กู้เจิงเห็นรถม้าคันคันที่น่าจะชนเด็ก ดูจากลักษณะแล้วเ้าของรถม้าน่าจะเป็คนมีอำนาจ
สองแม่ลูกเดินอ้อมฝูงชนไปยังร้านขายเครื่องประดับที่อยู่ไม่ไกลนัก พวกนางได้ยินคนในฝูงชนกล่าวว่า “เหมือนจะเป็รถม้าของจวนเยี่ยน”
คำว่าจวนเยี่ยน ทำเอากู้เจิงกับหวังซู่เหนียงต่างเงี่ยหูฟัง มองจากมุมของทั้งสองคน จะเห็นม่านของรถม้าถูกยกขึ้น ภายในรถม้าพวกนางเห็นสตรีผู้แต่งกายหรูหราแต่มีสีหน้าเ็า
“ช่างเป็สตรีที่งามจริงๆ ว่าแต่คือใครกัน?”
“เป็คนของจวนเยี่ยนหรือ? ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”
หญิงสาวในรถม้าเอ่ยถามคนขับรถม้า เสียงของนางเ็าจนทำให้คนไม่กล้าจะเข้าใกล้ “เด็กไม่เป็อะไรกระมัง”
กู้เจิงฃถอนสายตากลับไม่ได้สนใจอีก แต่หวังซู่เหนียงยังคงยืดคอมองไปทิศทางนั้น กู้เจิงจึงเอ่ยขึ้นว่า “ซู่เหนียง ในที่สุดก็มีสตรีคนหนึ่งที่งามทัดเทียมท่านแล้ว”
หวังซู่เหนียงรีบเถียงด้วยสีหน้าถือดีว่า “นั่นก็ไม่แน่หรอก"
สองแม่ลูกเดินพูดคุยกันจนมาถึงร้านเครื่องประดับ เมื่อเ้าของร้านเห็นหวังซู่เหนียง สีหน้าก็เปี่ยมไปด้วยความกระตือรือร้นขึ้นอีกหลายส่วน “ฮูหยินสินค้าที่ท่านชอบในคราก่อน ข้าน้อยล้วนเก็บไว้ให้ท่านแล้ว และยังมีหยกชุดใหม่ที่เพิ่งมาเมื่อสองวันนี้ ท่านลองมาดูสิว่าชอบอันไหน”
“เถ้าแก่ความจำดีจริงๆ ครั้งก่อนข้าแค่พูดไปคำเดียว ท่านก็จำได้แล้วหรือ?” หวังซู่เหนียงดีใจมากที่วาจาของนางถูกให้ความสำคัญมากขนาดนี้
“ข้าน้อยทำธุรกิจ ลูกค้าก็คือนายของข้าน้อย” เถ้าแก่หัวเราะประจบสอพลอ เขาเรียกลูกน้องให้นำสินค้าทั้งหมดออกมาให้ดู
ในร้านมีลูกค้าอยู่ไม่กี่คน ทุกคนล้วนแต่งกายเรียบง่าย ไม่เหมือนกับหวังซู่เหนียงที่แต่งกายโอ้อวดเช่นนี้ เป็ธรรมดาที่เถ้าแก่ผู้นั้นจะประจบประแจงนาง
กู้เจิงมองหยกและเครื่องประดับทองที่ล้วนงดงาม แต่นางกลับคิดว่า เครื่องประดับพวกนี้ไม่เข้ากับฐานะของอนุภรรยา
“ห่อให้ข้าหมดเลย” หวังซู่เหนียงสั่งเถ้าแก่
“ซู่เหนียง ท่านไปเอาเงินมากมายมาซื้อของพวกนี้จากไหน?” กู้เจิงคิดว่าหวังซู่เหนียงจะซื้อแค่นิดหน่อย ไม่คิดว่านางจะซื้อทุกอย่างที่เถ้าแก่เอามาให้ดูจริงๆ
“แน่นอนว่าพ่อเ้าเป็คนให้มา”
“หา?”
“พ่อของเ้าบอกว่า ตอนนี้เ้าเป็ภรรยาของขุนนางขั้นสอง อนุเช่นข้าจะออกไปข้างนอกก็ไม่ควรจะน้อยหน้าเกินไป” หวังซู่เหนียงหยิบหนึ่งในกำไลหยกที่เลือกมาสวมเข้ากับข้อมือให้กู้เจิงดู “สวยไหม?”
