พรึบ
“ตัวเธอร้อนมากเลยนะเจ” เสียงที่เต็มไปด้วยความเป็ห่วงของเพื่อนชายคนสนิทของฉันเอ่ยขึ้นหลังจากที่เขาเช็ดตัวให้ฉันเสร็จแล้ว
“ไปหาหมอไหม? ” ฉันยิ้มบางๆ ให้เคน
“มีว่าที่คุณหมอดูแลอยู่แล้วทั้งคนจะไปหาคนอื่นอีกทำไม^_^” ฉันว่าอย่างขำขันทำให้เคนยิ้มออกมา
“ก็เธอดื้อแบบนี้ไงเราถึงปล่อยเธอไว้คนเดียวไม่ได้เนี่ย”
“ได้ดิเดี๋ยวเราก็หายเธอไปค่ายเถอะเดี๋ยวรุ่นพี่จะกิ้วเอา” ฉันว่าอย่างยิ้มๆ ให้เคนพยายามทำให้เข้มแข็งเพราะกลัวว่าเคนจะเป็ห่วงและยกเลิกการออกค่ายอาสากับรุ่นพี่หมอที่เพิ่งจบไป
“เดี๋ยวเราโทรตามยัยแคร์ให้มาอยู่กับเธอนะ”
“ไม่ต้องหรอก่นี้แคร์ทำโปรเจ็คจบอยู่ไม่อยากรบกวนอ่ะ”
“ไม่อยากไปเเล้ว” เคนว่าเสียงอ่อย ฉันก็ส่ายศีรษะไปมาให้เพื่อนที่หวงฉันมากกว่าน้องสาวฝาแฝดของตัวเอง แคร์กับเคนเป็พี่น้องคลานตามกันออกมา เคนเกิดก่อนแคร์แค่สองนาทีเลยเคนได้เป็พี่แต่ทั้งสองก็เรียนพร้อมกันเลยทำให้เราทั้งสามคนเป็เพื่อนที่สนิทกันั้แ่ประถมถึงมหาลัย เคนเรียนแพทย์ศาสตร์ส่วนแคร์เรียนนิเทศศาสตร์เพราะนางอยากเป็ดาราสองคนพี่น้องเนี่ยนิสัยต่างกันสุดขั้วเหมือนหน้าตาที่พวกเธอทั้งสองก็ไม่เหมือนกันเลย
“ไปเถอะอย่าทำให้เรารู้สึกผิดเลยนะที่ทำให้เธอไม่อยากไปค่ายในครั้งนี้”
“งั้นเธอไปกับเรานะเธอจะได้อยู่ใกล้เรา....เราจะได้ดูแลเธออย่างใกล้ชิดได้ไง”
“ได้ไงล่ะวันมะรืนนี้เราต้องไปทำงานอ่ะ.....เธอไปตั้งสองอาทิตย์”
“งั้นเราโทรตามพี่เทเลอร์”
“อย่าเด็ดขาดอย่าให้พี่เทเลอร์รู้เื่นี้เด็ดขาด” ฉันบอกเคนไปเชิงขอร้องและใ เคนก็มองหน้าฉันอย่างงงๆ
“พี่เทเลอร์งานยุ่งอ่ะเราไม่อยากให้เื่แค่นี้ไปรบกวนเวลาทำงานเขา” ฉันว่าเสียงอ่อนเคนก็พยักหน้าเข้าใจและสายตาเขาก็มองไปเห็นนาฬิกาดิจิตอลที่บนโต๊ะข้างเตียงฉันว่าอีกสิบนาทีใกล้ได้เวลานัดแล้ว
“รีบไปเถอะเราจะโทรหาเธอทุกชั่วโมงเลย^_^” ฉันว่าให้เคนสบายใจ เขาก็มองฉันและยิ้มพร้อมกับยื่นนิ้วก้อยมาตรงหน้าฉัน
“สัญญาแล้วนะว่าจะโทรหาเราทุกชั่วโมง”
“จ้าสัญญา^_^” ฉันยื่นนิ้วก้อยไปเกี่ยวก้อยสัญญากับเคนเพื่อให้เขาสบายใจ เคนก็ยิ้มอย่างดีใจและลุกขึ้นยืนพร้อมกับปล่อยนิ้วก้อยจากฉัน
“เราไปก่อนนะพักผ่อนเยอะๆ เราสั่งแม่บ้านไว้แล้ว....ให้เขาเอาข้าวเอายามาให้เธอวันละสามมื้อ”
“ขอบคุณครับ^_^” ฉันยกมือขึ้นไปตะเบ๊ะเพื่อเป็การขอบคุณแบบเพื่อนสนิท เคนก็ยื่นมือมาขยี้ผมฉันเล่นอย่างแ่เบา
“บ๊ายบาย”
