เมื่ออวิ๋นจื่อตื่นขึ้น ดวงอาทิตย์ก็ลอยสูงแล้ว
หงจินกระซิบว่าคุณชายมู่กำลังรออยู่ด้านนอก
อวิ๋นจื่อรีบลุกจากเตียงทันที
โดยปกติแล้วหากไม่ส่งข่าวบอกมู่ชิงซ่งก่อนอวิ๋นจื่อจะไม่สามารถพบเขาได้ เพราะตอนนี้เขามีครอบครัวแล้ว มีเพียงสองเหตุผลเท่านั้นที่เขาจะมาที่นี่ด้วยตนเอง
เหตุผลแรกคือชิงเกอถูกฆ่าตาย
เหตุผลที่สองคือประมุขตระกูลมู่กลับมาแล้ว
ไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ล้วนเป็เื่ดีสำหรับนางแน่นอน
จู่ๆ ความคิดของอวิ๋นจื่อก็เปลี่ยนไป นางเริ่มคิดว่านานแค่ไหนแล้วที่เย่เช่อไม่ได้มาหานาง
นางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
หรือตอนพบกันครั้งล่าสุดเขาไม่พอใจในท่าทีของนาง?
อวิ๋นจื่อรู้สึกโกรธเล็กน้อย
เย่เช่อผู้นี้เห็นได้ชัดว่าไม่ได้คิดจริงจังกับนางเลย!
อารมณ์ของอวิ๋นจื่อเริ่มขุ่นมัวอีกครั้ง
แม้แต่มู่ชิงซ่งก็ยังสังเกตเห็นสีหน้าของอวิ๋นจื่อ
“เกิดอะไรขึ้น?”
อวิ๋นจื่อปฏิเสธอย่างเหนียมอายว่า “ไม่มีอะไร” แล้วนางก็รีบเสริมว่า “ว่าแต่ท่านประมุขกลับมาแล้วหรือ?”
มู่ชิงซ่งพยักหน้า “ใช่ นางจะมาหาเ้าแน่นอน เ้าไม่ต้องกังวล นอกจากนี้ แม้ว่าเื่ของชิงเกอจะได้รับการสะสางแล้ว เ้าก็ต้องระวังตัวให้ดี”
อวิ๋นจื่อยิ้มอย่างอ่อนโยน “ขอบคุณคุณชายมู่ที่เตือน ข้าจะจดจำไว้” นางกล่าวต่อด้วยสีหน้าอ่อนล้าว่า “ข้าคงไม่เหลือจุดอ่อนใดอีกแล้ว”
มู่ชิงซ่งรู้สึกปวดใจ เขากล่าวด้วยความสงสารว่า “อย่าพูดแบบนั้น เ้ายังมีตระกูลมู่อยู่เคียงข้าง ่นี้ให้เก็บตัวก่อนอย่าออกไปข้างนอก หยงโจวใน่เวลานี้ไม่สงบนัก”
อวิ๋นจื่อพยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะหลีกเลี่ยงการออกไปข้างนอกและรอท่านประมุขอยู่ในศาลาฉีอวิ๋น”
มู่ชิงซ่งกำชับอีกครั้งก่อนจะจากไปอย่างรวดเร็ว
หญิงสาวที่สดใสและมีเสน่ห์เช่นนี้ เขาย่อมอยากอยู่กับนางไปชั่วชีวิต
อย่างไรก็ตามเขาไม่มีโอกาสนั้นแล้ว
หลังจากที่อวิ๋นจื่อส่งมู่ชิงซ่งกลับไป หัวใจของนางก็รู้สึกว่างเปล่ามากขึ้นเรื่อยๆ
ในเวลาเพียงสิบห้าปี คนสำคัญของนางล้วนจากไปจนหมดสิ้น
นอกจากเสด็จพ่อเสด็จแม่แล้ว จินเหนียงก็ยังด่วนจากไปอีกคน ในตอนนี้แม้แต่คนที่ไว้ใจได้สักคนก็ไม่มีแล้ว เวลาผ่านไปไวเหมือนสายลม มันผ่านไปเร็วจนไม่ทิ้งอะไรไว้เื้ั
ท้ายที่สุดแล้วหากคำทำนายเป็จริง ใครจะร่วมยินดีกับนาง?
