ฉือหางมองไปที่เจียงโหรวด้วยความประหลาดใจ ก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างควบคุมไม่ได้ ส่ายศีรษะแรงๆ ด้วยความตื่นใ "เ้า เ้า..."
เจียงโหรวมองเขาด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นการแสดงออกของฉือหาง นางอดไม่ได้ที่จะก้าวเท้าไปข้างหน้า "ไม่ดีหรือ?"
นี่เป็ครั้งแรกที่เขาได้พบกับผู้หญิงเช่นนี้ ฉือหางส่ายศีรษะด้วยความตื่นตระหนกใ
"เ้าตัดสินใจได้แล้วค่อยบอกข้าก็ได้ ข้ายอมที่จะเป็แม่ของลูกของเ้า" เจียงโหรวกุมริมฝีปากของนางปิดบังรอยยิ้ม จากนั้นหันหลังกลับเดินออกไปข้างนอก
ใบหน้าของชายหนุ่มแดงก่ำ ราวกับว่าเขาเป็กุ้งที่ถูกย่างจนสุกอย่างไรอย่างนั้น
ฉือหางอยู่ในภวังค์ความวิตกกังวลตลอดทั้งวัน จนกระทั่งหลินกู๋หยู่มาเรียกเขากลับบ้าน เขาถึงได้หลุดออกจากภวังค์ความคิดอีกครั้ง
เดิมทีลู่จื่อยู่้าสั่งให้รถม้าส่งพวกเขากลับบ้าน แต่หลินกู๋หยู่รู้สึกเกรงใจเกินกว่าจะรบกวนเขาอีกต่อไป
หลินกู๋หยู่จับมือของโต้ซา ทั้งสองคนเดินนำหน้า ฉือหางเดินตามด้านหลัง
“ท่านแม่” โต้ซาที่กำลังจับมือของหลินกู๋หยู่หยุดเดิน เงยหน้าขึ้นมองหลินกู๋หยู่ “ท่านพ่อยังอยู่ข้างหลังอยู่เลย!”
ทันทีที่หลินกู๋หยู่หันศีรษะกลับไป ก็เห็นฉือหางที่เดินตามหลังมาด้วยใบหน้าราวกับมีเื่ให้คิดมากมาย จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า "เ้าเป็อะไรไปหรือ?"
“ไม่มี” ฉือหางส่ายศีรษะอย่างแรง เมื่อได้ยินเสียงของหลินกู๋หยู่ “ไม่มีอะไร”
เดินไปด้านหน้าหลินกู๋หยู่อย่างกระวนกระวาย ฉือหางก้มลงและอุ้มโต้ซาขึ้นมา "พวกเรากลับกันเถอะ"
“อืม” หลินกู๋หยู่เดินตามฉือหางกลับไปที่บ้าน
เมื่อกลับถึงบ้าน ฉือหางเฝ้าดูหลินกู๋หยู่เริ่มทำอาหารอย่างยุ่งเหยิง
"กู๋หยู่" ฉือหางเดินไปหาหลินกู๋หยู่ พูดอย่างลังเลว่า "เ้าคิดว่า ข้าควรไปทำงานนอกเวลาในเมืองดีหรือไม่ ถึงเวลานั้นพวกเราจะได้ไปที่นั่นด้วยกันในตอนเช้า กลับมาด้วยกันในตอนเย็น เ้าคิดว่าดีหรือไม่?”
