หวังเสี่ยวจื้อ ขันทีเฒ่าผู้มีสายตาเ้าเล่ห์มองไปยังแม่ทัพหนุ่มด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยความหิวกระหาย แต่ถึงอย่างนั้น น้ำเสียงที่เปล่งออกมากลับแฝงไปด้วยความสุภาพอ่อนน้อม ขันทีเฒ่าค่อยๆ เคลื่อนกายเข้ามาใกล้แม่ทัพหนุ่มทีละน้อย ราวกับนักล่าที่ค่อยๆ ขยับเข้าใกล้เหยื่อโดยไม่ให้อีกฝ่ายทันรู้ตัว เขานั่งลงใกล้ชิดจนแทบจะแนบสนิทกับแม่ทัพ ฉินเย่เหวิน
“แม่ทัพ ฉินเย่เหวิน ข้าหวังเสี่ยวจื้อ รู้สึกปลาบปลื้มยินดียิ่งนักที่ท่านได้กรุณามาเยี่ยมเยือนข้าในวันนี้” หวังเสี่ยวจื้อกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงไว้ด้วยความยินดีอย่างยิ่ง “ความสง่างามของท่านนั้น สูงส่งยิ่งกว่าคำล่ำลือของผู้คนเสียอีก ท่านช่างเป็ชายที่น่าชื่นชมจริงๆ”
บรรยากาศรอบตัวเหมือนถูกปกคลุมด้วยความรู้สึกอึดอัด แม่ทัพหนุ่มรู้สึกได้ถึงความไม่สบายใจในหัวใจ แม้ขันทีเฒ่าจะใช้คำพูดที่อ่อนโยนและมีมารยาท แต่น้ำเสียงและท่าทีของเขากลับทำให้รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย คล้ายกับว่ามีอะไรบางอย่างที่ซ่อนเร้นอยู่เื้ัคำพูดเ่าั้
“ท่านหวังเสี่ยวจื้อ ท่านกล่าวชมข้าเกินไปแล้ว ข้าก็เป็เพียงแค่แม่ทัพเล็กๆ เท่านั้น จะไปเทียบรัศมีของท่านได้อย่างไร” ฉินเย่เหวินพูดด้วยน้ำเสียงนอบน้อม แม้ว่าภายในใจจะรู้สึกกระอักกระอ่วน “ความสุภาพและอ่อนโยนของท่านที่ข้าได้ยินมานั้น วันนี้ข้าได้เห็นด้วยตาของตนแล้ว ท่านช่างมีความสุภาพอ่อนโยนสมกับที่ได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้จริงๆ”
แม้ว่าเขาจะเอ่ยคำชมออกไป แต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ ในขณะที่เขาพูด หวังเสี่ยวจื้อก็ดูเหมือนจะไม่อาจเก็บซ่อนความตื่นเต้นได้อีกต่อไป มือของขันทีเฒ่าเริ่มขยับไปมาอย่างกระวนกระวาย ก่อนที่จะวางลงบนท่อนขาของตนเอง ใบหน้าของเขายิ้มแย้ม แต่สายตานั้นกลับแอบจับจ้องไปยังตำแหน่งตรงกลางระหว่างขาของตนด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยความหมายที่ไม่อาจคาดเดาได้
บรรยากาศภายในห้องดูเหมือนจะหนักอึ้งขึ้น ฉินเย่เหวินรู้สึกถึงความไม่สบายใจที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เขาก็พยายามรักษาความสงบนิ่ง แสดงออกถึงความสุภาพและสง่างาม
“เชิญแม่ทัพดื่มชาก่อน ชาหอมนี้เด็กๆ ของข้าได้มาจากแดนไกล รสชาติของมันนั้นไม่เลวเลย” หวังเสี่ยวจื้อกล่าวพลางยิ้มอย่างอบอุ่น พลางชี้ไปที่ถ้วยชาที่วางอยู่ตรงหน้าแม่ทัพหนุ่ม แววตาของเขาเปล่งประกายด้วยความพึงพอใจที่มีแขกสำคัญมาเยือน
ฉินเย่เหวินยิ้มรับคำเชิญอย่างสุภาพ แม้ในใจจะรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้คิดมาก เขาหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบตามมารยาท รสชาติของชานั้นหอมละมุนและนุ่มนวลกว่าที่เขาคิดไว้ แต่ความรู้สึกไม่สบายใจยังคงไม่จางหายไป
