เฉิงซินหลินไม่สนใจท่าทางอันเบื่อหน่ายของหยางเฉินเขาแค่ถอนหายใจออกมาเบาๆ ใบหน้าอ่อนเยาว์ของเขาผ่านความยากลำบากมามากมายซึ่งหาได้ยากในคนหนุ่มรุ่นเดียวกัน
“ใช่ฉันได้รับการแต่งตั้งให้เข้าร่วมกองรบยุทธวิธีที่ 32หลังจากที่เข้ารับราชการทหารเพียงครึ่งปีที่เป็อย่างนั้นเพราะฉันมีพื้นฐานการต่อสู้ และได้รับการฝึกอบรมมาเป็พิเศษพวกเราเป็หน่วยรบพิเศษที่ร่วมรบในสถานที่ซึ่งเป็อันตรายมาก ในทุกๆวันเราจะหมอบคอยอยู่ที่ชายแดนทางตะวันตกเฉียงใต้เราต่อสู้กับพวกลักลอบขนยาเสพติดและพวกค้ามนุษย์ไม่ก็จัดการกับกรณีพิพาทแนวชายแดนด้วยการต่อสู้กับประเทศอื่นๆที่ชายแดนทางตะวันตกเฉียงใต้ เมื่อนึกถึงมันเมื่อไหร่ ฉันจะคิดอยู่เสมอว่าโชคดีเท่าไหร่แล้วที่รอดมาได้ครบ32
รั่วซีเธอรู้มั้ยมีครั้งหนึ่งตอนฉันกำลังต่อสู้กับทหารอินเดียในหุบเขาลึกกองกำลังเสริมของพวกมันมาเร็วกว่าที่เราคาดไว้ พวกมันมาพร้อมฝูงเครื่องบินรบและพวกเราก็มีกันแค่ 18 คนในขณะที่ศัตรูมีเป็ร้อย พวกเรามีปืนกลเพียง 2-3กระบอก ในการใช้ขับไล่พวกมันออกไปทหารอินเดียขึ้นชื่อเื่ความกล้าหาญ แต่นั่นก็ไม่สำคัญอะไรเพราะพวกแค่ถือปืนแล้วก็ยิงออกไปเท่านั้น ในขณะที่คลังะุของเราอยู่ห่างออกไปพวกเราจึงไม่สามารถยิงตอบโต้ได้อย่างที่้า
มีอยู่ครั้งหนึ่งพวกมันยิงปืนใหญ่ออกมาและพวกเราก็ทำได้เพียงแค่หนีเท่านั้น กองบัญชาการสั่งให้เราถอนกำลังออกมาภายใต้สถานการณ์นี้ พวกเขาให้เราหลบหนีออกจากหุบเขาโดยเร็วตอนนั้นหัวหน้าของเราตื่นตระหนกเป็อย่างมาก เขาสะพายะเิไว้บนร่างกายเดินหายเข้าไปตั้งแคมป์ในป่าและเมื่อพวกมันไม่ได้สนใจ เขาก็แอบเอาะเิไปวางไว้ในตำแหน่งที่พวกมันอยู่จนสามารถทำลายปืนใหญ่ของพวกมันทั้ง 2 กระบอกลงได้"
แม้ว่าจะเป็การเล่าเื่อย่างเรียบง่ายแต่เฉิงซินหลินก็มีอารมณ์ร่วมไปกับมันมากนั่นให้หลินรั่วซีมีความรู้สึกร่วมไปกับเหตุการณ์ด้วยเธอรู้สึกตื่นเต้นไปกับวิกฤตในเวลานั้น และเอ่ยถามว่า
“แล้วหัวหน้าของพี่ถูกพบมั้ย?”
เฉิงซินหลินตอบอย่างจริงจังว่า“เขาจะไม่ถูกพบได้อย่างไรหัวหน้าของพวกเราถูกไล่ยิงเป็รังผึ้งโดยไอ้ลิงอินเดียพวกนั้นจนแม้แต่กระดูกก็หาไม่พบ...”
“น่าสงสารจัง...”
