“อุตส่าห์ไว้หน้าแล้วกลับไม่้า!”
เหยียนิฮ่วนกัดฟันแล้วเดินเข้าหาทีละก้าว ยังดีที่ส่วนที่โดนเตะเป็เพียงท้องน้อย ยังไม่แตะโดนส่วนสำคัญของเขา ไม่อย่างนั้นเขาจะฆ่าเ้าคนน่าสมเพชที่ไม่รู้ผิดชอบชั่วดีผู้นี้เสีย แต่... ใบหน้านั้นก็ยังคงเหมาะกับเขามากอยู่ดี เ้าปีศาจสมควรตาย!
“หากเ้าปล่อยข้าไปในตอนนี้ ข้าจะทำเหมือนไม่เคยมีเื่นี้เกิดขึ้น”
ในขณะที่กำลังพูดซือเยี่ยก็ก้าวถอยหลังไปด้วย ทั้งสองเดินวนรอบโต๊ะ เขากลัวมาก เขากลัวว่าเหยียนิฮ่วนจะทำได้สำเร็จ เขาฆ่าตัวตายมาแล้วหลายครั้งเพื่อที่จะรักษาร่างกายนี้ เพียงแต่ในยามนั้นเขาอยากจะตายอยู่แล้ว แต่ในยามนี้เขาอยากจะมีชีวิตที่ดี จะยอมให้สัตว์ร้ายตัวนี้เข้ามาทำลายได้อย่างไรกัน
เหยียนิฮ่วนลูบท้องน้อยพร้อมกล่าวเยาะเย้ยว่า
“อยากออกไปหรือ? เช่นนั้นก็ทำให้ข้าพอใจแล้วข้าจะอุ้มเ้าออกไป หรืออยากจะคลานออกไปอย่างอยู่ไม่สู้ตาย!”
ทำร้ายเขาเช่นนี้ยังคิดจะออกไปด้วยร่างกายที่สมบูรณ์อีก ฝันไปเถอะ! ทั้งเรือนในตอนนี้มีเพียงแค่พวกเขา หน้าลานมีอาิเฝ้าอยู่ เขาอยากเห็นว่าคนผู้นี้จะทนเล่นสนุกกับเขาได้นานเพียงใด แต่ผู้ที่เขา้าจู่โจมกลับยังไม่ได้รับมัน
“เ้าไม่กลัวว่าคุณชายสามจะตำหนิหรือ”
ซือเยี่ยรู้สึกหวาดกลัว ใบหน้าของเขาซีดราวกับกระดาษ สายตาอันชั่วร้ายของชายผู้นี้ทำให้ฝ่ามือและหลังเต็มไปด้วยเหงื่อ ความคิดสับสนเพราะความตึงเครียดที่มากจนเกินไป
ชายที่อยู่ตรงข้ามหัวเราะเย้ยหยันออกมา
“อย่าลืมว่าเ้าเป็เพียงบ่าว และข้าเป็พี่ของเขา”
ก็แค่บ่าวผู้หนึ่ง แม้ว่าเหยียนชิงจะปกป้องแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ ยิ่งไปกว่านั้นเขาเพียงแค่เล่นสนุกไม่ได้ฆ่าคน หลังจากนั้นเพียงแค่แสดงท่าทีที่ดีขึ้นแล้วขอให้คนอภัยก็พอแล้ว
ความเชื่อมั่นของเหยียนิฮ่วนแสดงให้เห็นว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรก ซือเยี่ยรู้ว่าอาิจะต้องเตรียมรับมืออยู่ที่หน้าลาน หลินชวนอาจไม่สามารถเข้ามาช่วยเหลือเขาได้ทันเวลา... เมื่อคิดได้เช่นนี้ก็ไม่สนใจสิ่งอื่นอีก หลังจากกลืนน้ำลายสองสามครั้งเขาก็กัดฟันแล้วพูดว่า
“เ้า... เ้าไม่สงสัยหรือว่าคนที่ข้าชอบคือผู้ใด?”
เหยียนิฮ่วนกระตุกมุมปากของเขาอย่างชั่วร้าย ถอดชุดคลุมออกแล้วโยนทิ้งไป
“ปกติข้ามักจะไม่ถามถึงคนตาย เทียบกันแล้วคนตายย่อมยิ่งใหญ่[1]”
“ข้าชอบเหยียนลั่ว”
แม้ว่าน้ำเสียงจะสั่นเครือ แต่คำพูดนั้นชัดเจนมาก
เหยียนิฮ่วนตกตะลึงครู่หนึ่งแล้วหรี่ตาลง
“ข้าประเมินเ้าต่ำไป แต่ว่าเ้าชอบเหยียนลั่ว แล้วเขารู้หรือไม่?”