ในใจของฉินเย่เหวิน เขารู้ดีว่าการที่จะเข้าไปภายในตำหนักผีเสื้ออันเลื่องชื่อนั้น ย่อมต้องมีการเอาอกเอาใจขันทีเฒ่าผู้นี้ให้มาก แม้ว่าความรู้สึกภายในจะบอกให้ระมัดระวัง แต่เขาก็เข้าใจดีว่า การทำตามมารยาทและความคุ้นเคยของราชสำนักนั้นเป็สิ่งสำคัญ การดื่มชาจึงเป็เพียงขั้นตอนเล็กๆ ที่เขาต้องผ่านไปให้ได้
บรรยากาศรอบตัวดูเหมือนจะผ่อนคลายลงบ้าง แต่ก็ยังแฝงไว้ด้วยความไม่แน่นอน ขณะที่แม่ทัพหนุ่มจิบชา หวังเสี่ยวจื้อก็นั่งเฝ้ามองด้วยสายตาที่ไม่อาจคาดเดาได้ ความสง่างามของแม่ทัพหนุ่มดูเหมือนจะทำให้ขันทีเฒ่ายิ่งรู้สึกพอใจ แต่ขณะเดียวกันก็มีบางอย่างในสายตานั้นที่ทำให้รู้สึกเหมือนมีความลับซ่อนอยู่ภายใน
หลังจากที่แม่ทัพหนุ่ม ฉินเย่เหวิน จิบน้ำชาเข้าไปได้ไม่นาน เขาก็รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างกายอย่างรวดเร็ว ความร้อนรุ่มเริ่มแผ่กระจายจากภายใน ราวกับเปลวไฟที่กำลังลุกโชนทั่วร่าง ความรู้สึกไม่สบายเริ่มเปลี่ยนเป็ความร้อนแรงที่ไม่อาจควบคุมได้ บริเวณตรงกลางระหว่างขาของเขาเกิดการแข็งตัวอย่างรวดเร็วและไม่คาดคิด จนตัวเขาเองยังต้องตกตะลึง
ในยามนี้ ร่างกายของเขาไม่ต่างอะไรกับสัตว์ร้ายที่กำลังตื่นตัว เต็มไปด้วยความ้าที่ไม่อาจต้านทานได้ ขณะที่ความหื่นกระหายเริ่มกลืนกินความรู้สึกและสติสัมปชัญญะของเขา เสียง "ปัง! ปัง! ปัง!" ดังขึ้นกึกก้อง ประตูและหน้าต่างทุกบานในห้องถูกปิดลงอย่างรวดเร็ว ขันทีที่อยู่ภายนอกต่างก็ปิดผนึกทางออกทุกทางไม่ให้แม่ทัพหนุ่มหลบหนีไปได้
แม่ทัพหนุ่มพยายามที่จะลุกขึ้นยืน แต่พบว่าร่างกายของเขากลับไม่เชื่อฟัง ดวงตาของเขาเหลือบไปมองหวังเสี่ยวจื้อที่กำลังยืนมองเขาด้วยความพึงพอใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย แววตาของขันทีเฒ่าเผยถึงเจตนาร้ายที่ซ่อนอยู่
“ท่านหวังเสี่ยวจื้อ... ในน้ำชานั้นมีอะไรกันแน่?” เสียงของฉินเย่เหวินเต็มไปด้วยความสับสนและโกรธเกรี้ยว แต่ก็แฝงไปด้วยความหวาดกลัว เขารู้สึกถึงพลังที่ควบคุมไม่ได้ ความหื่นกระหายกำลังค่อยๆ กลืนกินจิตใจและร่างกายของเขา หากปล่อยไว้เช่นนี้ เขาคงจะต้องสูญเสียการควบคุมตนเองอย่างแน่นอน
หวังเสี่ยวจื้อก้าวเข้ามาใกล้ พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน แต่แฝงไปด้วยความเย้ยหยัน “แม่ทัพ ท่านไม่ต้องกังวลไปหรอก สิ่งที่ท่านดื่มเข้าไปก็เป็เพียงชาสมุนไพรธรรมดาๆ เท่านั้น... เพียงแต่มันมีสรรพคุณพิเศษที่จะช่วยให้ท่าน...ผ่อนคลายและปลดปล่อยความ้าที่ท่านเก็บซ่อนไว้”
แม่ทัพหนุ่มพยายามจะต่อต้านความรู้สึกนี้ แต่ยิ่งเขาพยายามมากเท่าไร ร่างกายก็ยิ่งตอบสนองต่อยาในน้ำชามากขึ้น เขารู้ดีว่าต้องรีบหาทางหนีจากสถานการณ์นี้ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป แต่ดูเหมือนว่าทุกหนทางจะถูกปิดกั้นหมดแล้ว...
