หนิงซิ่วอิงเป็บุตรสาวของภรรยาเอก อย่าว่าแต่ตบหน้าเลย แม้แต่การตบตีเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังไม่เคยโดน แต่วันนี้กลับถูกคนตบหน้า นางโกรธจัดเสียจนน้ำตาไหลพรากไม่หยุด “เ้าพูดเหลวไหลอะไร? โรงเตี๊ยมอะไร? ญาติผู้พี่อะไร?”
หนิงซิ่วอิงไม่รู้เื่อะไรเลย
“ข้าได้ตรวจสอบแล้ว ตระกูลหนิงของเ้าเป็คนทำ ข้าให้คนคอยจับตาดูตระกูลหนิงของเ้ามาหลายวัน วันนี้นับว่าได้โอกาสแล้ว ตระกูลหนิงของพวกเ้าทำลายชื่อเสียงของข้า เ้าก็อย่าหวังว่าจะมีชีวิตที่ดีเลย” ฟู่ผิงเซียงกล่าวเสียงเข้มอย่างแค้นเคือง
“ชุนหง เราไปกันเถอะ” กู้เจิงจูงชุนหงหมายจะออกจากห้องนี้ นางไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้องกับเื่ขัดแย้งของทั้งสองตระกูล แต่ผู้คุ้มกันของฟู่ผิงเซียงเข้ามาขวางพวกนางไว้
“เ้าอย่าคิดว่าจะออกไปได้” ฟู่ผิงเซียงตวาดกู้เจิง ดวงตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้น “ทั้งหมดเป็เพราะเ้า ชั่วชีวิตนี้เ้าอย่าได้คิดว่าจะได้ใช้ชีวิตที่ดีอีกเลย”
กู้เจิงด่าฟู่ผิงเซียงอย่างไม่ไว้หน้า “คุณหนูใหญ่ฟู่ ข้าก็เห็นคนมามากแต่คนไร้ยางอายเช่นเ้านั้นหาได้ยากจริงๆ”
“เ้าว่าอะไรนะ?”
"เ้าไม่เข้าใจที่ข้าพูดอย่างนั้นหรือ? ถ้าเ้าไม่ทำเื่ไม่ดีมาก่อน แล้วจะมีเื่ลูกพี่ลูกน้องตระกูลวังนี่ได้ยังไง? สำหรับเื่ของข้ากับเ้า ข้าเคยได้พูดไว้ชัดเจนแล้ว แต่เป็เ้าเองที่เข้ามาพัวพันไม่หยุด” กู้เจิงกล่าวด้วยความโมโห
“ข้าเนี่ยนะพัวพัน? เ้าต่างหากที่เป็ฝ่ายเริ่มก่อน” ฟู่ผิงเซียงกล่าวเสียงเข้ม
กู้เจิงไม่อยากพูดอะไรกับนางอีก พูดไปก็เปล่าประโยชน์ นางมองผู้คุ้มกันทั้งสองคน “เ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?”
“ความเ็ปของข้า ข้าจะให้พวกเ้าทั้งหมดได้ชดใช้” ฟู่ผิงเซียงเอ่ยทีละคำจนจบ ก่อนจะหันไปพูดกับผู้คุ้มกันทั้งสองว่า “จัดการพวกนางให้สลบไป”
กู้เจิงและหนิงซิ่วอิงต่างตกตะลึง
ชุนหงรีบก้าวเข้ามายืนปกป้องคุณหนูของนาง
ผู้คุ้มกันทั้งสองสบตากัน หนึ่งในนั้นจะประสานมือคารวะฟู่ผิงเซียงและกล่าวว่า “คุณหนูฟู่ พวกเราต้องทำตามคำสั่งของท่านแม่ทัพที่ให้มาที่นี่ก็เพื่อปกป้องคุณหนูเท่านั้น และคุณหนูทั้งสองคนนี้เป็คุณหนูจากจวนป๋อเจวี๋ย ถ้าท่านแม่ทัพรู้ว่าพวกเราทำให้พวกนางสลบไป จะต้องถูกลงโทษตามกฎทหารแน่ขอรับ”
