“ั้แ่สมัยโบราณ ราชสำนักส่งเสริมสตรีไร้ความสามารถว่าคือสตรีที่มีจรรยา หากน้องผินให้เซวียนเซวียนเป็หลี่เจิ้ง ข้าเกรงว่าคนจะวิพากษ์วิจารณ์เอาได้” สวี่ติ้งหรงกังวลว่าการตัดสินใจของนายอำเภอสวี่จะสร้างปัญหาให้จิ่นเซวียน
“พี่สาว แผ่นดินของพวกเราเคยมีแบบอย่างที่สตรีเป็ขุนนางมาก่อน ในวันที่ 3 เดือน 9 ปีแรกของรัชสมัยฮ่องเต้เจา ฮ่องเต้เจาทรงออกพระราชโองการแต่งตั้งหยางหลีฮวา ชาวบ้านหมู่บ้านหลีฮวา แห่งอำเภอผิงซิ่ง เป็หลี่เจิ้งคนแรกแห่งแคว้นซีหลิงอย่างเป็ทางการ เพื่อเป็รางวัลให้แก่นาง”
“เื่นี้ข้ารู้ ท่านผู้าุโหยางหลีฮวามีบทบาทบางอย่างในระหว่างการทำาของฮ่องเต้เจากับแคว้นตงเหยียน าในครานั้น หากมิได้นางนำคนทั้งหมู่บ้านต้านทหารตงเหยียน ฮ่องเต้เจาคงมิได้รับชัยชนะเร็วเพียงนั้น ต่อมานางยังได้เป็แม่ทัพหญิงอีกด้วย นี่คือแบบอย่างของสตรีที่เป็ขุนนางขอรับ” ซ่งจื่อเฉินนับถือบิดาผู้ให้กำเนิดยิ่งนัก หากบิดาแท้ๆ ของเขายังอยู่ แคว้นซีหลิงคงมิถอยหลังลงคลองเช่นนี้ หลายปีมานี้สี่ตระกูลใหญ่เรืองอำนาจขึ้นเรื่อยๆ ส่วนราษฎรยิ่งอยู่ก็ยิ่งลำบาก
“แม้สตรีที่เป็ขุนนางจะเคยมีตัวอย่างมาก่อน แต่เวลานี้ผู้ปกครองแคว้นซีหลิงมิใช่ฮ่องเต้เจา ข้าควรหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เกิดข้อสงสัยจะดีกว่าเ้าค่ะ” จิ่นเซวียนมิอยากเพิ่มปัญหาให้ซ่งจื่อเฉิน ฐานะที่แท้จริงของเขาคืออดีตรัชทายาท นางจึงกังวลเสมอว่าความลับของเขาจะถูกเปิดเผย
“ท่านปู่น้อย เซวียนเซวียนพูดถูก เื่นี้ช่างมันเถิดขอรับ เป็หลี่เจิ้งหรือไม่ พวกเราก็ยังทำเพื่อเพื่อนบ้านในหมู่บ้านสกุลโจวได้ขอรับ” ซ่งจื่อเฉินเองก็กังวลเื่นี้เช่นกัน แม้ฮ่องเต้เฉียนจะยังใช้ชื่อรัชสมัยของท่านพ่ออยู่ แต่เขารู้ว่าฮ่องเต้เฉียนเห็นเพียงแค่ผลประโยชน์ของตนเอง หากหาตราพระราชลัญจกรหยกพบ เขาจะทนอึดอัดคับข้องใจเช่นนี้ได้อย่างไร
ปีนั้นเมื่อท่านพ่อรู้ว่าสถานการณ์เลวร้ายเกินกว่าจะแก้ไขได้ จึงให้ชิวเฉิงเก็บตราราชลัญจกรเอาไว้ล่วงหน้า จากนั้นส่งมอบให้กับท่านพ่อเลี้ยงเก็บรักษาเอาไว้ มิรู้ว่าฮ่องเต้เฉียนส่งคนไปตั้งเท่าใด เพื่อออกตามหาตราราชลัญจกรนี้ แต่ก็มิสำเร็จ
เขามีตราราชลัญจกรอยู่ก็จริง แต่ว่ามีเบี้ยในมือมิพอจะต่อกรกับฮ่องเต้เฉียน
“จื่อเฉิน แม้ตำแหน่งหลี่เจิ้งจะมิสูง แต่ก็มิควรมองข้ามบทบาทของมัน ข้ามิสามารถหาผู้ที่เหมาะสมมาเป็หลี่เจิ้งได้จริงๆ!”
