หลังจากหย่งหนิงโหวเย่เห็นจดหมายของสวี่เหรา ในใจก็ทั้งใทั้งโกรธทั้งดีใจทั้งกลัว ถึงแม้พวกหลานๆ จะปลอดภัยดี แต่จะอย่างไรก็ได้รับความลำบาก โดยเฉพาะหลานชายคนเล็กที่เพิ่งเกิดมาก็ดันไปอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้น นี่เป็คุณชายน้อยที่แสนมีค่าของจวนโหวเชียวนะ
เพราะว่าเฉินอู่ฝูยังอยู่ หย่งหนิงโหวเย่จึงมิได้กล่าวอันใด แต่ยามที่ส่งเฉินอู่ฝูไปแล้ว ใบหน้าของหย่งหนิงโหวเย่ก็พลันเคร่งขรึมขึ้นมาทันใด
แม่นมเสิ่นหลังจากได้ยินที่สาวใช้รายงานก็รีบไปที่หน้าประตูเรือน แต่เมื่อนางได้เห็นสีหน้าของโหวเย่ ในใจก็กระตุกไปชั่วครู่ จากนั้นจึงรีบช่วยเปิดผ้าม่านให้เขาเข้ามา หลังจากหย่งหนิงโหวเย่เข้ามาแล้วก็เดินไปยังห้องพักผ่อนของฮูหยินผู้เฒ่า ซึ่งตอนนี้นางกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้หลัวฮั่น ทว่าเมื่อเห็นสีหน้าของโหวเย่ก็เอ่ยถามด้วยความใ “เป็อันใดไป? เหตุใดสีหน้าถึงดูมิค่อยดีเลย?”
หย่งหนิงโหวเย่ส่งจดหมายในมือให้ฮูหยินผู้เฒ่า ก่อนจะกล่าวกับแม่นมว่าเสิ่น “แม่นมเสิ่น ด้านนอกนั้นเป็ของที่เฉินกงกงนำมาส่ง บอกว่าเป็รางวัลที่ฮ่องเต้ทรงพระราชทานมาให้ ท่านไปดูแล้วเก็บของเถิด”
แม่นมเสิ่นรับคำก่อนจะรีบไปเปิดดูกล่องหลายใบที่อยู่ด้านนอก ซึ่งล้วนเป็ของที่เหมาะกับการมอบให้ฮูหยินผู้เฒ่า ก็รู้ว่านี่คือของที่องค์ฮ่องเต้ทรงประทานแก่ฮูหยินผู้เฒ่าโดยเฉพาะ นางเพิ่งจะวางกล่องลงจนเสร็จ ก็ได้ยินเสียงแก้วแตกดังมาจากด้านใน
แม่นมเสิ่นชะงักไป แล้วรีบวิ่งไปด้านห้องข้าง เพื่อไปก็หยิบขวดยาในห่อของตนเองออกมา
ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธจนหน้าขาวซีด หอบหายใจแรง แม่นมเสิ่นรีบเข้ามาพยุงให้นางนั่งลง แล้วหยิบเม็ดยาออกมา “ฮูหยินผู้เฒ่า ไม่ว่าจะเื่อะไรก็ต้องสนใจร่างกายตนเองก่อนนะเ้าคะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าจึงหยิบยาจากมือของแม่นมเสิ่นมากิน รอจนลมหายใจสงบลงแล้ว จึงยกมือโบกให้แม่นมเสิ่น ซึ่งแม่นมก็รีบออกไปทันที พร้อมกับให้สาวใช้ที่เฝ้าอยู่นอกห้องตามออกไปด้านนอกด้วย แล้วตนเองเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูแทน กลัวว่าจะมีคนมาแอบฟัง
