“ดูแลเ้าตัวเล็กมาหลายวัน ลำบากเ้าแล้ว!” เย่เฟิงกล่าวพลางยิ้ม
“เอาเถอะ ไม่พูดเื่นี้แล้ว” ฉินเยียนหรานยังคงโกรธเคือง แต่ด้วยความดูแลของนาง เ้าตัวเล็กจึงดูอ้วนขึ้น ทั้งยังนอนคดอยู่ในอ้อมกอดของนางด้วยท่าทีเกียจคร้าน
“วันนี้เ้าว่างไหม?” ฉินเยียนหรานเอ่ยถาม
“มีอะไรหรือ?” เย่เฟิงซักถาม
“่นี้ข้ากำลังฝึกวิชาดาบหงส์แดง แต่ยังไม่มีดาบวิเศษ เ้าไปซื้อที่ตลาดเป็เพื่อนข้าหน่อยได้หรือไม่?” ฉินเยียนหรานเอ่ยถามเย่เฟิง เมื่อหลุบสายตาลงแพขนตาก็ลู่ลงตามมา
“ได้สิ แล้วจะไปตอนไหน?” เย่เฟิงกล่าว
“ตอนนี้เลย” ฉินเยียนหรานกล่าว จากนั้นทั้งสองออกจากสำนักยุทธ์เทียนเสวียน มุ่งหน้าสู่ตลาดตระกูลมู่ซึ่งเป็ตลาดค้าอาวุธที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง
ตลาดตระกูลมู่ตั้งอยู่ใจกลางตัวเมืองหลวง อยู่ติดกับจวนตระกูลมู่ ซึ่งเย่เฟิงค่อนข้างคุ้นเคยกับถนนเส้นนี้ จึงใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม สองคนหนึ่งปีศาจก็มาถึงตระกูลมู่ ตลาดตระกูลมู่ค่อนข้างกว้างใหญ่และแบ่งออกเป็สี่เขต มีดังนี้ เขตค้าอาวุธ เขตค้าเคล็ดวิชา เขตค้าโอสถ และลานประลองเชลย
ที่แห่งนี้คนดีและคนเลวอยู่ร่วมกัน พ่อค้าแม่ค้าผู้ซื้อมีมากมายหลากหลาย เป็สถานที่ที่ผู้คนมักจะชอบสัญจรไปมา และดูจากขนาดพื้นที่แล้ว ตลาดตระกูลมู่ใหญ่กว่าตลาดตระกูลตู๋กูที่เย่เฟิงเคยไปมากถึงสามเท่า นี่ยังแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของสองตระกูลว่าต่างกันเพียงใด
ตระกูลตู๋กูถือว่าเป็ตระกูลชั้นกลาง ส่วนตระกูลมู่ถือเป็ตระกูลชั้นสูง ในบรรดากองกำลังที่อยู่ใต้อาณัติราชวงศ์มีน้อยคนนักที่จะทัดเทียบกับตระกูลมู่ได้
ขณะนั้นเย่เฟิงและฉินเยียนหรานเดินอยู่บนถนนในตลาด ทั้งสองดึงดูดความสนใจจากผู้คนได้ไม่น้อย ชายหล่อหญิงงามราวกับเกิดมาคู่กัน ทำหลาย ๆ คนเกิดความอิจฉาริษยา
“หญิงผู้นั้นสวยมาก” ชายหนุ่มผู้หนึ่งหันไปมองฉินเยียนหรานด้วยสายตาลุกวาว จากนั้นสายตาหลายคู่ก็จับจ้องไปที่ฉินเยียนหรานด้วยสายตาละโมบ นั่นเพราะความสวยของฉินเยียนหรานเป็เหตุ ไม่ว่านางเดินไปที่ใดก็ล้วนเป็จุดสนใจของเหล่าผู้คน
จากนั้นมีชายหนุ่มผู้หนึ่งยิ้มหยัน ก่อนจะเดินมาหาฉินเยียนหราน และกล่าวว่า “แม่นางผู้นี้มาที่นี่เพื่อเลือกอาวุธหรือ? ข้าค่อนข้างรู้จักตลาดนี้ดี หากแม่นางยินดี ข้าจะพาแม่นางเดินชม แม่นางต้องได้อาวุธที่ดีที่สุดในราคาไม่แพงแน่นอน”
ฉินเยียนหรานเผยสีหน้าเฉยเมย นางมองชายผู้นั้นแล้วพูดขึ้นว่า “ไม่จำเป็ ข้ามีเพื่อนแล้ว เขาจะพาข้าไปเลือกอาวุธเอง”
เมื่อสิ้นเสียง ฉินเยียนหรานและเย่เฟิงก็เดินไปข้างหน้าต่อ
“แม่นางโปรดหยุดก่อน สหายคนนี้ของเ้าอยู่แค่ขั้นรวมชี่ที่ 7 เขาจะเลือกอาวุธให้เ้าได้หรือ? มิสู้ทิ้งเขาแล้วมากับข้าเสียดีกว่า?”
