มหาลัยDL
14:30น.
เวียงพิงค์
“มาดามคะ^_^” ฉันวิ่งออกจากห้องสอบเข้าไปหามาดามที่ยืนรอฉันอยู่หน้าห้องสอบนานนับสามชั่วโมง สอบหมอนี่หนักมากและยากมากเช่นกัน ฉันใช้เวลาสามวันก่อนสอบทุ้มให้กับการอ่านหนังสืออย่างขมักเขม้น ที่จริงตอนที่ฉันอยู่บ้านหลังเก่าฉันก็จะไปนั่งอ่านหนังสือตามร้านหนังสือเเถวๆบ้านที่เขาปล่อยให้เช่าหนังสือและสามารถนั่งอ่านที่ร้านได้เลย ซึ่งฉันสนิทกับเ้าของร้านน่ะเขาเลยให้ฉันนั่งที่ร้านเขาได้ตามสบายเลย
“เป็ยังไงบ้างคะ...ยากไหม?” มาดามหยิบแว่นกันแดดลงมาจากดวงตาคู่สวยทั้งสองข้างของเธอและมองมาที่ฉัน เราสบตากันและฉันก็ยิ้มกว้างขึ้นมา มาดามก็ยิ้มตามฉัน ตอนแรกฉันนึกว่าท่านจะดุและเ้าระเบียบจนน่ากลัว แต่ที่จริงแล้วท่านเป็คนใจดีมากๆเลยล่ะ
“ยากนิดหน่อยค่ะ” ฉันตอบมาดามไปตามความจริง แต่โชคดีที่ฉันอาจและเจอเื่ที่สอบวันนี้เลยทำให้ข้อสอบง่ายนิดนึง
“ผลสอบออกเมื่อไรคะ?” มาดามเอ่ยถามฉันในขณะที่เรากำลังจะเดินออกจากมหาลัยเรามารถไฟฟ้าน่ะ เพราะถ้าฉันสอบติดที่มหาลัยนี้ รถไฟฟ้าจะเป็ที่พาฉันมามหาลัยโดยปลอยภัยและถึงที่สบายๆๆ มันใกล้กับบ้านของท่านเ้าสัวและมหาลัยพอดี นั่งรถไฟฟ้าประมาณยี่สิบนาทีก็ถึงมหาลัยDLแล้ว
“อาทิตย์หน้าค่ะ เพราะมหาลัยจะเปิดเดือนหน้านี้แล้ว มาดามคะผิงตื่นเต้นมากเลยค่ะ^_^” ฉันหยุดเดินและเอ่ยบอกมาดามไป ท่านก็หันมามองหน้าฉันและยื่นมือมาจับมือฉันไปกุมไว้
“หนูผิง ถ้าเกิดว่าหนูผิงสอบติดที่นี้ ฉันอยากจะขอร้องอะไรหนูผิงสักเื่จะได้ไหม?” มาดามพูดขึ้นด้วยสีหน้าลำบากใจและนำ้เสียงของท่านช่างดูกังวล ฉันเลยลูบมือมาดามและยิ้มบางๆให้ท่าน
“มาดามดีกับหนูผิงทุกอย่าง มาดามขอร้องหนูผิงแบบนี้ หนูผิงไม่กล้าที่ปฏิเสธมาดามหรอกค่ะ^_^”
“จริงเหรอคะ?”มาดามว่าอย่างตื่นเต้นและดีใจ
“ค่ะ^_^” ฉันตอบมาดามไปด้วยนำ้เสียงมั่นใจท่านก็เลยยิ้มและกุมมือฉันแน่นขึ้นกว่าเดิม และท่านก็จูงมือฉันให้เดินตามท่านไป ท่านเดินเร็วมาก มากจนฉันแทบจะขาพันกันล้มแหนะ
สถานฝึกสอน เทควันโดTHE BIG BOOS
มาดามพาฉันมาหยุดยืนอยู่หน้าตึกหลังใหญ่และฉันก็เงยหน้าขึ้นไปอ่านป้ายชื่อขนาดใหญ่ของที่นี้ สถานฝึกสอนเทควันโดเหรอ ฉันยืนกระพริบตาปริบๆมองป้ายชื่อสลับกับหน้าของมาดามที่ยืนมองหน้าฉันพร้อมกับรอยยิ้มแปลกๆ ของท่าน ทำให้ฉันนึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมา
