เงานั่นเกิดขึ้นมาอย่างกะทันหัน ต่อให้ิอวี่จะมีััที่แข็งแกร่งแค่ไหนก็ยังไม่ทันตั้งตัวอยู่ดี
แล้วตอนที่ทุกคนหันหน้ามาเขาก็ไปถึงตัวศพของตี้หลิงเสวียนแล้ว มือขวาของเขายื่นออกไป หัวใจของตี้หลิงเสวียนก็ถูกเขาชิงเอาไปแล้ว!
พริบตาเดียว พอทุกคนเห็นเงานั่นอย่างชัดเจนก็ล้วนแต่ตกตะลึงไปหมด
เพราะเงานั่นไม่ใช่ใครอื่น เขาคือเซิ่นเจิ่นโหว!
ลมปราณของเซิ่นเจิ่นโหวในเวลานี้อ่อนแรงมาก เสื้อผ้าขาดรุ่ย มีเืไหลที่มุมปาก แขนขวาที่ไร้เรี่ยวแรงแนบติดอยู่ข้างตัว มันเป็อาการาเ็ที่เกิดจากหมัดพลังเทียบเท่าราชสีห์สองหมื่นตัว
ทุกคนคิดว่าเซิ่นเจิ่นโหวสลบเพราะาเ็หนัก แต่ใครจะไปคิดว่าเซิ่นเจิ่นโหวกลับคิดที่จะควักหัวใจของตี้หลิงเสวียน เื่ประหลาดแบบนี้มันเหนือความคาดหมายของทุกคนไปมาก
แต่ในสายตาของเซิ่นเจิ่นโหว หัวใจของตี้หลิงเสวียนไม่ใช่ของธรรมดา มันมีความสำคัญอย่างมาก!
ท่ามกลางสายตาของทุกคน เซิ่นเจิ่นโหวยื่นมือซ้ายออกไปแล้วเสียบมือเข้าไปที่บริเวณหน้าอกข้างซ้ายจากนั้นก็ควักเอาหัวใจที่เปื้อนไปด้วยเืออกมาไว้ในมือ
สีหน้าของเซิ่นเจิ่นโหวไม่ค่อยสู้ดีนัก ตอนที่เขาเอาหัวใจของตี้หลิงเสวียนออกมานั้นก็ได้เห็นว่าหัวใจของตี้หลิงเสวียนมีรอยกรีดหลายแห่ง ลมปราณจากดวงจิตเทวะเหมือนไม่ได้แข็งแกร่งเท่าก่อนหน้านี้แล้ว
อีกทั้งในหัวใจนั่นยังมีลมปราณที่ค่อยๆ ไหลทะลักสู่ภายนอกด้วย
เพราะกระบี่ที่ิอวี่ใช้เล่นงานจนตี้หลิงเสวียนตายไปก่อนหน้านี้ทำให้อวัยวะภายในของเขาถูกกรีดจนเละ มีแค่หัวใจอย่างเดียวเท่านั้นที่ยังคงดูสมบูรณ์ที่สุดอยู่
แต่ถึงแม้จะมีดวงจิตเทวะคุ้มกันอยู่ หัวใจของตี้หลิงเสวียนก็ยังคงถูกกรีดจนเกิดแผลอยู่ดี ลมปราณที่แข็งแกร่งหนาแน่นนั้นเริ่มกระจัดกระจายไหลออกไปในอากาศ
“บ้าชะมัด!”
มันไม่ใช่สิ่งที่เซิ่นเจิ่นโหวอยากที่จะเห็นเลย แต่ว่า ยังมีก็ดีกว่าไม่เหลือเลย เขาจำเป็ต้องชิงเอาหัวใจของตี้หลิงเสวียนไป เพื่อภารกิจนี้เขาต้องอดทนอดกลั้นมากว่ายี่สิบปี!
“เซิ่นเจิ่นโหว! เอาชีวิตเ้ามาเดี๋ยวนี้!”
