ฉินเฟิงใช้แต้มสำราญ300แต้มเพื่อซื้อยาเสริมความเร็วขั้นที่หนึ่งและขั้นที่สองหลังจากดื่มไปสองขวด ร่างกายของเขาก็ดูดซับอย่างรวดเร็ว
เขาเปิดหน้าต่างสถานะขึ้นมา
โฮสต์: ฉินเฟิง
ระดับกำลังภายนอก: ขั้นแรก
พลังชีวิต: 1.1เท่าของอายุขัยคนปกติ (ขั้นแรกเท่ากับ 1.1 เท่าขั้นที่สองเท่ากับ 1.2 เท่า...)
พละกำลัง: สามเท่าของคนปกติหากผสานเข้ากับหมัดพยัคฆ์คำรนจะสามารถมีกำลังเป็สี่เท่าของคนปกติ
ความเร็ว: 1.3เท่าของความเร็วคนปกติ (ขั้นแรกเท่ากับ 1.1 เท่าขั้นที่สองเท่ากับ 1.2 เท่า...)
ความคล่องตัว: 1.1เท่าของอัตราการตอบสนองคนปกติ
ระดับกำลังภายใน: ไม่มี
ระดับการหลอมลมปราณ: ไม่มี
...
ฉินเฟิงรู้สึกยินดีอย่างมากขณะที่มองดูค่าสถานะหลังจากได้รับระบบนี้มาครึ่งเดือนเขาเปลี่ยนจากนายน้อยเ้าสำราญที่ไม่มีพละกำลังอะไรกลายเป็ยอดฝีมือที่มีสถานะเหนือกว่าคนธรรมดาอย่างมากเขาเชื่อว่านี่เพิ่งแค่เริ่มต้นเท่านั้น
“นายท่าน ตอนนี้ท่านใช้แต้มสำราญไป 700 แต้มแล้วถ้านายท่านใช้อีก 300 แต้มนายท่านจะยกระดับขึ้นเป็มนุษย์เ้าสำราญขั้นสี่ และจะได้รับโอกาสสุ่มสลาก 3ครั้ง นายท่าน พยายามหาแต้มให้มากเข้าล่ะ”
เมื่อได้ยินว่าเขาใกล้จะได้รับการสุ่มสลากฉินเฟิงก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้นก่อนหน้านี้เขาสุ่มได้หมัดพยัคฆ์คำรนและกระบี่เจินกังครั้งนี้เขาอาจจะได้อะไรที่มันท้าทาย์อีกก็ได้...
ไม่นานหลังจากที่ดูดซับยาเสริมความเร็วสองขวดเสร็จลุงฝูก็เดินเข้ามาส่งเอกสารที่เพิ่งปริ๊นท์เสร็จใหม่ๆ ให้แก่ฉินเฟิงพร้อมกับกล่าว“นายน้อยครับ นี่เป็ข้อมูลทั้งหมดของเฉาหยางผู้จัดการทั่วไปของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เหิงเฟิงครับข้อมูลนี้เพียงพอที่จะทำให้มันกินข้าวแดงในคุกตลอดชีวิตเลย”
ฉินเฟิงได้จัดการให้ลุงฝูดูแลเื่ค่าชดเชยรื้อถอนบ้านมานานแล้วไม่ใช่แค่ห่วงภารกิจ แต่มันคือช่องโหว่ในการจัดการของหวงเจียกรุ๊ปดังนั้นฉินเฟิงจึงไม่ปล่อยไปง่ายๆ
หลังจากดูเอกสารอย่างระมัดระวังแล้วเขาก็มีความสุขในใจ หากเสร็จภารกิจนี้จะได้อีก 100 แต้มเขาปรารถนาที่จะได้วิชากระบี่พื้นฐานแล้ว รวมทั้งใช้จ่าย 300 แต้มเพื่อยกระดับเป็มนุษย์เ้าสำราญขั้นสี่ และยังมีการสุ่มสลาก 3ครั้งอีก
ด้วยเหตุนี้เขาจึงคิดวิธีที่จะทำภารกิจให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ฉินเฟิงขอให้ลุงฝูส่งเอกสารพวกนั้นไปที่สถานีตำรวจแล้วมาที่ห้องโถงหลักของโรงแรมหวงเจีย เนื่องจากเขาว่างเขาจึงตัดสินใจจะไปคุยกับไป๋ชิงเพื่อดูว่าจะได้รับข้อมูลอะไรมาเพิ่มอีกหรือไม่
ในห้องโถงที่ว่างเปล่าไป๋ชิงใส่กระโปรงที่ดูเหมือนนักธุรกิจพร้อมกับถุงน่องสีดำแม้จะได้เห็นขาเธอเพียงส่วนเล็กๆ เธอก็ยังดูมีเสน่ห์อยู่ดี
ปีนี้เธออายุ25ปีและสูง 175 เิเ เมื่อเธอยืนอยู่กับเหล่าพนักงานสาวสวยเธอก็ยังดูเหมือนกับนกกระเรียนในหมู่ไก่ เธอมีใบหน้าขาวดั่งภาพวาด ขนตายาวมีประกายความเยือกเย็นซ่อนอยู่ในดวงตา ร่างกายโค้งเว้าทั่วทั้งร่างของเธอปลดปล่อยบรรยากาศความทระนงตนออกมา
สายตาของเธอจ้องไปที่ไกลๆเหมือนเหม่อลอย
ลักษณะเหมือนกับพี่สาวเ็าจอมหยิ่งเลย!