“มาดามพาหนูผิงมาที่นี้ทำไมเหรอคะ?” ฉันเอ่ยถามมาดามไปด้วยความสงสัย มาดามก็ปล่อยมือฉันเปลี่ยนมาจับไหล่ทั้งสองข้างของฉันแทน
“นี้คือสิ่งที่ฉันอยากจะขอร้องเธอ..หนูผิงฝึกเรียนเทควันโดให้ฉันได้ไหม?” นำ้เสียงของมาดามเอ่ยขึ้นอย่างขอร้อง ฉันจึงกระพริบตาปริบๆ ท่านอยากให้ฉันเรียนไปทำไมกันน่ะ ฉันจะไม่โดนซ้อมตายก่อนเหรอเนี่ย
“แต่ว่า” ฉันอ้ำๆ อึ้งๆ ฉันจะบอกมาดามไปยังไงล่ะ คนอย่างฉันนี้น่ะเหรอจะเรียนการต่อสู้ได้น่ะ มีหวังลงไปให้คู่ซ้อม ซ้อมฉันตายกันพอดี
“ทำเพื่อฉันได้ไหมหนูผิง” นำ้เสียงของมาดามและสายตาของท่านทำให้ฉันเผลอพยักหน้าไปโดยไม่รู้ตัว ฉันอยากจะเอามือเขกกระบาลตัวเองสักทีสองทีจริงๆเลย
“ขอบคุณมากหนูผิง งั้นเริ่มวันนี้เลย!!!” มาดามพูดขึ้นและลากตัวฉันเข้าไปในตึกนั้นอย่างไว และเธอก็แนะนำให้ฉันรู้จักกับอาจารย์ที่จะมาสอนเทควันโดให้ฉันโดยตรงและที่สำคัญเขาจะสอนให้ฉันแค่คนเดียวและทุกวันด้วย วันละสามชั่วโมงและพอกลับไปบ้านฉันก็ต้องไปออกกำลังทุกวัน อีกวันละสามสิบนาทีเช่นกัน ฉันจะตายไหมหนิ? อาจารย์ของฉันชื่อว่าอาจารย์เคน เขาเป็หลานชายของมาดามแท้ๆเลย เขาให้ฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดนักเรียนมัธยมปลายเป็ชุดเทควันโดสายขาว และตลอดเวลาที่ฉันลงฝึกซ้อมกับอาจารย์เคนมาดามจะคอยยืนกอดอกและคอยให้อาจารย์เคนสอนท่าไม้ตายของเทควันโดให้ฉันอย่างรวบรัด และท่านยังจะให้ฉันล้มอาจารย์เคนให้ได้อีก แต่ฉันก็ล้มอาจารย์ไม่ได้เลยฮือๆ
บ้านส่วนตัวของเ้าสัว
19:30น.
“อื้อออ ปวดไปทั้งตัวเลยค่ะมาดาม” ฉันพูดขึ้นและนั่งลงเหยียดขาทั้งสองข้างยาวไปกับพื้นปูนกระเบื้องราคาแพงในห้องนั่งเล่น เอามือทุบๆไปตามขาเรียวขาวของฉัน มาดามที่นั่งอยู่บนโซฟานั่งอ่านเขียนอะไรสักอย่างอยู่ก็มองมาที่ฉันและยิ้มขึ้นอย่างใจดี
“อดทนนะจ๊ะหนูผิง หนูต้องเข้มแข็ง การเรียนเทควันโดต้องใช้สมาธิเป็หลัก เธอต้องมีสมาธิมองคู่ต่อสู้ให้ออกถึงเธอจะสามารถล้มเขาได้อย่างง่ายดาย” มาดามพูดไปพลางยิ้มให้ฉัน ฉันก็ยิ้มแหยๆส่งไปให้ท่านและหยิบหนังสือคู่มือหมอมือใหม่ขึ้นมาอ่านไปด้วยอีกมือก็ทุบขาทุบแขนไปด้วย มันปวดไปทั้งตัวเลย พรุ่งนี้ฉันต้องระบมทั้งตัวแน่ๆ
“นี่ หนูผิง” มาดามเอ่ยขึ้น ฉันจึงเอาที่คั่นหนังสือมาคั่นหน้าที่ฉันอ่านค้างไว้และเงยหน้าขึ้นไปมองหน้ามาดาม
“คะ?”
“พ่อเธอท่านลำบากใช่ไหม?”