ถึงแม้ไม่รู้ว่าเซิ่นเจิ่นโหวคิดจะทำอะไร แต่ิเฉินเหยียนกลับบุกนำหน้าไปในทันที ถึงแม้เขาจะถูกตี้หลิงเสวียนเล่นงานจนาเ็ แต่คิดจะเอาชนะเซิ่นเจิ่นโหวมันก็ไม่ใช่เื่ยากสำหรับเขา
ขณะที่ิเฉินเหยียนเคลื่อนไหว ทุกคนก็บุกไปทางเซิ่นเจิ่นโหวพร้อมกันและล้อมเอาไว้ทำให้เขาไม่อาจวิ่งหนีไปได้!
ิอวี่เองก็เข้าไปสู่วงล้อมด้วยเช่นกัน ในเวลานี้เขาขมวดคิ้วหนักมาก ความสบายใจของเขาเมื่อครู่มันกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง
เขาแอบรู้สึกว่าสิ่งที่เซิ่นเจิ่นโหวทำนั้นมันไม่ได้ง่ายอย่างที่ตาเห็น ในใจของเขาเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ
“ไม่มีใครสามารถจับตัวข้าได้ทั้งนั้น! ิอวี่ ... ช้าเร็วข้าจะฉีกเ้าจนแหลกเป็ชิ้นๆ !”
ทันใดนั้นเอง แหวนบนนิ้วมือของเซิ่นเจิ่นโหวก็ปรากฏแสงสีฟ้าออกมา เขาท่องคาถาอะไรบางอย่าง จากนั้นลายอักขระสีน้ำเงินก็แผ่กระจายไปทั่วแขนและหน้าอกของเขาจนไปทั่วทั้งร่าง!
หลังจากนั้น ทั่วร่างกายของเซิ่นเจิ่นโหวก็เริ่มมีหมอกน้ำแข็ง จากนั้นหมอกน้ำแข็งก็เกาะตัวและแนบไปกับตัวของเขา
ร่างกายของเซิ่นเจิ่นโหวเริ่มก่อตัวเป็เกล็ด ตัวของเขากลายเป็ก้อนน้ำแข็งสีฟ้าจางๆ ร่างกายเริ่มเปลี่ยนเป็สีน้ำเงินเข้ม ราวกับว่าเกล็ดเ่าั้มันหลอมรวมเป็หนึ่งเดียวกับร่างกายของเขาไปแล้ว!
และในเวลานี้เอง ิเฉินเหยียนคำรามและซัดหมัดของเขาไปที่ก้อนน้ำแข็งเ่าั้ จนก้อนน้ำแข็งเกิดเสียงแตกออกมา ราวกับว่าตัวของเซิ่นเจิ่นโหวถูกซัดแตกละเอียดไปแล้ว
แต่สีหน้าของิเฉินเหยียนกลับนิ่ง เพราะเขารู้สึกได้ว่ามันไม่ใช่ก้อนน้ำแข็งธรรมดาทั่วไป!
“เกิดอะไรขึ้น?” ิอวี่รีบตามิเฉินเหยียนมาแล้วมองไปที่น้ำแข็งอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ ในใจเริ่มมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้น
ิอวี่ย่อตัวลงไปแล้วหยิบเศษน้ำแข็งขึ้นมาดู เขาเห็นว่าก้อนน้ำแข็งนั้นก็ไม่ได้ต่างจากก้อนน้ำแข็งปกติเลย
ในก้อนน้ำแข็งนี้ไม่ได้มีเนื้อของเซิ่นเจิ่นโหวติดอยู่ด้วย นั่นก็หมายความว่าตัวของเซิ่นเจิ่นโหวนั้นได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย เขาจะต้องใช้วิชาประหลาดอะไรหนีออกไปแล้วแน่!