“บ๊ายบายจ้า^_^” ฉันก็ยกมือขึ้นไปบ๊ายบายเคนเมื่อเคนเดินออกไปจากห้องนอนของฉันแล้ว ฉันก็ทิ้งตัวลงนอนตามเดิม ความเป็สาวของฉันระบมจนทำให้ฉันเป็ไข้แต่ฉันไม่ได้บอกเคนว่าฉันไปทำอะไรมาเพื่อไม่อยากให้เขาไม่สบายใจ ฉันหยิบรีโมทโทรทัศน์ขึ้นมาและกดเปิดมันเพื่อจะดูอะไรแก้เบื่อ
ติ๊ด
“คุณลูซี่คะได้ข่าวว่าคุณลูซี่คบหาอยู่กับหนุ่มไฮโซชื่อดังเหรอคะ? ”
“อุ๊ย!” หญิงสาวร่างสูงโปร่งยกมือข้างซ้ายขึ้นมาปิดปากตัวเองอย่างเขินอายทำให้ฉันมองเห็นแหวนเพชรเม็ดโตที่นิ้วนางข้างซ้ายของเธอที่มันส่องสะท้อนกับแสงแดดยิบยับๆ จนแสบตา
“พี่ๆ รู้ได้ยังไงคะเนี่ย”
“เขาเป็ใครเหรอคะได้ข่าวว่ารวยมากรวยอันดับต้นๆ ของอเมริกาเลยใช่ไหมคะ”
“อุ๊ยแหมถ้ารู้ขนาดนี้แล้วลูซี่คงจะไม่ตอบไม่ได้แล้วใช่ไหมคะ”
“ใช่ค่ะ”
“แต่บังเอิญว่าคุณลูคัสอุ๋ยหลุดปาก” เธอว่าพลางยิ้มแหยๆ ให้นักข่าว คำพูดและชื่อของผู้ชายที่หลุดออกมาจากปากของเธอทำให้ใจของฉันหล่นวาบลงไปพร้อมความรู้สึกเจ็บจี๊ดแล่นแปล๊บขึ้นมา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันอกหักจากผู้ชายที่ชื่อลูคัส มันนับครั้งไม่ได้แล้วล่ะ ไม่ว่าฉันจะพยายามทำตัวเองให้ดูดีแค่ไหนในสายตาและหัวใจของเขาก็คงจะไม่มีวันมีฉันอยู่ในนั้นสินะ
ออดดดดดดดดดดดด
“เคนลืมอะไร? ” ฉันพึมพำขึ้นเมื่อมีคนมากดออดห้องฉัน ฉันจึงค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นจากที่นอนและค่อยๆ พาตัวเองเดินอย่างช้าๆ ไปเปิดประตู
“อื้อออ” ความรู้สึกเจ็บแล่นเข้าที่ใจกลางความเป็สาวที่มันทั้งเจ็บทั้งแสบปะปนกันไปมันบวมช้ำมากแต่ก็น้อยกว่าเมื่อวานแล้ว
ออดดดดดดดดดดด
“ใจร้อนจัง” ฉันบ่นขึ้นแต่จะไปว่าเคนไม่ต้องกดออดห้องฉันก็ได้หนิเพราะเขามาคีย์การ์ดสำรองของห้องฉันหนิ งั้นแสดงว่าไม่ใช่เคน
“ป้าแม่บ้านมั้ง” ฉันพึมพำขึ้นและเดินให้เร็วขึ้นเพื่อไม่ให้คนข้างนอกรอนาน
อออดดดด ออดดดดดดด
เสียงออดยังคงดังขึ้นอย่างถี่รัวเหมือนอารมณ์ร้อนเอาแต่ใจของคนกดกริ่งนั้นแหละ
“มาแล้วค่ะ” ฉันะโบอกคนข้างนอกให้รู้ แต่เมื่อฉันมาถึงหน้าประตูในจอมอมิเตอร์ก็ฉายภาพบุคคลที่ยืนอยู่หน้าห้องของฉัน
“พี่ลูคัส? ” ฉันเอ่ยชื่อของผู้ชายที่สวมแว่นตากันแดดสีดำพลางทำคิ้วขมวดใบหน้าหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัดเขาสวมเสื้อยืดสีดำกางเกงยีนส์ขายาวสวมทับด้วยเสื้อแจ็คเก็ตหนังสีดำทำให้เขาดูหล่อแบดบอยขึ้น ทรงผมที่ถูกเชตอย่างลวกๆ ให้เปิดหน้าผากมนของเขาทำให้ใบหน้าของเขาที่ขาวใสหล่อตี๋ตามสเปคฉันยิ่งดูหล่อะเิออร่ามาก ว่าแต่เขารู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี้?