หย่งหนิงโหวเย่เทน้ำผสมน้ำผึ้งให้ฮูหยินผู้เฒ่า “ท่านแม่ ข้าว่าแล้วว่าท่านจะต้องโกรธ ถึงได้คิดอยู่นานว่าจะมาบอกเื่นี้กับท่านหรือไม่ แต่ว่าของรางวัลพระราชทานของฮ่องเต้ก็ส่งมาแล้ว จะช้าเร็วท่านก็ต้องรู้ ท่านสงบอารมณ์ก่อนนะขอรับ พวกเรามาคิดก่อนว่าจะส่งใครไปที่เหอซี”
ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าว “น่าโมโหจริง ทำเอาข้ากลัวไปหมดแล้ว ไม่เช่นนั้นข้าไปเองสักรอบ เมืองนั้นถูกทำลายไปแล้ว ทั้งครอบครัวไปพักอยู่ที่ใด? แล้วก็จ้าวฉือน่ะ เพิ่งจะคลอดลูกก็มาเจอเื่แย่ๆ แบบนี้ แล้วก็เหลนของข้า ไอ๊หยา ช่างน่าโมโหนัก”
หย่งหนิงโหวเย่เอ่ย “ท่านแม่ ล้วนเป็เื่ของโอรส์ เื่พวกนี้เราทำได้แค่อดทน ไม่เช่นนั้นพวกเราจะไปร้องไห้ร้องเรียนกับผู้ใดได้ขอรับ? อีกทั้งเื่นี้ข้าเดาความคิดขององค์ฮ่องเต้ว่าพระองค์ไม่คิดที่จะประกาศออกไป ในเมื่อไม่เตรียมตัวประกาศ พวกเราก็ไม่สามารถออกไปพูดด้านนอกได้ ตอนนี้พวกเราไม่สนใจเื่อื่นแล้ว ตอนนี้พวกเรามาสนใจครอบครัวของพวกเราก่อนดีกว่าขอรับ เหราเอ๋อร์ของพวกเราทำดีแล้ว ความคิดของข้าคือ พวกเราจะต้องส่งแม่นมที่มีความสามารถสักหลายคนไปช่วยดูแลครอบครัวเหราเอ๋อร์ แล้วก็แม่นมจะต้องหาไปสองคนใช่หรือไม่ขอรับ?”
ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ย “พวกนี้ไม่จำเป็ต้องรีบร้อนหา พวกเขาอยู่ที่เหอซีมาได้หลายปีแล้ว ชีวิตของตนเองจะต้องจัดการได้ดีมากแน่นอน คนเป่ยตี้เผาเมืองไปแล้ว ปกติของที่กินใช้จะต้องขาดไปแน่ พวกเรารีบให้คนส่งของไปที่เหอซี ฮ่องเต้ส่งเฉินอู่ฝูมาไม่ใช่หรือ? เ้าไปหาเฉินอู่ฝู ให้เฉินอู่ฝูคิดวิธีส่งของไปทางนั้นให้เ้า ครอบครัวพวกเราเสียเปรียบมาก เรียกว่าน้อยใจยังไม่ได้ เช่นนั้นก็ใช้คนของเขาก็คงจะได้ใช้หรือไม่?”
หย่งหนิงโหวเย่เอ่ย “ท่านแม่ ข้าจะไปเตรียมของ จากนั้นจะไปหาเฉินกงกงขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้า “เตรียมผ้าไปเยอะๆ หน่อย สมุนไพรด้วย พวกนี้ล้วนเป็ของใช้ที่จำเป็ต้องใช้มาก พวกเขาอยากจะซื้อก็คงหาซื้อได้อยาก จะปีใหม่แล้วด้วย จะมีร้านไหนเปิดในตอนนี้ ใช่แล้ว ข้าได้ยินผู้ใดพูดว่าโรงครัวเพิ่งจะซื้ออาหารแห้งมาไม่ใช่หรือ ไปเอาออกมาแล้วส่งไปที่เหอซี”
หย่งหนิงโหวเย่เอ่ย “ท่านแม่ ปีใหม่ของพวกเรายังต้องรับแขกนะขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยขัด “พวกเราอยู่เมืองหลวง ตอนนี้อยากซื้ออะไรมีหรือที่จะซื้อไม่ได้ ส่งไปให้ที่เหอซีจะได้ไม่ลำบากให้พวกเขาไปหาซื้ออีก ขาดเงินข้าก็จะใส่ไปให้ แม่นมเสิ่น แม่นมเสิ่น” ฮูหยินเฒ่าะโเสียงดัง