“ไม่เลยในฐานะทหารผู้รับใช้ชาติ เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงความตายไปได้ มันเป็โชคชะตา”
เฉิงซินหลินยิ้มอย่างตรงไปตรงมาและพูดต่อว่า
“รั่วซีเธออาจจะไม่รู้เื่นี้ แต่หลังจากนั้นพวกเราทั้งหมดบ้าคลั่งหลังจากเห็นหัวหน้าของเราตาย พวกเราหลบซ่อนอยู่ในป่าพวกเราใช้ประโยชน์จากความจริงที่ว่า กว่าร้อยคนของทหารอินเดียมีอาการกังวลจนปวดหัวเป็อย่างมากเมื่อพวกมันสูญเสียปืนใหญ่ไปเราตรงเข้าไปใจกลางกลุ่มของพวกมัน และกระหน่ำยิงอย่างบ้าคลั่ง
ฉันจำได้ทีหลังว่ามีะุยิงเฉี่ยวหูของฉันไป จนรู้สึกได้ถึงความร้อนที่วาบผ่าน ฉันเห็นเพื่อนร่วมรบ2 คนที่อยู่ข้างๆร่วงลงกับพื้นเหมือนง่วงนอนโดยฉับพลัน แม้พวกเขาจะตายแล้วแต่ในมือของพวกเขาก็ยังคงจับปืนไว้แน่นไม่ยอมปล่อยจนกระทั่งมีคนช่วยปิดตาให้พวกเขา… เหตุการณ์พวกนี้ฉันยังคงเห็นมันในความฝันอยู่เสมอ”
หลินรั่วซีรู้สึกราวกับความหลงใหลในสนามรบลามเข้ามาในจิตใจเธอถามทันทีว่า
“พวกพี่ได้แก้แค้นให้หัวหน้าหรือเปล่าคะ?”
“เราทำเราต่อสู้นานกว่าครึ่งชั่วโมงในสนามรบเล็กๆ นั้น ในตอนสุดท้าย มีเพียง 2คนเดินออกมาจากป่า ส่วนคนอื่นๆ ตายหมดเช่นเดียวกับศัตรูของพวกเรา...”
เฉิงซินหลินถอนหายใจยาวก่อนจะกลับมาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ตอนนั้นพวกเราไม่สนเื่ชีวิตหรือความตายมีเพียงสิ่งเดียวที่อยู่ในความคิด คือ การแก้แค้นให้กับหัวหน้าด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยาแ ฉันลืมทุกอย่างไปหมดสิ้น ตอนนี้พอมาพูดถึงมันอีกทีวันคืนเ่าั้เป็เื่ที่ไม่สามารถลืมได้จริงๆ”
เสียงของเฉิงซินหลินต่ำและแหบราวกับเขาถูกฝังในความทรงจำที่นองเืนั้นอย่างสมบูรณ์
ขณะเดียวกันหลินรั่วซีก็ฟังอย่างจริงจังเธอแสดงอารมณ์ท้อแท้และสิ้นหวังออกมา
“คุณพูดมาพอหรือยัง?หยุดพูดเื่ไร้สาระนี่ซะทีได้มั้ย?”
ทันใดนั้นหยางเฉินเงยหน้าขึ้น มองไปที่เฉิงซินหลินอย่างเ็า
“นายพูดว่าอะไรนะ!?”เฉิงซินหลินดวงตาเบิกกว้าง และถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
หลินรั่วซีกำลังแช่ตัวอยู่ในเหตุการณ์ที่ทำให้เธอรู้สึกชื่นชมและเคารพ แต่หยางเฉินกลับใช้คำพูดหยาบคายซึ่งทำให้เธอไม่พอใจเป็อย่างมากและเธอถามเชิงตำหนิว่า
“หยางเฉินทำไมนายชอบเป็แบบนี้นะ! ทำไมถึงพูดกับคนที่อายุมากกว่าด้วยน้ำเสียงแบบนี้!”
หยางเฉินค่อยๆลุกขึ้นจากโซฟาและหัวเราะเยาะ
“ทำไมผมจะพูดแบบนั้นไม่ได้ในเมื่อคนอายุมากกว่าที่คุณพูดถึงเอาแต่พล่ามเื่ไร้สาระ”
“คุณหยางแม้ว่าคุณจะเป็สามีของรั่วซีผมก็ไม่สามารถปล่อยให้คุณมาดูิ่เกียรติของทหารอย่างเราได้!คุณต้องมีคำอธิบายที่สมเหตุสมผลให้ผม!”
