนก็ได้ตัดสินใจครั้งใหญ่ นั่นคือการเก็บตัว! แม้แต่งานประลองรอบสิบคนของศิษย์ระดับสูงในเขตกลางก็จะไม่เข้าร่วม!
ตัวเซียวหลิงอวิ๋นเองก็คงไม่คาดคิดว่าคำพูดของเขาเพียงไม่กี่คำ กลับชี้ให้เห็นถึงสัจธรรมของเส้นทางยิ่งใหญ่ ซึ่งได้ผลกับหยางลู่หรือเปล่าไม่ทราบ แต่กลับทำให้ฉินหรูเยียน หญิงสาวผู้มีพร์พิเศษคนนี้พุ่งขึ้นสู่ฟ้า แสดงพลังของหงส์เพลิงออกมาอย่างแท้จริง!
อาณาจักรซินโยวกระจ้อยร่อยนี้ มีสุดยอดอัจฉริยะทั้งชายและหญิงสองคนปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน ดวงดาวคู่ัและหงส์เพลิงเปล่งประกายไปทั่วโลก!
…
เวลาเก้าโมงเช้าของวันรุ่งขึ้น!
การต่อสู้รอบสิบคนสุดท้ายเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง!
รอบแรกไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นนัก ความแข็งแกร่งแตกต่างกันอย่างชัดเจน ในนัดแรกเซียวหลิงอวิ๋นพบกับหลิวฉงเฉวียน เอาชนะได้อย่างง่ายดาย!
นัดที่สอง เยี่ยเฟิงและหม่าไข่ เพียงสองดาบก็สามารถเอาชนะได้ นัดที่สาม จ้าวิเจี้ยนเอาชนะตงฟางไฉ่อวิ๋นไปได้ นัดที่สี่ หวังอี้ก็เอาชนะหลิวิเฉวียนไปได้ และที่น่าใ คือหยางลู่ที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามเมื่อวานนี้ หลังจากการปะทะกันอย่างดุเดือด ก็สามารถเอาชนะจางอวิ๋น คว้าชัยชนะครั้งที่สองมาได้!
ในรอบที่สอง เซียวหลิงอวิ๋นยังไม่ได้พบกับจ้าวิเจี้ยน แต่ได้พบกับจางอวิ๋นผู้โชคร้าย และได้มอบความพ่ายแพ้ครั้งที่สามให้กับเขาในทันที จ้าวิเจี้ยนเอาชนะหลิวิเฉวียนมาได้ ตงฟางไฉ่อวิ๋นก็ได้รับชัยชนะครั้งแรกด้วยการเอาชนะหม่าไข่ และเป็โชคดีของหยางลู่อีกครั้ง นางได้พบกับหลิวฉงเฉวียน ซึ่งเอาชนะเขาได้เช่นกัน!
คู่ประลองน่าสนใจของการประลองรอบนี้ คือเยี่ยเฟิงพบกับหวังอี้ ผู้ที่กำลังพุ่งทะยานขึ้นฟ้าอย่างรวดเร็วในเวลานี้! ทั้งคู่ได้แสดงการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมออกมา ในท้ายที่สุดเยี่ยเฟิงก็เอาชนะหวังอี้ได้ ก่อนที่อีกฝ่ายจะได้ใช้กระบวนท่าที่สามของวิชาดาบจ้าวทะเลมารเขาโลหิต ทำร้ายหวังอี้จนาเ็สาหัส!
จนกระทั่งในรอบที่สาม หวังอี้ต้องขอยอมแพ้เนื่องจากอาการาเ็ที่สาหัสเกินไป ยกชัยชนะให้กับหยางลู่อีกครั้ง!
ในรอบที่สามนี้ เซียวหลิงอวิ๋นยังไม่ได้พบกับจ้าวิเจี้ยน แต่ได้พบกับหลิวิเฉวียนแทน!
หลิวิเฉวียนคนนี้มีนิสัยไม่ค่อยน่ารักนัก เมื่อเห็นหวังอี้ที่ประกาศยอมแพ้ในทันทีเนื่องจากอาการาเ็ที่สาหัส และยอมยกชัยชนะให้กับหยางลู่ เซียวหลิงอวิ๋นก็บังเกิดความคิดชั่วร้ายขึ้นมา ในตอนท้ายจึงได้เอาจริงเอาจัง ซัดหลิวิเฉวียนจนกระอักเืออกมา และกระเด็นออกไปนอกเวทีทันที!
คาดว่าอาการาเ็นี้คงไม่สามารถรักษาให้หายได้ภายในวันเดียวแน่ เมื่อพบกับหยางลู่ในวันพรุ่งนี้ โอกาสที่หลิวิเฉวียนจะชนะนั้นก็น้อยกว่าหนึ่งในสิบ!
หลังจากการต่อสู้จริงสองรอบ เซียวหลิงอวิ๋นมองออกว่าท่าทางการใช้ดาบของหยางลู่กำลังพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว!
เดิมทีหยางลู่และหลิวิเฉวียนนั้นมีความแข็งแกร่งที่ต่างกันไม่มากนัก เมื่อหักลบกับอาการาเ็เข้าไปด้วยแล้ว โอกาสเอาชนะก็จะพลิกโผทันที!
หลังจากการต่อสู้รอบสิบคนสุดท้ายในวันที่สองจบลง มีเพียงสามคนที่ยังคงรักษาสถิติชนะรวดเอาไว้ได้!