แม่นมเสิ่นรีบเข้ามาจากด้านนอก ก่อนที่ฮูหยินผู้เฒ่าจะบอกกับนางว่า “เ้าไปเปิดหีบของข้า หยิบตั๋วเงินสองพันตำลึงออกมาให้ฮูหยินซื่อจื่อ บอกให้นางไปซื้ออาหารแห้งมาใช้ในโรงครัว ของที่เตรียมไว้ก่อนหน้าข้าจะใช้”
แม่นมเสิ่นรับคำ แล้วรีบไปเปิดหีบในห้อง หย่งหนิงโหวเย่เอ่ยขึ้นอย่างร้อนใจ “ท่านแม่ ท่านกำลังทำอะไรขอรับ เงินนี้ท่านไม่ต้องออก ให้ข้าออกก็พอขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่าโบกมือ “มิต้อง ตอนนี้เ้าดูแลเื่ด้านนอกก็พอ ความ้าของฮ่องเต้เ้าก็เข้าใจนี่ นั่นก็คือจะมีเื่หลุดออกมาจากพวกเราไม่ได้เด็ดขาด เื่นี้มันเกี่ยวข้องกับหน้าตาของราชวงศ์ รางวัลที่บรรพบุรุษทำเอาไว้ ถูกลูกหลานทำลายจนสิ้น พูดออกไปก็ถูกคนหัวเราะเยาะจนฟันร่วง”
หย่งหนิงโหวเย่รีบพยักหน้า “เช่นนั้นข้าจะรีบไปจัดการขอรับ”
หลังจากโหวเย่ไปแล้ว แม่นมเสิ่นก็หยิบตั๋วเงินออกมา ฮูหยินผู้เฒ่าถอนหายใจ “เ้าเอาไปให้ฮูหยินซื่อจื่อไป บอกว่าเป็ความ้าของข้า ตอนนี้อาหารแห้งที่ซื้อมาใช้ในเรือนพวกนั้นข้ารีบใช้ จะต้องเอามาบรรจุให้เรียบร้อยแล้วส่งไปที่เหอซี ให้ฮูหยินซื่อจื่อเอาเงินนี้ไปซื้อมาใหม่”
แม่นมเสิ่นรับคำ แล้วรีบเดินทางไปที่เรือนของซื่อจื่อ
ฮูหยินซื่อจื่อได้ยินความ้าของแม่นมเสิ่น หลังจากรับตั๋วเงินมาแล้ว ก็รีบส่งคนให้ไปติดต่อกับเ้าของร้านอาหารแห้ง ปีใหม่เป็เทศกาลที่สำคัญมาก หลายคนต่างจองอาหารแห้งกันก่อนล่วงหน้า เหมือนกับจวนหย่งหนิงโหว พอถึงสิ้นปีแล้ว การที่รีบร้อนไปซื้ออีกเป็อะไรที่หาได้ยากจริงๆ
ฮูหยินซื่อจื่อยุ่งจนหัวหมุน แล้วบ่นกับแม่นมข้างกายตัวเอง “เ้าว่าท่านย่าจะทำอะไรน่ะ นี่ไม่ได้หาเื่ลำบากมาให้ข้าหรือ ที่แท้ของมากมายจะต้องจองเอาไว้ก่อน มีที่ไหนที่อยากจะซื้อก็ซื้อได้เลย ตอนนี้เป็อย่างไร สิ้นปีจะต้องเลี้ยงแขก จวนของพวกเราจะต้องขายขี้หน้าเป็แน่ ถึงตอนนั้นคนอื่นเขาไม่หัวเราะเยาะข้าที่เป็คุณนายดูแลเรือนหรือ”
แม่นมรีบพูดปลอบใจ “ฮูหยิน ดูท่านสิเ้าคะ พวกเราซื้อของพวกนี้จะจ่ายเงินเท่าไหร่กัน ฮูหยินผู้เฒ่าให้เงินเกินมาเยอะขนาดนี้ ก็เพื่อรบกวนให้ท่านช่วยจัดการเื่นี้ไม่ใช่หรือเ้าคะ?”
