ตอนที่เนี่ยเซิงเสี่ยวถูกจ้าวหยวนฟางอุ้มไปนั้นสติเธอเริ่มจะเลือนลางแล้ว แต่เธอก็รู้สึกได้ว่าคนที่อุ้มตัวเองไม่ใช่เหยียนจิ่งจื้อ
หยาดน้ำตาไหลออกมาทั้งสองข้าง มือบางลูบวนตรงส่วนท้อง เจ็บจะตายอยู่แล้ว
“เซิงเสี่ยว เธอเป็อย่างไรบ้าง เจ็บมากไหม? อดทนหน่อยนะ เดี๋ยวถึงโรงพยาบาลก็จะไม่เจ็บแล้ว” เป็เสียงร้อนรนของจ้าวหยวนฟาง
จู่ๆ เนี่ยเซิงเสี่ยวก็คิดถึงคำพูดที่จ้าวหยวนฟางพูดกับเธอตอนเข้างานเลี้ยง วันนี้เธอคือคู่ควงของฉัน ภารกิจของฉันคือการทำให้เธอมีความสุข
เธอจึงอดที่จะพยายามเผยรอยยิ้มให้จ้าวหยวนฟางเห็นว่าเธอปลอดภัยดีไม่ได้ แต่ปากก็เสมือนว่าเชื่อมอยู่กับท้อง แค่แย้มยิ้มท้องก็ยิ่งเจ็บมาก แถมยังยิ้มได้น่าเกลียดมากอีกด้วย
“หยวนฟาง อย่าใจร้อนเกินไปเลย คุณเนี่ยจะไม่มีทางเป็อะไร”
ตอนที่เนี่ยเซิงเสี่ยวกุมท้องที่เจ็บของตัวเองก็เหมือนได้ยินเสียงของ “ศาสตราจารย์หยาง” เธอถึงนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่ เพราะตัวเองได้ช่วยศาสตราจารย์หยางเอาไว้ ตอนนี้สภาพถึงได้อนาถขนาดนี้ โชคดีแล้วที่คนที่เธอช่วยไม่เป็อะไร เธอเองก็วางใจ
ในสมองของหญิงสาวยุ่งเหยิงไปหมด ในตอนที่ปวดก็มีแวบหนึ่งที่อยากจะให้เหยียนจิ่งจื้ออยู่ข้างกาย อีกครู่หนึ่งก็คิดถึงสถานการณ์ของพวกเขาในตอนนี้ เนี่ยเซิงเสี่ยวพบว่า่เวลาที่เ็ปมันกลับผ่านไปรวดเร็วมากขึ้น
ในตอนที่ความเ็ปค่อยๆ ทุเลาลงพร้อมกับเธอที่ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง สิ่งแรกที่เธอเห็นก็คือหัวของ
หานอวี้จือ จนเธอต้องร้องทักออกมาด้วยความใ “ทำไมหมอหานถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”
เธอไม่ได้ใที่เห็นหมอ แต่ใที่เห็นหานอวี้จือซึ่งเป็เพื่อนกับเหยียนจิ่งจื้อต่างหาก
ด้านข้างก็มีอีกมือยื่นเข้ามาช่วยเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาเพราะความเ็ปให้ด้วยความอ่อนโยน จากนั้นก็มีเสียงนุ่มนวลดังขึ้น “เซิงเสี่ยวรู้จักคุณหมอคนนี้หรือ? โชคดีนะที่ไม่ได้เป็อะไรมาก ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้จะหาผู้หญิงดีๆ จากไหนมาคืนหยวนฟางแล้ว”