กู้เจิงพยักหน้า นางยังใกับความใจกว้างที่บิดามีต่อซู่เหนียง คิดไปคิดมาก็ไม่ใช่เื่แปลกอะไร เพราะเขาก็ใจกว้างกับนางด้วยเหมือนกัน
“ไป วันนี้พวกเราไปกินข้าวที่ร้านอาหารกันเถอะ” หวังซู่เหนียงกล่าวอย่างเบิกบาน
สตรีเกิดมารักความงาม รักเครื่องประดับ แม้ว่าของที่ซู่เหนียงชอบจะดูไม่ค่อยมีรสนิยม แต่การแต่งกายเหล่านี้กลับเพิ่มความงามสว่างสดใสให้กับนาง
เมื่อเดินออกจากร้าน เสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่รถม้าชนเด็กก็ยังไม่ได้หายไป
สองแม่ลูกไม่ใช่คนชอบยุ่งเื่ชาวบ้าน จึงไม่ได้สนใจอะไรนัก
กู้เจิงมองรอยยิ้มร่าเริงที่ไม่ได้เห็นบ่อยๆ ของซู่เหนียง นางก็ตั้งใจว่าจะใช้เวลาในวันนี้อยู่เป็เพื่อนเดินเที่ยวเล่นกับซุ่เหนียง
“ข้าไม่ได้ออกมาเดินเล่นสิบกว่าปีแล้ว” หวังซู่เหนียงทอดถอนใจเล็กน้อยพลางมองความคึกคักรอบด้าน “อาศัยวาสนาจากลูกสาวข้า ตอนนี้ข้าถึงสามารถออกมาข้างนอกบ้านได้หนึ่งถึงสองครั้งต่อเดือน”
ถ้อยคำนี้กู้เจิงได้ยินแล้วรู้สึกปวดใจอยู่หลายส่วน นางไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี
ขณะนั้น มีเสียงกีบเท้าม้าดังขึ้นด้านหน้า มีคนไม่น้อยที่หลีกทางให้ กู้เจิงก็ดึงซู่เหนียงหลบไปด้านข้าง
“ท่านแม่ทัพเยี่ยน” มีคนพูดขึ้น
กู้เจิงเงยหน้ามองไปเห็นท่านแม่ทัพเยี่ยนจื่อเซี่ยนขี่ม้าพาองครักษ์วิ่งมา พวกเขาสวมเสื้อเกราะทั้งตัวท่ามกลางสายฝนในฤดูใบไม้ผลิกลิ่นอายเย็นเยียบทำให้คนขนลุก สายฝนเย็นเฉียบตกกระทบบนใบหน้าอันเด็ดเดี่ยวดุจคมมีด เขาคล้ายไม่รู้สึกอะไรแม้แต่น้อย
กู้เจิงนึกถึงท่าทางอ่อนหวานของคุณหนูหนิง นึกภาพเวลายืนอยู่กับแม่ทัพเยี่ยนจื่อเซี่ยน หนึ่งแข็งแกร่งหนึ่งอ่อนโยน อันที่จริงนับว่าเหมาะสมไม่น้อย “ซู่เหนียง เราไปกันเถอะ ซู่เหนียง?”
สายตาของหวังซู่เหนียงมองไปยังเยี่ยนจื่อเซี่ยนบนหลังม้า ดวงตาเมล็ดซิ่งคู่งามเบิกกว้าง เผยอปากเล็กน้อยดูท่าทางใ
“ซู่เหนียง?” กู้เจิงกระตุกแขนเสื้อนาง
“เขาคือ แม่ทัพเยี่ยนหรือ?” สีหน้าของหวังซู่เหนียงเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ จากนั้นนางก็แสดงสีหน้าหวาดผวา
“ใช่เ้าค่ะ มีอะไรหรือ?” กู้เจิงถาม
“มะ ไม่มีอะไร เราไปกันเถอะ” หวังซู่เหนียงพูดพลางจับมือบุตรสาวแล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
กู้เจิงไม่เคยเห็นสีหน้าเช่นนี้ของหวังซู่เหนียงมาก่อน ขณะที่นางกำลังจะถามว่าเกิดเื่อะไร ทหารสองคนก็ควบม้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าพวกนาง พวกเขาประสานมือคารวะนาง “ฮูหยินน้อยเสิ่น ท่านแม่ทัพของข้าขอเชิญขอรับ”
กู้เจิงเคยเห็นทหารสองคนนี้มาก่อน พวกเขาเป็ทหารคนสนิทของแม่ทัพเยี่ยน “ตอนนี้หรือ?”
