“เก่งมากลูกพ่อ” พระาาปรบมือพลางยกน้ำชาขึ้นดื่มอย่างพอใจ หลังจากซูเจียวเป่าขลุ่ยในบทเพลงที่เขาสอนเพียงครั้งเดียว เสียงอันไพเราะจากขลุ่ยไม้เนื้อดี ดังก้องกังวานหวานละมุนแสดงถึงความสามารถพิเศษที่หาใครเทียบยาก กระทั่งจังหวะและท่วงท่าอันอ่อนช้อยก็ดูงดงามน่าจดจำ
“ข้าไม่เคยคิด ว่าจะมีลูกสาวที่งดงามและชาญฉลาดเช่นเ้ามาก่อน เพลงเหมยหลี่ เป็เพลงที่สืบทอดกันมายาวนาน ย้อนกลับไปหลายแสนปีบรรพบุรุษของเราได้แต่งขึ้น เพื่อให้เป็เพลงประจำราชวงศ์ ในขณะที่ข้าอายุเท่าเ้ายังต้องใช้เวลาฝึกฝนยาวนาน กว่าจะถ่ายทอดออกมาเป็บทเพลงได้ไพเราะเช่นนี้ แต่เ้า...ฟังจากข้าเพียงครั้งเดียวก็สามารถทำได้อย่างยอดเยี่ยม ยิ่งโตยิ่งเก่งสมกับที่ข้าวางใจ” พระาายกมือลูบศีรษะซูเจียวด้วยความรัก ในขณะที่พระราชมารดาเริ่มรู้สึกเป็ห่วงธิดาคนเล็ก นางหายออกจากวังนานหลายวัน ไม่มีวี่แววว่าจะกลับเข้ามา ยิ่งวันเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ หัวอกคนเป็แม่เริ่มรู้สึกไม่ดีมากขึ้นเท่านั้น
“ท่านพี่ ให้คนออกตามหาซูเจินไม่ได้หรือเพคะ”
“ไม่”
“แต่ลูกเราตัวคนเดียว ป่านนี้จะเป็อย่างไรบ้าง ข้าทุกข์ใจนัก” ซูลี่เปล่งวาจาขอร้องพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อขึ้น ก่อนมือหนาของพระาาจะเข้ามาวางทาบเพื่อปลอบโยน
“นางไม่เคยลำบาก หากออกไปแล้วพบว่าโลกภายนอกไม่สบายอย่างที่คิด นางก็จะหาทางกลับมา แต่หากเราให้ทหารออกตามหา นางก็จักได้ใจไปกันใหญ่ อย่าลืมว่าซูเจินถูกลี่เซียนตามใจมาั้แ่เด็ก ต้องให้นางได้เรียนรู้ชีวิตด้วยตัวเอง”
“แต่...”
“หยุดคิดถึงนาง แล้วช่วยข้าทุ่มเทเวลาอบรมสั่งสอนซูเจียวให้ดีที่สุด อีกไม่กี่ปีจะถึงพิธีการส่งบรรณาการไปยังนครกงเหว่ย ข้า้าให้ลูกของเราเป็หนึ่งในสตรีที่ทรงคุณค่ามากที่สุด”
นครใหญ่เป็นครที่รุ่งเรืองอุดมสมบูรณ์มากที่สุด พระราชวังกินพื้นที่กว้างใหญ่สุดสายตา มีทหารคุ้มกันเรือนแสน ตำหนักน้อยใหญ่ตั้งติดกันยาวเป็ระเบียบเรียบร้อย ผู้คนถูกฝึกมาให้อยู่ในกฎไม่มีการก้าวก่ายหน้าที่ซึ่งกันและกัน การที่จะได้เข้ามาอยู่ในนครแห่งนี้เป็เื่ยากแสนยาก เพราะต้องสอบเข้าเพื่อรับราชการไม่มีการใช้เส้นสายและการแข่งขันค่อนข้างสูง
ส่วนคนนอกแคว้นจะเข้ามาได้ก็ต่อเมื่อเป็บรรณาการ หรือได้รับอนุญาตจากองค์จักรพรรดิเป็กรณีพิเศษเท่านั้น นอกเหนือจากสิทธิ์อื่นไม่มี ในยามฟ้ามืดนครแห่งนี้จะสว่างไสวดุจแสงจันทร์ หากมองจากยอดเขาจะเห็นเป็สีเหลืองนวลทั่วทั้งราชวังไม่เคยหลับใหล อีกทั้งเสียงดนตรีบรรเลงขับกล่อมตลอดเวลา เป็นครที่ปกครองไพร่ฟ้าด้วยความยุติธรรมและสงบสุขเรื่อยมา
