เพียงไม่นานเหลยิก็นำกองกำลังของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสิบนาย เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเย่เวิ่นเทียน
“ผู้าุโเย่ ต้องขออภัยด้วยครับ เนื่องจากเย่เฟิงมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรม ผมจำเป็ต้องพาตัวเขากลับไป” ด้วยฐานะหัวหน้าทีมของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ ทำให้เหลยิรู้สถานะของเย่เวิ่นเทียนว่าเขาเป็ปรมาจารย์ที่โดดเด่นมากในยุทธจักร! เนื่องจากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติมีการติดต่อเจรจากับคนของยุทธจักร หากไม่รู้จักแม้แต่เย่เวิ่นเทียนก็นับว่าเขาอ่อนด้อยเกินไปแล้ว
“ใครตาย?” เย่เวิ่นเทียนเหลือบมองเขาพร้อมเอ่ยถาม
“ไช่เฉ่าหงครับ เป็นักศึกษาคนหนึ่งในมหาลัยเยี่ยนจิง” เหลยิตอบตามจริง เมื่อต้องยืนเผชิญหน้ากับเย่เวิ่นเทียนทำให้เขาต้องพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง พร้อมระวังตัวอยู่ตลอดเวลา
กล่าวได้ว่าโลกปกติและโลกยุทธจักรนั้นราวกับเป็โลกคู่ขนานที่ตรงข้ามกันสุดขั้ว แม้ในเวลาปกติจะมีการคบค้าสมาคมกัน ทว่าการปะทะกันส่วนมากเกิดขึ้นเพราะคนของยุทธจักรมักหุนหันพลันแล่นจนเป็ฝ่ายลงมือก่อน
เหลยิจึงรู้สึกกดดันมาก หากเย่เวิ่นเทียนลงมือตอนนี้ ด้วยระดับฝีมือของอีกฝ่าย เขารับมือได้ไม่ง่ายเลย แม้เขาจะพากองกำลังทหารมาด้วยอีกสิบนายก็ยังกลัวว่าคนทั้งหมดจะถูกฝังไว้ที่นี่!
“เป็เขาอย่างนั้นเหรอ?” เย่เวิ่นเทียนขมวดคิ้ว
เขาได้ยินเื่ของไช่เฉ่าหงมาก่อนหน้านี้แล้ว ไม่ใช่เพราะสถานะที่แท้จริงของอีกฝ่ายแต่เป็เพราะหลินซือฉิง มีข่าวลือว่าไช่เฉ่าหงเป็คนที่หลินซือฉิงชื่นชอบไม่ใช่หรือ นึกไม่ถึงเลยว่าตนไม่อยู่ที่เมืองเยี่ยนจิงเพียงคืนเดียวกลับเกิดเหตุการณ์มากมายเช่นนี้
ปกติเย่เวิ่นเทียนไม่ชอบขี้หน้าของนักศึกษาแลกเปลี่ยนจากอเมริกาคนนี้อยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงเื่ที่อีกฝ่ายคิดแย่งชิงหลินซือฉิงจากเย่เฟิงเลย
ฝันไปเถอะ!
นึกไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะตายไปแล้ว ช่างเป็เื่น่ายินดีเสียจริง
ในใจของเย่เวิ่นเทียนรู้สึกภูมิใจในตัวเย่เฟิงมากขึ้น เ้าเด็กตัวเหม็นนี่เด็ดขาดจริงๆ เจอหน้าหลินซือฉิงเพียงวันเดียวก็จัดการล้มคู่แข่งเสียแล้ว!
เย่เวิ่นเทียนคิดว่าเมื่อเย่เฟิงพบกับหลินซือฉิงจะต้องชื่นชอบอีกฝ่ายแน่นอน หลังจากได้ยินว่าอีกฝ่ายชอบไช่เฉ่าหง เขาจึงจัดการศัตรูหัวใจ! ลงมือเด็ดขาด! สมแล้วที่เป็หลานชายของเย่เวิ่นเทียน
ชายชราครุ่นคิดเรื่อยเปื่อย แต่เป็เวลาเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น ไม่นานก็กลับมาเป็ปกติก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “หลานชายของฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลยสักนิด คนตายก็ตายไปแล้ว พวกแกมีเหตุผลอะไรถึงมาหาหลานชายของฉัน?”
