หลังจากตกลงกันเรียบร้อยก็ได้ความมาว่า พวกเขาจะกลับเมืองปลาทองกันก่อน จากนั้นค่อยหารือกันอีกรอบว่าจะเอาอย่างไรต่อไป
เช้าวันถัดมา ทั้งสามหนุ่มก็นั่งรถม้ากลับไปยังเมืองปลาทองด้วยกัน ซึ่งการเดินทางต้องใช้เวลากว่า 20 วัน
“ไม่อยากเชื่อเลยนะว่าพวกเราจะติด 1 ใน 10 ของการประลองรุ่นเยาว์อาณาจักรได้” เฉิงไฉเซียวกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“นั่นสิ การประลองครั้งนี้ถือว่าเป็งานใหญ่พอสมควร” ลวี่เหรินกล่าวเสียงเรียบ
“ฮ่าๆๆๆ พวกเราเองก็เก่งไม่เบาเหมือนกันนะ” จื่อต้าหลงแสดงความเห็น
“ใช่ โดยเฉพาะเ้า ซ่อนฝีมือไว้ได้ดีนัก! ข้าใแทบตายตอนเ้าอัดเกาซีิลงไปกองกับพื้นได้” เฉิงไฉเซียวกล่าว
“เป็เพราะมันประมาทข้าเอง หากมันไม่เย่อหยิ่งต่อให้ข้าก่อนสิบกระบวนท่า คงไม่พ่ายแพ้ข้าอย่างง่ายดาย ไอ้เ้านั่นมันสมควรโดนแล้ว บังอาจมารังแกสหายข้า!” จื่อต้าหลงตอบ
“ดูท่าเ้าจะเป็ห่วงจิ้งจอกน้อยพอสมควรเลยนะ คลั่งไคล้ในความงามของนางรึ?” เฉิงไฉเซียวถามยิ้มๆ
“ข้านับถือนางต่างหากเล่า ศิษย์จากสำนักปลาทองโดนรังแก ข้าไม่ยอมอยู่แล้ว” จื่อต้าหลงกล่าว
“แล้วตอนที่ข้าโดนเกาซีิ อัดกระเด็นลงลานประลองไม่เห็นเ้าจะมีโทสะเลย” เฉิงไฉเซียวกล่าวจี้
“กะ…ก็ท่านเป็บุรษ แถมยังไม่าเ็อะไรมากมายนักนี่นา” จื่อต้าหลงตอบ ท่าทางดูลุกลี้ลุกลนเล็กน้อย เด็กหนุ่มโยนคำถามไปให้สหาย “ลวี่เหรินเ้าคิดว่าไง?”
“อืมม….ข้าเห็นด้วยกับต้าหลง ยังไงนางก็เป็อิสตรี อิสตรีโดนรังแกต่อหน้าไหนเลยบุรุษจะไม่อยากปกป้อง” ลวี่เหรินกล่าวสมทบ
“พวกเ้านี่น่าเบื่อเป็บ้า! เอาล่ะๆ ไม่คุยกับพวกเ้าแล้วข้าขอนอนดีกว่า” เฉิงไฉเซียวกล่าวเสร็จก็ยืดตัวนอน
ขากลับพวกเขายังคงแวะเมืองนู่นเมืองนี่เพื่อร่ำสุราด้วยกันตลอดทาง
ภายในรถม้าจื่อต้าหลงที่เห็นเฉิงไฉเซียวกำลังนอนกระดิกเท้าอยู่นั้นก็กล่าวขึ้นมาว่า “พอได้เห็นเมืองลี่มาแล้ว เมืองอื่นๆนับว่าเล็กจ้อยไปเลยนะ”
“นั่นสิ เมืองลี่นับว่ายิ่งใหญ่จริงๆ เปิดหูเปิดตาดีแท้” เฉิงไฉเซียวกล่าวจบ เขาก็นอนกระดิกเท้าต่อโดยไม่สนใจจื่อต้าหลงอีก
การเดินทางเป็ไปอย่างแสนสบาย ด้วยรถม้าคันใหญ่สามารถจุคนได้มากมาย สามหนุ่มจึงเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศการเดินทาง และแล้ว 20 วันก็ผ่านไป ในที่สุดพวกเขาก็กลับมาถึงเมืองปลาทอง หลังจากกลับมาถึงทุกคนก็แยกย้ายไปทำธุระของตัวเอง