“ขอรับ ท่านแม่ทัพบอกว่ามีเื่สำคัญต้องคุยกับท่าน”
กู้เจิงแปลกใจ แม่ทัพเยี่ยนผู้นั้นเห็นนางด้วยงั้นหรือ? ตอนนี้ยังมีเื่ด่วนจะคุยด้วยอีก ระหว่างนางกับเขาจะมีเื่ด่วนอะไรได้? แต่ด้วยนิสัยของแม่ทัพเยี่ยน หากไม่มีเื่เร่งด่วนคงไม่มีทางให้คนมาเรียกนาง
“อาเจิง ถ้าเ้ามีเื่ด่วนก็ไปทำเถอะ แม่กลับบ้านเองได้” หวังซู่เหนียงบอกกู้เจิง
“ได้เ้าค่ะ งั้นฝากท่านไปบอกซู่หลัน ให้นางมารอรับข้าด้วย” กู้เจิงกล่าว
“เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว” หวังซู่เหนียงก้มหน้าก้มตาแล้วรีบจากไป
ท่าทางของซู่เหนียงดูแปลกไป กู้เจิงได้แต่ถอนสายตาจากซุ่เหนียงแล้วเดินตามทหารทั้งสองไป
บัดนี้กู้เจิงย่อมต้องคิดไม่ถึงแน่ ในยามที่หวังซู่เหนียงกำลังเดินกลับไปที่รถม้า นางก็ถูกคนลากเข้าไปในตรอกเล็กอันมืดสนิท นางยังไม่ทันได้ส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ สายตาก็ปะทะเข้ากับดวงตาดำขลับอันดุร้ายเปี่ยมไปด้วยจิตสังหาร เ้าของั์ตาเต็มไปด้วยกลิ่นอายความเยือกเย็น เค้าหน้าเด็ดเดี่ยวดุจคมมีดราวกับจะกลืนกินหวังซู่เหนียงเข้าไป
หลังจากเห็นหน้าตาของคนผู้นี้อย่างชัดเจน เสียงกรีดร้องก็ติดอยู่ในลำคอ หวังซู่เหนียงจำต้องกล่าวทักทายด้วยสีหน้าหวาดผวา “ไม่เจอกันนาน คิดไม่ถึงว่าเ้าจะยังมีชีวิตอยู่”
เยี่ยนจื่อเซี่ยนยิ้มเยาะ “ข้าก็คิดไม่ถึงว่าเ้าจะยังมีชีวิตอยู่ หยวนซิ่วเอ๋อร์”
หวังซู่เหนียงยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? บุตรสาวของนางเรียกเขาว่าแม่ทัพเยี่ยน? เขาแซ่เยี่ยนได้อย่างไร? นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย
อีกด้านหนึ่ง กู้เจิงไปรออยู่ในโรงน้ำชาอยู่พักใหญ่ ก็มีทหารมาแจ้งว่าแม่ทัพเยี่ยนมีเื่สำคัญมาไม่ได้ นางถลึงตาใส่ทหารคนนั้นอย่างหงุดหงิด ก่อนจะกลอกตาแล้วเดินจากไป
ท้องถนนที่เบียดเสียดจากที่รถม้าชนเด็กได้กลับมาเป็ปกติ กู้เจิงเพิ่งออกจากโรงน้ำชาก็เห็นซู่หลันแล้ว
“นายหญิง หวังซู่เหนียงล่ะเ้าคะ?” ซู่หลันไม่เห็นหวังซู่เหนียงอยู่ข้างกายนายหญิง จึงเอ่ยถาม
“ซู่เหนียงนางไม่ได้มาหาเ้าหรือ?” กู้เจิงถามด้วยความประหลาดใจ
ซู่หลันส่ายศีรษะ
กู้เจิงหันไปมองถนนใหญ่ด้านหลัง ไม่มีแม้แต่เงาของหวังซู่เหนียงเลย
“เป็อะไรไปเ้าคะ นายหญิง?” ซู่หลันร้อนใจขึ้นมา
“หรือจะเป็แม่ทัพเยี่ยน?” กู้เจิงครุ่นคิดอย่างรอบคอบ เมื่อครู่ยามซู่เหนียงเห็นเขาสีหน้าก็แปลกไปอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน
“นายหญิง ท่านจะไปไหนเ้าคะ?” ซู่หลันเห็นนายหญิงหิ้วกระโปรงแล้ววิ่งไป จึงรีบวิ่งตาม
ทหารทั้งสองคนออกมาขวางกู้เจิงไว้ หนึ่งในนั้นกล่าวว่า “ฮูหยินน้อยเสิ่น ตอนนี้ซู่เหนียงของท่านได้ไปเป็แขกในจวนแม่ทัพเยี่ยน ท่านแม่ทัพฝากบอกว่า ขอให้ท่านไม่ต้องใ เมื่อถึงเวลากลับ ซู่เหนียงของท่านย่อมกลับมาเอง”
กู้เจิงถอนหายใจอย่างโล่งอก ซู่เหนียงไม่เป็อะไรก็ดีแล้ว แต่นางก็กังวลที่ซู่เหนียงไปอยู่ที่จวนแม่ทัพเยี่ยน อนุภรรยาของจวนกู้ถูกแม่ทัพใหญ่ผู้ทรงอำนาจพาไปที่จวนแม่ทัพโดยไม่สมัครใจ จะให้นางไม่ต้องใงั้นหรือ?
ตลกหรือไง?