ฉินเฟิงอัศจรรย์ใจอย่างช่วยไม่ได้หากเธอไม่ได้แอบทำงานลับหลังตระกูลฉินละก็ เขาคงจะจับเธอกดลงบนเตียงไปนานแล้ว!
“ผู้จัดการไป๋ มายืนเหม่ออะไรตรงนี้เหรอ?” ฉินเฟิงเข้าไปหาไป๋ชิงและส่งรอยยิ้มที่ดูหล่อเหลา
“ยินดีต้อนรับค่ะ นายน้อยฉิน!”
ทันทีที่กลุ่มพนักงานสาวสวยเห็นฉินเฟิงพวกเธอก็รีบโค้งทำความเคารพ ไป๋ชิงก็รีบคืนสติอย่างรวดเร็วเมื่อเธอเห็นฉินเฟิงสายตาของเธอมีประกายความเหยียดหยามออกมาก่อนที่จะเปลี่ยนเป็ยิ้มอย่างงดงามเธอแตะไปที่หน้าอกของฉินเฟิงอย่างเบาๆ และกล่าวอย่างเขินอาย “ดิฉันกำลังคิดถึงนายน้อยฉินอยู่พอดีเลยเหม่อไปหน่อยนายน้อยฉิน คุณต้องรับผิดชอบนะคะ” ออร่าสง่างามและเ็าหายไปในทันที
ถ้าเขาไม่รู้เื่ไป๋ชิงก็คงไม่คิดอะไรแต่เขารู้ เมื่อเห็นเธอแสดงท่าทางอ่อยอย่างโจ่งแจ้ง เขาจึงอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ
เธอแสดงเก่งกว่าเขาอีก!
“ผมต้องรับผิดชอบอยู่แล้วนายน้อยผู้นี้ก็ต้องรับผิดชอบคุณไป๋ชิงผู้งดงามจนหาที่เปรียบมิได้เป็ธรรมดาอยู่แล้ว”ฉินเฟิงไม่ได้แสดงความผิดปกติใดๆ และทำตัวเหมือนกับสมัยที่ทำตัวเ้าสำราญเขายิ้มอย่างหื่นกามและมองไปที่หน้าอกใหญ่โตของเธอ
ไป๋ชิงขำและปิดปากสายตาของเธอส่องประกายความเ็าเป็เวลาสั้นๆ “นายน้อยฉินจะรับผิดชอบยังไงคะ?”