คนผู้นั้นคือเซียวหลิงอวิ๋น เยี่ยเฟิง และจ้าวิเจี้ยน! การต่อสู้ระหว่างทั้งสามคนนี้จะเกิดขึ้นในวันที่สาม!
ตามด้วยหยางลู่ที่ชนะสี่แพ้สอง! ที่สำคัญยิ่งคือการประลองอีกสามนัดที่เหลือในวันพรุ่งนี้ นอกเหนือจากเยี่ยเฟิงที่ต้องยอมแพ้อย่างไม่มีทางเลี่ยง คู่ต่อสู้ในอีกสองนัดคือหลิวิเฉวียนและหม่าไข่ ล้วนเป็คู่ต่อสู้ที่เอาชนะได้ใสๆ!
กล่าวได้ว่าหลังจากหยางลู่ได้รับการชี้แนะจากเซียวหลิงอวิ๋นเมื่อคืนนี้ รวมถึงสถานการณ์การต่อสู้ในวันนี้ด้วยแล้ว หยางลู่ได้คว้าตำแหน่งห้าอันดับแรกเอาไว้ในมือแล้วเรียบร้อย!
...
แต่สิ่งที่ทำให้เซียวหลิงอวิ๋นคาดไม่ถึงก็คือ ยามที่พระจันทร์เต็มดวงลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าในยามค่ำคืน หยางลู่ได้อาศัยแสงจันทร์มาที่ห้องของเขาอีกครั้ง!
แต่ครั้งนี้ฉินหรูเยียนไม่ได้มาด้วย! จ้าวหนีอิ่ง ศิษย์พี่คนสนิทของหยางลู่อีกคนก็ไม่ได้มาด้วยเช่นกัน หยางลู่มาเพียงคนเดียว!
นอกจากจะเปลี่ยนชุดก่อนมาแล้ว หยางลู่ที่มาหาในครั้งนี้ยังดูเหมือนจะแต่งตัวอย่างตั้งใจอีกด้วย!
ศีรษะได้รวบผมเอาไว้เป็ซาลาเปาสองลูก สวมชุดหนังรัดรูปสำหรับใช้ฝึกวิชา สวมเสื้อคลุมยาวสีแดงอมชมพูคลุมทับเอาไว้ เสื้อคลุมนั้นทั้งบางทั้งพลิ้วไหว ทำให้ตัวนางดูสง่างามและแข็งแกร่ง แต่ยังคงความอ่อนโยนของหญิงสาวอยู่!
สิ่งที่ทำให้หยางลู่รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยก็คือ เมื่อเซียวหลิงอวิ๋นเห็นนางแต่งตัวอย่างประณีตเช่นนี้ สายตาของเขากลับไร้ซึ่งความใแม้แต่น้อย กลับกันประโยคแรกที่พูดออกมาคือ “หืม? คืนนี้มีศิษย์พี่มาแค่คนเดียวเองหรือ แล้วศิษย์พี่ฉินล่ะ?”
“ศิษย์พี่หรูเยียนเก็บตัวฝึกวิชาอยู่น่ะ!” นางตอบคำถามของเซียวหลิงอวิ๋นก่อน จากนั้นหยางลู่ก็รีบแจ้งเจตนาของตน “ศิษย์น้อง ตอนอยู่ในเวทีประลองวันนี้ ข้ารู้สึกได้ว่าท่วงท่าการใช้ดาบนั้นลื่นไหลกว่าก่อนหน้าจริงๆ และยังรวดเร็วกว่าเดิมด้วย พลังหรือก็มากกว่าเก่า แต่ก็ยังมีอยู่สองจุดที่ยังใช้งานได้ไม่ค่อยคล่องนัก...”
“โอ้!” เซียวหลิงอวิ๋นตอบกลับแบบไม่คิดมาก แต่ในใจกลับคิดว่า ศิษย์พี่หรูเยียนคนนั้นเก็บตัวฝึกวิชาอยู่หรอกหรือ? การเลือกเก็บตัวในเวลานี้ แสดงว่าการต่อสู้เมื่อคืนที่ผ่านมาทำให้วิชากายาหงส์ะเคลือบทองของนางเกิดการเปลี่ยนแปลง ครั้นนางออกจากการเก็บตัว คงจะกลายเป็ผู้ใช้พลังิญญาไปแล้วกระมัง!
ตัวเรานี้ช่างเป็หัตถ์ทองคำเสียจริง!
คนหนึ่งชนะการประลองใหญ่ อีกคนหนึ่งเก็บตัวฝึกวิชาเพื่อให้บรรลุ!
“ศิษย์น้อง เ้าได้ยินที่ข้าพูดหรือไม่?” เมื่อเห็นเซียวหลิงอวิ๋นดูเหม่อลอย หยางลู่ก็กัดฟันเบาๆ และพูดย้ำอีกครั้ง!
“ท่วงท่าการใช้ดาบของข้ามีอยู่สองจุดที่ข้ายังไม่ค่อยคล่องนัก หากเ้าไม่ว่าอะไร ช่วยสาธิตให้ข้าดูหน่อยได้หรือไม่? ข้าจะได้ดูว่าข้าพลาดตรงไหนไปบ้าง พวกเราไปที่หอประลองดีหรือไม่?”
“ไม่ต้องหรอก ที่สวนด้านหลังของข้าก็ได้!”