เนี่ยเซิงเสี่ยวหันหัวกลับไปก็เจอเข้ากับศาตราจารย์หยาง จากนั้นเธอก็อ้าปากค้าง รู้สึกว่าเื่ราวที่ได้รับมาค่อนข้างจะมากเกินไป ทำให้เธอยังดึงสติกลับมาไม่ได้ ทั้งเื่ที่ศาสตราจารย์หยางเรียกชื่อเธออย่างสนิทสนม รวมถึงที่เรียกชื่อของจ้าวหยวนฟางด้วย
“เซิงเสี่ยว ฉันขอแนะนำเธอคือแม่ของฉันเอง เธออยู่ที่ปารีสมาตลอด เพิ่งจะกลับมาพักผ่อนที่ประเทศน่ะ” จ้าวหยวนฟางส่งน้ำแก้วหนึ่งไปให้เนี่ยเซิงเสี่ยว ตอนที่เอ่ยแนะนำ แววตาของเขาเป็ทางการและหนักแน่นมาก
เนี่ยเซิงเสี่ยวหันไปมองที่จ้าวหยวนฟางอีกครั้ง ก่อนที่จะพบว่านอกจากจ้าวหยวนฟางที่อยู่ในห้องพักนี้แล้วยังมีบอดี้การ์ดชุดดำอีกสองคนยืนอยู่ และยังมีผู้หญิงที่เหมือนจะเป็ผู้ช่วย จากนั้นก็เป็พยาบาลอีกหลายคน
ห้องพักผู้ป่วยหนึ่งห้องสามารถมีที่ให้คนยืนได้เยอะขนาดนี้ก็ถือว่ามหัศจรรย์แล้ว
เมื่อเห็นสายตาของเนี่ยเซิงเสี่ยวที่มองคนที่อยู่รอบๆ หยางอวี้ก็หันไปโบกมือให้บอดี้การ์ด “มาเบียดกันในห้องของคุณเนี่ยทำไม ออกไปยืนรอกันข้างนอก”
คนพวกนั้นหลังจากได้รับคำสั่งแล้วก็ออกไป เมื่อเนี่ยเซิงเสี่ยวเห็นพวกเขาออกไปแล้วค่อยรับรู้ถึงความเจ็บที่ท้องซึ่งพุ่งกลับมาอีกครั้ง “ที่แท้ก็เป็แม่ของหยวนฟาง สวัสดีค่ะคุณน้าหยาง”
หยางอวี้พอใจที่หญิงสาวเรียกชื่อลูกชายของเธอว่า “หยวนฟาง” มาก พร้อมทั้งลูบผมของเธอด้วยความเอ็นดู “เด็กดี ถ้าหากตอนนั้นเธอไม่อยู่ ร่างกายแก่ๆ ของฉันเกรงว่าคงจะรับมันไม่ไหวแน่ๆ”
เดิมทีหยางอวี้ก็เป็คนที่ทำเกี่ยวกับศิลปะ และชอบเด็กผู้หญิงมาก แต่น่าเสียดายที่เธอไม่มี ตอนนี้เธอมีความคิดที่อยากจะเปลี่ยนผู้มีพระคุณคนนี้มาเป็ลูกสะใภ้และรักเธอเหมือนลูกสาวแทน
เนี่ยเซิงเสี่ยวใกับสายตาของเธอจึงรีบรับน้ำในมือของหยวนฟางมาดื่มหนึ่งอึก แต่ผลสรุปคือสำลักน้ำ
หยางอวี้หันไปดุจ้าวหยวนฟาง “ตอนนี้เซิงเสี่ยวกำลังอ่อนแอ ลูกใส่ใจให้มากหน่อยสิ!”
จ้าวหยวนฟางไม่เข้าใจ ใช้สายตาถามแม่ตัวเองว่าจะให้อ่อนโยนอย่างไร?
“ไอหยา ทำไมฉันถึงได้คลอดลูกชายโง่แบบนี้ออกมาได้นะ” หยางอวี้แสดงท่าทางไม่ได้ดั่งใจออกมา ก่อนจะไปดึงมือจ้าวหยวนฟางมา จากนั้นก็เอาแก้วที่อยู่ในมือของเนี่ยเซิงเสี่ยวกลับไปอยู่ในมือของจ้าวหยวนฟางก็จะพูดออกมาแค่หนึ่งคำ “ป้อน!”