เขาพูดด้วยท่าทีนิ่งสงบ ยังคงยืนขวางประตูห้องเรียนอย่างมั่นคงราวต้นไม้ใหญ่ ไม่ยอมขยับเขยื้อนสักนิด!
“ผู้าุโเย่ อย่าทำให้พวกเราลำบากใจเลยครับ” เหลยิย่นคิ้ว
“ฮ่าๆๆ ช่างน่าขันนัก” เย่เวิ่นเทียนหัวเราะ “มันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าตอนนี้พวกแกทำให้ตาแก่อย่างฉันลำบากใจ อยากจับหลานชายของฉันงั้นเหรอ? ไม่มีทางเสียหรอก!”
“หัวหน้าครับ เอ่อ...” นายทหารคนหนึ่งของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติไม่อาจทนดูได้อีกต่อไป จึงกระซิบกับเหลยิ
“รอฉันรายงานท่านผู้นำก่อน” เหลยิไม่กล้าผลีผลามตัดสินใจเอง จึงหลบออกไปใช้เครื่องมือสื่อสารติดต่อหาหลินเต๋อเทียน เพียงไม่นานก็กลับมาอีกครั้งก่อนโบกมือส่งสัญญาณให้ลูกน้อง “ถอนกำลัง!”
เหลยิะโสั่งการลูกน้องเสียงเด็ดขาด เมื่อได้ฟังคำแนะนำจากผู้บัญชาการ เขาก็รีบปฏิบัติตามทันที เพราะไม่้าให้เื่ราวยุ่งเหยิงกว่าเดิม ชายหนุ่มผงกหัวให้เย่เวิ่นเทียน จากนั้นนำกำลังทหารล่าถอยไป
นับั้แ่กองกำลังของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติปรากฏตัวและกลับไป ใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีเลยด้วยซ้ำ
ภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้โหมวเจิ้นเฉียง เซี่ยิ่ และเหล่าผู้บริหารโรงเรียนที่ยืนมองอยู่ไกลๆ ต่างตกตะลึงตาค้างและพูดอะไรไม่ออก ชายชราผู้นี้มีอำนาจมากขนาดไหนกัน แม้แต่คนของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติก็ยังไม่กล้าจับกุมเขา ยิ่งไปกว่านั้นการตายของไช่เฉ่าหงถือว่าเป็เื่ใหญ่ที่ร้ายแรงมากทีเดียว!
“ยังไม่รีบไสหัวไปอีกเหรอ?” เย่เวิ่นเทียนยืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้องเรียน เขาหันมาตวาดใส่โหมวเจิ้นเฉียง เซี่ยิ่ และบรรดาลูกน้องคนอื่นๆ อย่างผู้ที่อยู่เหนือกว่า
กลุ่มคนเ่าั้ถึงกับตัวสั่นสะท้านทันที ก่อนที่ทุกคนจะรีบถอยออกไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อผู้อำนวยการโรงเรียนเห็นเช่นนั้นก็อยากเข้าไปพูดคุยกับเย่เวิ่นเทียน ทว่าเมื่อเห็นสายตาที่อีกฝ่ายมองกลับมา อย่าพูดถึงความกลัดกลุ้มในใจของเขาเลย สิ่งเดียวที่เขาทำได้คงมีเพียงเดินห่างออกไปอย่างเซื่องซึม
ทุกคนเริ่มทยอยออกไป จนท้ายที่สุดก็เหลือเย่เวิ่นเทียนยืนอยู่เพียงลำพัง
…………
เมื่อเย่เฟิงและซูเมิ่งหานเข้ามาในห้องเรียนแล้วก็แยกกันไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง ถึงอย่างไรที่นั่งของพวกเขาก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันอยู่แล้ว
เย่เฟิงยังสนใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้านนอก เขาใช้จิตหยั่งรู้เพื่อรับรู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อพบว่าเย่เวิ่นเทียนใช้อำนาจของตัวเองข่มคนของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติที่บุกมาอย่างอุกอาจก็อดอมยิ้มไม่ได้ ตาแก่นี่สุดยอดเสียจริง
เย่เฟิงเองก็คาดไว้แล้วว่าหลินเต๋อเทียนคงส่งคนมาหาเขาแน่นอน ถึงอย่างไรการตายของไช่เฉ่าหงคงมีผลกระทบตามมาแน่ ต่อให้เขาไม่ใช่ฆาตกรแต่ก็ต้องถูกคุมตัวไว้เป็พยาน ทว่าเื่ยุ่งยากเหล่านี้กลับถูกเย่เวิ่นเทียนพูดเพียงไม่กี่ประโยคก็คลี่คลายได้แล้ว นับว่าอำนาจของเย่เวิ่นเทียนช่างแข็งแกร่งเสียจริง
หากเย่เฟิงมีความแข็งแกร่งอย่างนั้น เขายังจำเป็ต้องปกปิดสถานะการฝึกวรยุทธ์ของตัวเองอยู่อีกหรือ?