“พวกเ้ากล้าขัดคำสั่งข้าหรือ?” ใบหน้าของฟู่ผิงเซียงบึ้งตึงด้วยความโกรธ
กู้เจิงลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางกำลังคิดจะร้องให้คนช่วย แต่หางตาเหลือบไปเห็นหนิงซิ่วอิง หากนางร้องเรียกให้คนมาช่วย ตัวนางเองคงไม่เป็ไร แต่ชื่อเสียงของคุณหนูรองหนิงเกรงว่าจะต้องเสียหายไปด้วยแน่
“เ้ากล้าดียังไงถึงไม่ทำตามคำสั่งข้า? ไม่กลัวว่าข้าจะไปฟ้องท่านน้าหรือ?” ฟู่ผิงเซียงโมโหมาก
ผู้คุ้มกันอีกคนกล่าว “คุณหนูฟู่ เื่เมื่อคราวที่แล้วคนที่ฟังคำสั่งท่านที่ให้ไปลักพาตัวคน ถูกท่านแม่ทัพโบยไปสามสิบไม้ แล้วยังถูกขับไล่ออกจากค่ายทหารขอรับ พวกข้าน้อยจึงมิกล้า”
กู้เจิงตาเป็ประกาย ทหารที่ถูกขับไล่ออกจากค่ายทหารคงไม่ใช่พวกที่มัดนางกับชุนหงไว้หรอกกระมัง แม่ทัพเยี่ยนฉลาดเฉียบคมยิ่งนัก
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว พวกเราขอตัวก่อน” กู้เจิงดึงหนิงซิ่วอิงมาด้วยกันหมายจะรีบออกไปจากที่นี่ แต่ยังคงถูกผู้คุ้มกันขวางไว้
ผู้คุ้มกันคนหนึ่งเอ่ยเสียงเย็น “คุณหนูฟู่ยังไม่ได้ให้พวกเ้าไป”
“แล้วถ้านางไม่ยอมให้พวกเราไปเลยล่ะ?” กู้เจิงยิ้มเยาะถาม
“งั้นก็ต้องอยู่ที่นี่ไปก่อน”
กู้เจิง “...” ได้ ขอเพียงไม่ทำร้ายพวกนางก็พอแล้ว
“พี่กู้เจิง” หนิงซิ่วอิงใจเสียเล็กน้อย “พวกเราควรทำอย่างไรดีเ้าคะ?”
“เช่นนั้นก็นั่งดื่มชาเถอะ” กู้เจิงประชด จะกักขังพวกนางไว้ได้กี่ชั่วยามเชียว อย่างไรก็ขังไปไม่ได้ตลอดชีวิตหรอก
ฟู่ผิงเซียงทั้งโกรธทั้งแค้นจนทำอะไรไม่ถูก นางถลึงตาใส่ทหารไร้ประโยชน์อย่างดุดัน หากรู้แต่แรกคงจ้างคนอื่นมาดีกว่าเอาทหารของท่านน้ามา
ภายในห้องเงียบสงัดไปชั่วขณะ มีเพียงเสียงแตะถ้วยชาเป็ครั้งคราวของกู้เจิง
“ข้าจะไม่ปล่อยพวกเ้าไปแน่ ไม่มีทางเด็ดทาง” ฟู่ผิงเซียงจ้องมองพวกนางอย่างโกรธแค้น
กู้เจิงจิบชาโดยไม่สนใจนาง หางตาเห็นหนิงซิ่วอิงมีท่าทางกระสับกระส่าย มือที่วางอยู่บนเข่าสั่นเล็กน้อย จึงอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ เมื่อครู่นางเองก็ไม่ได้กลัวฟู่ผิงเซียงขนาดนี้ แต่ทำไมตอนนี้ถึงได้กลัวเล่า?