ชายหนุ่มรูปร่างสมส่วนผิวขาวผมยาวจรดหลัง นั่งชันเข่าด้วยท่าทางสุขุม สองมือหนาเปิดตำราวิชาเวทย์ขั้นแปดซึ่งเป็ระดับวิชาเวทย์ขั้นสูงสุด ดวงตากลมมีสีดำสนิท จมูกเรียวโด่งเป็สันรับกับใบหน้ารูปไข่ แต่งกายในชุดสีขาวทอด้วยไหมทองคำหายาก ซึ่งเป็ของบรรณาการมาจากแคว้นซีหลิว ไหมทองคำถูกเลี้ยงดูจากผู้เชี่ยวชาญอย่างดีเพื่อเส้นใยสำหรับทอเป็ชุดให้กับเหล่าวงศานุวงศ์ทั้งหลาย
“เรียนองค์รัชทายาท พระมหาจักรพรรดิเรียกหาพะย่ะค่ะ” สายตาคมเหลือบมอง พลางปรายตาข่มเล็กน้อย แสงสีเหลืองจากพลังเวทวูบขึ้นที่ปลายนิ้ว พร้อมยกหนังสือเล่มนั้น เลื่อนไปวางไว้ที่ตู้เก็บตำรา
“หากเป็เื่ดูตัวของเหล่าหญิงสาว เ้าจงกลับไป แล้วทูลท่านพ่อว่าข้าไม่สบาย”
“พระมหาจักรพรรดิ ได้กำชับ ว่าหากท่านไม่สบาย ก็จะส่งสาวงามมาให้เชยชม” ว่าแล้วเสนาบดีจึงหันกลับไปแล้วยกมือดีดนิ้วสามครั้ง เหล่านางฟ้าแสนสวยนับสิบ พากันกรูเข้ามารายล้อมองค์รัชทายาท แต่ละนางต่างอ้อนช้อยสวยงามหาที่ติไม่ได้ กลิ่นหอมละมุมไปทั่วในขณะที่เหล่าหญิงสาวขยับกายเข้ามาแนบชิด
“พรึบ” องค์รัชทายาททำให้เหล่าสาวงาม ถูกพลังเวทดูดกลับไปยืนเคียงข้างเสนาบดีชราผู้นั้น ทุกคนยืนรวมกันราวกับว่าไม่เคยได้เข้าใกล้เขา ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันเองด้วยความฉงนใจถึงที่สุด
“มิมีหญิงใดงาม ชนะใจท่านได้เลยฤา” คำถามของเสนาบดี ทำให้องค์รัชทายาทผู้มากด้วยฤทธิ์เวท ไม่กล่าวตอบคำถาม เขาหันกลับไปยังตำราเวทที่อ่านค้างไว้ แล้วจมลึกดำดิ่งอยู่ที่ตัวหนังสือ ปล่อยให้ทุกคนที่บุกเข้ามาในตำหนักต่างแยกย้ายพากันเดินออก
“องค์รัชทายาทใบหน้างดงาม อีกทั้งกิริยาเคร่งขรึม เป็ที่หมายปองของหญิงสาวในนครใหญ่แห่งนี้ แต่พวกเราผู้ถูกฝึกอบรมมาแล้วอย่างดี คัดจากหมื่นคนจนเหลือพัน นับจากพันคัดจนเหลือร้อย แลเหตุใดองค์รัชทายาทจึงไม่ปรายตามองพวกเรา” หนึ่งในสาวงามหันไปรำพันกับเพื่อนด้วยความสิ้นหวัง แม้ความเ็าขององค์รัชทายาทจะเป็ที่กล่าวขานกันมาช้านาน แต่เมื่อประสบพบด้วยตัวเองแล้ว เขากลับลึกลับยิ่งกว่า
“อย่างไร ได้ผลฤาไม่” พระมหาจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ กล่าวถามเสนาบดีด้วยความหวัง ทว่าใบหน้าตอบกลับอย่างซีดเซียว แสดงเด่นชัดเป็คำตอบแล้วว่าล้มเหลว
“ข้าหมดปัญญาแล้ว หลายร้อยปีมานี้ พวกเราพยายามหาชายาที่เหมาะสมให้กับโจวอี้เฟย แต่ลูกข้ากลับปฏิเสธสิ้น แล้วเมื่อใดกันเล่าข้าจะสมดังใจ” พระมหาจักรพรรดิ ถอนหายใจพลางหันกลับไปยังแท่นประทับ ด้วยความท้อใจอย่างถึงที่สุด