………………………………………
จื่อต้าหลงเองก็กลับไปที่ตระกูล ซึ่งมีท่านพ่อท่านแม่ รอรับอยู่แล้ว เขาเดินเข้าบ้านไปอย่างสบายใจ ข้ารับใช้ต่างกล่าวทักทาย
“นายน้อยกลับมาแล้วรึขอรับ?” บ่าวรับใช้คนนึงกล่าวถาม
“ใช่… ท่านพ่อกับท่านแม่่ข้าอยู่ที่ห้องประชุมใช่หรือไม่?” จื่อต้าหลงกล่าว
“ใช่แล้วขอรับ ทุกคนรอท่านอยู่ที่ห้องประชุมนานแล้ว” บ่าวรับใช้กล่าวต่อ
จื่อต้าหลงไม่แปลกใจนักเพราะเขาส่งจดหมายมาที่บ้านแล้วว่าจะกลับมาถึงในวันไหน พวกเขาจึงได้รอต้อนรับกัน
หลังจากคุยกับข้ารับใช้เสร็จเด็กหนุ่มก็เดินไปที่ห้องประชุมของตระกูล ห้องประชุมเต็มไปด้วยผู้าุโของตระกูลนับสิบ คน ลุงใหญ่กับท่านพ่อท่านแม่ของเขาเองก็อยู่ด้วย
เด็กหนุ่มเดินเข้าห้องประชุมพร้อมกับกล่าวว่า “ข้ากลับมาแล้ว” ทุกคนต่างหันมามอง
“มาถึงแล้วรึลูกข้า!” จื่อเทียนหลางกล่าว
“ข้ากลับมาแล้วขอรับ” จื่อต้าหลงกล่าว
“ได้ยินมาว่าเ้าเอาชนะอัจฉริยะอันดับหนึ่งของสำนักลี่เกาซีิมาได้ เป็เื่จริงหรือไม่?” ผู้าุโในตระกูลถามขึ้น
“เรียนผู้าุโ เป็เื่จริงขอรับ” จื่อต้าหลงกล่าว
“เป็ไปได้อย่างไรกัน? ข้าได้ยินมาว่าเกาซีิเป็ถึงอัจฉริยะชนชั้นลมปราณจิตขั้นที่เก้าเลยนะ” ผู้าุโอีกคนกล่าวขึ้นอย่างแปลกใจ
“เป็เพราะเ้านั่นประมาทข้าและฝ่ามือัม่วงมากเกินไป จึงทำให้ลงเอยเช่นนี้” จื่อต้าหลงกล่าว
“หรือว่า….เ้าฝึกฝ่ามือัม่วงและเนตรัม่วงได้ถึงขั้นสูงแล้วรึ?” ผู้อาสุโสถามขึ้น
“ใช่แล้วขอรับ หลานฝึกถึงขั้น7แล้ว” จื่อต้าหลงตอบตามตรงไม่คิดปิดบัง
“ฮ่าๆๆๆ ในที่สุดตระกูลเราก็ถือกำเนิดอัจฉริยะขึ้นมาอีกคนแล้ว นอกจากจื่อหงพี่สาวเ้าก็มีเ้าอีกคน” เหล่าาุโต่างดีใจที่ลูกหลานในตระกูลได้สร้างชื่อเสียงให้กับวงศ์ตระกูล
“เอาล่ะ เ้าพึ่งกลับมา คงจะเหนื่อยไม่น้อย ไปพักผ่อนเสียเถอะ” จื่อเทียนหลางกล่าว
“ขอรับท่านพ่อ” จื่อต้าหลงตอบ พร้อมกับประสานมือโค้งคารวะ
หลังจากออกมาจากห้องประชุม จื่อต้าหลงก็รีบบึ่งไปยังจวนท่านย่า ในตอนที่ไปถึง เขาเห็น หญิงชรากำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ เขาจึงะโเรียน “ท่านย่า!! ข้ากลับมาแล้ววว!!”