จู่ๆ ฟู่ผิงเซียงก็ผุดลุกขึ้นและจากไปทันที เมื่อนางจากไป ผู้คุ้มกันทั้งสองก็เดินตามนางออกไปด้วย
“พี่กู้เจิง” จู่ๆ หนิงซิ่วอิงก็คว้ามือของกู้เจิงเอาไว้ “เสื้อขนจิ้งจอกของฟู่ผิงเซียงเมื่อครู่เป็ขององค์หญิงสิบเอ็ด ข้าเห็นว่าด้านในเป็สีเหลืองสดใส”
“ใช่น่ะสิ แล้วนี่มันแปลกยังไงหรือ?” กู้เจิงสังเกตเห็นมานานแล้ว
“องค์หญิงสิบเอ็ดดีต่อฟู่ผิงเซียงเสมอมา จะต้องออกหน้าแทนนางแน่เ้าค่ะ”
“องค์หญิงผู้สูงส่ง จะลงมาเกลือกกลั้วกับเื่เช่นนี้ด้วยหรือ?” กู้เจิงสงสัยอยู่บ้าง
“ฟู่ผิงเซียงเป็สหายร่วมห้องเรียนขององค์หญิงสิบเอ็ดมานานแล้วเ้าค่ะ” หนิงซิ่วอิงรีบอธิบาย
“เ้าไม่ต้องกลัว เ้าเป็บุตรสาวของฮูหยินใหญ่ตระกูลหนิง ต่อไปก็อย่าได้บุ่มบ่ามปลอมตัวหนีออกมาเช่นนี้อีก หากอยู่ในบ้านพวกนางก็คงทำอะไรเ้าไม่ได้” กู้เจิงปลอบใจนาง ขณะเดียวกันก็นึกถึงการขัดแย้งเล็กๆ ระหว่างตัวนางเองกับองค์หญิงสิบเอ็ดในวันแต่งงานของกู้อิ๋ง
หนิงซิ่วอิงพยักหน้า นางหันไปพูดกับสาวใช้คนสนิทว่า “เรารีบกลับบ้านกันเถอะ”
ชุนหงเมื่อเห็นหนิงซิ่วอิงกับบ่าวรีบร้อนจากไป นางจึงบุ้ยปาก “รู้สึกกลัวแล้วหรือ? เมื่อครู่ยังร้องไห้อยู่ว่าอยากจะพบคุณชายรอง ท่าทางรักใคร่ปานนั้นหรือว่าจะเสแสร้งแกล้งทำเ้าคะ?”
“ข้าเดาว่าเมื่อครู่นางคงใกับฟู่ผิงเซียง” โดนตบไปหนึ่งฉาด ทั้งยังจะถูกทำให้สลบ หากชายสองนั้นตีพวกนางสลบไปจริงๆ แล้วทำอะไรขึ้นมา เมื่อเทียบกันแล้ว เื่ความรักของหนิงซิ่วอิงกับเจิ้งชินกลับกลายเป็เื่เล็กน้อยไปเลย
“คุณหนู องค์หญิงสิบเอ็ดจะออกหน้าให้ฟู่ผิงเซียงจริงหรือเ้าคะ?” ชุนหงถามอย่างเคร่งเครียด
กู้เจิงส่ายหน้า “ไม่รู้สิ เรารีบกลับไปกินข้าวกันก่อนเถอะ ข้าเริ่มหิวแล้ว”
เห็นคุณหนูไม่ได้มีท่าทีกังวลอะไร ในใจชุนหงก็ไม่รู้สึกกังวลอีกแล้ว
กู้เจิงไหนเลยจะไม่เครียด นางกังวลสุดๆ อีกฝ่ายเป็ถึงองค์หญิง คนรอบข้างมีอำนาจมากมาย หากจะจัดการกับนางจริงก็เหมือนกับบี้มดตัวหนึ่งให้ตาย แต่ไม่ว่าจะกังวลและกลัวแค่ไหน สิ่งใดที่ควรจะเกิดก็คงต้องเกิด นางนึกถึงเสิ่นเยี่ยนเป็คนแรก ต้องบอกเื่นี้กับเขาก่อน เขาคงมีความเห็นมากมายที่จะคอยชี้แนะให้นาง
เมื่อกลับมาถึงบ้านที่จัดงานเลี้ยง เสิ่นเยี่ยนก็ได้ออกไปที่สำนักราชเลขาแล้ว โต๊ะอาหารก็จัดเก็บสะอาดสะอ้านแล้ว ผู้คนรอบข้างกำลังเตรียมงานมงคลยามเย็นกันอยู่ที่ด้านนอก ส่วนคนที่ว่างอยู่ก็แกะเมล็ดแตงโมเม็ดถั่วลิสงพลางดื่มชาคุยกัน
หน้าห้องโถงมีเพียงนายหญิงเสิ่น กู้เจิง และชุนหง นายหญิงเสิ่นเก็บอาหารไว้ให้กู้เจิงแล้ว “อาเยี่ยนบอกว่าจะกลับมากินข้าวเย็นเร็วหน่อย ตอนนี้เ้าก็รีบกินข้าวก่อนเถอะจะได้ไม่หิว”
กู้เจิงพยักหน้ารับ เื่นี้นางร้อนใจ แต่องค์หญิงคงไม่มาจัดการนางในวันนี้ อีกทั้งนี่เป็เพียงการคาดเดาเท่านั้น
“น้องสะใภ้ อาเยี่ยนบอกว่าเ้าตามหาข้าหรือ?” เสิ่นกุ้ยเดินเข้ามาจากข้างนอก วันนี้เขาก็สวมเสื้อผ้าสีอบอุ่น ดูแล้วสดชื่นสบายตา
“พี่กุ้ย วันนี้ไม่ไปทำงานหรือเ้าคะ?” เมื่อเห็นเสิ่นกุ้ย กู้เจิงก็เื่ทิ้งองค์หญิงสิบเอ็ดไว้เื้ั เื่หอสมุดของนางตอนนี้สำคัญที่สุด
“ตอนบ่ายไม่ต้องไป อาเยี่ยนบอกว่าพวกเ้าเช่าร้านแล้ว ้าหาคนทำงานไม้อย่างนั้นหรือ?”
