เมื่อมาถึงหมู่บ้านผี ความรู้สึกของทุกคนก็ต่างกันออกไป
ฉู่จุนหนิงและคนของนางไม่รู้ว่าที่นี่เคยมีเื่เกิดขึ้นมาก่อน เมื่อมองไปยังหมู่บ้านที่ทรุดโทรมตรงหน้า พวกเขาขมวดคิ้วในทันที ในขณะที่ชิวอวี่และคนอื่นๆ ก็รู้สึกตึงเครียด เกรงว่าในคืนนี้จะเกิดเื่ผวาขึ้นเหมือนครั้งก่อน
โชคดีที่คราวนี้ ต้นฮว๋ายต้นใหญ่ที่ทางเข้าหมู่บ้านยังคงไหม้เกรียมเหมือนดั่งเดิม และทุกครัวเรือนก็ไม่มีอาหารปรุงสดใหม่รอพวกเขาอยู่
จิ๋วกุ่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก “โชคดีที่ไม่มีคนทำอาหาร”
คำพูดเหล่านี้ทำให้ฉู่จุนหนิงและคนของนางสับสน หมู่บ้านร้างแห่งนี้ทรุดโทรมมาหลายปีแล้ว ไม่ต้องพูดถึงผู้คนหรอก แค่ผีสักตนก็ยังไม่มี แล้วจะไปมีคนทำอาหารได้อย่างไรกัน?
ชิวอวี่ที่เดินไปรอบๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีผี ในใจเองก็รู้สึกโล่งใจ
ต้านเสวี่ยและเถาเซียงทำความสะอาดบ้านที่เคยอยู่ครั้งก่อนใหม่อีกครั้ง เพื่อให้ชิงอีพักผ่อน เพียงแต่สาวน้อยทั้งสองยังคงกังวลอยู่เล็กน้อย “องค์หญิงเพคะ คืนนี้จะไม่มีเื่อะไรเกิดขึ้นจริงๆ ใช่ไหมเพคะ?”
“จะไปมีเื่อะไรได้อีกล่ะ?” ชิงอีหาววอดออกมา
ในขณะที่ต้านเสวี่ยอึกๆ อักๆ ลังเลว่าจะพูดออกมาดีหรือไม่ เถาเซียงที่อยู่ข้างๆ กลับพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ต้านเสวี่ย เ้าไม่ต้องกลัวหรอก ยังไงเราก็มีองค์หญิงอยู่! ปีศาจร้ายเ่าั้ไม่กล้ามาที่นี่หรอก อีกอย่าง คนชั่วที่วัดตงหวานั่นก็ตายไปแล้ว ไม่มีเื่อะไรเกิดขึ้นแน่!”
ต้านเสวี่ยที่มองไปอย่างดื้อรั้น นางรู้สึกกลัวจนพูดไม่ออก
“อืม เถาเอ๋อร์พูดถูก ต้านเสวี่ยเ้ากังวลมากเกินไปแล้ว”
ต้านเสวี่ยกระทืบเท้า “องค์หญิง ท่านตามใจนางไปแล้วนะเพคะ หม่อมฉัน...หม่อมฉันจะไปเตรียมอาหารเย็นแล้ว”
เถาเซียงมองไปยังร่างด้านหลังของต้านเสวี่ยที่โกรธเกรี้ยว นางหันหน้ากลับมาและขยิบตาให้ชิงอี “องค์หญิง ดูนางสิเพคะ ใจแคบเสียจริง”
ชิงอีเหลือบมองนาง “ออกไปช่วยนางเถอะ คราหน้า หากข้าไม่สนใจเ้าก็อย่ามาร้องไห้ขี้มูกโป่งต่อหน้าข้าก็แล้วกัน”
เถาเซียงแลบลิ้นออกมาก่อนจะออกไป
ชิงอีหาวอย่างเกียจคร้าน สาวน้อยสองคนนี้ ต้านเสวี่ยละเอียดอ่อนและอ่อนไหว ส่วนเถาเซียงก็ไร้เดียงสา ร่าเริง นิสัยของทั้งสองจึงเสริมกันและกันอย่างสมบูรณ์แบบ
เ้าแมวอ้วนเข้ามาจากข้างนอกอย่างช้าๆ พอมาถึงประตู มันก็ะโไปตรงหน้านาง และถามว่า “ข้าคิดว่านับวันท่านยิ่งพอใจกับสาวน้อยสองคนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ในภายภาคหน้า ท่านจะพาพวกเขาไปรับใช้ด้วยหรือไม่?”