เย่เฟิงและฉินเยียนหรานยังเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ได้ยินเสียงของชายผู้นั้นดังออกมาอีกครั้ง จากนั้นใช้ตัวขวางทางพวกเขาสองคน “ข้ารู้จักกับผู้ดูแลตลาดแห่งนี้ หากแม่นางไปกับข้า ข้ารับประกันเลยว่าแม่นางต้องไม่ผิดหวัง คิดเห็นเช่นไร?”
ฉินเยียนหรานเห็นชายผู้นี้ยังตามราวีไม่เลิกก็คิ้วขมวดแน่น “ข้าบอกแล้วไงว่าไม่ต้อง เชิญหลีกทางด้วย!”
“ทำไม? แม่นางผู้นี้รังเกียจข้าหรือ? ข้าคือผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 8 หากเ้าไปกับข้า รับประกันเลยว่าดีกว่าเ้าไก่อ่อนนี่ไปเป็เพื่อนเสียอีก!” ชายผู้นั้นเห็นฉินเยียนหรานเมินใส่ก็เกิดโมโห จึงชำเลืองมองเย่เฟิงด้วยสายตาดูแคลนพร้อมกล่าวเช่นนั้น
ชายผู้นี้อยู่ขั้นรวมชี่ที่ 8 แต่เขาอายุเกิน 25 ปีแล้ว พร์ถือว่าธรรมดาไม่พิเศษอะไร หากบรรลุขั้นยุทธ์แท้ก่อนอายุ 30 ปีไม่ได้ เช่นนั้นชั่วชีวิตเขาจะไม่มีโอกาสได้เป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้
“ไสหัวไปซะ!” พลันเสียงเย็นเยือกดังออกจากปากของเย่เฟิง พร้อมกับมองชายผู้นั้นด้วยสายตาเฉียบคมดุจคมมีด เขามาตลาดแห่งนี้เพื่อเลือกซื้อดาบเป็เพื่อนฉินเยียนหราน ตนจึงไม่คิดมีเื่กับใคร ทว่าชายผู้นี้ตามราวีไม่เลิก แล้วเย่เฟิงจะอดทนได้อย่างไร?
ขณะนั้นเหล่าผู้คนต่างหันมามองทางด้านนี้ ซึ่งมีคนผู้หนึ่งจำชายผู้นั้นได้ทันที ก่อนจะกล่าวว่า “หลี่ซานผู้นี้รังแกผู้มาใหม่อีกแล้วหรือ อาศัยความที่เขารู้จักกับผู้ดูแลเฝิง จึงวางอำนาจบาตรใหญ่ ทำแต่เื่เลวร้าย ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก!”
ผู้คนบางส่วนต่างมองชายผู้นั้นที่มีนามว่าหลี่ซานด้วยสายตาแค้นเคือง เห็นชัดว่าหลี่ซานเป็พวกอิทธิพลท้องถิ่นที่ทำตัวเหิมเกริมในที่แห่งนี้มาเนิ่นนาน จึงมีชื่อเสียงฉาวโฉ่ ส่วนคนเ่าั้ที่แค้นเคืองหลี่ซานก็ล้วนถูกหลี่ซานกดขี่ข่มเหง
“ชายผู้นี่วู่วามไปแล้ว หลี่ซานชอบกำเริบเสิบสาน นอกจากบุคคลระดับสูงเ่าั้หรือคุณชายจากกองกำลังใหญ่ ๆ ก็มีไม่กี่คนที่กล้ายั่วยุเขา”
“ใช่ ชายผู้นี้แย่แน่!” ผู้คนออกความคิดเห็นกันไปต่าง ๆ นานาขณะมองเย่เฟิงด้วยความรู้สึกเดียวกัน และคิดว่าเย่เฟิงเจอปัญหาใหญ่เข้าแล้ว
เป็ไปตามคาด หลังจากเย่เฟิงเอ่ยคำว่าไสหัวไป หลี่ซานไม่ได้โกรธ แต่ะเิหัวเราะออกมา จากนั้นมองไปที่เย่เฟิงแล้วกล่าวว่า “ที่เ้าพูดเมื่อครู่ข้าจะทำเป็ไม่ได้ยิน แต่ต้องคุกเข่าขอโทษข้าตอนนี้ จากนั้นหักแขนหนึ่งข้าง เช่นนี้เ้าจึงจะออกไปจากที่นี่ได้!”