“ใช่ค่ะ พ่อต้องทำงานเลี้ยงหนูผิงและแม่เลี้ยงของหนูผิง พ่อทำงานหนักมากค่ะ หาเช้ากินคำ่หนูผิงสงสารพ่อเหลือเกิน” ฉันพูดไปพลางนึกถึงพ่อของฉันไปด้วย ไม่รู้ว่าป่านนี้พ่อนัยจะเป็ยังไงบ้างน่ะ กินข้าวครบทุกมื้อหรือเปล่าและเขามีเงินซื้อกับข้าวไหม มีเงินจ่ายค่าเช่าบ้านรึเปล่า มีเงินให้พี่แพรวาไปเรียนหนังสือไหม ฉันเป็ห่วงพ่อจัง
“พ่อหนูผิงทำงานอะไร?” มาดามเอ่ยถามฉัน ฉันจึงเงยหน้ากลับไปยิ้มให้มาดาม
“ทำงานก่อสร้างค่ะ งานของพ่อค่อนข้างหนักหนาเกินตัวพ่อไปหน่อย แต่ท่านเก่งค่ะ ทั้งที่ตัวท่านเองก็ไม่ค่อยจะสบายเป็โรคประจำตัวก็ยังทนไปทำงานทุกวัน หนูผิงสงสารพ่อค่ะมาดาม” ฉันพูดขึ้นดวงตาของฉันเอ่อคลอไปด้วยนำ้สีใสที่พร้อมจะไหลรินออกมา มาดามจึงยื่นมือมาลูบผมฉันเพื่อปลอบโยน
“ชีวิตของคนเราเกิดมามีกรรมทุกคน ชีวิตเราถูกลิขิตมาแล้วหนูผิง ชีวิตของหนูถูกกำหนดให้มาเป็ผู้หญิงของมาเฟีย” มาดามพูดไปด้วยลูบผมฉันอย่างอ่อนโยนไปด้วย คำพูดของมาดามทำให้ฉันมองหน้าท่านแทบจะทันที ผู้หญิงของมาเฟียคืออะไรกันนะ
“ไม่ต้องทำหน้าสงสัย เธอมีหน้าที่คือเรียนหมอของเธอไปแต่เธอต้องทำตามที่ฉันบอกทุกอย่าง ฉันจะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือพ่อของเธอเองหนูผิง” มาดามบอกฉันทั้งแววตาและท่าทางของท่านดูเอาจริง ฉันจึงพยักหน้าและค่อยๆ ขยับตัวเข้าไปเอนหัวซบลงไปบนตักของมาดาม ฉันมีความคิดที่อยากจะนอนตักแม่สักครั้งเหมือนตอนที่ฉันยังเป็เด็ก
“เหนื่อยหน่อยนะหนูผิง แต่มันจะเป็ผลดีกับเธอในอนาคตข้างหน้า” มาดามพูดบอกฉัน ฉันจึงพยักหน้าเข้าใจท่านและค่อยๆหลับตาที่หนักอึ้งของฉันให้ปิดลง ฉันเหนื่อยแขนล้าขาล้าไปหมด เทควันโดเป็กีฬาที่ต้องใช้สติและสมาธิบวกความเเข็งแรงของร่างกายเยอะมากจริงๆ แต่ฉันจะตั้งใจฝึกสอบตามที่มาดามขอร้องฉันให้ดีที่สุด
“หลับเถอะจ๊ะ วันนี้เหนื่อยมามากแล้ว” มาดามบอกฉัน ฉันก็พยักหน้ารับรู้อีกแต่ไม่ได้ลืมตาขึ้นไปมองท่านเลย ท่านเ้าสัวไปไหนกันนะ เขาไม่ได้เข้ามาที่บ้านหลังนี้สามวันแล้ว สงสัยเขาจะงานยุ่งมากมั้ง แต่ว่าฉันคิดถึงเขาจังเลย ตอนนี้ที่บ้านเหลือแค่ฉันกับมาดามแค่สองคนเพราะมาดามไล่พี่ผู้หญิงสองคนนั้นออกไปแล้ว ฉันจึงต้องช่วยมาดามทำงานบ้านทุกอย่างแม้ท่านจะไม่ให้ฉันทำก็ตาม แต่ฉันจะทำยังไงได้ล่ะ ก็คนมันเคยทำนี่น่าอยู่ๆ จะให้ฉันกินและนอนอยู่เฉยๆได้ยังไงกันล่ะ
อาทิตย์ต่อมา
“เอึกกก” ฉันจ้องแผ่นกระดาษบนกระดาษหน้าตึกคณะแพทยศาสตร์จนดวงตาทั้งสองข้างของฉันแทบจะถลนออกมาและฉันก็ยิ้มกว้างขึ้นเมื่อชื่อของฉันอยู่เป็ลำดับที่หนึ่งในการสอบเข้าคณะแพทยศาสตร์ของที่นี้