ในเวลานี้ิอวี่โทษตัวเองอย่างหนัก หากเมื่อครู่เขามาก่อนิเฉินเหยียน ไม่แน่ว่าอาจจะขวางเซิ่นเจิ่นโหวเอาไว้ได้
แต่ว่า ก่อนหน้านี้ที่ิอวี่เพิ่งจะเอาชนะตี้หลิงเสวียนมาเขาได้ใช้พลังไปเกือบหมดตัวแล้ว เขาจึงไม่สามารถเร่งความเร็วให้มาก่อนที่ิเฉินเหยียนจะลงมือกับเซิ่นเจิ่นโหวได้เลย ดังนั้นการที่เซิ่นเจิ่นโหวหนีไปนั้นจึงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้เลย
เซิ่นเจิ่นโหวใช้วิธีการที่แปลกประหลาดในการหลบหนี มันทำให้ทุกคนอึ้งไป สีหน้าแต่ละคนนั้นเคร่งเครียดอย่างมากแล้วทุกคนก็เริ่มใช้ความคิด
ถึงแม้การที่เซิ่นเจิ่นโหวหนีไปได้นั้นจะไม่ได้ทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้มากนัก แต่มันกลับให้ความรู้สึกที่น่ากลัวมากอย่างหนึ่งที่ทำให้ทุกคนเกิดอาการขนหัวลุกอย่างบอกไม่ถูก!
ิอวี่ขมวดคิ้วแน่น เขาเหมือนนึกอะไรที่เป็ไปได้ในทางที่ไม่ดีออกมาอย่างหนึ่ง!
......
ในเวลานี้เอง ราชวงศ์ปิงเฟิงที่อยู่ทางชายแดนทิศเหนือของราชวงศ์ต้าิ
ลมพายุที่หนาวเย็นพัดโชยจนเกิดเสียงที่ดุดันขึ้น เสียงลมราวกับภูตผีปีศาจที่กรีดร้องโหยหวนพัดผ่านน้ำแข็งและหิมะที่ปกคลุมไปทั่ว
พื้นที่แห่งนี้เกิดจากการเชื่อมโยงของเมืองแต่ละเมือง เพราะมันอยู่ในพื้นที่เหนือสุดจึงมีอุณหภูมิที่หนาวอย่างมากและมีหิมะปกคลุมตลอดปี อุณหภูมิต่ำอยู่ตลอดเวลา ชาวบ้านที่นี่ชินกับอากาศแบบนี้แล้ว พวกเขาเดินออกมาข้างนอกถนนโดยที่ไม่ได้รู้สึกว่าหนาวอะไร
แต่เมื่อเข้าไปยังดินแดนแห่งนี้ลึกไปอีก อุณหภูมิมันก็ยิ่งหนาวเย็นมากขึ้น
พื้นที่ที่ลึกที่สุดของดินแดนแห่งนี้จะเห็นเทือกเขาสูงตั้งตระหง่านอยู่ และนั่นคือสถานที่ที่หนาวเหน็บอย่างแท้จริง!
บนเทือกเขามีเส้นทางมากมายที่มุ่งขึ้นไปบนยอดเขาสูงซึ่งมีสิ่งก่อสร้างรูปแบบต่างๆ ที่ทำจากน้ำแข็ง บางลูกมีลักษณะเป็ลานกว้างสี่เหลี่ยม บางลูกเป็ที่ตั้งของเจดีย์น้ำแข็ง บางลูกเป็สนามต่อสู้ และยังมีเขาบางลูกตั้งตำหนักอันงดงามเอาไว้ ซึ่งยังมีศาลาและหอต่างๆ ที่ทำจากน้ำแข็งที่ราวกับหยก แค่เห็นก็รู้สึกว่างดงามมากแล้ว
สิ่งก่อสร้างต่างๆ เ่าั้ล้อมรอบไปด้วยูเาสูง ราวกับดวงดาวที่โอบล้อมพระจันทร์อยู่ และบริเวณตรงกลางก็เป็ตำหนักที่ใหญ่ที่สุด!
ตำหนักเ่าั้ล้วนแต่สร้างด้วยน้ำแข็งสีน้ำเงิน มีความสูงประมาณห้าสิบเมตร ยาวสามเมตร มีที่นั่งอยู่มากมาย เต็มไปด้วยพลังอานุภาพที่แผ่กระจายไปทั่วบริเวณ
ตำหนักใหญ่แห่งนี้ คือศูนย์กลางของราชวงศ์ปิงเฟิง ตำหนักกว่างหาน!