“ใครกันปล่อยสุนัขออกมาเดินเพ่นพ่าน!” เย่เฟิงแสยะยิ้ม แล้วพูดขึ้นว่า “ข้าจะให้เวลาเ้าสามวินาที ไสหัวออกไปจากหน้าข้า หาไม่แล้วเ้าต้องรับผิดชอบผลที่จะตามมาเอง!”
เมื่อเหล่าผู้คนได้ยินเช่นนั้นต่างต้องใ คล้ายไม่คิดว่าเย่เฟิงจะใจกล้าเพียงนี้ แต่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 7 ไม่ว่าจะแข็งแกร่งมากเพียงใด แต่ก็มิอาจสู้กับหลี่ซานได้
“ไอ้สวะ กล้าดียังไงมาพูดจาเยี่ยงนี้กับข้าในที่แห่งนี้ เ้าเป็คนแรกเลยนะที่ไม่ฟังคำสั่งของข้า เช่นนั้นข้าจะหักแขนเ้าด้วยมือของข้าเอง!” หลี่ซานเผยสีหน้าเย็นเยือก จากนั้นเขาเหวี่ยงหมัดโจมตีเย่เฟิงในทันทีทันใด
“แกว่งเท้าหาเสี้ยน!” เย่เฟิงเหยียดยิ้ม จากนั้นเหวี่ยงฝ่ามือโจมตีโดยไม่สนใจหมัดของหลี่ซาน นาทีต่อมาได้ยินเสียงดังเพียะ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของหลี่ซาน
หลี่ซานถูกฝ่ามือนั้นของเย่เฟิงตบจนร่างกระเด็นออกไปหลายจั้งแล้วกระแทกกับพื้นอย่างแรง ก่อนจะกระอักเืออกมาไม่หยุด ทั้งยังไม่รู้ว่ามีฟันหลุดออกมากี่ซี่
“ชายผู้นี้เก่งมาก อยู่แค่ขั้นรวมชี่ที่ 7 แต่ซัดหลี่ซานที่อยู่ขั้นรวมชี่ที่ 8 กระเด็นปลิวในหนึ่งกระบวนท่า มิน่าเขาถึงไม่สนใจหลี่ซาน!” ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างก็ใ เมื่อครู่นี้พวกเขาคิดว่าเย่เฟิงจะต้องแพ้หลี่ซานแน่นอน แต่ในความเป็จริงกลับไม่ใช่อยากที่พวกเขาคิดไว้เช่นนั้น พลังของเย่เฟิงทำให้ทุกคนต้องตกตะลึง
“อ่อนหัดแบบนี้ กล้าดียังไงมาทำตัวอวดดีต่อหน้าข้า?” เย่เฟิงเดินไปที่ด้านหน้าหลี่ซาน ก่อนจะกล่าวเช่นนั้น เมื่อหลี่ซานพยายามลุกขึ้น แต่กลับเห็นเย่เฟิงเหยียบร่างหลี่ซาน จนหลี่ซานหมอบไปกับพื้นอีกครั้ง นี่ทำให้หลี่ซานกรีดร้องโหยหวน เท้านี้ของเย่เฟิงไม่ใช่เบา ๆ ทำหลี่ซานรู้สึกว่าอวัยวะภายในกำลังปั่นป่วน
“เ้ากล้าทำร้ายข้างั้นหรือ? เ้าต้องตาย เมื่อผู้ดูแลเฝิงมาถึง เ้าได้ถูกบดขยี้เป็แน่!” หลี่ซานกล่าวพร้อมดวงตาแดงก่ำ
ผู้ดูแลเฝิงก็คือผู้ดูแลของเขตนี้ ส่วนหลี่ซานคือคนที่อาศัยอำนาจของผู้ดูแลเฝิงทำตัวกำเริบเสิบสานไปทั่วตลาดอย่างไม่เกรงกลัว