“คะแนนอันดับหนึ่ง!!” มาดามที่ยืนอยู่ข้างๆฉันเอ่ยขึ้น ฉันจึงหันไปมองหน้าท่านและเราทั้งคู่ก็ยิ้มให้กัน ฉันะโกอดมาดามด้วยความดีใจ
“เก่งมากลูกเก่งมาก” มาดามกอดฉันแน่นพลางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงชื่นชมและภาคภูมิใจในตัวฉัน ฉันก็กอดท่านแน่นเหมือนกัน
“หนูผิงทำสำเร็จแล้วค่ะมาดาม หนูผิงทำได้^_^” ฉันเอ่ยบอกมาดามไปด้วยนำ้เสียงดีใจและเราทั้งคู่ก็กอดกันพลางโยกย้ายร่างกายไปมาด้วยความดีใจ จนนักเรียนที่ต่างพากันมาดูคะแนนสอบของตัวเองต้องค่อยๆถอยออกห่างจากเราสองคนไปด้วยท่าทางหวาดกลัว
“ขอโทษค่ะ” ทั้งฉันและมาดามต่างหันไปขอโทษพวกเขาและมาดามก็จูงมือฉันออกมาจากที่ตรงนั้น มุ่งตรงไปยังทางออกของมหาลัย เื่เสื้อผ้าของมหาลัยมาดามเป็คนจัดการให้ฉันทุกอย่างไม่ว่าจะเื่สมัครเรียนเื่ค่าใช้จ่ายอะไรต่างๆเห็นว่ามีรับน้องก่อนมหาลัยเปิดด้วยนะ
“นี่หนูผิง” มาดามพาฉันเดินไปยังรถแท็กซี่ที่จอดรอผู้โดยสารอยู่แล้วเอ่ยขึ้น
“คะมาดาม?” ฉันขานรับท่าน
“เดี๋ยวหนูผิงต้องไปเรียนยิงปืน” คำพูดของมาดามทำให้ฉันหยุดเดินอย่างกระทันหันจนทำให้มาดามที่จับมือฉันเดินนำหน้าอยู่ต้องหยุดเดินเช่นกันและหันมามองหน้าฉันด้วยความแปลกใจ
“ยะยิงอะไรนะคะ?” ฉันมองหน้าท่านด้วยสีหน้าวิตกกังวลและเอ่ยถามท่านไปด้วยนำ้เสียงติดขัดสั่นๆด้วยความกลัว
“ซ้อมยิงปืน” มาดามพูดแค่นั้นและท่านก็ไม่ได้ให้โอกาสอะไรฉันได้ถามท่านต่อ ท่านลากฉันไปขึ้นรถแท็กซี่ทันที และมุ่งหน้าไปยังสนามซ้อมยิงปืนที่ใหญ่ที่สุดของที่นี้ และท่านก็ยิงให้ฉันดู
“ใส่ที่คลอบหูซ่ะ” ท่านเอ่ยบอกฉัน ฉันจึงหยิบที่คลอบหูสีดำขึ้นมาใส่ตามคำสั่งของมาดามและตามด้วยดึงแว่นลงมาปิดดวงตาทั้งสองข้างของฉัน
“ยกแขนขึ้นตั้งท่าและเล็งไปยังเป้าหมายที่เราจะต้องยิง ประสานใจให้เป็หนึ่งมองไปที่ปลายกระบอกปืน” มาดามพูดขึ้นพลางมองมาที่ฉันเพื่อให้ฉันทำตามท่าของท่าน ฉันจึงทำท่าให้เหมือนท่านและยกปืนที่มีนำ้หนักพอตัวยกสูงขึ้น ประสานใจให้เป็หนึ่งมองไปยังปลายกระบอกปืนและเล็งไปยังเป้าหมายที่เราจะยิง
“พร้อม” มาดามเอ่ยถามฉัน
“พร้อมค่ะ!!” ฉันตอบเสียงดังฟังชัด มาดามยกยิ้มขึ้นอย่างพอใจ
“เล็งเป้าหมาย” มาดามพูดขึ้นและยกแขนยืนตรงเล็งปลายกระบอกปืนไปยังเป้าหมาย ฉันจึงทำตามท่านเเละมองไปยังหุ่นรูปตัวคนที่เป็กระดาษเเผ่นใหญ่
“เล็งเป้าหมายแล้วค่ะ!!” ฉันตอบท่านอีกและยื่นนิ้วชี้ไปที่ไกลปืนเพื่อพร้อมลั่นไกลทันที ท่านก็ยกยิ้มขึ้นอีก
“อย่าหลับตา สมาธิเป็ตั้ง อย่าเสียสมาธิเด็ดขาด”
“ค่ะ สมาธิเป็ที่หนึ่ง!!”