ชิงอีมองมันด้วยสายตาเ็าเล็กน้อย “เ้าเอาตาข้างไหนมอง ถึงเห็นว่าข้าพอใจกับพวกนาง? ออกไปแล้วไปเพิ่มอายุขัยของสองคนนี้ให้ข้าอีกยี่สิบสามสิบปี ข้าไม่อยากกลับไปโดยที่ไม่มีวันสงบสุข!”
เหอะๆๆ เ้าแมวอ้วนมองนางอย่างรังเกียจ ช่างหยิ่งผยองเสียจริง
“ข้าไม่พูดไร้สาระแล้วก็ได้ แต่ท่านกลับมาที่หมู่บ้านผีเพื่อที่จะทำอะไรกันแน่?”
“คราวที่แล้วออกจากที่นี่เร็วเกินไป ข้าเลยมองข้ามบางสิ่ง ในคุกใต้ดินก่อนหน้านี้ เ้ายังจำที่วั่งจีตัวปลอมนั่นยอมเสียสละเืเนื้อ เพื่อวาดตราประทับเชิญประตูแห่งปรโลกมาจุติยังโลกมนุษย์ได้หรือไม่?”
เ้าแมวอ้วนพยักหน้า “ตราประทับนั่นดูคุ้นตาเป็อย่างมาก แต่ข้าเองก็จำไม่ได้ว่าเคยเห็นที่ไหน”
“เ้านึกไม่ออกมันก็เป็เื่ปกติ มันเป็ตราประทับจุติของอเวจี” ชิงอีพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ในตอนที่เย่เหยียนหลับใหล ตราประทับนี้ก็ถูกขโมยไป สิ่งที่เ้าเห็นในอเวจีเป็เพียงตราประทับเพียงอันเดียวที่เหลืออยู่”
“อเวจี”
เ้าแมวอ้วนตัวสั่นเมื่อได้ยินคำนี้ หนึ่งในขุมนรกสิบแปดขุม ที่แม้แต่ผู้พิพากษาและเ้าหน้าที่ผีก็ไม่เต็มใจที่จะไป
ชิงอีและเย่เหยียนพี่ชายของนางเกิดมาจากอเวจี หลังจากที่พวกเขาปรากฏตัวออกมา จึงมีอเวจี แล้วก็มีปรโลก
“เ้าวั่งจีตัวปลอมนั่นเป็แค่มนุษย์ธรรมดา เหตุใดถึงได้รู้จักตราประทับของอเวจีกันนะ อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้มันมีอะไรที่ต้องทำให้ท่านต้องกลับมาที่นี่อีกครั้งล่ะ?”
“การรวบรวมสิ่งชั่วร้ายของที่นี่คือการเลี้ยงต้นฮว๋ายด้วยศพเด็ก รากของต้นฮว๋ายหยั่งรากเข้าไปในศพเด็ก และมันก็เติบโตจากซากศพ หลังจากตัดต้นฮว๋ายในวันนั้น เ้าได้สังเกตวงปีของต้นไม้หรือไม่?”
สีหน้าของแมวอ้วนเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ข้าจำได้รางๆ ว่าจำนวนวงปีของมันไม่น้อยเลยทีเดียว”
“อายุของมันประมาณร้อยยี่สิบปี” ชิงอีส่งเสียงฮึออกมา
เ้าแมวอ้วนเบิกตากว้าง “หากท่านอนุมานเช่นนี้ แสดงว่าโก่วต้านก็ตายไปร้อยกว่าปีแล้วอย่างนั้นหรือ? ไม่ใช่สิ เช่นนี้มันก็ไม่ตรงกับที่เขาเคยพูดน่ะสิ!”