“จะตายอยู่รอมร่อ ยังปากแข็งอีกหรือ ข้านับถือความใจกล้าของเ้าจริง ๆ!” มีหรือเย่เฟิงจะสนใจผู้ดูแลเฝิง จากนั้นเท้าของเขาเหยียบไปที่แขนข้างหนึ่งของหลี่ซาน ทำให้หลี่ซานกรีดร้องด้วยความเ็ป พร้อมกับเหงื่อแตกพลั่ก
“ใครกันมาก่อเื่วุ่นวายที่นี่?” ขณะนั้นมีเสียงหนึ่งดังมาจากที่ไหนสักแห่ง จากนั้นผู้คนหลีกทางให้คนผู้หนึ่ง ก่อนจะเห็นชายวัยสามสิบปรากฏตัวในสายตาของฝูงชน และยังมีลูกน้องสองคนติดตามอยู่ข้างกาย
“ผู้ดูแลเฝิงมาแล้ว!” มีคนจำผู้มาเยือนได้ ซึ่งก็คือผู้ดูแลเฝิง จากนั้นหลี่ซานเห็นผู้ดูแลเฝิงมาก็ะโด้วยความดีใจ “ผู้ดูแลเฝิงช่วยข้าด้วย เขาทำร้ายข้า ได้โปรดฆ่าเขาเสีย!”
ผู้ดูแลเฝิงมาถึงก็ต้องขมวดคิ้วทันทีเมื่อเห็นเย่เฟิงกำลังเหยียบหลี่ซาน ก่อนจะมองเย่เฟิงด้วยสายตาเย็นะเื ในตลาดค้าอาวุธแห่งนี้มีใครบ้างไม่รู้จักหลี่ซานและเขาผู้ดูแลเฝิง? จะตีหมาก็ต้องดูเ้าของ!
“เ้าทำร้ายหลี่ซานหรือ?” ผู้ดูแลเฝิงกล่าวเสียงเย็น
“ข้าเอง” เย่เฟิงยิ้มจาง ๆ แต่แฝงด้วยความมั่นใจ
“ทำร้ายสหายของข้าผู้ดูแลเฝิง สมควรตาย!” ผู้ดูแลเฝิงเผยสีหน้าเคร่งขรึม จากนั้นกล่าวกับสองคนนั้นที่อยู่ข้างกาย “พวกเ้าสองคนไปจับตัวคนผู้นี้ แล้วส่งไปที่ลานประลองเชลย ส่วนผู้หญิงข้าจะจัดการเอง คืนนี้ข้าได้สนุกแน่!”
เมื่อกล่าวจบ ผู้ดูแลเฝิงเผยรอยยิ้มชั่วร้าย และยืนรออยู่ที่เดิม จากนั้นลูกน้องสองคนนั้นได้เข้าปิดล้อมเย่เฟิงทันที พวกเขาคือชายอายุ 30 ปี อยู่จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่ที่ 8 พวกเขาไม่มีความคืบหน้าในการบำเพ็ญตบะจึงถูกส่งมาที่นี่
“ไอ้หนู ยอมให้จับแต่โดยดีซะเถอะ จะได้ไม่ต้องเจ็บตัว!” หนึ่งในนั้นกล่าว
“อยากจับข้าด้วยลำพังพวกเ้าสองคนงั้นหรือ ช่างไร้เดียงสายิ่งนัก!” เย่เฟิงแสยะยิ้ม จากนั้นมีเสียงปังดังสองครั้งติด สองคนนั้นที่กำลังจะโจมตีเย่เฟิง กลับถูกเย่เฟิงซัดด้วยฝ่ามือเดียวจนร่างกระเด็นปลิวออกไป โดนโจมตีด้วยวิธีเดียวกับหลี่ซานเมื่อครู่นี้
“ชายผู้นี้ทำร้ายแม้แต่ลูกน้องของผู้ดูแลเฝิง นี่ยั่วยุความเกรงขามของตระกูลมู่ผู้เป็เ้าของตลาดชัด ๆ!” ผู้คนใอีกครั้งกับการกระทำของเย่เฟิง แต่ครั้งนี้เย่เฟิงทำร้ายแรงยิ่งกว่าที่ทำร้ายหลี่ซาน ถึงอย่างไรหลี่ซานก็เป็พวกอิทธิพลท้องถิ่น แต่ลูกน้องของผู้ดูแลเฝิงคือคนของตระกูลมู่