หลินกู๋หยู่ใส่บะหมี่ลงในหม้อ จากนั้นหยุดชะงักครู่หนึ่ง ก่อนที่จะหันหน้าไปมองฉือหาง "ร่างกายของเ้ายังไม่ดีขึ้น เ้าควรพักผ่อนให้เพียงพอ"
ั้แ่ไหนแต่ไร ฉือหางเป็คนที่ไม่สามารถนิ่งอยู่หรือไม่ทำงานทำการได้ เมื่อก่อนเขาอยู่บนูเา แม้ว่าเขาจะได้รับาเ็ แต่กระนั้นเขาก็ยังคงไปล่าสัตว์บนูเาในวันรุ่งขึ้น
“อาการาเ็เหล่านี้ไม่เป็ไร” ฉือหางเงยหน้าขึ้นมองหลินกู๋หยู่ด้วยรอยยิ้ม ริมฝีปากโค้งแสดงถึงความเหนียมอาย “ข้าไม่เป็ไรจริงๆ สุขภาพของข้าแข็งแรงดี”
หลินกู๋หยู่ที่กำลังคนบะหมี่หยุดชะงักชั่วขณะ และถอนหายใจอย่างหมดหนทาง
นางไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมเขาถึงเอาแต่หาเื่ใส่ตัวในขณะที่สุขภาพยังไม่ดีนัก เมื่อร่างกายพังทลาย ต่อให้มีเงินมากมายเพียงใดก็ไร้ประโยชน์ไม่ใช่หรือ?
“พี่ฉือหาง” หลินกู๋หยู่หายใจเข้าลึกๆ มองฉือหางอย่างจริงจัง “เ้าคิดว่าเงินสำคัญ หรือร่างกายของเ้าสำคัญมากกว่า?”
ฉือหางรู้สึกไม่กล้าสบกับดวงตาของหลินกู๋หยู่อยู่หลายส่วน จากนั้นจึงค่อยๆ หลุบสายตาลง
“ถ้าสุขภาพดีแล้ว อยากจะทำอะไรข้าจะไม่ว่าอะไรทั้งนั้น แต่ตอนนี้ร่างกายของเ้าได้รับาเ็อีกแล้ว หากเจอสถานการณ์ที่อันตรายเช่นนั้นอีกเล่า?” หลินกู๋หยู่อดไม่ได้ที่จะบ่น ในขณะที่สายตามองไปที่ฉือหางอย่างใจเย็น
ฉือหางลดสายตาลง ทำไมเขาถึงได้รู้สึกว่าสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูดนั้นทำให้เขาสบายใจมาก เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาอุ่นขึ้น
“พี่ฉือหาง” หลินกู๋หยู่รู้สึกว่าสิ่งที่นางพูดนั้นค่อนข้างแรง หันไปคนน้ำแกง น้ำเสียงของนางก็เบาลงระคนอ่อนโยน “ต้องดูแลตัวเองให้ดี ไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับร่างกายของตนเอง ไม่ใช่หรือ?”
ฉือหางมองไปที่การเคลื่อนไหวของหลินกู๋หยู่ เปิดริมฝีปากเล็กน้อย "ข้าจะเชื่อฟังเ้า"
หลินกู๋หยู่เห็นว่าหม้อเดือดแล้ว จึงพูดกับฉือหางที่อยู่ข้างๆ ว่า "พี่ฉือหางไปเอาชามมา บะหมี่เกือบจะพร้อมแล้ว"
"ได้" ฉือหางตอบอย่างง่ายดาย พรวดเดินไปที่ตู้เก็บจานชามและเปิดตู้
“ข้าได้แจ้งพวกเขาไปแล้วว่าในสองสามวันนี้ข้าจะไม่ไป ข้าจะดูแลเ้าที่บ้าน” หลินกู๋หยู่กล่าวอย่างเป็กันเองขณะคนบะหมี่
มือที่ถือชามสั่นเทิ้มอย่างควบคุมไม่ได้ ฉือหางหันศีรษะไปมองหลินกู๋หยู่ เผลอทำชามข้างๆ ตกหล่นแตกอย่างไม่ได้ตั้งใจ
"เกิดอะไรขึ้น?" ทันทีที่หลินกู๋หยู่หันศีรษะ นางก็เห็นฉือหางนั่งยองๆ หยิบเศษชามที่ทำแตกเมื่อครู่ นั่งยองและเอ่ยถามอย่างเป็ห่วงว่า "มือของเ้าไม่ได้เป็อะไรใช่หรือไม่?"