ถึงจ้าวหยวนฟางจะเป็คนนิ่งสงบขนาดไหน แต่ในวินาทีนี้ก็ยังหน้าแดงอย่างห้ามไม่ได้
จู่ๆ เนี่ยเซิงเสี่ยวก็รู้สึกปวดมวนในท้อง คนที่ทำงานศิลปะเนี่ยเดาการกระทำไม่ได้เลยจริงๆ
หานอวี้จือที่อยู่ด้านข้างมานานในที่สุดก็ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว “ตอนนี้คนไข้เพิ่งจะถูกเย็บแผลมา จะดื่มน้ำมากไม่ได้ไม่อย่างนั้นจะทำให้เกิดการอักเสบจากน้ำได้นะครับ”
เนี่ยเซิงเสี่ยวรู้สึกขอบคุณหานอวี้จือที่ช่วยเธอแก้ไขสถานการณ์ แต่ก็รู้สึกว่าอาการอักเสบจากน้ำนี่เป็สิ่งที่เขาคิดขึ้นมาเอง เพราะว่าสายตาของหานอวี้จือนั้นเหมือนอยากจะจับเธอยัดเข้ากรงหมูแล้วจับถ่วงน้ำ
ในที่สุดสองแม่ลูกจ้าวหยวนฟางก็ถูกไล่กลับไปเพื่อให้เธอได้พักผ่อน หานอวี้จือถึงเข้ามาจับสายน้ำเกลือของเธอ “พี่สะใภ้ครับ ตอนที่เหยียนจิ่งจื้อไม่อยู่ก็มีคนอื่นแบบนี้หรือ? แม้แต่ตัวละครอย่างแม่สามีในอนาคตก็โผล่มาแล้ว เธอเลือกคนช่วยใช่ไหม?”
ในตอนที่เนี่ยเซิงเสี่ยวกำลังจะยกมุมปากขึ้นาแของเธอก็เจ็บจี๊ดขึ้นมา จึงเลือกไม่ยิ้มแล้ว “คุณรู้แล้วหรือ?” รู้ถึงความสัมพันธ์ที่พวกเธอทำเนียนไม่พูดนี้ จำได้ว่าครั้งที่แล้วหานอวี้จือยังยืนดูติงเจียลี่กับเหยียนจิ่งจื้อแสดงละครใส่กันอย่างไม่รู้เื่อะไรเลย
“คิดว่าจะปิดผมได้หรือ?” หานอวี้จือชี้ไปที่ตัวเอง “แต่ว่าผมขอเตือนสักเื่นะ ยังไม่เคยมีผู้หญิงที่กล้านอกใจเหยียนจิ่งจื้อสักคน พี่สะใภ้จะเตรียมหาหลุมศพให้ตัวเองล่วงหน้าไหม?”
เนี่ยเซิงเสี่ยวค่อยๆ ล้มตัวลงนอนพักผ่อน เมื่อหลับตาลง ปากก็เริ่มเอ่ยคำพูดที่ติดจะแง่งอนออกมา “ั้แ่ไหนแต่ไรฉันก็รักแค่เขาคนเดียว”
หานอวี้จืออยู่ในเื่รักๆ มาหลายปี จู่ๆ ถูกเธอพูดประโยคนี้ใส่จนเขาไปไม่ถูก ได้แต่รู้สึกเสียดายจริงๆ ที่ไม่ได้อัดเสียงเอาไว้ ไม่อย่างนั้นคงขายให้เหยียนจิ่งจื้อ อย่างน้อยคงได้เงินไม่ต่ำกว่าหกหลักไปแล้ว
ในกลางดึกโทรศัพท์ก็สั่นขึ้นมา สั่นแล้วก็สั่นอีกแต่ก็ยังไม่มีใครตอบรับ ถ้าเป็แบบนี้เนี่ยเซิงเสี่ยวจะไปนอนหลับลงได้อย่างไร เมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก็เห็นเบอร์คุ้นเคย เธอกัดปากก่อนจะโทรกลับไป
ปลายสายรับอย่างรวดเร็ว “เดิมทีไม่อยากจะโทรไป แต่ว่าเป็ห่วง เธอเป็ยังไงบ้าง?” เสียงของเหยียนจิ่งจื้อมีความเหนื่อยล้าอยู่นิดหน่อย
เนี่ยเซิงเสี่ยวเงียบอยู่นาน ไม่รู้ว่าจะต้องพูดว่าอะไร เพียงแค่ได้ยินเสียง ใจของเธอก็ถูกขโมยไปแล้ว
แต่ก่อนทุกครั้งที่ถึงวันเกิด เหยียนจิ่งจื้อมักจะถามเธอว่า “โตขึ้นอีกปีแล้ว ได้รักฉันเพิ่มขึ้นหรือเปล่า?”