“ไอ้หนู ที่นี่คือตลาดตระกูลมู่ เ้ากล้าดียังไงมาทำตัวเหิมเกริมที่นี่ เ้าต้องตาย!” ผู้ดูแลเฝิงใกับการกระทำของเย่เฟิงเช่นกัน เขาจึงะเิโทสะออกมา จากนั้นเห็นเขาบุกโจมตีเย่เฟิง หมายปลิดชีวิตเย่เฟิงในการโจมตีเดียว
“ผู้ดูแลเฝิงลงมือเอง ชายผู้นี้จบเห่เป็แน่!” ผู้คนคิดในใจเมื่อเห็นผู้ดูแลเฝิงปลดปล่อยพลังโจมตีอันแกร่งกล้า ถึงอย่างไรผู้ดูแลเฝิงก็เป็ผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่ หาใช่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 7 ต่อกรได้ไม่
“ไปให้พ้น!” เมื่อเย่เฟิงเห็นผู้ดูแลเฝิงโจมตีมาก็แผดเสียงะโ ก่อนจะเหวี่ยงฝ่ามือ ตามมาด้วยเสียงดังเพียะ ผู้ดูแลเฝิงส่งเสียงกรีดร้อง เขาอยู่จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่ แต่กลับต้านการโจมตีของเย่เฟิงไม่ได้
“ชายผู้นี้แกร่งมาก!” เหล่าผู้คนต่างเบิกตาโพลงด้วยความใ และไม่อยากเชื่อสายตาของตัวเอง ไม่ว่าคู่ต่อสู้แข็งแกร่งเพียงใด ชายผู้นี้ก็กำราบอีกฝ่ายได้ในฝ่ามือเดียว นี่เป็การพิสูจน์ความแข็งแกร่งของชายผู้นี้อย่างไม่ต้องสงสัยเลย
ผ่านมาสามศึก ทำให้ไม่มีผู้ใดกล้าดูถูกเย่เฟิง แต่สายตากลับมองเย่เฟิงอย่างหวาดหวั่น
“เป็ถึงผู้ดูแลตลาด เ้าไม่เพียงแต่ไม่ทำตามหน้าที่ แต่ยังสนับสนุนพวกอิทธิพลท้องถิ่นให้กดขี่ข่มเหงลูกค้า ตลาดตระกูลมู่มีคนอย่างเ้าคงตกต่ำในอีกไม่ช้า ช่างน่าขันนักที่ตระกูลมู่กลับไม่รู้เื่อะไรเลย แต่ก็ยังคงให้เ้าทำหน้าที่นี้!” เย่เฟิงกล่าวเย้ยหยันขณะมองผู้ดูแลเฝิงที่นอนหมดสภาพอยู่บนพื้น
ส่วนหลี่ซานที่ถูกเย่เฟิงเหยียบก็ต้องตื่นใกลัว เดิมทีเขาคิดว่าผู้ดูแลเฝิงปรากฏตัวแล้วเย่เฟิงจะเชื่อฟังแต่โดยดี แต่ไม่คิดว่าเย่เฟิงจะโหดร้ายถึงเพียงนี้ แม้แต่ผู้ดูแลเฝิงก็เปราะบางเมื่ออยู่ต่อหน้าเย่เฟิง
“ทำร้ายผู้ดูแลตลาด เ้าตายแน่!” ผู้ดูแลเฝิงกล่าวเสียงสั่นเครือ แต่ถ้อยคำของเขายังคงสาปแช่งเย่เฟิง
“หุบปากซะ เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะตีปากเ้า!” เย่เฟิงไม่สนหลี่ซาน เขาเดินไปที่ด้านหน้าผู้ดูแลเฝิง ก่อนจะกล่าวเช่นนั้น
“ใครกันมาก่อความวุ่นวายในตลาดตระกูลมู่ของข้า?”
ขณะนั้นมีเสียงหนึ่งดังมาจากที่ไกล ๆ จากนั้นเหล่าผู้คนหันไปมองต้นเสียง ก่อนจะเห็นคนเดินมาทางนี้ ซึ่งไม่ได้มีเพียงคนสองคน แต่เป็กลุ่มคน