ทันทีที่ฉือหางเงยหน้าขึ้น เขาก็สบกับดวงตาของหลินกู๋หยู่อย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ดวงตาสีเข้มเป็ประกายสดใส และสิ่งเดียวที่เขามองเห็นก็คือตัวเขาเอง
แรงกระตุ้นที่ถูกระงับในใจของเขา ในขณะนี้พร้อมที่จะเคลื่อนไหวแล้ว
เขากลัวว่าวันหนึ่งเขาจะทำบางอย่างที่จะเป็การทำร้ายนาง
“เกิดอะไรขึ้นหรือ?” หลินกู๋หยู่มองไปที่ฉือหางด้วยความสับสน และเอ่ยถามอย่างเป็กังวลว่า “ทำไมเ้าถึงได้ไม่ระวังเช่นนี้ละ?”
ทั้งที่นางไม่ได้ชอบเขา แต่ทำไมนางถึงยังคงปฏิบัติต่อเขาดีถึงเพียงนี้?
ฉือหางรู้ว่าเขาโง่เขลาเบาปัญญา แต่เขาคิดไม่ตก ไม่อาจเข้าใจได้ว่าด้วยเหตุใดหลินกู๋หยู่ถึงได้ปฏิบัติต่อเขาดีเช่นนี้
“พี่ฉือหาง?” หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วเบาๆ ทำไมถึงชอบทำให้คนไม่สบายใจเช่นนี้นัก
"ไม่เป็ไร" ฉือหางพูดหลังจากนั้นครู่หนึ่ง ยังคงหยิบเศษชามบนพื้นต่อไป
“ไม่ต้องเก็บแล้ว กวาดเศษชามด้วยไม้กวาดเถอะ” หลินกู๋หยู่พูดแล้วหันหลังเดินออกไป
หลังจากกวาดเศษชามบนพื้น หลินกู๋หยู่ก็เริ่มยกอาหารวางบนโต๊ะ
ที่โต๊ะอาหารค่ำ ผู้เดียวที่ตื่นเต้นมากที่สุดคือโต้ซาตัวน้อย วันนี้คนในโรงหมอให้กลองป๋องแป๋งกับเขา และเขาก็ชอบมากจนวางไม่ลง หลินกู๋หยู่ป้อนอาหารให้เขา ในขณะที่กำลังเล่นเขย่ากลองป๋องแป๋งในมือ
หลังจากรับประทานอาหาร ทุกอย่างก็ดำเนินไปเหมือนทุกวัน หลินกู๋หยู่เริ่มต้มน้ำเพื่ออาบน้ำ เมื่อนั้นเองนางตระหนักได้ว่าที่บ้านมีฟืนไม่เพียงพอแล้ว
ในขณะที่น้ำกำลังเดือด หลินกู๋หยู่ก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตู
ดึกมากแล้ว ใครมาอีก?
เมื่อเห็นว่าหลินกู๋หยู่กำลังยุ่งอยู่ ฉือหางจึงเดินไปเปิดประตู
ในขณะที่ฉือหางเปิดประตู เขาก็มองไปที่คนแปลกหน้าที่ยืนอยู่ข้างนอกเ่าั้ด้วยสีหน้างุนงง
"พวกเ้า พวกเ้ามาหาใครหรือ?" สายตาของฉือหางกวาดมองพวกเขาเ่าั้ ขณะเอ่ยถามด้วยความสงสัย
"ไม่ทราบว่า เ้าคือคุณชายฉือหรือไม่?" ผู้นำเป็ชายวัยสี่สิบ บนใบหน้าของเขาแสดงรอยยิ้มประจบสอพลอ
“ข้าสกุลฉือ ถูกแล้ว” ฉือหางขมวดคิ้วเล็กน้อย “แต่ข้าไม่รู้จักพวกเ้า”
"พ่อบ้าน ถูกต้องแล้ว คุณชายฉือที่คุณหนูพูดถึงก็คือท่านนี้" คนรับใช้หนุ่มที่ยืนอยู่ด้านข้างเดินไปหาชายวัยกลางคนคนนั้น แล้วพูดเสียงเบาว่า "ไม่ผิดอย่างแน่นอน คุณชายท่านนี้ต้องเป็คนมีความสามารถอย่างแน่นอน"
พ่อบ้านหันศีรษะไปมองด้านหลัง แล้วพูดอย่างเฉียบขาด “ยังไม่รีบยกของพวกนั้นเข้ามาอีก”
"ช้าก่อน" ฉือหางตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขาขวางประตูขณะพูดอย่างไม่เห็นด้วย "เ้า้าจะทำอะไร?"