กับผู้อื่นเขาไม่รู้ แต่กับเหยียนลั่วไม่มีความเข้าใจที่ถูกต้องไปกว่านี้อีกแล้ว เขาเคยพาเหยียนลั่วไปเที่ยวเล่นมาไม่น้อย เหยียนลั่วไม่หวั่นไหวทั้งยังพูดอย่างตรงไปตรงมาว่ากับผู้ชายนั้นเขาทำไม่ได้จริง ๆ
“เ้าคิดว่าอย่างไร?” ซือเยี่ยถามกลับ ดึงปกคอเสื้อที่ปิดคออยู่ลงมาแล้วยกมือขึ้นจนรอยแผลปรากฏออกมาก่อนพูดทั้งดวงตาแดงก่ำว่า
“ข้าไม่กลัวตาย นอกจากนี้ยังมีชีวิตที่ต่ำต้อยและร่างกายอ่อนแอ ไม่รู้ว่าคุณชายถังจะกลัวหรือไม่”
ระหว่างที่พูดนั้นพวกเขาก็เดินวนรอบๆ ไปด้วย ยามนี้เดินมาถึงตรงขอบหน้าต่างอีกครั้ง เขาหยิบกระถางดอกไม้ขึ้นมาแล้วโยนลงไปที่พื้นโดยไม่ลังเลใดๆ ทำให้เกิดเสียงดังขึ้นมา จากนั้นเขาจึงคว้าเศษเครื่องเคลือบชิ้นที่มีคมขึ้นมาถือไว้ในมือ จับเอาไว้แน่น ไม่นานฝ่ามือก็ถูกบาดจนมีเืไหลออกมา
ดวงตาของเหยียนิฮ่วนดำคล้ำ หยุดเท้าลง
“เป็ข้าแล้วมันไม่ดีตรงไหน ทำไมล่ะ... ซือเยี่ย ข้ารู้สึกเอ็นดูเ้าจริง ๆ เ้าคงไม่รู้ว่า เหยียนลั่วไม่ได้ชอบผู้ชาย”
ซือเยี่ยส่วนหัว บัดนี้โฉมหน้าได้ถูกฉีกกระชากจนหมดแล้ว ไม่มีอะไรต้องละอายอีก เพียงแค่ต้องทำให้มันชัดเจนขึ้น
“ข้าไม่ชอบเ้า ไม่้าความเอ็นดูจากเ้า สายตาของเ้าทำให้ข้ารู้สึกคลื่นไส้”
“ฮึ่ม! กล้าดีอย่างไรจึงพูดเช่นนี้!”
เหยียนิฮ่วนกัดฟันแน่น จากกระต่ายกลายเป็แมวป่าที่มีกรงเล็บแหลมคมอย่างรวดเร็ว แต่เป็เช่นนี้ยิ่งได้รสชาติ
“ปัง...”
ซือเยี่ยไม่สนใจ ดันกระถางดอกไม้อีกใบจากขอบหน้าต่างให้หล่นลงไปบนพื้นเพื่อให้เกิดเสียง กระถางใบสวยที่มีดอกไม้ช่อโตตกลงมาแตกกระจายในทันที
แต่มันยังไม่พอ ซือเยี่ยกำลังเผชิญหน้ากับชายที่จ้องมองเขาราวกับงูพิษ จึงต้องเคลื่อนไหวร่างกายอย่างระมัดระวัง เครื่องลายครามที่เดิมวางอยู่บนโต๊ะและตู้ในห้องโถงถูกผลักลงไปบนพื้นทีละชิ้นจนแตกเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อย
กลั้นใจเฝ้ารอด้วยหวังว่าจะมีใครสักคนได้ยิน มือที่ถือเศษเครื่องเคลือบนั้นถูกย้อมไปด้วยเืจนแดงฉาน เหยือกตกลงมาแตก วันนี้หนีไปให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากันว่าจะมีผลเช่นไรตามมา
เหยียนิฮ่วนมองดูอย่างเ็า ท่าทางที่แม้จะกลัวแต่ก็ยังพยายามจะยืนหยัดต่อไปเช่นนี้ ความกล้าหาญที่เ้าเด็กน้อยแสดงออกมาทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ แต่กระทั่งในยามนี้ก็ยังไม่มีผู้ใดเข้ามา...
“ปัง ปัง ปัง...”