น้ำชาที่แม่ทัพหนุ่ม ฉินเย่เหวิน ได้ดื่มเข้าไปนั้น แท้ที่จริงแล้วมีส่วนผสมของ ผงดอกไม้แดง ซึ่งเป็ยาปลุกอารมณ์ที่ทรงพลังอย่างยิ่ง ผงดอกไม้แดงมีชื่อเสียงในหมู่ชาววังว่าเป็ยาที่สามารถกระตุ้นอารมณ์ทางเพศได้อย่างรุนแรงและรวดเร็ว มันไม่เพียงแต่ทำให้ร่างกายของผู้ที่ดื่มเข้าไปเกิดความ้าทางเพศอย่างมหาศาล แต่ยังเพิ่มพละกำลังและทำให้ผู้ใช้รู้สึกเหมือนกับมีพลังเหนืุ์ธรรมดา
ผลกระทบของผงดอกไม้แดงนั้นรุนแรงถึงขนาดที่สามารถเปลี่ยนคนธรรมดาให้กลายเป็เหมือนสัตว์ป่า ที่เต็มไปด้วยความปรารถนาและความ้าที่จะผสมพันธุ์ ความรู้สึกและอารมณ์ของผู้ที่ได้รับผงดอกไม้แดงเข้าไปจะถูกขยายออกไปจนถึงจุดที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ สิ่งนี้ทำให้แม่ทัพหนุ่มฉินเย่เหวินรู้สึกร้อนรุ่มและหื่นกระหายอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน
ในขณะที่ฤทธิ์ยาของผงดอกไม้แดงเริ่มแสดงผลอย่างเต็มที่ แม่ทัพหนุ่มรู้สึกได้ว่าร่างกายของเขากำลังถูกเปลี่ยนแปลง พละกำลังที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลและความ้าทางเพศที่ไม่อาจหยุดยั้งได้กำลังเข้าครอบงำความคิดและการกระทำของเขา ความรู้สึกที่ปกติจะเก็บงำไว้กลับถูกปลดปล่อยออกมาทั้งหมดในครั้งเดียว
หวังเสี่ยวจื้อ ขันทีเฒ่าที่แอบวางแผนไว้ล่วงหน้า ยืนมองแม่ทัพหนุ่มที่ตกอยู่ในอาการเช่นนี้ด้วยความพึงพอใจ เขารู้ดีว่าเมื่อผงดอกไม้แดงเริ่มทำงานเต็มที่ แม่ทัพหนุ่มจะไม่มีทางหนีรอดไปได้เลย ความเร่าร้อนและพลังงานที่ล้นเหลือกำลังเผาผลาญฉินเย่เหวินทั้งร่าง และหากไม่มีใครหยุดเขาได้ เขาอาจกลายเป็อสูรร้ายที่ไม่มีวันหยุดยั้งได้เลย
แม่ทัพหนุ่มรู้ดีว่าตนกำลังจะหลุดจากการควบคุม หากปล่อยไว้ต่อไป อาจเกิดเหตุการณ์ที่เขาไม่สามารถกลับมาเป็เหมือนเดิมได้อีก แต่ในสภาพเช่นนี้ ความสามารถในการคิดและการตัดสินใจเริ่มเลือนลางลงทุกที...