“คำอธิบาย?คุณคู่ควรงั้นหรือ?” หยางเฉินหัวเราะเยาะและหันหลังจากไป
หลินรั่วซีลุกขึ้นและะโทันทีว่า “หยางเฉินหยุดอยู่ตรงนั้น!นายต้องอธิบายคำพูดของนายนายไม่ได้รับอนุญาตให้หยาบคายกับรุ่นพี่ของฉัน!”
หยางเฉินถอนหายใจยาวและหันกลับไปมองหลินรั่วซี ท่าทางแบบนี้ทำให้หลินรั่วซีรู้สึกหนาวสั่นไปถึงกระดูก เธอไม่เคยเห็นหยางเฉินเผยท่าทางแบบนี้มาก่อนมันเป็ความอ้างว้าง โศกเศร้า สิ้นหวัง ว่างเปล่า
และมืดมึนราวกับห้วงน้ำลึกอย่างที่ทำให้คนอื่นๆรู้สึกเศร้าตาม
หลินรั่วซีถึงกับพูดอะไรไม่ออกเฉิงซินหลินไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งนี้ เวลานี้เขาลุกขึ้นยืดอกและจ้องไปที่หยางเฉินเขม็งในความคิดของเขา
ผู้ชายสามัญคนนี้ไม่สามารถแข่งกับเขาได้ในทุกด้าน แต่กลับกลายมาเป็สามีของหลินรั่วซีนั่นทำให้เขารับไม่ได้อย่างแรง อย่างไรก็ตาม เขารู้ดีว่าการทำตัวหงุดหงิดและไร้เหตุผลจะต้องเผชิญกับความเกลียดชังอย่างรุนแรงจากผู้หญิงอย่าง หลินรั่วซีดังนั้นเขาจึงตัดสินใจค่อยทำให้หลินรั่วซีมาอยู่ข้างเขาอย่างช้าๆ
แต่อย่างไรก็ตามการค่อยๆ ลงมือทำไม่ได้หมายความว่าเขาจะอดทนต่อการยั่วยุของผู้ชายกิ๊กก๊อกคนนี้ได้!
หยางเฉินหลับตาลงเขาเลิกจ้องมองเฉิงซินหลินด้วยสายตาซับซ้อน รวมถึงพฤติกรรมยียวนกวนประสาทแล้วเผชิญหน้ากับเฉิงซินหลินที่ดูเหมือนเป็ฮีโร่ชุดแดง และเขาแค่พูดว่า
“รุ่นพี่เซินผมจะพูดตรงๆก็แล้วกันทั้งหมดที่คุณเล่าเกี่ยวกับเื่ราวอาชีพของคุณในสนามรบอันดุเดือดมันเป็เพียงแค่สนามเด็กเล่นในสายตาของผม มันเป็เพียงแค่เทพนิยายที่ทำให้ตัวเองรู้สึกดีแค่นั้น”
“คุณพูดอะไรออกมา?”ดวงตาของเฉิงซินหลินเบาลง
หยางเฉินปราศจากความกลัวอย่างสิ้นเชิงเขายิ้มและพูดว่า “คุณไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสนามรบสักนิดคุณไม่เคยเห็นสนามรบของจริงมาก่อนด้วยซ้ำ”
“คุณกำลังพูดว่าคุณเคยเห็นมาก่อนอย่างนั้นหรือคุณหยาง?" เฉิงซินหลินตอบกลับด้วยน้ำเสียงดูถูก
หยางเฉินสูดหายใจเข้าลึกๆและพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า
“เม็ดทรายสีเหลืองแดงกระจายไปทั่วทุกแห่งั้แ่หัวจรดเท้านอกจากเืแล้ว ก็มีแค่เหงื่อเท่านั้น ไม่มีน้ำหรืออาหารคนรอบตัวแขน ขา หรือหัวขาด และบางคนชิ้นส่วนของหัวใจขาดหายไป