น่าเสียดายที่เขาเสียสติไปแล้ว จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังลั่น จากนั้นจึงมีเสียงของฮูหยินถังดังเข้ามา
“ฮ่วนเอ๋อร์ เ้าอยู่ในนั้นหรือไม่?”
ซือเยี่ยโยนเครื่องลายครามที่มีลายดอกไม้แสนสวยงามในมือลงไปบนพื้นแล้วจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก ไม่นานก็มีเสียงดึงสลักประตูดังขึ้น จากนั้นฮูหยินถังก็รีบผลักประตูเข้ามา ตามด้วยอาิที่สีหน้าไม่ค่อยดีนัก
“เ้า...” เมื่อเห็นซือเยี่ยที่หน้าซีดเผือดอีกทั้งใบหน้าข้างหนึ่งยังบวมเป่ง สายตาของฮูหยินถังกวาดมองไปรอบๆ ด้วยความโกรธ “เ้ามาทำอะไรที่นี่?”
ไม่มีใครรู้จักลูกของตนดีกว่าผู้เป็แม่อีกแล้ว ถึงแม้ปากจะพูดออกไปเช่นนั้น แต่เมื่อเห็นท่าทางของซือเยี่ยในใจนางก็ได้คำตอบแล้ว สายตาของบุตรชายใน่สองสามวันมานี้นางย่อมมองเห็นมัน เมื่อมองลงไปที่เศษซากบนพื้นก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ท่านแม่มาได้อย่างไร”
ดวงตาของเหยียนิฮ่วนเปล่งประกายไปด้วยความโกรธ หลังจากถูคิ้วแล้วจึงส่งยิ้มแห้ง ๆ ออกมาพร้อมกับมองไปทางอาิ “งานแค่นี้ยังทำไม่ได้”
“เ้าหุบปากไปเลย” ฮูหยินถังโกรธมากจนยกมือขึ้นตบหน้าเขา “เ้ามันไร้ยางอาย”
หลังจากโดนตบเขาก็หันไปมองซือเยี่ยที่โยนเศษเครื่องเคลือบในมือทิ้งไปแล้วและกำลังจัดเสื้อผ้าด้วยมือที่สั่นเทา เขาจึงส่งสัญญาณให้อาิ
อาิเข้าใจในทันที หลังจากซือเยี่ยจัดเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วจึงรีบดึงเขาออกไป
ซือเยี่ยที่กำลังอกสั่นขวัญหายถูกเขาลากออกไปข้างนอก ร่างกายชุ่มไปด้วยเหงื่อจนเปียกโชก สายลมยามค่ำคืนที่พัดมาจากภายนอกทำให้ตัวเขาสั่นสะท้าน
เมื่อประตูด้านหลังปิดลง ใบหน้าอ่อนน้อมถ่อมตนของอาิก็เปลี่ยนไปในทันที สายตาจ้องเขม็งราวกับจะเข้ามากัดเขาก่อนจะเอ่ยเตือนว่า
“หลินชวนกำลังรอเ้าอยู่ที่ลานด้านหน้า เป็เพียงบ่าวรับใช้ ทำงานได้ไม่สำเร็จทั้งยังกล้าทุบกระถางดอกไม้ที่นายน้อยชอบและทำลายเครื่องลายครามราคาแพงไปจำนวนมาก สมควรแล้วที่โดนคุณชายตบตี เ้าควรรู้ว่าตัวตนของเ้าคือใคร คุณชายตระกูลเหยียนท้ายที่สุดก็คือคุณชายตระกูลเหยียน อย่าได้คิดว่าตนเองสูงส่งจนสามารถก่อคลื่นลมได้ เมื่อออกไปแล้วเ้าควรรู้ว่าสิ่งใดควรพูดสิ่งใดไม่ควรพูด คุณชายของพวกข้าหาใช่ผู้ที่เ้าจะเอื้อมมือถึง ออกไป”
“…”
ซือเยี่ยกัดริมฝีปากและมองเขาอย่างเ็าหลังจากฟังเขาพูดจนจบ ความอัปยศกำลังเพิ่มขึ้นจากก้นบึ้งของหัวใจ เขาทำงานไม่สำเร็จหรือ? ควรอับอายจากการไต่เต้าขึ้นที่สูงหรือ? สามารถพูดไร้สาระได้ทั้งที่ตายังเปิดอยู่[2] คนเหล่านี้ทำตัวเป็คนพาลมากเกินไปแล้ว!
