ถึงแม้อวิ๋นซีจะไม่ได้จับตาดูลู่หลิงฉิงอยู่ตลอดเวลา แต่ข่าวสำคัญๆ ของอีกฝ่าย นางก็สามารถล่วงรู้ได้ในทันที เช่นว่าเช้านี้ลู่หลิงฉิงแปลงโฉมออกมาจากถ้ำแห่งนั้นพร้อมบุรุษ ส่วนที่อารามก็มีใครบางคนแปลงโฉมเป็ลู่หลิงฉิงคัดคัมภีร์อยู่ทุกวัน
ลู่หลิงฉิงติดตามชายคนนั้นมาจนถึงเรือนพักชั่วคราวนอกเมืองหลวงที่เปิดให้คนเช่า และใช้เวลาอยู่ร่วมกันถึงสามวันเต็มๆ ซึ่งนอกจากยามกินข้าวที่ให้สาวใช้ส่งสำรับอาหารเข้าไปในห้องแล้ว เวลาที่เหลือก็ล้วนเป็เวลาสำหรับความสำราญระหว่างคนทั้งสอง เมื่อใดที่เหนื่อยก็นอนพัก เมื่อตื่นนอนแล้วก็ค่อยเริ่มใหม่อีกครั้ง
อวิ๋นซีหัวเราะเ็า “ลู่หลิงฉิง ร้ายกาจจริงๆ ไม่รู้ว่าหลังจากได้ผ่านความสุขสำราญครั้งนี้ไปแล้ว โอวหยางเทียนหัวยังจะทำให้นางพึงพอใจได้อยู่อีกหรือไม่” เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ นางก็อดไม่ได้ให้ตั้งตารอเื่ราวในอนาคต เพื่อหมากกระดานนี้นางต้องใช้เวลาเตรียมการไปถึงสามปี ดังนั้น หากไม่มีผลลัพธ์ใดเกิดขึ้นเลยก็คงทำให้คนต้องผิดหวังแล้วจริงๆ
อันที่จริงโอวหยางเทียนหัวถูกวางยาที่อวิ๋นซีเป็ผู้หลอมด้วยตนเอง นอกจากจะไม่อาจทำให้สตรีตั้งครรภ์ได้แล้ว เื่ราวในห้องหอเองก็ได้รับผลกระทบอย่างมากเช่นกัน ซึ่งนางเชื่อมั่นว่า ยาชนิดนี้ ต่อให้จะเป็หมอหลวงที่เก่งกาจที่สุดในหนานเย่าก็ไม่อาจค้นพบได้
ถึงกระนั้นผลลัพธ์ที่ได้ก็แค่ทำให้เื่ราวรักใคร่ของเทียนหัวอ่อนกำลังลงกว่าเมื่อก่อนนิดหน่อยเท่านั้น มิใช่ว่าจะลดละเื่ทางโลกไปได้โดยเด็ดขาด
“สาวน้อยที่เราเจอนอกตำหนักเมฆาล่องในวันที่รัชทายาทแต่งชายารองเข้ามา ข้าคิดว่าเราสามารถฝึกฝนนางได้ ให้นางกลายเป็สายลับให้เราที่แฝงตัวอยู่ในจวนรัชทายาท” อวิ๋นซีพูดกับหวนเอ๋อร์ “และเมื่อถึงตอนนั้นก็หาวิธีทำให้นางสามารถไปอยู่ข้างกายเจิ้งเฟยเอ๋อร์”
เมื่อหวนเอ๋อร์ได้ยินก็น้อมรับคำสั่งทันที แล้วเร่งรุดไปปฏิบัติตาม
ขณะนั้นอวิ๋นซีลูบท้องตนเบาๆ หากว่าที่จวนรัชทายาทสงบเงียบเกินไป นางก็ไม่อาจบำรุงครรภ์อย่างสบายใจได้ อย่างไรเสีย เด็กคนนี้ก็เป็พระนัดดาสายตรงของฝ่าา หากคลอดออกมาเมื่อไร แน่นอนว่าคนจักต้องแตกต่างกับหลานชายคนโตในจวนองค์ชายห้าเป็อย่างมาก
อีกทั้ง นางยังเป็กังวล ด้วยนิสัยของเสี้ยวเหวินตี้แล้ว เขาจะนำลูกนางไปเป็เป้ากันธนูหรือไม่ หลังจากที่เงียบขรึมไปได้ครู่หนึ่ง นางก็มุ่งหน้าไปยังห้องหนังสือของจวินเหยียน ยามนี้เขายังคงจัดการเื่งานอยู่ นางก้าวเข้าไปหาแล้วช่วยนวดให้เขาเบาๆ “งานพวกนี้ วันหน้าไม่ต้องนำกลับมาบ้านอีก ที่นี่เป็สถานที่ที่มีไว้ให้ท่านได้พักผ่อนอย่างสบายกายสบายใจ อีกประการ ข้าไม่เข้าใจ เหตุใดท่านจึงต้องกดดันตัวเองถึงเพียงนี้? ”
จวินเหยียนหัวเราะฮ่าๆ ออกมาแล้วจึงตอบคำ “ได้ วันหน้าสามีจะฟังคำของฮูหยิน เื่งาน หากฮูหยินยังไม่หลับ สามีจะไม่แตะสักนิด”