“ยังพอมีเวลาอีกมากพ่ะย่ะค่ะ”
“มากแค่ไหนก็เหมือนน้อยนิดเต็มที ตลอดเวลาที่ผ่านมาลูกข้าไม่เคยมองหญิงใด หากถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยน
องค์จักรพรรดิ ข้าหมดอำนาจต้องขึ้นสู่้า ลูกข้าจะดำรงอำนาจสืบต่อโดยขาดชายามิได้”
“ขอองค์พระมหาจักรพรรดิอย่าได้ทรงวิตกในยามนี้ ข้าขอสัญญาว่าจะทำทุกทางเพื่อให้องค์รัชทายาทมีชายาเคียงคู่ให้จงได้ หากยามนี้องค์รัชทายาทยังไม่ยอมมองหญิงใด เราก็แค่รอเวลาอีกประมาณสองร้อยปีเศษ เมื่อแคว้นต่างๆ ส่งบรรณาการมา จักต้องตามด้วยหญิงงามมากฝีมือ ถึงเวลานั้นองค์รัชทายาทอาจเปลี่ยนพระทัยก็เป็ได้พ่ะย่ะค่ะ”
“นั่นคือความหวังสุดท้ายของข้าแล้ว ท่านเสนาบดี” พระมหาจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ถอนหายใจยาวเหยียด เพราะไม่ว่าจะหาสาวงามมาให้องค์รัชทายาทสักเพียงใด ท่าทีเฉยเมยของโจวอี้เฟยกลับทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ไม่เพียงแต่ไม่เคยเอ่ยถึงหญิงใด ซ้ำยังหลีกเลี่ยงอย่างถึงที่สุด ราวกับว่าเขาไม่้าความรัก
หลังจากสาวงามและเสนาบดีพากันเดินออกจากตำหนัก องค์รัชทายาทจึงเงยหน้าพ้นตำราเวท พลางส่ายศีรษะไปมา เขาไม่คิดโทษผู้ใด เพราะเป็คำสั่งตรงมาจากพระมหาจักรพรรดิ มิมีผู้ใดปฏิเสธได้ ชายหนุ่มก้มมองนิ้วมือก่อนจะรวบรวมพลังเวทระดับเจ็ดซึ่งเป็ระดับสูงสุดที่สำเร็จในตอนนี้
“ถวายบังคมองค์รัชทายาทเพคะ” เพียงชั่วอึดใจ ร่างของโจวอี้เฟยก็โผล่มายังสระน้ำสีเขียวมรกต ชายหนุ่มแทรกก้าวเข้ามาระหว่างรอยต่อของสถานที่ อันเกิดจากพลังเวทที่กล้าแกร่ง เขาหันมองโดยรอบด้วยท่าทางสุขุม พลางยกมือขึ้นหนึ่งครั้ง เป็สัญญาณเห็นพร้องว่าเหล่าขุนนางทั้งหลาย ต้องพากันหลีกหนีเดินออกจากบริเวณนั้น
สายตาคมแน่นิ่งทอดมองสระน้ำกว้าง ยามนี้แม้ยังไม่ถึงเวลาผลัดเปลี่ยนองค์มหาจักรพรรดิก็จริง แต่วันเวลาล่วงเลยไปอย่างรวดเร็ว เขาหวนนึกถึงยามเด็ก มหาจักรพรรดิองค์ก่อนคือเสด็จปู่ดำรงตำแหน่งด้วยทศพิธราชธรรม ปกครองแคว้นต่างๆ ให้อยู่ในระเบียบ หากแต่วันเวลาล่วงเลยไปเหมือนหลับฝันเพียงข้ามคืน เขากลายเป็องค์รัชทายาท ที่จะครองตำแหน่งองค์พระมหาจักรพรรดิสืบต่อ
“บัดนี้ วันเวลาล่วงเลย ข้าฝึกวิชาเวทมาจนถึงระดับเจ็ด อีกเพียงขั้นเดียวเท่านั้น ข้าก็จะสำเร็จวิชาเวททั้งหมด หากแต่ทำอย่างไร ก็มิอาจฝึกฝนสำเร็จได้” ชายหนุ่มก้มมองมือทั้งสองข้างด้วยความผิดหวัง พลางกำมือแน่น เขาอยากสำเร็จวิชาเวททั้งหมด ก่อนขึ้นรับตำแหน่งเป็องค์พระมหาจักรพรรดิองค์ต่อไป