ตำหนักกว่างหาน เป็สภาสูงสุดและเป็ศูนย์กลางของอำนาจของราชวงศ์ปิงเฟิง มีเพียงผู้กล้าที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้นที่สามารถเข้าร่วมการประชุมหารือที่นี่ได้
ในเวลานี้เอง ลานด้านหน้าของตำหนักกว่างหานมีแท่นบูชาสี่เหลี่ยม เส้นผ่าศูนย์กลางยาวห้าเมตร แท่นบูชามีลวดลายสลักน้ำแข็งสีน้ำเงินรูปร่างประหลาดแต่สวยงามมากอยู่
และในเวลานี้เอง บนแท่นบูชาก็ปรากฏหมอกไอเย็นจากน้ำแข็งลอยอยู่ หมอกน้ำแข็งเ่าั้ก่อตัวจนเป็ก้อนน้ำแข็ง เริ่มจากด้านล่างที่เริ่มเห็นเป็ขา เอว หน้าอก และสุดท้ายก็คือใบหน้า จากนั้นก็กลายเป็ที่รูปร่างใหญ่โตราวกับน้ำแข็งแกะสลักขึ้นมา
น้ำแข็งแกะสลักนี้เหมือนดั่งมีชีวิต เมื่อน้ำแข็งละลายออกก็ได้เห็นชายรูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น
เขาก็คือเซิ่นเจิ่นโหว!
เซิ่นเจิ่นโหวอดทนต่ออาการาเ็ที่แขนขวาและบริเวณหน้าอก ริมฝีปากของเขาซีดเซียว
ลายเส้นอักขระเมื่อครู่นั้นเป็ลายเส้นอักขระขนส่งที่มีชื่อว่า น้ำแข็งลวงตา! ที่มีเฉพาะราชวงศ์ปิงเฟิงเท่านั้น
ขอแค่คนใช้งานมีลายเส้นอักขระน้ำแข็งลวงตา ตราบใดที่อยู่ในขอบเขตการควบคุมของน้ำแข็งลวงตาก็สามารถขนส่งคนผู้นั้นไปยังแท่นบูชาได้
แท่นบูชานั้นมั่นคงมาก การที่เซิ่นเจิ่นโหว้ากลับมาที่แท่นบูชาจากราชวงศ์ต้าินั้นสามารถทำได้แน่นอน แต่จะส่งตัวเขากลับไปยังราชวงศ์ต้าิอีกนั้นเป็เื่ที่เป็ไปไม่ได้
อีกอย่าง คิดอยากจะใช้ลายเส้นอักขระน้ำแข็งลวงตาจะต้องใช้เืจำนวนมาก และไม่อาจฟื้นพลังกลับมาได้ภายในครึ่งปีถึงหนึ่งปีทีเดียว ดังนั้น หากไม่มีความจำเป็จริงๆ ก็ไม่มีใครเลือกที่จะเปิดใช้งานลายเส้นอักขระน้ำแข็ง พวกเขาเห็นมันเป็แค่ไม้ตายสำรองเท่านั้นเอง
ไม่เพียงเท่านั้น ลายเส้นอักขระน้ำแข็งลวงตามีราคาสูงมาก มีแค่ขุนนางผู้ใหญ่ระดับสูงของราชวงศ์ปิงเฟิงเท่านั้นถึงจะมีลายเส้นอักขระขนส่งแบบนี้!
เซิ่นเจิ่นโหวเดินลงมาจากแท่นบูชาอย่างยากลำบากแล้วคุกเข่าลงบนประตูใหญ่ของตำหนักกว่างหาน จากนั้นก็พูดขึ้นมาด้วยเสียงเข้มๆ ว่า “กระหม่อมเซิ่นเจิ่นโหว กลับมา ... รายงานตัวแล้วพะยะค่ะ!”