เมื่อพูดจบ เขาก็รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมา ก่อนจะยิ้มอย่างปลงๆ ยามที่ภรรยาตัวน้อยเกิดคลุ้มคลั่ง ช่างน่ากลัวจริงๆ “ฮูหยิน สามีพูดจริงนะ”
“ตอนที่ข้าหลับก็อยากให้ท่านอยู่ข้างกายเป็เพื่อนข้าและลูก” หลายวันมานี้เขามักจะออกไปทำงานแต่เช้าจนค่ำมืดถึงกลับมาบ้าน ทำให้นางไม่ทันได้พบเจอหน้าเขาเลยตลอดทั้งวัน อีกทั้ง เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้ว เขายังนำงานที่น่าปวดหัวมาเบียดบังเวลาการพักผ่อนของเขาอีก แค่คิดเื่เหล่านี้ก็ทำให้นางถึงกับอัดอั้นตันใจ
หากเสี้ยวเหวินตี้รักใคร่โอรสคนนี้อย่างจริงใจก็ช่างเถอะ แต่ั้แ่กลับมาจนถึงตอนนี้ สิ่งที่นางเห็นมีเพียงการหลอกใช้เสียทั้งนั้น ความจริงใจอะไรนั่น ช่างจอมปลอมเสียจริง
ใช่ นางรู้ว่า สำหรับตระกูล์ ความจริงใจอะไรเหล่านี้เป็เื่ที่น่าละอายเพียงใด เพราะคนทั่วหล้าล้วนรู้ดี ราชวงศ์เป็ที่ที่ไร้ซึ่งความรู้สึกอย่างที่สุด แต่ว่าจะหลอกใช้คนอย่างเดียวไม่ได้ ขอแค่เสี้ยวเหวินตี้จริงใจต่อสามีตนสักสามส่วน นางก็ดีใจมากแล้ว
ในเมื่อไม่อาจได้รับความจริงใจมา นอกจากงานในหน้าที่แล้ว เหตุใดสามีจึงต้องทุ่มเทเต็มที่เพียงนี้
ชายหนุ่มคิดไม่ถึงว่าภรรยาตนจะกล่าวเช่นนี้ เขาหัวเราะ จากนั้นก็วางพู่กันในมือลง หันกายไปกอดเอวนาง อมยิ้มพร้อมแนบศีรษะลงไปบนท้องนาง “เ้าลูกชาย ได้ยินหรือไม่? มารดาเ้ากำลังจะขอร้องให้พ่ออยู่เป็เพื่อนพวกเ้า”
“เ้าว่า หากพ่อไม่เชื่อฟัง มารดาเ้าจะโมโหจนบ้าคลั่งแล้วมาจัดการกับบิดาเ้าเลยหรือไม่”
“พวกเรามาลองทายดูสักหน่อย ยามที่มารดาเ้าเกิดบ้าคลั่งขึ้นมา นางจะลงโทษพ่ออย่างไร หากเ้าเดาถูกละก็ รอจนเ้าคลอดออกมา ต่อให้จะเป็ลูกสาว บิดาก็จะไม่โกรธเคือง และจะไม่ทิ้งเ้าไว้ที่หานโจวกับท่านตาอีกด้วย”
เมื่ออวิ๋นซีฟังถึงตรงนี้ก็หัวเราะพรืดออกมา “โอวหยางจวินเหยียน ท่านต้องทำตัวเป็เด็กน้อยเพียงนี้เลยหรือ ลูกเราจะไปฟังคำท่านรู้เื่ได้อย่างไร”
ลูกในท้องของนางเหมือนจะได้ยินเสียงอันคุ้นเคยของผู้เป็มารดาจึงเตะท้องนางโดยแรงคลับคล้ายกำลังตอบกลับเสียงหัวเราะนั้น จวินเหยียนที่แนบอยู่กับท้องของภรรยาเองก็ถูกเตะเข้าไปทีหนึ่งอย่างไม่ทันตั้งตัว
เขายิ้มอย่างเ้าเล่ห์เล็กน้อยขณะเงยหน้ามองภรรยา “ภรรยาตัวน้อย เ้าดูสิ ตอนนี้ลูกชายข้ากำลังตอบรับบิดาเขาอยู่”
อวิ๋นซีรู้สึกปลงในทันใด กว่าลูกจะคลอดออกมา สติปัญญาของบุรุษผู้นี้จะถอยหลังไปถึงศูนย์เลยหรือไม่? ถึงกระนั้นนางก็ยังกังวลอยู่นิดหน่อยจริงๆ เกี่ยวกับการดำเนินชีวิตของครอบครัวหลังจากที่ลูกคลอดออกมา
“ใช่แล้ว ท่านมีวิธีติดต่อกับหลิ่วเซิงใช่หรือไม่? ” นางเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของการมาหาเขาในคืนนี้คืออะไร จากนั้นจึงลูบศีรษะเขาเบาๆ แล้วถาม