“ั้แ่วินาทีที่คนตายกลายเป็ิญญา เวลาก็หยุดนิ่ง เช่นเดียวกับโก่วต้าน เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเขาตายที่ไหน และตายอย่างไร ความจำของเขายุ่งเหยิงและสับสนมาก” ชิงอีหลับตาลงช้าๆ
เ้าแมวอ้วนร้องคร่ำครวญอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าและพูดว่า “หากพูดเช่นนี้มันก็น่าสงสัยอยู่ อย่าว่าแต่พวกผีธรรมดาจะเข้าใกล้ท่านเลย แค่เจอหน้าท่านก็กลัวหัวหดกันหมดแล้ว ทว่า เมื่อเขาเห็นท่านในครั้งแรก เขาไม่แสดงความกลัวออกมาแม้แต่น้อย คงไม่ได้เป็แค่ผีใหม่แน่” เ้าแมวอ้วนที่ยังพูดต่อไป “เ้าตัวเล็กนั่นจริงๆ แล้วเป็ผีอายุนับร้อยปี อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะอยู่ที่นี่มาร้อยปีแล้ว ทว่า กลุ่มผีนับร้อยตนที่อยู่ด้านหลังูเาของวัดตงหวา เพิ่งจะปรากฏออกมาได้เพียงปีกว่าๆ เท่านั้นเอง”
“อีกอย่างที่ไม่ถูกต้องคือโก่วต้านเคยบอกว่า เขาจำได้ว่าตนเองถูกคนพามาที่นี่... หรือว่านี่ก็เป็ความสับสนในความทรงจำของเขาเหมือนกัน”
ชิงอีเหลือบมองไปที่มัน เ้านี่โง่เง่าจริงๆ
“วิธีที่ล้างความอาฆาตแค้นของผีตัวหนึ่งที่ง่ายที่สุดคืออะไร?”
“ตีมันให้ตายด้วยไม้หรือ?” เ้าแมวอ้วนพูดจบก็หดคอกลับมา และตอบอย่างจริงจังว่า “อะแฮ่ม ก็คงเป็การส่งกลับไปเกิดใหม่ ทันทีที่เกิดใหม่ เื่ในอดีตก็จะหายไป เช่นนั้นแล้วจะไปจำเื่ราวอะไรได้ล่ะ...อา...ท่านคงไม่คิดว่า..."
ชิงอีพยักหน้า “ความอาฆาตแค้นที่หายไปของโก่วต้านคือข้อบกพร่อง และคนชั่วที่อยู่เื้ัทำมันได้อย่างไร บางทีเราอาจได้คำตอบในคืนนี้”
เพราะเหตุใดมันจึงเกิดขึ้นในคืนนี้ ชิงอีไม่ได้พูด
ทว่า เ้าแมวอ้วนมองหน้านาง ก็เดาว่าคืนนี้คงเป็คืนที่ไม่สงบสุขอีกแล้ว!
อย่างไรก็ตาม เื่นี้ซับซ้อนกว่าที่คิดไว้ คิดไม่ถึงว่าจะมีตราประทับการจุติเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย! หลังจากที่เย่เหยียนหลับใหลไป ิญญาของเขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย นอกจากไข่มุกราชันแล้วก็ยังมีตราประทับการจุตินี่แหละที่หายไปเช่นกัน
คาดไม่ถึงว่าตอนนี้มีมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งวาดตราประทับการจุติออกมา แม้ว่าจะไม่ค่อยสมบูรณ์ ทว่า มันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้คนสงสัย!
หากตามเบาะแสบางอย่างแล้วจับคนที่อยู่เื้ัได้ บางทีก็อาจจะรู้ที่อยู่ของไข่มุกราชันเช่นกัน!
ชิงอีที่หาวตลอดทั้งวันและกำลังจะเอนนอนพักสักครู่ ทว่า จู่ๆ ก็เลิกคิ้วขึ้นและยิ้มอย่างชั่วร้ายขึ้นมา
“อืม ดูเหมือนว่าคืนนี้จะสนุกมากกว่าที่ข้าคิดไว้เอาไว้แล้วล่ะ”
นางลุกขึ้นและเปิดประตูออกไป
เถาเซียงและต้านเสวี่ยอยู่ข้างนอก เพื่อจัดการกับสัตว์ที่เหล่าองครักษ์ไปล่ากลับมาทำอาหาร เมื่อเห็นนางออกมา ก็รีบเข้ามารับในทันที ทว่า เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูไม่ค่อยดีของนางแล้ว ในใจก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที
เกิดอะไรขึ้นอีกหรือไม่นะ?