มีปืนใหญ่ยิงใส่ฐานทัพของคุณและถ้าคุณเผลอแม้เพียงเล็กน้อยอาจมีรูโหว่ปรากฏขึ้นบนหัวของคุณคุณติดอยู่ในที่ซ่อนของตัวเอง ไม่สามารถขยับเขยื้อนไปไหนได้คุณไม่มีทางรู้ว่าถ้าคุณเดินออกไป คุณจะเสียแขนหรือขาในวินาทีถัดมา คุณอาจไม่รู้ว่าคุณตายไปได้อย่างไรด้วยซ้ำ
เมื่อคุณเห็นใครก็ตามตรงหน้าไม่ว่าเขาจะเป็ใคร ปฏิกิริยาแรกที่จะตอบสนองได้ คือยิงใครสนล่ะว่านั้นอาจเป็ชาวบ้าน! เป็ทหารนายหนึ่ง!หรือเป็เพื่อนของคุณเอง!มนุษย์สามารถทำเื่ชั่วๆ ได้เสมอตราบใดที่มันอยู่ฝั่งตรงข้ามกับคุณ มันจะต้องตาย
เมื่อคุณเห็นว่าเพื่อนหรือหัวหน้าที่สู้รบร่วมกันมาตัวแตกกระจายออกเป็เสี่ยงๆ ด้วยะุปืนใหญ่ คุณจะไม่รู้สึกอะไรอีกต่อไปทั้งหมดที่คุณรู้สึกมีเพียงสิ่งเดียว! คือความโล่งอกที่คนที่ตายไม่ใช่คุณ!ในเวลานั้นเมื่อคุณไม่สามารถแม้แต่จะช่วยชีวิตตัวเองได้ใครมันจะบ้าไปมีเวลาว่างใส่ใจชีวิตของคนอื่น!
เื่แก้แค้นนะหรือ?นั้นคือสิ่งที่คนโง่ทำ! ถ้าคุณไม่สามารถเอาชนะได้ก็หนีสิ! ถ้าคุณสามารถเอาชนะก็ต้องมั่นใจเสียก่อนว่าคุณจะไม่ตายโดยเด็ดขาด เพราะถ้าเกิดตายแล้วทั้งหมดที่แล้วมาก็ล้วนสูญเปล่า!” หยางเฉินแทบจะะโออกมาในตอนสุดท้าย
เสียงที่ดุร้ายของเขาไม่เพียงแต่ทำให้หลินรั่วซีอึ้งเงียบไปแม้แต่ท่าทางที่ดูกล้าหาญของเฉิงซินหลินก็กลับแปรเปลี่ยนเป็หนาวสั่นไปถึงขั้วกระดูกสันหลัง
นี้มันนรกแบบไหนกันแน่?
“มีเพียงการฆ่าอย่างไร้ปรานีในสนามรบทุกสิ่งที่คุณพูดมันเป็เื่ไร้สาระชนิดที่แสดงในหนังของนักเรียนโรงเรียนประถมเลยล่ะ” หยางเฉินเดินก้าวยาวออกมาจากบ้านหลังจากที่เขาพูดจบเขาจำเป็ต้องซื้อบุหรี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็ไปได้
เขาอยากขับรถไปตามทางด่วนจนกว่าความรู้สึกบ้าระห่ำที่อึดอัดอยู่ภายในใจของเขาสงบลง
เมื่อเขาเดินออกจากประตูป้าหวังที่เพิ่งกลับมาจากซื้อของ ก็พบกับหยางเฉิน ก่อนที่เธอจะทันได้เรียกเขาหยางเฉินก็รีบเข้าไปในรถ และขับออกไปอย่างรวดเร็ว
ป้าหวังพบว่ามีบางอย่างผิดปกติและเมื่อเธอเดินเข้าไปในบ้าน เธอก็ตกตะลึงในทันที
หลินรั่วซีและเฉิงซินหลินยืนอยู่ในห้องนั่งเล่นทั้งคู่พวกเขาตกอยู่ในความงุนงงราวกับพวกเขาสูญเสียจิติญญาของพวกเขาไป
หยางเฉินขับรถไปที่ร้านสะดวกซื้อที่ใกล้ที่สุดและซื้อบุหรี่ที่ถูกที่สุดและแรงที่สุด หลังจากหยิบม้วนหนึ่งขึ้นมาดูด เขากลับเข้าไปในรถสตาร์ทเครื่องและขับออกไปที่ทางหลวงรอบเมืองด้วยความเร็วสูงการจราจรบนทางหลวงคืนนี้น้อย ดังนั้นจึงสามารถเห็นรถ M3ราวกับแสงไฟวาบผ่าน ขู่คำรามในขณะที่เคลื่อนผ่านคันอื่นๆ
