เซวียเสี่ยวหรั่นมาเชิญสองพี่น้องซีมู่คุนไปช่วยอำนวยความสะดวกให้เหลียนเซวียน
มีตาน้ำพุแห่งหนึ่งอยู่ไม่ไกลจากกระท่อม เซวียเสี่ยวหรั่นพาอาเหลยไปล้างทำความสะอาดที่นั่น
หลังจากนั้นก็ตกน้ำกลับไปให้เหลียนเซวียนล้างหน้าและบ้วนปาก
หลังเสร็จธุระเหล่านี้แล้ว ซีต้าเฉียงก็เรียกทุกคนมากินมื้อเช้า
อาหารเช้าเรียบง่ายมาก เป็โจ๊กผักป่าหม้อหนึ่ง
ฤดูกาลที่ผักป่าและเห็ดกำลังสดใหม่ เมื่อนำมาใส่โจ๊กกลิ่นก็เลยหอมมาก
หลังกินอาหารเช้าเสร็จ ทุกคนก็เริ่มออกเดินทาง
เห็นเซวียเสี่ยวหรั่นสะพายกระบุงขึ้นหลังหนึ่งใบ อุ้มอีกหนึ่งใบแลดูทุลักทุเล ซีหย่วนก็วิ่งเข้ามาขันอาสาช่วยแบกหนึ่งกระบุง
แขนขาของเธอทั้งปวดและเมื่อยล้า คราวนี้จึงไม่ดันทุรังอีก นำกระบุงที่ใส่พวกหม้อไหอุปกรณ์เครื่องดินเผาให้เขาช่วยแบก
พอของหนักน้อยลงไปหนึ่งอย่าง ก็ตัวเบาเดินได้เร็วขึ้น
เธอจึงไม่หลุดจากขบวนตลอดการเดินทาง่เช้า
แน่นอนว่าเหนื่อยอย่างไรก็ยังคงเหนื่อยอย่างนั้น เส้นทางูเายากสัญจร เดี๋ยวขึ้นเนินเดี๋ยวลงทางลาดชัน บางครั้งหากไม่ระวัง ก็อาจเหยียบถูกก้อนหินลื่นไถลกลิ้งลงเนินไปได้เหมือนกัน
ดังนั้นการเดินทางจึงยากเย็นยิ่งนัก
แม้แต่อาเหลยยังเหนื่อยจนลิ้นห้อย เซวียเสี่ยวหรั่นจับมันขึ้นไปวางบนแคร่ของเหลียนเซวียนเป็พักๆ ต้องทำหน้าหนาเพิ่มภาระให้กับสองพี่น้องซีมู่คุน
โชคดีสองพี่น้องคู่นี้อุปนิสัยดียิ่ง ไม่นำพาต่อน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยเลย
ถึงตอนเที่ยง คณะเดินทางก็แวะพักผ่อนกินข้าวที่ข้างลำธารใสสะอาด
หลังจากหย่อนก้นนั่งลงแล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นก็รู้สึกไม่อยากจะลุกขึ้นอีกแล้ว
เธอหอบอย่างหนัก บีบนวดต้นขาแข็งตึงและปวดร้าว
"ต้าเหนียงจื่อ เหนื่อยแล้วล่ะสิ" ซีหย่วนวางกระบุงข้างกายเธอ ใบหน้าอ่อนเยาว์ยิ้มอย่างน่าเอ็นดู "แข็งใจอีกหน่อย ก่อนพระอาทิตย์จะลับเหลี่ยมเขาด้านหน้า พวกเราก็จะกลับถึงหมู่บ้านกันแล้ว"
เซวียเสี่ยวหรั่นพยายามฉีกยิ้ม "ขอบใจนะ ซีหย่วน อุตส่าห์ช่วยข้าแบกมาตลอดทางเลย"
ซีหย่วนเกาศีรษะ ตอบอย่างเขินอาย "ต้าเหนียงจื่อเกรงใจแล้ว"
"ซีหย่วน ขอถามหน่อยสิ วันก่อนข้าปีนขึ้นไปบนยอดไม้ดูทาง เหมือนว่าจะเห็นแตู่เาลูกใหญ่ แต่ไม่มีวี่แววของควันไฟจากครัวเรือนเลย หมู่บ้านของพวกเ้าใช่อยู่ที่นั่นรึเปล่า"
ทุกครั้งที่เธอปีนขึ้นไปสังเกตการณ์บนยอดไม้ สิ่งที่เห็นนอกจากูเาก็มีแต่ต้นไม้ใบหญ้า ไม่เห็นบ้านเรือนของผู้คนสักแห่ง ดังนั้นยามพวกเขาปรากฏตัว เธอจึงรู้สึกงุนงงว่าคนเหล่านี้โผล่มาจากไหนกันแน่