ค่ำคืนกำลังคืบคลานเข้ามาอย่างช้าๆ อวิ๋นจื่อหลับไปพร้อมกับความกังวล
อวิ๋นจื่อนอนหลับง่ายเป็ทุนเดิมอยู่แล้ว แต่วันนี้เพราะความกังวลที่อยู่ในใจได้ถูกลบล้างออกไปบางส่วน นางจึงนอนหลับได้สนิทกว่าเดิม
จู่ๆ ก็มีลมพัดม่านเตียงให้สั่นไหวอย่างแ่เบา
อวิ๋นจื่อใมาก
นางลุกขึ้นเงียบๆ และเห็นเงาดำลอดผ่านช่องว่างในม่านเตียงเข้ามาอย่างช้าๆ เมื่อมองดูรูปร่างของอีกฝ่าย เห็นได้ชัดว่านี่คือหญิงสาวคนหนึ่ง
อวิ๋นจื่อกลัวมาก
นางเป็คนที่ทะนุถนอมชีวิตของตัวเองเสมอมา ดังนั้นนางจึงขยับตัวเข้าไปด้านในของเตียงด้วยความหวาดหวั่น
ทันใดนั้นม่านเตียงก็ถูกเปิด
ภายใต้แสงนวลของดวงจันทร์ นางมองเห็นคมดาบที่ส่องประกายอย่างชัดเจน
สตรีก็ใช้ดาบได้ด้วยหรือ?
หากดูจากลักษณะท่าทางแล้ว อีกฝ่ายย่อมเป็มือสังหารผู้ช่ำชองอย่างแน่นอน
‘ข้ามีศัตรูที่น่ากลัวแบบนี้ั้แ่เมื่อใด?’
ในขณะที่อวิ๋นจื่อกำลังมึนงง ปลายดาบก็จ่ออยู่ที่ลำคอของนางแล้ว
อวิ๋นจื่อตื่นตระหนกกับกลิ่นอายอันเ็าของคมดาบ
“เ้า...เ้าเป็ใคร เ้าเข้ามาได้อย่างไร?” อวิ๋นจื่อถามด้วยความหวาดกลัว
เสียงเย้ยหยันที่ตอบกลับมานั้นเป็เสียงของคนที่อวิ๋นจื่อเกลียดชังมาตลอด
“เ้ายังไม่ตายหรือ? ช่างบังเอิญจริงๆ ข้าก็ยังมีชีวิตอยู่เช่นกัน!”
ที่น่าแปลกใจคือคนคนนี้กลับเป็โจวยี่
อวิ๋นจื่อมองไปที่ร่างของหญิงสาวในชุดดำด้วยสีหน้าเ็า เมื่อรู้ตัวตนของฝ่ายตรงข้ามแล้วความกลัวที่อยู่ในใจของอวิ๋นจื่อก็ถูกลบล้างออกไปโดยไม่ทราบสาเหตุ
บางทีหลังจากผ่านเื่ราวอันแสนสาหัสมามากมาย สภาพจิตใจของนางก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเช่นกัน
“เ้าจะฆ่าข้าหรือ?” อวิ๋นจื่อถามเบาๆ
โจวยี่ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความเคียดแค้น นางกล่าวอย่างเ็าว่า “ใช่ เ้าไม่กลัวหรือ? เ้ารู้หรือไม่ว่าข้าจำเ้าได้อย่างไร?”
อวิ๋นจื่อไม่สนใจและกล่าวว่า “ต้องรบกวนให้โจวกุ้ยเฟยผู้สูงศักดิ์ชี้แนะด้วย”
โจวยี่เผยรอยยิ้มเหยียดหยัน “คนของข้าติดตามเ้ามาตลอดทางจนถึงหยงโจว ข้าจึงรู้ว่าเ้าทำอะไรและซ่อนตัวอยู่ที่ไหน”
อวิ๋นจื่อััได้ถึงความสิ้นหวังที่เอ่อล้นขึ้นมาในใจ แต่นางก็ยังกล่าวด้วยท่าทางสบายๆ ว่า “แล้วเหตุใดเ้าไม่ฆ่าข้าั้แ่ตอนนั้น?”