นายอำเภอสวี่รู้ว่าซ่งจื่อเฉินมิแยแสตำแหน่งหลี่เจิ้ง ในอนาคตเขาจะเป็จอหงวน มิแน่อาจจะมีชีวิตที่ดีกว่าเขาด้วยซ้ำ เฮ้อ!เขามิอยากจัดหาคนไร้ความสามารถมาเป็หลี่เจิ้ง!
“ท่านปู่น้อย พวกเราเพียงอยากใช้ชีวิตกันอย่างเรียบง่าย เป็หลี่เจิ้งหรือไม่ มิสำคัญเ้าค่ะ” จิ่นเซวียนพูดเช่นนี้ นางมิได้เสแสร้ง นางเพียงแค่อยากใช้ชีวิตของตนเองจริงๆ
“ตอนที่โจวฟู่กุ้ยเป็หลี่เจิ้ง เขาหลอกลวงเบื้องบน ระรานคนใต้อาณัติ พวกชาวบ้านเองก็ประณามเขาไปทั่วทุกถนนหนแห่ง เวลานี้เขาล่มจมแล้ว ข้าจึงมิอยากแต่งตั้งคนประเภทนี้อีก”
นายอำเภอสวี่ยังอยากให้คนตระกูลซ่งเป็หลี่เจิ้ง
“ท่านปู่น้อย ข้าเองก็อยากรับหน้าที่สำคัญนี้ แต่สตรีเป็ขุนนางย่อมได้รับคำวิจารณ์” จิ่นเซวียนเองก็อยากพาพวกชาวบ้านร่ำรวยไปด้วยกัน
“เซวียนเซวียน เ้ารับตำแหน่งเ้าปัญหานี้ตามที่ข้าบอกเถิด ขอเพียงเ้าทำผลงานได้ ข้าเชื่อว่าฮ่องเต้เฉียนมิกล้าทำสิ่งใดกับเ้าหรอก” แม้นายอำเภอสวี่จะเป็ขุนนางของฮ่องเต้เฉียน แต่เขาก็มิเห็นด้วยกับวิธีการบางอย่างของฮ่องเต้ผู้นี้นัก
เขาแหงนหน้ามิอายฟ้า ก้มหน้ามิอายคน[1] เขาจึงมิกลัวเสียหมวกขุนนาง
“สามี ท่านเห็นว่าอย่างไร?” จิ่นเซวียนอยากขอความเห็นจากซ่งจื่อเฉินก่อน แล้วค่อยตัดสินใจ
“ภรรยา เ้ารับตำแหน่งหลี่เจิ้งเอาไว้ก่อนดีหรือไม่” ซ่งจื่อเฉินครุ่นคิดอยู่เนิ่นนาน และตัดสินใจให้จิ่นเซวียนเป็หลี่เจิ้ง เพราะพวกเขา้าแก้แค้น ก็จำเป็ต้องหาทางรวมอำนาจเอาไว้
“ท่านปู่น้อย หากราชสำนักอนุญาต ข้าก็ยินดีที่จะเป็หลี่เจิ้งเ้าค่ะ” จิ่นเซวียนตัดสินใจ หลังจากปรึกษากับซ่งจื่อเฉินเรียบร้อยแล้ว
“ข้าจะให้เวลาเ้าสามเดือน หากเ้าได้รับการยอมรับจากพวกชาวบ้าน ข้าจะขอราชสำนักให้มอบตำแหน่งหลี่เจิ้งให้เ้าอย่างเป็ทางการ” จิ่นเซวียนยอมรับตำแหน่งหลี่เจิ้ง นายอำเภอสวี่พึงพอใจยิ่งนัก เขาเฝ้ารอให้จิ่นเซวียนเปล่งประกาย
ท่านอาสะใภ้ห้ามิใช่คนธรรมดา ขนาดใต้เท้านายอำเภอยังมองนางด้วยสายตาชื่นชม นางสุดยอดจริงๆ!
พวกเขาเลือกเ้านายถูกคนแล้ว นับแต่นี้พวกเขาจะร่ำรวยไปด้วยกันกับท่านอาสะใภ้ห้า!