ด้านหน้าตำหนักกว่างหานไม่มีใครส่งเสียงตอบรับเลย มีแค่เสียงลมอันหนาวเย็นที่พัดผ่านช่องแคบของเขาดังขึ้นเท่านั้น
แต่ว่า ั้แ่วินาทีที่เซิ่นเจิ่นโหวออกมาจากแท่นบูชาก็รับรู้ไปถึงบุคคลตำแหน่งใหญ่ที่สำคัญแล้ว ไม่นานนักก็มีแสงประมาณสิบเอ็ดสายพุ่งมาจากทั่วทิศ และทั้งหมดก็มารวมตัวกันอยู่ในตำหนักกว่างหาน
ประตูใหญ่ตำหนักกว่างหานค่อยๆ เปิดออก วินาทีนั้นเอง ลมหนาวและความน่ากลัวก็กดทับลงมา เซิ่นเจิ่นโหวสีหน้าซีดเซียวจนเกือบจะกระอักเืออกมา เหมือนว่าสามารถจะล้มลงกับพื้นได้ตลอดเวลา
“เข้ามา”
น้ำเสียงที่ไร้อารมณ์ความรู้สึกแต่มีความเยือกเย็นราวกับน้ำแข็งค่อยๆ ดังขึ้น
ต่อให้ตอนนี้ร่างกายของเซิ่นเจิ่นโหวจะย่ำแย่แค่ไหน และพลังอานุภาพที่กดทับลงมานั้นก็ทำให้เขาแทบหายใจไม่ออก แต่เมื่อได้ยินเสียงที่ไม่ได้ยินมันมากว่าสิบปี ในใจของเขาก็รู้สึกยินดีอย่างมาก!
เขาปกปิดตัวตนและรอคอยมานานหลายปีขนาดนี้ ในที่สุดเขาก็สามารถกลับมารายงานตัวที่บ้านเกิดของตัวเองได้แล้ว ในที่สุดเขาก็สามารถอุทิศตนสร้างผลงานให้กับาาที่เขาเทิดทูนที่สุดในใจของเขา!
ราชวงศ์ปิงเฟิงจะต้องยิ่งใหญ่ที่สุด!
“พะยะค่ะ!”
เซิ่นเจิ่นโหวเดินเอามือปิดแขนขวา แล้วค่อยๆ เดินขึ้นบันไดทีละขั้นไปยังประตูใหญ่
ตำหนักกว่างหานทำจากน้ำแข็งสีน้ำเงินเข้มทั้งหมด เมื่อเข้าสู่ด้านในก็จะััได้ถึงความหนาวเหน็บจนถึงกระดูกได้
ตำหนักที่ใหญ่โต ทั้งสองด้านมีเสาน้ำแข็งทั้งหมดหกต้น ซึ่ง้ามีการสลักลวดลายที่สวยงาม ดูสง่างามทรงพลัง และเพราะความหนาวเย็นจากน้ำแข็งสีน้ำเงินที่ทิ่มแทงไปถึงกระดูก นั้นทำให้คนรู้สึกถึงอำนาจและพลังที่ลึกลับ
ทั้งสองด้านมีเก้าอี้ที่ทำจากน้ำแข็งสีน้ำเงินฝั่งละห้าตัว แต่ละตัวล้วนแต่มีคนนั่งอยู่ราวกับูเาที่ตั้งตระหง่านที่ส่งแรงกดทับลงมาอย่างรุนแรง ราวกับเสาใหญ่ที่ค้ำยันตำหนักกว่างหานเอาไว้ ค้ำดินแดนแห่งนี้เอาไว้!
บนที่นั่งทั้งสิบที่ ล้วนแต่มีผู้กล้าที่มีพลังความสามารถที่น่ากลัวถึงขีดสุดนั่งอยู่!
และตรงหน้าของเซิ่นเจิ่นโหว บริเวณตรงกลางของตำหนักกว่างหานก็มีกระบี่ที่ทำจากน้ำแข็งมากมายเต็มไปหมด ราวกับปีกนกยูงที่สยายอยู่บนด้านหลังเก้าอี้บัลลังก์ และบนเก้าอี้บัลลังก์นั้น มีชายสวมเสื้อคลุมมีหมวกสีดำ ดวงตาสีน้ำเงิน กำลังนั่งและจ้องมองมาที่เซิ่นเจิ่นโหว
“ของที่ข้า้า ... เอามาด้วยหรือเปล่า”