แน่นอนว่าคำตอบก็คือไม่
ชายหนุ่มครุ่นคิด เขาหวังว่าวันนั้นคงจะอยู่ไม่ไกลเกินไป เพราะท้ายที่สุดแล้ว คงไม่มีใครอยากสวมหน้ากากไปตลอดชีวิตหรอก แม้แต่ชายสวมหน้ากากหัวกะโหลกอย่างหนานฟาง เมื่อเขาจัดการไช่เฉ่าหงได้แล้ว หน้ากากก็ไม่จำเป็อีกต่อไป และกลับคืนสู่สถานะที่แท้จริงของตัวเอง
เขาเองก็ไม่รู้ว่าศัตรูคนต่อไปของหนานฟางคือใครกันแน่?
แม้ตัวของเขาจะอยู่ในห้องเรียน ทว่าความคิดของเย่เฟิงยังคงวนเวียนอยู่กับทะเลตะวันออก เพียงแต่ตอนนี้เย่เวิ่นเทียนจับตามองเขาอยู่ ต่อให้อยากหนีไปทะเลตะวันออกมากแค่ไหนก็ไม่ใช่เื่ง่ายเลย...
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงเรียนวันนี้ไม่ได้แพร่ออกไปเป็วงกว้างนัก เพราะว่าไม่นานก็มีข่าวที่น่าใขึ้นพาดหัวข่าวแทนเสียก่อน
วิลล่าเยี่ยนซีมีเหตุเพลิงไหม้บ้านพักของนักเรียนแลกเปลี่ยน— ไช่เฉ่าหงถูกเผาอยู่ภายในบ้านพักจนไม่เหลือแม้แต่กระดูก!
คุณชายสามตระกูลหลินกลายเป็คนปัญญาอ่อน!
เกิดเหตุะเิอย่างรุนแรงที่เขตชานเมืองเยี่ยนจิง หลังการตรวจสอบพบว่าที่นั่นเป็ฐานการทดลองด้านพันธุกรรม!
ทั้งสามเื่นี้ดูเหมือนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันเลยสักนิด ทว่าไม่ว่าจะเป็ข่าวไหนก็สามารถสร้างความใให้คนในสังคมได้ทั้งนั้น ข่าวที่เกิดขึ้นเป็คลื่นลูกใหญ่ที่ถาโถมใส่เมืองเยี่ยนจิง อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าแปลกก็คือ แม้ไช่เฉ่าหงจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่ทางอเมริกาและเพ่ยเค่อกรุ๊ปกลับไม่มีปฏิกิริยาอะไร ราวกับว่าพวกเขายังไม่ทราบเื่ที่เกิดขึ้น จึงทำให้ผู้คนยิ่งหันมาให้ความสนใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ในเวลาเดียวกัน อีกหลายคนฉลาดพอที่จะเชื่อมโยงเหตุการณ์นี้กับเหตุการณ์ะเิที่เขตชานเมือง สิ่งที่ทำให้องค์กรั์ใหญ่อย่างเพ่ยเค่อกรุ๊ปไม่การกล้าออกมาเปิดเผย มีความเป็ไปได้เพียงเื่เดียว นั่นคือการตายของไช่เฉ่าหงมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุะเิที่เกิดขึ้น เป็ไปได้หรือไม่ว่าฐานการทดลองที่เขตชานเมืองกับไช่เฉ่าหงและเพ่ยเค่อกรุ๊ปมีส่วนเกี่ยวข้องกัน?