“พี่สาว พี่เขย อาเจ๋อ ศาลาว่าการของข้ายังมีงานรออยู่ ข้าคงต้องกลับแล้ว วันหลังพวกเ้ามาเล่นที่บ้านของข้าได้” นายอำเภอสวี่เห็นว่าพระอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้ว เขาจึงเตรียมตัวกลับบ้าน
“ท่านปู่น้อย เื่ซื้อที่ดินพวกเรารบกวนท่านแล้วเ้าค่ะ ท่านกลับไปลองดูว่าหมู่บ้านสกุลซย่ากับหมู่บ้านสกุลโจวมีที่ดินรกร้างอยู่เท่าใด พวกเราจะขอซื้อทั้งหมดเ้าค่ะ” จิ่นเซวียนลุกขึ้นสนทนากับนายอำเภอสวี่
“ที่ดินรกร้างในหมู่บ้านสกุลซย่านั้นมีมากมาย เ้าจะซื้อที่นาอุดมสมบูรณ์สักหน่อยหรือไม่?”นายอำเภอสวี่คุ้นเคยกับอำเภอซิ่งหยางเป็อย่างดี แม้จะเป็เพียงหมู่บ้านเล็กๆ แต่เขาก็เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับทุกส่วนด้วยตนเอง
เขาลงมือทำผลงานมากมายถึงเพียงนี้ แต่กลับมิมีโอกาสได้เลื่อนขั้น ราชสำนักชั่วร้ายยิ่งนัก
คนเช่นเขาใช้การมิได้ แต่ทายาทในวงศ์ตระกูลพวกนั้นดันใช้การได้
“สามี ท่านมีเงินเท่าใด พวกเราซื้อที่ดินอุดมสมบูรณ์ด้วยดีหรือไม่?” จิ่นเซวียนช้อนตามอง และขอความเห็นจากซ่งจื่อเฉิน พวกเขานำเงินออกมาใช้มากมายเช่นนี้ สมควรต้องมีแหล่งที่มาที่สมเหตุสมผล
“ซื้อที่นาอุดมสมบูรณ์ในหมู่บ้านสกุลโจวกับหมู่บ้านสกุลซย่า หมู่บ้านละหนึ่งร้อยหมู่ก่อน แล้วจากนั้นค่อยจ้างเกษตรกรทำงานระยะยาวให้มาช่วยจัดการดูแล” นายอำเภอสวี่พยายามเสนอขายที่ดินของราชสำนักอย่างยิ่ง แน่นอนว่าซ่งจื่อเฉินก็ยินดีซื้อเอาไว้
พวกเขาซื้อที่ดินทำนาไปทั่วทุกหนแห่ง เพื่อกลายเป็พ่อค้าธัญพืชรายใหญ่ที่สุดในสักวัน
เขาสามารถใช้โอกาสนี้ดึงบุคคลส่วนหนึ่งที่เขาฝึกไว้ กลับมาช่วยจัดการได้พอดี
“ข้าจะกลับไปช่วยพวกเ้าดำเนินการตามขั้นตอนให้เสร็จก่อน พวกเ้ารอลงลายมือชื่อเมื่อถึงเวลาก็พอแล้ว” นายอำเภอสวี่พอใจกับซ่งจื่อเฉินและจิ่นเซวียนยิ่งนัก เมื่อนึกถึงยาของท่านพ่อของเขา เขาจึงถามพวกจิ่นเซวียนว่ายี่สิบกว่าวันนี้ไปที่ใดกันมา เหตุใดมิได้ปรุงยาให้พ่อเขา
“เซวียนเซวียน จื่อเฉิน ยาของท่านทวดน้อยปรุงเสร็จแล้วหรือ”
“ใกล้เสร็จแล้ว ่ยี่สิบวันมานี้ พวกเราอยู่บนูเาชางเยี่ยน คอยหาหญ้าวิเศษมากลั่นยาให้ท่านทวดน้อยเ้าค่ะ” จิ่นเซวียนหลอกนายอำเภอสวี่ นายอำเภอสวี่ได้ยินเช่นนี้ แล้วใมากทีเดียว สามีภรรยาคู่นี้ไปเสี่ยงอันตรายบนูเาชางเยี่ยนเพื่อท่านพ่อของเขา เขารู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก
เขากำชับงานกับซ่งจื่อเฉินและจิ่นเซวียนสองสามคำ ก็พาคนของเขาออกจากบ้านของหูเหยียนซูไป
......