“1 2 3 ยิง!!”
ปัง ปัง ปัง ปัง
“ดี ถือว่าดี ครั้งแรกของเธอ” มาดามวางปืนลงและหันมาบอกฉันที่วางปืนลงแล้วเช่นกัน ฉันยกมือขึ้นถอดที่ครอบหูออกและหันไปยิ้มให้มาดาม ถึงฉันจะไม่เข้าใจว่ามาดามจะให้ฉันฝึกยิงปืนและเรียนเทควันโดไปทำไมก็เถอะแต่พอฉันเห็นความตั้งใจของมาดามฉันก็ขัดใจท่านไม่ได้จริงๆ
“พอแค่นี้ เสื้อผ้าที่เตรียมจะไปรับน้องต่างจังหวัดฉันเตรียมให้หนูแล้วนะหนูผิง” มาดามบอกฉันในขณะที่เราทั้งคู่กำลังถอดชุดเชฟตัวของการซ้อมยิงปืนออก ฉันจึงหันหน้าไปมองหน้าท่าน
“หนูผิงเตรียมเองก็ได้หนิคะมาดาม” ฉันพูดบอกท่านไปด้วยน้ำเสียงงอแง ท่านจึงหัวเราะขึ้นเบาๆ
“เธอจะเตรียมเองได้ไงหนูผิง เห็นเวลาหัวถึงหมอนก็หลับเป็ตายแล้วนะ” มาดามพูดไปหัวเราะฉันไป ฉันจึงย่นจมูกใส่ท่านและหันไปมองหน้าท่านทันทีที่ตอนนี้เราถอดชุดที่เขาเตรียมไว้ให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว
“มาดามคะ หนูผิงขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ?” ฉันเอ่ยถามมาดามไป ท่านจึงมองหน้าฉันในขณะที่ท่านกำลังเก็บของท่านใส่กระเป๋าเพื่อจะไปซ้อมเทควันโดต่อ งานฉันเยอะมากเลยตอนนี้ ร่างกายของฉันเริ่มปรับสภาพกับเทควันโดได้ขึ้นมาเเล้ว ไม่ว่าจะเตะจะต่อยฝีมือฉันพัฒนาขึ้นมาได้จากสามสิบเปอร์เซ็นต์ในหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มแล้วนะ
“ถามอะไรจ๊ะ?”
“ท่านเ้าสัวไปไหนเหรอคะ?” ฉันเอ่ยถามคำถามที่ฉันอยากรู้มากที่สุดกับมาดามไป ท่านเ้าสัวไม่ได้กลับมาที่บ้านที่ฉันอยู่เลย เขาไม่ได้เข้ามาเกือบจะสองอาทิตย์แล้วไม่รู้ไปไหน บางทีฉันก็อยากจะกดโทรศัพท์หาเบอร์เขาที่บันทึกใส่ไว้ในโทรศัพท์ที่เขาให้ฉัน
“ท่านไปดูงานต่างจังหวัดน่ะ” มาดามตอบฉันไปพลางเก็บของใส่กระเป๋าไปด้วยจนเสร็จ
“อ๋อค่ะ” เขาเอ่ยขึ้นและฉันก็ไม่ได้ถามอะไรมาดามต่อ เพราะฉันและท่านก็รีบเพราะนัดกับอาจารย์เคนไว้แล้วเดี๋ยวจะไปสายเอา ตอนนี้ฉันเริ่มฝึกท่าทุ่มคู่ต่อสู้ได้แล้วน่ะ และเริ่มฝึกท่าสอบเพื่อจะเอาไปสอบเลื่อนขั้นสายในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า พอถึงตอนนั้นมหาลัยของฉันก็คงจะเปิดพอดี ฉันตื่นเต้นจังอีกไม่กี่วันฉันจะได้ไปรับน้อง
แล้ว ฉันจะมีเพื่อนรึเปล่านะ ั้แ่เกิดมาฉันไม่เคยมีเพื่อนเลย ฉันอยากมีเพื่อนจัง ขอให้มีคนอยากเป็เพื่อนกับฉันด้วยเถอะนะคะ^_^
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้