หลังจาก10 กว่านาทีผ่านไปหยางเฉินดูดบุหรี่ไปแล้ว 3 ตัวเขารู้สึกดีขึ้นมาบ้าง เขามองหาที่ว่างสำหรับจอดรถ จากนั้นจึงเดินออกจากรถ และเหม่อมองไปยังดวงจันทร์ที่ส่องสว่างบนท้องฟ้ายิ้มด้วยท่าทางอ่อนล้า เขารับเอาความรู้สึกแย่ๆจากคำพูดห่วยแตกของเฉิงซินหลินมาเต็มๆ มันไม่คุ้มค่าเลยดูเหมือนว่าตอนนี้อารมณ์ของเขาจะดูสงบลงมากกว่าแต่ก่อน
แต่เขาก็ยังคงห่างไกลจากความสามารถในการควบคุมอารมณ์ตัวเองอยู่มากโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเป็ประเด็นที่ค่อนข้างส่งผลกับจิตใจของเขาการยับยั้งตัวเองยังคงเป็เื่ยากสำหรับเขา หลังจากความคิดของเขาสงบหยางเฉินเริ่มสังเกตบริเวณที่เขาจอดรถ เมื่อเขามองไปรอบๆ และถึงกับตะลึงมันเป็สถานที่ที่ข้างทางเต็มไปด้วยร้านอาหาร มันเป็ที่ที่เขาเคยมากับโม่เชี่ยนนีถึง 2 ครั้งใกล้กันเป็แม่น้ำที่มีแสงไฟส่องสว่างแสดงให้เห็นว่าธุรกิจร้านค้าริมถนนยังคงเฟื่องฟูเหมือนแต่ก่อน
หยางเฉินรู้สึกหิวขึ้นมาเขาคิดถึงแผงขายของริมทางของพี่สาวเซียงขึ้นมาในทันที ซึ่งเป็ที่ที่เขาทานข้าวกับโม่เชี่ยนนี
หยางเฉินเดินไปอย่างช้าๆมุ่งหน้าไปตามทางที่เขายังจำได้ สองนาทีต่อมาหยางเฉินก็มาถึงร้านข้างทางของพี่สาวเซียงซึ่งไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรไปมากหน้าผากของพี่สาวเซียงเต็มไปด้วยเหงื่อ เธอสวมผ้ากันเปื้อนสีแดงเมื่อมองเห็นหยางเฉินเดินมา
เธอจำเขาได้ในทันทีและร้องทักเขาอย่างกระตือรือร้น
“นั้นใช่น้องหยางหรือเปล่า?เธอต้องมาหานีซี่แน่ๆ เลย!”
หยางเฉินรู้สึกทึ่งกับการทักทายของพี่สาวเซียงแต่เมื่อมองไปตามทางที่พี่สาวเซียงชี้ไป เขายิ่งประหลาดใจที่พบโม่เชี่ยนนีเธอสวมชุดเดรสสีขาวลายจุดสีดำ นั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของร้าน เธอนั่งอยู่คนเดียวที่โต๊ะมีอาหารและเครื่องดื่มดีกรีสูงเหมือนเคย ท่าทางของโม่เชี่ยนนีดูสง่างามมากถึงแม้ว่าเธอจะนั่งทานในร้านอาหารข้างถนนเพียงลำพังแต่มันก็ดูเป็ธรรมชาติอย่างมาก ราวกับเธอกำลังดื่มไวน์ชั้นดี ราคาแพงพร้อมกับทานคาเวียร์เกรดสูงที่ราคาแพงยิ่งกว่าทอง
หยางเฉินเมื่อเห็นภาพดังกล่าวแล้วเขาอดคิดถึงประโยคที่ว่า “บางทีเธอเป็เช่นหมอกขาวและบางคราวเธอเป็เหมือนควัน” ไม่ได้