ดวงตาของโจวยี่มืดลงเล็กน้อย โชคดีที่เป็เวลากลางคืน อวิ๋นจื่อจึงมองเห็นใบหน้าของนางไม่ชัดเจน
นางยิ้มอย่างเ็าและกล่าวว่า “เ้าคิดว่าด้วยความสามารถของเ้า เ้าจะสามารถหลบหนีจากอวิ๋นเมิ่งภายใต้จมูกของข้าได้หรือ?”
อวิ๋นจื่อตอบกลับว่า “ไม่ใช่ว่าข้าหนีมาแล้วหรือ?”
โจวยี่โกรธมาก “หากไม่ใช่เพราะข้าเคยให้สัญญากับอวิ๋นเซียวว่าตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่และถึงแม้ข้าจะตายไป คนของข้าก็จะไม่แตะต้องเ้าแม้แต่ปลายนิ้ว ป่านนี้เ้าคงตายไปเป็สิบรอบแล้ว”
อวิ๋นเซียว?
อวิ๋นจื่อตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะถามว่า “เ้าหมายถึงเสด็จอาหรือ?”
อีกฝ่ายกลอกตา “แล้วเ้าคิดว่าเป็ใครกัน? เ้ารู้หรือไม่ข้าต้องใช้ความพยายามมากเพียงใดกว่าจะสังหารเสด็จพ่อของเ้าได้?”
สตรีคนนี้น่าจะเป็หนึ่งในคนที่หลงเสน่ห์เสด็จอาของนาง
อวิ๋นจื่อยิ้ม “โจวยี่เ้าควรไปได้แล้ว ข้าไม่ได้อยู่ลำพังที่นี่”
โจวยี่กล่าวอย่างเฉยเมย “กลัวอะไร! ในฐานะศิษย์ของสำนักชิงซาน เ้าคิดว่าข้าจะกลัวสุนัขไม่กี่ตัวที่ถูกเลี้ยงดูโดยคหบดีหรือ?”
อวิ๋นจื่อโพล่งออกมาด้วยความใ “เ้ามาจากสำนักชิงซานหรือ? ไม่แปลกใจเลยที่เ้าชอบเสด็จอาของข้า”
โจวยี่ไม่สนใจ นางกล่าวอย่างเ็าว่า “ข้าย่อมจากไปแน่ แต่ในอนาคตหากเ้าทำสิ่งที่เ้าปรารถนาได้สำเร็จ เ้าต้องปล่อยคนตระกูลโจวไป”
เมื่อรู้ว่าสตรีที่อยู่ตรงหน้าไม่คิดจะฆ่านางั้แ่แรกอวิ๋นจื่อก็ไม่มีความหวาดกลัวอีกต่อไป นางลุกขึ้นยืนและกระชากเสียงทันที “โจวกุ้ยเฟยเ้าควรไปเดี๋ยวนี้!”
‘เหตุใดเ้าถึงคิดว่าหลังจากเื่ราวทั้งหมด ข้าจะยังปล่อยให้คนตระกูลโจวเสวยสุขต่อไปได้ ข้าจะไม่มีวันไว้ชีวิตใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับหนี้เืในครั้งนี้รวมถึงเ้าด้วยโจวยี่’
เหตุการณ์ของชิงเกอทำให้อวิ๋นจื่อเข้าใจว่า บางครั้งแม้นางจะไม่ยั่วยุผู้อื่น นางก็ยังไม่สามารถหลีกเลี่ยงปัญหาได้อยู่ดี
นางคือองค์หญิงใหญ่แห่งตำหนักเหวินฮวา
นางมีสายเืตระกูลอวิ๋น
ดังนั้นนางจะไม่มีวันใจอ่อนเป็อันขาด
ในขณะนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านนอก
โจวยี่จึงจากไปอย่างรวดเร็ว
อวิ๋นจื่อเห็นหงจินเดินเข้ามาด้วยสภาพงัวเงีย
เมื่อหงจินถามว่าเกิดอะไรขึ้น อวิ๋นจื่อก็ส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวเพียงว่า “เรียกคนจากตระกูลมู่ที่อยู่ด้านนอกมาพบข้า”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้