“ไปเรียกทุกคนมา!” ชิงอีพูดด้วยท่าทางเคร่งขรึม
ใน่เวลาสั้นๆ ทุกคนยกเว้นคนของฉู่จุนหนิงก็มารวมตัวกันที่ลานนี้กันทั้งหมด
เซียวเจวี๋ยที่เดินไปอย่างช้าๆ ไม่รีบเร่ง ในดวงตามีความสงสัยเล็กน้อย
ชิงอียกมือขึ้น พร้อมกับต่างหูไข่มุกในมือ “ต่างหูอีกข้างของข้าหล่น พวกเ้าหามันมาให้ข้าโดยเร็วที่สุด”
สีหน้าของแต่ละคนล้วนแล้วแต่ดูไม่ดีกันทั้งนั้น
ฟ้าก็มืดแล้ว จะไปหาต่างหูนางได้ที่ไหนอีก? ไม่ใช่ว่าจงใจหาเื่บางอย่างให้พวกเขาทำหรอกหรือ?
“ยังยืนบื้ออะไรอีกล่ะ? ข้าเรียกพวกเ้าไม่ได้หรือไร?” ชิงอีที่ส่งเสียงตะคอกด้วยใบหน้ามืดหม่น และอีกด้านคือเซียวเจวี๋ยที่ไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ
ชิงอีชี้ไปที่ฉู่สือ “แล้วพวกเ้าล่ะ แกล้งตายอยู่หรือไร? ไปหามันมาให้ข้าสิ!”
ฉู่สือกระตุกมุมปาก ท่านเป็ใคร เขาต้องฟังคำสั่งของท่านด้วยหรือ?
“เหล่าฉู่ ไม่เดินมาหรือ?” หลิงเฟิงผู้น่ารักเดินออกไปอย่างเร่งรีบ ทว่า เมื่อหันมาเห็นว่าเหล่าฉู่ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ทันใดนั้น ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะแสดงสีหน้าราวกับเ้านี่มันไม่รู้เื่รู้ราวจริงๆ
“ไปเถอะ” จู่ๆ เซียวเจวี๋ยก็พูดขึ้นมา
ฉู่สือรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ทว่า ในเมื่อาาพูดขนาดนี้แล้ว เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเดินออกไปอย่างไม่เต็มใจ เมื่อเดินผ่านข้างกายชิงอีเขาก็ถามว่า “องค์หญิงท่านจำได้หรือไม่ ว่าทำต่างหูหายไปตอนไหน?”
“น่าจะอยู่ทางที่ผ่านมานั่นแหละ หรืออาจจะเป็ตอนลงจากูเา หรือไม่ก็อาจจะอยู่ที่วัดตงหวา” ชิงอีพูดปัดรำคาญไปพร้อมกับโบกมือไล่ “ข้าไม่รู้ ยังไงก็เถอะ ถ้าพวกเ้าหาไม่เจอก็ไม่ต้องกลับมา!”
ฉู่สือโกรธขึ้นมาทันใด หญิงสาวผู้นี้จงใจหาเื่ให้คนอื่นไม่ใช่หรือ?!
ชิวอวี่และคนอื่นๆ ที่ไม่พูดไม่จา ก้มหน้า และเตรียมลงมือหา หากองค์หญิงไม่เป็ปีศาจนี่สิ เช่นนั้นถึงจะแปลก
“ช้าก่อน” ชิงอีที่จู่ๆ พูดขึ้นมา จากนั้นก็หยิบเ้าแมวอ้วนบนเท้าของนาง แล้วโยนมันใส่ชิวอวี่ “เอามันไปด้วย”
ชิวอวี่ถึงกับผงะไป เขาสังเกตได้ถึงความผิดปกติ จึงพยักหน้า อุ้มเ้าแมวและพาคนออกไป
ในลาน เหลืองเพียงนางกำนัลสองคน ที่ยังคงจ้องมองชิงกับเซียวเจวี๋ยอยู่
ไม่ไกลนัก ก็มีฉู่จุนหนิงมองไปยังองครักษ์ทั้งหมดที่ถูกไล่ออกไป ดวงตาก็เป็ประกายขึ้นทันใด
ฉู่ชิงอี คราวนี้แหละ ข้าจะส่งเ้าไปหาความตายเอง!