อยากตอบโต้กลับไป แต่มือทั้งสองยังคงสั่นเทา อยากจะฉีกใบหน้าที่น่าขยะแขยงเช่นนี้ออกเป็ชิ้น ๆ แต่เขาเป็คนอ่อนแอ และมันไม่เป็การดีต่อเขาที่จะเอะอะโวยวาย อยู่ที่นี่เขาเป็เพียงบ่าวรับใช้ จะไม่มีผู้ใดชื่นชมเขาในการเรียกร้องความยุติธรรม! และไม่มีผู้ใดช่วยเขาได้
เืยังคงพลุ่งพล่าน[3] ในปากยังคงมีกลิ่นคาวจากเื เขาตกอยู่ในภวังค์ไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ทำได้เพียงกัดริมฝีปากและอดทนต่อความอับอายก่อนจะเช็ดมุมปากแล้วปิดหน้าเดินจากไป
ตกกลางคืน ท้องฟ้ามืดลงมากแล้ว ซือเยี่ยเดินโซเซไปตลอดทางจนถึงลานด้านหน้า เมื่อเห็นร่างของหลินชวนที่ยืนรออยู่ทั้งร่างของเขาถึงได้ผ่อนคลายลง
“ซือเยี่ย เ้ามาแล้ว กลับกันเถอะ”
หลินชวนโบกมือให้เขาอยู่ไม่ไกล ก่อนจะหันหลังเดินออกไป
“หลินชวน... รอข้าด้วย...”
ซือเยี่ยไล่ตามเขาไป หลังจากที่จิตใจตึงเครียดเริ่มผ่อนคลายลงก็รู้สึกราวกับตัวเขาได้มาถึงขีดจำกัดแล้ว
“เร็วหน่อย ยังสามารถกลับไปทันทานอาหารที่พี่เฉินเซียงทำ...”
หลินชวนตอบด้วยรอยยิ้มโดยไม่ได้สังเกตถึงอาการแปลกๆ ของเขา แต่เมื่อหันกลับไปก็เห็นว่าคนที่ไล่ตามหลังเขามากำลังทรุดลงไปในทันทีที่ก้าวข้ามธรณีประตู
“ซือเยี่ย...”
รูม่านตาของหลินชวนหดตัวลง เห็นว่าเขากำลังจะกระแทกแผ่นหินที่ทำเป็ขั้นบันไดบนพื้นจึงรีบพุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว แต่มีร่างหนึ่งที่เข้าไปคว้าซือเยี่ยแล้วอุ้มขึ้นมาได้เร็วกว่าเขา
“เกิดอะไรขึ้น...”
หลังจากหานตงหลินคว้าคนไว้ได้ก็อุ้มขึ้นมา ตัวของซือเยี่ยเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ หน้าบวมไปครึ่งหน้า มือขวายังคงมีเืไหล เขาทนทุกข์จนกระทั่งหมดสติไป
“ซือเยี่ย...”
หลินชวนที่เดินกลับมาและหลินซิวที่เดินตามมาจากด้านหลังต่างก็เห็นท่าทางที่น่าเวทนาของซือเยี่ย หลังจากที่หลินซิวเดินออกมาประตูใหญ่ด้านหลังค่อย ๆ ปิดลงช้า ๆ ผู้ดูแลประตูประจำตระกูลถังทำเป็มองไม่เห็นซือเยี่ยที่ทรุดตัวลงกับพื้น
มองประตูด้านหลังที่ปิดลง หลินซิวถอนหายใจแล้วพูดว่า “สลบไปแล้ว พาเขาไปที่รถม้าแล้วไปให้ท่านหมอตรวจก่อนเถอะ”
“ไปหาหมอ”
หลินชวนตื่นขึ้นมาจากอาการใ ปล่อยให้หานตงหลินผู้แข็งแกร่งอุ้มซือเยี่ยขึ้นไปบนรถม้าที่เขากับซือเยี่ยใช้นั่งไปกลับจวนตระกูลเหยียนอยู่ทุกวัน เหยียนชิงบอกไว้ว่าใบหน้าของซือเยี่ยไม่ควรเปิดเผยสู่ภายนอก ฮูหยินน้อยยังย้ำเตือนไว้โดยเฉพาะอีกว่าเขาต้องดูแลซือเยี่ยให้ดี แต่ในยามนี้...