"ฮ่าๆ ต้าเหนียงจื่ออาจยังไม่ทราบ" ซีหย่วนหัวเราะเสียงดัง สิวแตกเนื้อหนุ่มสองสามเม็ดขึ้นบนใบหน้า แสดงถึงพลังความสดใสของวัยหนุ่มอย่างเต็มเปี่ยม
"แถวนี้มีแต่ยอดเขาสูง ลำพังแค่ปีนขึ้นไปมองบนยอดไม้ก็จะเห็นแต่ทิวเขาสลับซับซ้อน กับต้นไม้เขียวขจี ถ้าอยากจะเห็นบ้านเรือนของผู้คน ต้องปีนไปถึงยอดเขาถึงจะเห็นขอรับ"
"อ้อ ที่แท้ก็เป็อย่างนี้เอง มิน่าล่ะ" เซวียเสี่ยวหรั่นตระหนักรู้ทันใด "เ้าไม่รู้หรอก ทุกครั้งที่ปีนขึ้นดู แล้วเห็นแตู่เากับต้นไม้ ใจข้าร้อนรนจนแทบบ้าตาย"
ซีหย่วนหัวเราะครืน เขาเข้าใจความรู้สึกนี้ได้
"ต้าเหนียงจื่อควรจะปีนขึ้นไปดู่ยามอู่ หรือไม่ก็่มื้อค่ำ หากมีบ้านเรือนผู้คน ก็จะเห็นควันไฟขึ้นมา
"จริงด้วย เหตุใดข้าไม่เคยนึกถึงจุดนี้เลยนะ" เซวียเสี่ยวหรั่นตบเข่าฉาด ภายในใจเต็มไปด้วยความหงุดหงิด
"คงเป็เพราะท่านไม่เคยใช้ชีวิตในป่าดังนั้นจึงนึกไม่ถึงเื่เหล่านี้" ซีหย่วนยิ้มพลางพูดปลอบใจ
"เฮ่อ... ก็ใช่น่ะสิ ถ้ามีประสบการณ์ พวกเราคงไม่ลำบากขนาดนี้"
ชายหนุ่มตรงหน้าพูดจาดีหน้าตาน่าเอ็นดู เห็นแล้วสบายตา เซวียเสี่ยวหรั่นจึงพูดคุยเื่ราวในป่ากับเขาโดยไม่รู้ตัว
เหลียนเซวียนนั่งอยู่ด้านข้างได้ยินทั้งสองคนคุยกันอย่างออกรสชาติ ไม่รู้เพราะเหตุใดอารมณ์จึงผันแปรเป็หงุดหงิด สีหน้างอง้ำ กลิ่นอายเ็าแผ่กำจายทั่วร่าง
ขณะฟังอย่างเพลิดเพลินซีหย่วนพลันรู้สึกได้ถึงกระแสเยียบเย็นรอบตัว เขาทำตาปริบๆ เหลือบมองไปยังบุรุษสีหน้าบอกบุญไม่รับด้านข้าง
"แหะๆ ต้าเหนียงจื่อ ข้าขอตัวไปช่วยพวกเขาก่อน เอาไว้ค่อยคุยกันทีหลังนะขอรับ" ซีหย่วนหน้าเจื่อน ฝืนหัวเราะ ตัดบทการสนทนาของเซวียเสี่ยวหรั่นเสียกลางคัน ก่อนลุกขึ้นวิ่งหนีไป
"เอ๋?" เซวียเสี่ยวหรั่นถูกขัดจังหวะกะทันหันก็อึ้งไปชั่วขณะ "ทำไมจู่ๆ ก็ไปแล้วล่ะ"
เหลียนเซวียนเหลือบมองนางก่อนเบือนหน้าไปทางอื่นทำเหมือนว่าไม่เกี่ยวข้องกับเขา
อาหารกลางวันยังคงเป็โจ๊กหม้อหนึ่ง แต่ในนั้นมีไก่ป่าที่เพิ่งล่ามาใหม่เพิ่มเข้ามาอีกตัว โจ๊กที่เจือไปด้วยกลิ่นหอมของเนื้อไก่ รสชาติย่อมดีขึ้นมาก
หลังกินมื้อเที่ยงเสร็จ ทุกคนก็รีบเก็บข้าวของแล้วเดินทางต่อ
ซีหย่วนยังคงวิ่งมาช่วยสะพายกระบุงขึ้นหลัง แต่ครั้งนี้เขาแทบไม่พูดอะไรเลย เพียงแค่ทักทายคำเดียวแล้วก็วิ่งไป
ทำให้เซวียเสี่ยวหรั่นงุนงงอยู่บ้าง
เหลียนเซวียนทำหน้าตาย แต่มุมปากกลับหยักโค้งน้อยๆ เผยให้เห็นว่ายามนี้กำลังอารมณ์ดีมาก
เส้นทางูเา่ท้ายสุดราบเรียบกว่าเดิมมาก ประกอบกับเห็นหมู่บ้านอยู่ไกลๆ หัวใจของทุกคนลอยไปถึงบ้านกันหมดแล้ว ใต้ฝ่าเท้าแทบจะติดปีกทะยาน
เซวียเสี่ยวหรั่นเดินตามลำบากกว่าเดิม ถูกทิ้งรั้งท้ายห่างจากพวกเขาอยู่หลายหน ซีต้าเฉียงจึงต้องบอกให้ทุกคนช้าลงหน่อย รอให้นางตามมา