เนี่ยเซิงเสี่ยวมักจะคิดอยู่นานมาก ก่อนเธอจะตอบว่าไม่รู้
ตอนที่อยู่ด้วยกันไม่สามารถแยกความรู้สึกที่มีต่อกันและกันออกได้เลย บางทีคงมีเพียงแค่ต้องแยกจากกันกับตอนที่เ็ปเท่านั้นถึงจะรู้จักคำคำนี้ : ขาดเธอไม่ได้
“หมอหานคงจะบอกอาการกับนายไปแล้วนี่” เนี่ยเซิงเสี่ยวยู่ปาก เขามีสายตั้งเยอะแยะ ไม่มีทางที่ตอนนี้เขาจะยังไม่รู้อาการของเธอ
“สถานการณ์ทางร่างกายน่ะรู้แล้ว แต่ทางใจน่ะยังไม่รู้” ทางด้านของเหยียนจิ่งจื้อมีเสียงลมพัดเข้ามา อยู่ข้างนอกนี่เอง
“ดึกขนาดนี้ยังอยู่ข้างนอก?” เนี่ยเซิงเสี่ยวไม่ตอบ เธอถามกลับ
“มีธุระน่ะ”
“ธุระอะไร?”
เหยียนจิ่งจื้อเงียบไปก่อนจะพูดต่อ “อย่าเปลี่ยนเื่”
“อ่อ...”เนี่ยเซิงเสี่ยวหาท่าทางที่นอนสบาย พลางรู้สึกว่าตัวเองก็เป็พวกมาโซคิสม์อยู่หน่อยๆ ถูกเขาบังคับถามแบบนี้แต่กลับรู้สึกดี “ด้านจิตใจไม่ค่อยมีปัญหาอะไรมาก แค่รู้สึกว่าตัวเองน่าสงสารไปสักหน่อย”
“ทำไม?”
“ไม่มีคนโอ๋”
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะไปหา”
“ไม่ต้องๆ ฉันแค่พูดเล่น!” เนี่ยเซิงเสี่ยวรีบแก้คำ “ดึกขนาดนี้แล้ว นายเลิกงานแล้วก็รีบกลับไปนอน...”
ประโยคสุดท้ายยังพูดไม่ทันจบ เนี่ยเซิงเสี่ยวก็ได้ยินเสียงประตูห้องตัวเองถูกเปิด ตามมาด้วยเสียงฝีเท้า แต่ละก้าวเหมือนค่อยๆ เดินเข้ามาในใจของเธอ จากนั้นเธอก็ตกเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างรวดเร็ว
เหยียนจิ่งจื้อดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอดทั้งๆ ที่ตัวเธอยังอยู่ในผ้าห่ม หัวของเนี่ยเซิงเสี่ยวถูกกดลงไปจนได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นแรงของเขา จนหัวใจของเธอก็อดที่จะเต้นไปตามจังหวะของคนที่กอดเธอไม่ได้ เธอยกมือขึ้นดึงผ้าห่มออกไปเพื่อโอบรอบคอของเขา จากนั้นก็จูบลงไปที่คางที่เริ่มจะมีเคราเล็กน้อย
“สามี ฉันเจ็บมากเลยค่ะ” ก่อนน้ำตาจะไหลลงมา