ไม่ว่าอย่างไรในสายตาของคนนอก นี่เป็เพียงการคาดเดาเท่านั้น เพราะไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดออกมาแม้แต่น้อย เื่นี้ถือเป็ข้อมูลลับภายในประเทศ หากรั่วไหลออกไปอาจเกิดความขัดแย้งระหว่างประเทศได้!
นับแต่นี้มหาวิทยาลัยเยี่ยนจิงได้สูญเสียนักเรียนแลกเปลี่ยนผู้ร่าเริงสดใสราวแสงอาทิตย์ไปแล้ว ทำให้ผู้คนต่างทอดถอนใจ หญิงสาวหลายคนในมหาวิทยาลัยเยี่ยนจิงเศร้าเสียใจ ทว่ากลับไม่มีใครรู้เลยว่าใบหน้าที่แท้จริงของไช่เฉ่าหงเป็อย่างไร
และเวลาก็ยังดำเนินต่อไป
อาจเพราะเย่เวิ่นเทียน หลินเต๋อเทียนจึงไม่มายุ่งกับเย่เฟิงอีก ทำให้ชีวิตของเย่เฟิงกลับมาสงบสุขอีกครั้ง ภายใต้การตามติดของเย่เวิ่นเทียน เย่เฟิงเริ่มตั้งใจเรียนอย่างหนัก แต่ในสายตาของโอวบี นักเรียนคนอื่นๆ หรือแม้แต่ในสายตาของครู เย่เฟิงก็ยังดูไม่มีความหวังที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยเยี่ยนจิงได้เลย
คะแนนสอบจำลองของเขาเป็อันดับสุดท้ายของห้อง ไม่ว่าจะพยายามอย่างไร เมื่อถึงเวลาที่ต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัย ก็ดูเหมือนเขาจะไม่สามารถสอบเข้าได้อยู่ดี
เว้นแต่ซูเมิ่งหานที่กลายเป็ผู้ฝึกวรยุทธ์เหมือนกับเย่เฟิง เธอรับรู้อย่างชัดเจนว่าความจำของเธอดีขึ้นกว่าเดิมมากทีเดียว นั่นยิ่งทำให้เธอชื่นชมและเลื่อมใสเย่เฟิงมากขึ้น และมีเพียงเธอคนเดียวที่ยังเชื่อมั่นว่าเย่เฟิงสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยเยี่ยนจิงได้แน่นอน หญิงสาวจึงไม่ยอมแพ้ ทุกคืนเธอจะช่วยติววิชาต่างๆ ให้เย่เฟิง นั่นยิ่งทำให้เขาอึดอัดใจมาก
สิ่งที่เขาอยากติวกับเธอไม่ใช่วิชาเรียน แต่เป็เื่อื่นต่างหาก...
แน่นอนว่าซูเมิ่งหานตั้งใจติวให้เขาอย่างจริงจัง ทำให้ชายหนุ่มไม่อาจเลี่ยงได้ ทำได้เพียงยอมติวกับเธออย่างว่าง่าย
ด้านเย่เวิ่นเทียนที่อาศัยอยู่ห้องตรงข้ามห้องนอนของคนทั้งคู่ก็คอยจับตามองอยู่ตลอด เพื่อขัดขวางไม่ให้เย่เฟิงหลบหนีไปได้อีก เย่เฟิงรู้สึกว่านับั้แ่เขาเกิดใหม่ที่เมืองนี้ ครึ่งเดือนที่ผ่านมานับเป็่เวลาที่อนาถที่สุดของเขาแล้ว!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้