“คุณชายฉือ พวกเรามาที่นี่เพื่อมอบบางสิ่งตามคำสั่งของคุณหนูก็เท่านั้น ท่านช่วยชีวิตของคุณหนูของเราถึงสองครั้งแล้ว ของขวัญเหล่านี้เป็สิ่งที่สมควรให้อยู่แล้ว” พ่อบ้านกล่าวอย่างเคารพนอบน้อมมาก
เดิมทีฉือหางเป็ชายชาวนาชาวไร่ สายตาของเขาจับจ้องไปที่กล่องสองใบที่คนเ่าั้แบกอยู่ เขาโบกมืออย่างแรง
เขาช่วยชีวิตคนๆ นั้นไว้ ก็แค่เป็ความบังเอิญเท่านั้น ไม่ว่าใครก็ตามที่ตกอยู่ในอันตรายในเวลานั้น เขาก็ยินดีช่วย
“ไม่ได้ลำบากอะไร ของพวกนี้ก็มีค่ามากเกินไป ข้ารับไว้ไม่ได้ พวกเ้านำมันกลับไปเถอะ” ฉือหางโบกมืออย่างรวดเร็ว ขมวดคิ้วแสดงความจริงจังมากขึ้น “บอกคุณหนูของพวกเ้าว่าอย่าได้คิดมากเลย แค่เื่เล็กน้อย ไม่หนักหนาอะไร”
พ่อบ้านมองไปที่ฉือหางด้วยความลำบากใจสุดจะทน หลังจากครุ่นคิดเป็เวลานาน เขาก็พูดว่า "ท่านอย่าปฏิเสธเช่นนี้ ถ้าพวกเรากลับไปเช่นนี้ พวกเราไม่สามารถรายงานให้คุณหนูฟังได้"
"ข้าขอโทษจริงๆ" เมื่อมองดูสิ่งของมากมายเ่าั้ ฉือหางรู้สึกอึดอัดในใจ ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขานึกถึงสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นพูดในโรงหมอ
เขาไม่้าติดต่อหรือมีปฏิสัมพันธ์กับเจียงโหรวไปมากกว่านี้ เขาได้ตัดสินใจแล้ว เขาจะรับอะไรจากนางไม่ได้
เดิมหลินกู๋หยู่กำลังต้มน้ำร้อน เมื่อมองไปที่ฉือหางที่ประตู ดูเหมือนว่าเขากำลังคุยกับใครบางคนอยู่ข้างนอก นางจึงเดินช้าๆ ไปทางด้านนอก
“ข้ารับไว้ไม่ได้จริงๆ พวกท่านนำมันกลับไปดีกว่า” เสียงที่สับสนของฉือหางแว่วดัง
หลินกู๋หยู่เดินไป เห็นกลุ่มคนแปลกหน้ายืนอยู่ข้างนอก
“คุณชายฉือ” พ่อบ้านคิดถึงรูปลักษณ์โกรธถมึงทึงของคุณหนู เหงื่อเย็นผุดขึ้นที่หน้าผาก เขายกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผาก “ท่านรับไว้เถอะ นี่คือของเล็กๆ น้อยๆ จากความตั้งใจของคุณหนูของเรา คุณหนูของเราเป็คนรู้จักบุญคุณคนที่เคยให้ความช่วยเหลือมาั้แ่ไหนแต่ไรแล้ว"
“แต่สิ่งของเ่าั้มันราคาแพงเกินไป” ฉือหางขวางประตู พูดด้วยเสียงเ็า “ไม่ได้ เ้าควรกลับไปโดยเร็วจะดีกว่า”
เมื่อได้ยินสิ่งที่ฉือหางพูด หลินกู๋หยู่ก็เข้าใจบางอย่าง จากนั้นหันหลังกลับและเดินเข้าไปในบ้าน
หลินกู๋หยู่ถือถุงเงินในมือเดินไปที่ด้านข้างของฉือหาง เอนตัวเข้าใกล้ใบหูของเขา "พี่ฉือหาง"
เมื่อฉือหางได้ยินเสียงของหลินกู๋หยู่ ร่างกายของเขาก็แข็งทื่อ ลมร้อนรอบๆ ใบหูก็ทำให้เขารู้สึกคันยิกๆ "เ้าออกมาทำไมหรือ?"