“ฮ่าๆ! มาสิ นายน้อยผู้นี้จะพาเธอไปช้อปปิ้งเราจะมีดินเนอร์ใต้แสงเทียนในยามค่ำคืน และเราก็จะไปสโมสรหวงเจีย เช่าห้องสักห้องแล้วก็...แฮะๆๆ เธอก็น่าจะรู้!” ฉินเฟิงแสยะยิ้มและเชิดคางเธอขึ้นด้วยนิ้วชี้ไป๋ชิงรีบตีมือของฉินเฟิงและหัวเราะเชิงตำหนิ “โอ๊ยโย...ที่นี่มีคนตั้งมากมายนายน้อยฉิน ไปพูดคุยข้างนอกกันดีกว่า”
ภายใต้สายตายกย่องและอิจฉาของพนักงานสาวสวยทั้งหลายทั้งสองออกจากโรงแรมหวงเจียพวกเธอทั้งหมดปรารถนาว่าจะเป็หนึ่งในคนที่ฉินเฟิงมอบความรักให้ถ้าเป็แบบนั้นละก็ พวกเธอคงจะผงาดเหมือนกับหงส์เพลิงเลยทีเดียว
สโมสรหวงเจียโรงแรมหวงเจีย และร้านเครื่องประดับหวงเจียเป็สามธุรกิจหลักของหวงเจียกรุ๊ป
ตอนนี้ฉินเฟิงพาไป๋ชิงมาที่ร้านเครื่องประดับหวงเจียสาขาหลัก
เขาเชื่อว่าผู้ชายไม่อาจต้านทานผู้หญิงได้ฉันใดผู้หญิงก็ไม่อาจต้านทานเครื่องเพชรได้ฉันนั้น
ในร้านเต็มไปด้วยเงินทอง และอัญมณีต่างๆ เขาไม่เชื่อว่าไป๋ชิงจะยังรักษาความมีเหตุผลและไม่หลุดปากออกมา
“นายน้อยฉิน ในที่สุดคุณก็มีเวลามาสักที!” ทันทีที่ฉินเฟิงเข้ามาผู้จัดการสาวสวยนามเหราเสวี่ยฉิงรีบมาต้อนรับพร้อมรอยยิ้ม
“ฮ่าๆๆ ผมมาเลือกเครื่องเพชรให้แก่สาวสวยคนนี้ต่างหาก”ฉินเฟิงหัวเราะและแสดงด้านเ้าชู้ออกมา “ผู้จัดการเหรา หาเครื่องเพชรที่ดีที่สุดในร้านให้พวกเราดูหน่อยสิ”
เหราเสวี่ยฉิงแอบมองไป๋ชิงหลายครั้งเหราเสวี่ยฉิงทำได้แค่บุ้ยปากและบ่นในใจขณะเดินไปหาเครื่องเพชร
ฉินเฟิงกับไป๋ชิงพบที่นั่งและทันใดนั้นเองหญิงสาวยั่วสวาทแต่งหน้าหนาเตอะใส่ชุดวาบหวิวเดินควงแขนมากับชายหนุ่มในชุดสูทตะวันตก
“ที่รัก คุณสัญญาว่าจะซื้อสร้อยเพชรเม็ดใหญ่ๆ แพรวพราวให้ฉันวันนี้คุณจะไม่ผิดสัญญาใช่ไหม?”
ฝ่ายหญิงพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนจนทำให้ใครหลายคนต้องมองดูตัวฉินเฟิงสั่นจนเกือบจะอ้วก
“ที่รัก ที่นี่คือร้านเครื่องประดับหวงเจียเป็ร้านเพชรที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเว่ยเฉิงพวกเขามีชื่อเสียงมากและไม่เคยขายของปลอมฉันได้ยินว่าพวกเขาเพิ่งได้รับสร้อยเพชรที่ดีไซน์โดยชาวฝรั่งเศส Victoirede Castellane เค้าอยากได้อยากได้เส้นหนึ่งอ่ะ น้า?” ในระหว่างที่พูดผู้หญิงก็ทำท่าบุ้ยปากเพื่อให้ดูน่ารัก
ฉินเฟิงแคะหูเมื่อเขากำลังจะลุกไปถีบผู้หญิงคนนี้ออกไป แต่ไม่คาดคิดว่าจู่ๆผู้หญิงคนนั้นก็หยุดทำตัวน่ารักและมองไปยังทิศทางของเขาด้วยความใ
“ไป๋ชิง?” เมื่อเห็นไป๋ชิงใบหน้าของผู้หญิงก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ไป๋ชิงมองไปที่คนนั้นสักพักหนึ่งก่อนจะลังเลตอบกลับอย่างสงสัย“จูต้านิว?”
เมื่อได้ยินชื่อนี้ปากของฉินเฟิงก็กระตุกอย่างแรง