เขาพยักหน้าอืมไปเสียงหนึ่ง “ใช่แล้ว ทำไมหรือ? เ้ารู้สึกไม่สบายอย่างนั้นหรือ? ”
“หากว่าแผนการของพวกเราสำเร็จดี ในวันหน้าจวนรัชทายาทจักต้องครึกครื้นมากแน่ ทว่า ข้าไม่อยากให้พวกเขาพุ่งเป้ามาที่เด็กในครรภ์ของข้า สำหรับเด็กคนนี้ พวกเรายังไม่อาจแน่ใจได้ว่าเป็ลูกชายหรือลูกสาว ดังนั้น สิ่งที่เราต้องทำก็คือกันคนเ่าั้ไว้ก่อน ท่านติดต่อหลิ่วเซิง ให้เขารีบมาหาเราที่นี่ และปล่อยข่าวไปว่า พระชายาไม่ทันระวังจึงหกล้มในจวนหนิงอ๋อง หลิ่วเซิงช่วยตรวจดูให้แล้ว จึงกำชับว่า หากไม่ลงจากเตียง แม่และบุตรสาวจะปลอดภัยดี แต่หากข้าไม่ฟังคำเตือนนี้ รั้นจะลงจากเตียงลุกเดินเคลื่อนไหวเสียให้ได้ ทั้งแม่และลูกก็ล้วนมีอันตราย”
ทันทีที่จวินเหยียนฟังก็รู้สึกประหลาดใจยิ่ง “ฮูหยิน เ้า้าให้ทุกคนเข้าใจว่าเด็กในท้องของเ้าเป็หญิงอย่างนั้นหรือ? ”
“ใช่ หากทำเช่นนั้น พวกเขาจะได้ไม่ต้องกังวลว่าข้าจะให้กำเนิดหลานชายสายตรงแก่ฝ่าา” อีกทั้ง ยามที่เสี้ยวเหวินตี้คิดอยากจะหลอกใช้พวกตน คนจะได้คิดให้มากขึ้นอีกหน่อยว่า เด็กคนนี้ก็แค่หลานสาว ไม่ได้มีประโยชน์อะไรให้เขาหลอกใช้ได้มากมายนัก
หลังจากที่จวินเหยียนใคร่ครวญอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว เขาเห็นพ้องกับความคิดนาง ตอนนี้เป็เดือนเก้า อายุครรภ์ของนางก็สี่เดือนกว่าแล้ว คนที่จับจ้องนางอยู่จักต้องมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ แน่ ดังนั้น หากสามารถบอกต่อโลกภายนอกได้ว่า เด็กที่อยู่ในครรภ์คือลูกสาว เื่ราวต่างๆ ก็จะไม่เหมือนเดิม เพราะคนก็แค่จวิ้นจู่คนหนึ่ง พวกเขาย่อมไม่มีทางเห็นอยู่ในสายตา
หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งเมืองหลวงก็ลือไปทั่วว่า ชายาหนิงอ๋องอวิ๋นซีไม่ทันระวังจึงลื่นล้ม ทำให้เกือบจะเสียทั้งมารดาและบุตรสาวในครรภ์ ด้วยเหตุนี้ หนิงชินอ๋องจึงต้องตามหลิ่วเซิงที่มีวิชาแพทย์สูงส่งกลับมา
ถึงแม้ท้ายที่สุดจะมีการยืนยันแล้วว่า ชีวิตของชายาหนิงอ๋องยังคงปลอดภัยดี แต่คนก็ไม่อาจลงจากเตียงมาเดินเหินอย่างปกติได้ ทำได้แค่เอนกายอยู่บนเตียงเท่านั้น มิเช่นนั้นจะเป็อันตรายทั้งแม่และบุตรสาว
ด้วยเื่นี้ที่แพร่ออกไป แน่นอนว่าคนไม่น้อยต่างใ และคนที่ได้รับข่าวเร็วที่สุดก็คือรัชทายาทโอวหยางเทียนหัว เขาขบคิด จากนั้นจึงถามเหม่ยจีที่เคียงใกล้ “เ้าว่า เื่นี้มีความจริงอยู่กี่ส่วน? ”
“มีความจริงอยู่กี่ส่วนหาใช่สิ่งสำคัญเพคะ ไม่ว่าอย่างไร เหม่ยจีก็คิดว่าเด็กในท้องของชายาหนิงอ๋องไม่อาจเก็บไว้ต่อไปได้เพคะ” ยามนี้เหม่ยจีกำลังนั่งอยู่บนตักเขา นางขยับตัวสองสามที “รัชทายาท เื่นี้เราไม่สามารถเสี่ยงได้ ยอมสังหารผิดดีกว่าปล่อยไว้ให้เป็เสี้ยนหนาม”
โอวหยางเทียนหัวจมดิ่งเข้าสู่ความคิด...ไม่อาจเสี่ยงได้ ยอมสังหารผิดดีกว่าปล่อยไป