หลินกู๋หยู่โน้มตัวเข้าไปใกล้ใบหูของฉือหาง พร้อมกระซิบสองสามคำ จากนั้นจึงหยิบเศษเงินในแขนเสื้อออกมายัดใส่มือของฉือหาง
"นี่?" ฉือหางมองไปที่หลินกู๋หยู่ด้วยท่าทางงงงวย
หลินกู๋หยู่ยิ้ม พร้อมพยักหน้าให้ฉือหาง
ฉือหางชำเลืองมองหลินกู๋หยู่ปราดหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า
"การมาที่นี่ในคราวนี้ ทำให้พวกท่านต้องลำบากแล้ว" ฉือหางยื่นถุงเงินใส่ในมือของพ่อบ้านที่อยู่ข้างหน้า "เงินนี้สำหรับดื่มสุรา ท่านนำสิ่งเหล่านี้กลับไปจะดีกว่า"
เมื่อได้ยินสิ่งที่ฉือหางพูด พ่อบ้านก็พยักหน้า ถอนหายใจอย่างจนปัญญา ยัดถุงเงินเข้าไปในแขนเสื้อของเขาอย่างไร้ร่องรอย จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองฉือหาง "ในเมื่อคุณชายฉือพูดเช่นนี้ บ่าวก็จะนำของพวกนี้กลับไป ขอบพระคุณคุณชายฉือที่มอบของขวัญ”
ฉือหางพยักหน้า รอยยิ้มจางๆ ปรากฏที่มุมปากของเขา
ถ้าให้เขารับสิ่งของมากมายเ่าั้ เขาต้องรู้สึกอึดอัดไม่สบายใจอย่างแน่นอน เื่การช่วยเหลือนั้นเป็เพียงเื่เล็กน้อย ไม่ได้มีความลำบากยากเย็นสำหรับเขา
โจวซื่อเดินออกมาจากประตูด้านข้าง บิดตัวและเดินไปด้านหน้าของฉือหาง เมื่อดวงตาของนางจับจ้องไปที่กล่องสีทองใบใหญ่ ดวงตาของนางเป็ประกาย
"นี่คืออะไรหรือ?" โจวซื่อเดินไประหว่างกลุ่มคน เหลือบมองคนข้างๆ นางด้วยแววตาละโมบ วางมือลงบนกล่องและััมัน
เนื้อััดีจริงๆ ผ้าเหล่านี้ดีกว่าผ้าฝ้ายแท้ๆ ที่นางเคยซื้อมาเสียอีก ดูเหมือนว่าจะเป็คนรวยสินะ
“นายท่าน” โจวซื่อเดินไปหาพ่อบ้านด้วยรอยยิ้ม “ลูกชายของข้าเป็คนไม่รู้เหตุรู้ผลมาั้แ่ไหนแต่ไร ดังนั้นข้าจะเป็คนรับสิ่งเหล่านี้แทนเขาเอง เช่นนี้ท่านกลับไปแล้วจะได้รายงานนายของท่านได้ใช่หรือไม่?”
สีหน้าของพ่อบ้านชะงัก
ฉือหางยืนอยู่ที่ประตูใบหน้าบึ้งตึง เขาก้าวไปข้างหน้าทันที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้