“ใช่แล้วเ้าค่ะ" กู้เจิงยังไม่ได้วาดรูปออกมาอย่างละเอียด โต๊ะและเก้าอี้นางอยากได้แบบที่เรียบง่าย แต่นางอยากจะได้ชั้นวางหนังสือให้มากหน่อย
เสิ่นกุ้ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ปีนี้ข้ามีงานที่ต้องไปทำอยู่สามแห่ง แต่คงใช้เวลาไม่นาน น่าจะมาทำให้ร้านของพวกเ้าได้”
กู้เจิงพยักหน้าพลางกล่าวว่า “เช่นนั้นก็ตามนี้ สองสามวันนี้ข้าจะวาดรูปโต๊ะเก้าอี้ออกมาก่อน พี่กุ้ยรู้จักช่างจักสานไม้ไผ่บ้างไหมเ้าคะ?”
“จักสานไม้ไผ่หรือ มีๆ” เสิ่นกุ้ยยิ้มพลางเอ่ย “ช่างจักสานไม้ไผ่มีเยอะแยะ ถึงเวลานั้นข้าจะเรียกช่างที่ดีที่สุดมาให้เ้า”
“ขอบคุณพี่กุ้ยเ้าค่ะ”
“คนกันเอง มีอะไรต้องขอบคุณกัน” เสิ่นกุ้ยยิ้มซื่อๆ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ทำให้กู้เจิงเหนื่อยมาก นางจึงรีบกลับมาบ้านตระกูลเสิ่นกับชุนหง
ดวงอาทิตย์ในยามเย็นวันนี้ทอแสงสีชมพูอมม่วงสวยงาม สองนายบ่าวจึงขนโต๊ะเล็กออกมานั่งดื่มชาไปพร้อมมองท้องฟ้าไปด้วย กู้เจิงหยิบเอากระดาษและพู่กันออกมาวาดข้าวของของร้านทีละชิ้น ส่วนโต๊ะเก้าอี้กับโคมไฟ นางยังต้องคิดให้ดี
“คุณหนู มีคนอยู่หน้าบ้านเ้าค่ะ” ชุนหงเอ่ยขึ้น
กู้เจิงชะโงกหน้าไปดูที่หน้าบ้าน นางเห็นสองสาวนายบ่าวยืนอยู่หน้าประตูมองเข้ามาที่พวกนาง หญิงสาวผู้เป็เ้านายอายุประมาณสิบเจ็ดปี ดวงตาสดใสหน้าตางดงามดุจดอกท้อ ผุดผ่องดั่งดอกหลี่* ส่วนเด็กสาวรับใช้ก็ดูฉลาดและน่ารัก ยามนี้ทั้งคู่กำลังมองพวกนางอยู่
(*ดอกที่เกิดจากต้นพลัม เป็ดอกที่มีสีขาว)
“พวกเ้าเป็ใคร?” ชุนหงเดินเข้าไปถาม
กู้เจิงก็เดินเข้าไปหาด้วยเช่นกัน
สาวรับใช้เอ่ยขึ้นว่า “ข้ากับคุณหนูของข้าผ่านทางมารู้สึกกระหายน้ำ จึงมาขอน้ำดื่มเ้าค่ะ”
เป็คนสัญจรไปมานี่เอง กู้เจิงรีบให้ชุนหงไปเอาน้ำมาสองชาม
“ขอบคุณเ้าค่ะ” แม่นางผู้นั้นมองชามในมือพลางเอ่ยชม “ชามนี้ช่างสวยจริง”
ถ้วยชามของตระกูลเสิ่นนายหญิงเสิ่นล้วนเป็คนเลือกมาใช้ทั้งหมด แม่สามีของนางทำอะไรล้วนละเอียดลออเป็ที่สุด กู้เจิงอมยิ้มมองดูแม่นางน้อยดื่มน้ำด้วยท่าทีงดงามจนหมด