อออดดดดดดดดดดด ออดดด ออดดดดดด
เสียงกดกริ่งเน้นยำ้จนฉันเผลอหุบยิ้มและรีบไปเปิดประตูให้เขาอย่างไว
พรึบ
“กว่าจะเปิดได้…กะจะให้ฉันยืนจนรากงอกก่อนเลยรึไง!” ทันทีที่ประตูเปิดออกเสียงหงุดหงิดจากคนร่างสูงก็โวยขึ้นและเขาก็ถือวิสาสะเดินผ่านร่างฉันเข้ามาในห้องของฉันก่อนที่จะได้รับคำอนุญาตจากฉัน
พรึบ
ฉันปิดประตูและค่อยๆ เดินตามร่างสูงของพี่ลูคัสไป เขาเดินสำรวจห้องฉันไปเรื่อยๆ จนไปหยุดอยู่ที่ห้องนอนของฉันที่กำลังฉายข่าวเกี่ยวกับแฟนซุปเปอร์สตาร์ของเขาอยู่
“คุณลูคัสให้มานะคะ” เสียงเขินอายพลางบิดตัวไปมาของคนสวยในจอโทรทัศน์ยิ่งตอกย้ำให้ใจฉันเจ็บจี๊ด ฉันมองหน้าพี่ลูคัสที่ยืนจ้องจอโทรทัศน์ของฉันไม่วางตา
“ทำไมเดินท่านั้นอ่ะ? ” เสียงสงสัยจากร่างสูงทำให้ฉันต้องเงยหน้าจากพื้นห้องขึ้นไปมองหน้าคนถาม เขามองการเดินที่ก้าวชิดก้าวของฉันมันคงทุเรศมากสินะ
“เจ็บค่ะ” ฉันตอบเขาไปและค่อยๆ หย่อนก้นนั่งลงบนที่นอนนุ่มนิ่มสีขาวของฉัน
“เจ็บ? ” พี่ลูคัสเดินมาหาฉันพลางเอ่ยถามฉัน ฉันก็พยักหน้าเป็คำตอบว่าฉันเจ็บ เจ็บทุกที่เลย
“เจ็บจนไม่สบายเลยค่ะ” ฉันบอกเขาไปตามความจริงและตอนนี้ฉันก็เริ่มง่วงขึ้นมาแล้วด้วย สงสัยยาที่เคนให้กินจะออกฤทธิ์แล้ว
“เจ็บจิมิเธอน่ะเหรอ? ”
“ก็โดนไปขนาดนั้นแถมไม่เคยโดนก็ต้องระบมแบบนี้แหละ” พี่ลูคัสว่าพลางทิ้งตัวลงนอนบนเตียงข้างๆ ฉัน
“คะคุณ”
“ง่วง” เขาตอบฉันคำเดียวสั้นๆ ฉันก็มองหน้าเขาอย่างงงๆ
พรึบ
“เธอก็ง่วงไม่ใช่เหรอไง…ง่วงก็นอนดิ” เขาว่าหลังจากที่จับร่างของฉันเข้าไปสวมกอดแนบอกของเขาแล้ว ใบหน้าของฉันอยู่ตรงหน้าอกของเขาพอดี กลิ่นตัวหอมๆ ของเขาทำให้ฉันเผลอใจเต้นแรงขึ้นมา หอมจังเลย
“ใช้น้ำหอมกลิ่นอะไร? ” คำถามเรียบๆ แต่น้ำเสียงสั่นๆ ของคนถามทำให้ฉันขมวดคิ้วและกำลังจะเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าคนถามแต่ก็ทำไม่ได้เพราะถูกเขากดศีรษะไว้
“เหม็นเหรอคะ? ” ฉันพูดถามเขาไปพลางสูดดมกลิ่นกายตัวเองไปด้วย แต่ฉันไม่เคยใช้นำ้หอมนะ
“เปล่า” เขาตอบฉันและก็รับรู้ได้ถึงััหนักๆ ที่ศีรษะของฉันและตามด้วยการกระชับอ้อมแขนของเขากอดร่างฉันให้แน่นขึ้น
ตึกตัก ตึกตักๆๆ
นี่ไม่ใช่เสียงหัวใจฉัน แต่มันเป็เสียงหัวใจของคนที่กอดฉันอยู่ต่างหากล่ะ ทำไมหัวใจพี่ลูคัสเต้นแรงจัง แรงพอๆ กับของฉันเลยที่มันเต้นไปในจังหวะเดียวกับหัวใจของเขา ฉันหลับตาลงเพราะรู้สึกหนักและร้อนรอบดวงตาและในที่สุดฉันก็เผลอหลับไปอย่างไม่รู้ตัว ฉันกอดเอวสอบของพี่ลูคัสไว้แน่นเพราะกลัวว่าเขาจะหายไปจากฉันอีก..........