ซือเยี่ยกลับถูกรังแกที่จวนของฮูหยินถังเสียแล้ว
หานตงหลินกำลังขับรถม้า หลินชวนและหลินซิวก็นั่งอยู่ในรถม้า ภายใต้แสงสลัว หลินซิวอดไม่ได้ที่จะรู้สึกทุกข์ใจเมื่อมองไปที่ใบหน้าบวมแดงของซือเยี่ย นี่มันโหดร้ายเกินไปแล้ว
หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดให้เขาพร้อมกับพูดว่า
“เมื่อยามอู่ข้าพบเขาที่สวนหลังจวน ก็รู้สึกว่าสีหน้าของเขาดูไม่ค่อยสู้ดีนัก ดูเหมือนจะไม่สบาย ไม่รู้เป็เพราะว่าทำสิ่งใดผิดพลาดไปเพราะร่างกายที่ไม่สบายหรือเปล่า...”
หลินชวนกัดริมฝีปากมองคนที่หมดสติไปด้วยความสำนึกผิดเล็กน้อย แล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ข้าจะกลับไปรายงานคุณชายสามเกี่ยวกับเื่นี้ หวังว่าพวกเ้าทั้งสองจะไม่พูดถึงมันอีก”
เขารู้ตัวตนของซือเยี่ย หากทำให้ไม่เกิดเื่ใหญ่ขึ้นมาได้ก็ควรทำ ปล่อยให้คุณชายกับฮูหยินน้อยเป็ผู้จัดการ
นี่มันไม่ถูกต้อง ทำได้เพียงให้ซือเยี่ยกลืนความคับข้องใจเหล่านี้ลงไปเท่านั้น
“คุณชายน้อยผู้นี้มีอาการหัวใจเต้นแรงจนหายใจลำบาก ประกอบกับมีอาการใมากเกินไปจนนำไปสู่การหมดสติ แต่ไม่เป็อะไรมากนัก ที่มือได้รับาเ็จากอาวุธมีคม ข้าได้พันแผลให้เขาแล้ว นี่คือยาสงบจิตสำหรับรักษาอาการภายในและนี่คือรักษาาแภายนอก กลับไปพักผ่อนสักระยะหนึ่งก็ไม่เป็ไรแล้วล่ะ”
หลังจากตรวจร่างกายแล้วท่านหมอผู้เฒ่าก็สั่งยาให้คนที่หมดสติไป หลินชวนรับใบสั่งยาทั้งที่กำลังเม้มปากแน่น หายใจแรงด้วยความโกรธ น่าหวาดหวั่นเหลือเกิน...
ผู้ประพฤติตัวดีและอยู่อย่างสงบสุขจะเผชิญกับสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร อีกทั้งเมื่อสังเกตจากาแบนฝ่ามือของซือเยี่ยแล้ว สามารถเห็นได้ชัดว่าเกิดจากตัวเขาเองที่กำมือเอาไว้แน่น ท้ายที่สุดแล้วมันเกิดเื่อะไรขึ้นกันแน่...
หรือว่าที่เมื่อครู่บ่าวรับใช้ของคุณชายถังมาบอกให้เขากลับไปก่อน จะเป็เพราะซือเยี่ยทำผิดจนถูกลงโทษ? ยังดีที่เขาทำตามคำสั่งของคุณชายและฮูหยินน้อยที่จะต้องพาซือเยี่ยกลับไปด้วย ไม่เช่นนั้นจะเกิดสิ่งใดขึ้นบ้างก็ไม่อาจรู้ได้...
กระทั่งบอกลาสามีของหลินซิวแล้วกลับไปยังจวนตระกูลเหยียน หลินชวนก็ยังคงเต็มไปด้วยความสงสัย หลังจากพาซือเยี่ยกลับไปส่งที่ห้องของเขาแล้วจึงไปขอให้ไป่เส่าเขามาช่วยดูแลก่อนที่เขาจะตรงไปหาเหยียนชิง
เชิงอรรถ
[1] คนตายย่อมยิ่งใหญ่ (死者为大) เป็ธรรมเนียมจีนที่ถือว่า คนตายจะยิ่งใหญ่ที่สุด หมายความว่าเมื่อคนผู้นั้นตาย เขาจะเป็คนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและมีเกียรติมากที่สุด สิ่งอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องจะต้องหลีกทาง ด้วยผู้คนมักกลัวความตายตามสัญชาตญาณ
[2] พูดไร้สาระทั้งที่เปิดตาอยู่ (睁眼说瞎话) หมายถึงสามารถพูดโกหกหรือพยายามซ่อนความผิดเอาไว้อย่างไร้ยางอาย
[3] เืยังคงพลุ่งพล่าน (气血上涌) หมายถึงการตกอยู่ในสภาวะที่อารมณ์พุ่งสูงถึงขีดสุดจนแทบจะสูญเสียการควบคุมสติ