“เซวียนเซวียน จื่อเฉิน คืนนี้พวกเ้าพักที่บ้านของข้าเถิด” สวี่ติ้งหรงรั้งจิ่นเซวียนให้อยู่ต่ออีกคืน แต่จิ่นเซวียนอยากกลับไปทำธุระบางอย่าง นางยุ่งมากนัก!
“ท่านย่าเล็ก พวกเราวางแผนจะไปซื้อองุ่นที่เมืองเป่ยซิน ข้ากลัวว่าจะล่าช้า แล้วจะพลาดฤดูซื้อขายเ้าค่ะ”
“เซวียนเซวียนเอ๋ย องุ่นเก็บยาก ข้าแนะนำเ้าอย่าซื้อเลย มันสิ้นเปลืองเงิน” ซย่าหลี่เจ๋อมิเห็นด้วยที่จิ่นเซวียนจะซื้อองุ่น
“เซวียนเซวียน ลูกดำๆ ที่เ้าให้พวกเรามาคล้ายองุ่นยิ่งนัก” หูเหยียนซูเชื่อว่าจิ่นเซวียนจะมิทำให้ธุรกิจขาดทุน เขาสงสัยมากว่าผลไม้ป่าที่จิ่นเซวียนมอบให้ครอบครัวของเขา คือองุ่นใช่หรือไม่
“ท่านอาเขยเล็ก มันเป็องุ่นจริงๆ เ้าค่ะ แต่มิรู้ว่าสายพันธุ์นี้มีที่เมืองเป่ยซินหรือไม่ หากมิมี พวกเราก็ร่ำรวยแล้วเ้าค่ะ” ในองุ่นดำอุดมไปด้วยวิตามินซี ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม โปรแตสเซียม แคลเซียมและแอนโธไซยานิน ซึ่งมีผลดีต่อสุขภาพเป็อย่างมาก หากปลูกได้ปริมาณมากคงดีเลยทีเดียว
“องุ่นของเมืองเป่ยซินคือองุ่นเขียวชุ่ยจิง จนถึงเวลานี้ก็ยังมิมีสายพันธุ์อื่น” หูเหยียนซูส่ายหัวเบาๆ เขาเองก็มิรู้จักองุ่นดำพันธุ์นี้ถึงได้สงสัยเกี่ยวกับมัน
“ดูท่าพวกเราคงจะรวยแล้ว รอให้ข้าเพาะต้นอ่อนขององุ่นได้เมื่อใด ข้าจะแบ่งมาให้พวกท่านปลูกเ้าค่ะ” จิ่นเซวียนตัดสินใจปกป้องต้นอ่อนขององุ่นพวกนั้น มิให้ผู้อื่นมีโอกาสเอาไป
ซ่งจื่อเฉินและจิ่นเซวียนเลือกที่จะกลับบ้าน ซ่งจื่อเฉินจึงบอกให้ซ่งเฉวียนไปหาพวกซย่าตงชิง หากพวกนางมิกลับ พวกเขาจะกลับกันก่อน
สวี่ติ้งหรงรั้งพวกจิ่นเซวียนเอาไว้มิได้ จึงได้แต่ยอมแพ้ ถั่วฟักยาวของนางเหี่ยวเร็ว นางจึงอยากฉวยโอกาสตอนที่อากาศเย็นสบาย ทำงานสักหน่อย
“เซวียนเซวียน จื่อเฉิน หากพวกเ้ามีเวลา ก็มาเล่นที่บ้านของข้าบ่อยๆ ได้ เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะทำของอร่อยให้พวกเ้ากิน”
“หากพวกเราว่างแล้วจะมาหาท่านแน่นอนเ้าค่ะ” จิ่นเซวียนตอบรับ และส่งพวกสวี่ติ้งหรงออกจากห้องโถงใหญ่ด้วยตนเอง
ทันทีที่ส่งพวกสวี่ติ้งหรงเรียบร้อยแล้ว เสียงยินดีก็ดึงขึ้นนอกประตู “เซวียนเซวียนเอ๋ย ข้าคิดว่าพวกเ้ากลับไปแล้วเสียอีก!”
เชิงอรรถ
[1] แหงหน้ามิอายฟ้า ก้มหน้ามิอายคน หมายถึง คนเราเมื่อตรวจสอบตนเองแล้ว ไม่ได้ประพฤติในเื่เลวใดๆ ก็ไม่มีอะไรที่ต้องละอายใจ