จื่อเหมยที่กำลังรดน้ำต้นไม้หันมามอง พบหลานตัวเองกำลังเดินมาทางนาง จึงยิ้มพร้อมกล่าวว่า “ไม่ได้เจอเสียนาน เหมือนหลานจะสูงขึ้นนะ”
“ขอรับ ปีนี้ข้าก็อายุ 16 โตเป็หนุ่มแล้ว ส่วนสูงข้าเองก็เพิ่มขึ้นมามาก” จื่อต้าหลงกล่าวยิ้มๆ
“ไหนเป็ยังไงบ้าง มาหาย่ามีเื่ให้เล่าเยอะเลยสิ?” หญิงชราถาม
“แน่นอนขอรับ ข้ามีเื่เล่าให้ท่านฟังเยอะมากกก!!” จื่อต้าหลงกล่าวเน้นย้ำ
หลังจากนั้นเขาก็เล่าเื่ให้จื่อเหมยฟังั้แ่ ตอนออกเดินทางวันแรกยันวันกลับมาเลย การเล่าครั้งนี้ใช้เวลากว่า 1 ชั่วยามเต็มๆ หลังจากเล่าให้ท่านย่าฟังเสร็จ เขาก็กลับไปพักที่ห้องของตัวเอง
เช้าวันถัดมา
“ก๊อกๆ!!” เสียงเคาะประตูดังขึ้น หลังจากนั้นก็มีเสียงของสาวใช้ดังขึ้นมา
“นายน้อยเ้าคะ ท่านประมุขให้เสี่ยวไป๋มาเรียกเ้าค่ะ”
จื่อต้าหลงที่กำลังหลับสบายกล่าวว่า “รู้แล้วฝากบอกท่านพ่อว่าเดี๋ยวข้าตามไป”
หลังจากตื่นนอนเขาก็แต่งองค์ทรงเครื่อง อาภารณ์สีม่วงอันหรูหราประจำตระกูล ผมสีดำที่ถูกมัดไว้เป็หางม้าปักด้วยปิ่นลายั หน้าตาหล่อเหลา คมคาย แววตาเปล่งประกายดั่งพยัคฆ์ร้าย หากเหล่าหญิงสาวในเมืองได้มาเห็นรับรองว่าต้องกรี๊ดสลบอย่างแน่นอน! หลังจากแต่งตัวเสร็จจื่อต้าหลงก็ได้เข้าไปหาท่านพ่อเขาที่ห้องประชุม
เมื่อไปถึงเขาก็เห็น จื่อเทียนหลาง และจื่อฮวา ยืนรออยู่ก่อนแล้ว
“เมื่อวานยุ่งอยู่กับการประชุม จึงไม่ค่อยได้คุยกับเ้ามากนัก” จื่อเทียนหลางกล่าวอธิบาย
“ข้าเข้าใจขอรับท่านพ่อ” จื่อต้าหลงตอบ
“ลูกแม่ วันนี้เ้าช่างหล่อเหลายิ่งนักไหนมาให้แม่ดูสิ” จื่อฮวากล่าวจบก็ลากจื่อต้าหลงไปหมุนดูรอบๆตัว
“สมกับเป็ลูกชายข้า! นับว่าหล่อเหลาเอาการเหมือนตอนข้าหนุ่มๆเปี๊ยบ ฮ่าๆๆๆ เผลอแปบเดียวเ้าก็ตัวสูงเท่าข้าเสียแล้ว” จื่อเทียนหลางกล่าวชม
“ฮ่าๆๆ ท่านพ่อก็พูดเกินไป” จื่อต้าหลงกล่าวยิ้มๆด้วยท่าทางเขินอาย
“เอาล่ะ!! ที่ข้าเรียกเ้ามานี่ข้าอยากจะถามว่าเ้าจะเอาอย่างไรต่อไป ด้วยพลังระดับเ้าก็สามารถจบการศึกษาจากสำนักปลาทองได้แล้ว คิดที่จะอยู่กับสำนักต่อหรือไม่?” จื่อเทียนหลางถาม เขาอยากรู้ความคิดของลูกชาย
“เรียนท่านพ่อ ข้าอยากออกไปท่องโลกกว้างขอรับ ข้าอยากท่องยุทธภพ อยากเป็สุดยอดฝีมือที่แแข็งแกร่ง อยากเป็เ้าแห่งยุทธภพ!” จื่อต้าหลงตอบด้วยแววตามุ่งมั่นจริงจัง
“ดี!! ลูกผู้ชายสกุลจื่อมันต้องอย่างนี้!” จื่อเทียนหลางกล่าวพร้อมจ้องตาจื่อต้าหลงอย่างพึงพอใจ สองพ่อลูกดูเหมือนจะเข้าใจกันดี
เื่ของบุรุษเพศ จื่อฮวาเองก็ไม่ได้ขัดข้องอะไรนักนางเพียงยืนมองอยู่เงียบๆเท่านั้น
“เ้าคิดที่จะออกไปหาประสบการณ์เมื่อใด…?” จื่อเทียนหลางถาม
“คิดว่าภายในเร็วๆนี้แหละขอรับ ตอนนี้ข้าอยากท่องเที่ยวชมเมืองของเราก่อน” จื่อต้าหลงตอบหลังจากคิดวิเคราะห์มาแล้ว