เซวียเสี่ยวหรั่นเหนื่อยจนแทบขาลาก กัดฟันทนจนตามมาทัน
วันนี้ซีติ้งไม่กล้าแผลงฤทธิ์ ทำตัวราวกับเป็คนซื่อ แต่ยังคอยลอบมองเซวียเสี่ยวหรั่นกับเหลียนเซวียนด้วยแววตามาดร้ายอยู่เป็ระยะ
ตลอดการเดินทางล้มลุกคลุกคลาน ในที่สุดดวงตะวันก็ลับขอบฟ้า หลังจากข้ามช่องเขามาแล้ว ภาพของหมู่บ้านประปรายก็มาปรากฏอยู่เบื้องหน้า
"นะ... ในที่สุดก็ถึงเสียที" ยามได้เห็นบรรยากาศของหมู่บ้านเชิงเขายามฤดูใบไม้ผลิ เซวียเสี่ยวหรั่นก็ซาบซึ้งจนน้ำตาคลอเบ้า
มัมมา มียา! [1] หากยังไม่ถึงอีก ขาของเธอต้องหักแน่แล้ว
"ต้าเหนียงจื่อ เลี้ยวไปข้างหน้าก็คือเรือนหลังเก่าของครอบครัวซีหย่วน พวกท่านไปทัพที่นั่นชั่วคราวก่อน พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะเอาหมีดำไปขายในเมือง ท่านวางใจได้ ขายได้ราคาเท่าไรก็เท่านั้น ข้าซีต้าเฉียงจะไม่โลภงุบงิบเงินท่านแม้แต่แดงเดียว"
ซีต้าเฉียงตบอกรับประกัน ในฐานะผู้นำตระกูลซี ความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวส่วนนี้ย่อมต้องมีอยู่
"ท่านลุงซี ขอบคุณพวกท่านมากเ้าค่ะ เมื่อพวกเราฝากฝังกับพวกท่านแล้ว ย่อมจะไว้เนื้อเชื่อใจท่าน" เซวียเสี่ยวหรั่นเหนื่อยจนแทบไม่มีเรี่ยวแรงพูดจา
ซีต้าเฉียงเห็นสีหน้าอ่อนเพลียของนางแล้วก็หัวเราะ "เมื่อเป็เช่นนี้ ก็แบกหมีตัวนั้นกลับไปไว้บ้านข้าแล้วกัน"
ที่นี่ตั้งอยู่ท้ายหมู่บ้าน เรือนของซีต้าฉีอยู่ส่วนหน้าของหมู่บ้าน หากเอาหมีไปไว้ที่นั่น พรุ่งนี้เช้าจะได้หามออกเดินทางได้เลย ดังนั้นซีต้าเฉียงจึงคิดจะเอาหมีดำกลับไปบ้านของเขา
เขากับเซวียเสี่ยวหรั่นปรึกษากันเื่นี้แล้ว
เซวียเสี่ยวหรั่นโบกมืออย่างไร้เรี่ยวแรง "ท่านลุงซีจัดการตามสะดวกเลยเ้าค่ะ"
"มู่คุน เ้ากับมู่เซิงอยู่ช่วยที่นี่ก่อน ดูว่าต้าเหนียงจื่อ้าสิ่งใด ก็ช่วยจัดการทีเถอะ" ซีต้าเฉียงกำชับ ก่อนออกคำสั่งให้พวกซีหย่วนหามหมีดำตัวนั้นไป
"ต้าเหนียงจื่อคงจะเหนื่อยแล้ว โปรดรอสักครู่ พวกเราจะหามน้องเหลียนเข้าไปก่อน ค่อยออกมาช่วยท่าน" ซีมู่คุนหัวเราะ ก่อนหามเหลียนเซวียนเลี้ยวเข้าไปตรงทางแคบสายหนึ่ง"
เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นเช่นนั้นก็กัดฟัน หิ้วกระบุงที่ซีหย่วนวางไว้ขึ้นมา แล้วค่อยๆ เดินทีละก้าวตามไป
อาเหลยเดินตามเธอตลอดเวลา ไม่ว่าจะเดินหรือหยุด
"ต้าเหนียงจื่อ ข้าเองๆ" ไม่ช้าซีมู่เซิงก็วิ่งเข้ามา ยิ้มพลางรับกระบุงไปจากมือของเธอ
เห็นเขายังเดินเหินคล่องแคล่วเหมือนเดิม เซวียเสี่ยวหรั่นก็ยิ้มขื่น นวดขาที่แข็งทื่อราวกับถูกกรอกด้วยตะกั่ว
...
[1] เป็คำร้องท่อนฮุคของเพลง Mumma Mia! Hear we go again จากภาพยนตร์ชื่อเดียวกัน