ฮูหยินซื่อจื่อถอนหายใจ “ท่านย่าทำอะไรก็ช่างใจกว้างเสียจริง ไอ๊หยา ช่างเถิดๆ อย่างไรสิ่งที่ควรซื้อก็ซื้อกลับมาแล้ว ซื้อไม่ได้ก็ช่างมันเถิด”
เมื่อแม่นมเสิ่นกลับมาถึงเรือนฮูหยินผู้เฒ่าก็เป็เวลาที่จุดไฟแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่านั่งอยู่บนเก้าอี้หลัวฮั่นในห้องพักผ่อน บนโต๊ะจุดไฟส่องให้ห้องมีสีเหลืองสลัว
เห็นแม่นมเสิ่นกลับมาแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าก็ถามด้วยสีหน้าเหนื่อยอ่อน “เ้าเอาตั๋วเงินให้กับฮูหยินซื่อจื่อไปแล้วหรือ?”
แม่นมเสิ่นตอบ “เ้าค่ะ ฮูหยินก็สั่งให้คนไปโรงครัวแล้วเอาของมาห่อให้ในทันที บอกว่าพวกเราหากจะใช้เมื่อไหร่ก็ไปเอาที่โรงครัวก็พอเ้าค่ะ จากนั้นก็สั่งให้คนไปซื้อของกับเ้าของร้านต่างๆ ด้วย”
ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าว “ปกติแล้วนางก็เป็คนเชื่อฟัง รู้จักเื่ไหนสำคัญเื่ไหนไม่สำคัญ ครอบครัวนี้น่ะได้นางดูแลข้าก็วางใจ”
ถ้วยชาที่ถูกฮูหยินผู้เฒ่าปาแตกได้ถูกทำความสะอาดออกไปแล้ว แม้แต่น้ำชาบนพื้นก็ถูกเช็ดจนสะอาด
ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าว “เ้านั่งลง พวกเรามาคุยกันเสียหน่อย”
แม่นมเสิ่นรับคำ แล้วเอียงตัวนั่งลงที่ขอบตั่ว ฮูหยินผู้เฒ่าถอนหายใจแล้วเอ่ย “ในเมืองหลวงมีคนติดต่อกับเป่ยตี้ ให้คนเป่ยตี้ยืมเส้นทางจากแคว้นเยี่ยนมาล้อมเขตเมืองเหอซี”
แม่นมเสิ่นฟังแล้วก็หน้าถอดสี พูดออกมาด้วยความใ “เช่นนั้นคุณชายสามกับฮูหยินสามเล่าเ้าคะ?”
ฮูหยินผู้เฒ่าตอบ “คนเป่ยตี้ถูกคุณชายสามกับซื่อจื่อสกุลเว่ยร่วมมือกันกำจัด ทั้งยังจับเป็องค์ชายห้าของเป่ยตี้เอาไว้ได้”
แม่นมเสิ่นเอ่ย “เื่นี้เป็เื่ดีนะเ้าคะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะเสียงเย็น “เื่ดี? หากเป็เื่ดีจริงๆ เหตุใดไม่ประกาศในราชสำนัก? นี่เป็เื่งามหน้าของราชวงศ์ต้าเหลียงต่างหากล่ะ เพื่อให้ได้ตำแหน่งนั้นมา ก็ต่อสู้กันทั้งต่อหน้าและลับหลัง ทั้งยังเอาศัตรูจากข้างนอกเข้ามา เื่นี้ไม่ได้เห็นแก่ความดีความชอบที่บรรพบุรุษทำไว้เลย ฮูหยินสามของพวกเราช่วยคนาเ็ เหนื่อยจนคลอดก่อนกำหนดไปคลอดเด็กในป่า จนเกือบจะถูกคนเป่ยตี้จับตัวไป คลอดลูกแล้วก็ทำได้แค่นอนอยู่ในกระโจม โดยที่ไม่มีของที่ทำให้ขับน้ำนมออกมา ได้รับความลำบากทั้งแม่ทั้งลูก”
แม่นมเสิ่นฟังแล้วก็เอ่ย “ฮูหยินสามได้รับความลำบากมากจริงๆ สตรีคลอดลูกนั้นเป็เื่ที่เจอกับประตูแห่งความตาย กลับไปคลอดคุณชายน้อยในป่าเสียได้”
ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ย “ข้าเกลียดจริงๆ ที่ไม่สามารถไปด้วยตนเองได้ ตอนนี้เหอซีไม่มีที่ที่ให้พักได้ เห็นบอกว่ายืมเรือนของจวนแม่ทัพมาอยู่ไฟ มีที่ไหนไปอยู่ไฟที่เรือนของคนอื่น เฮ้อ เื่อะไรกันนี่ เหตุใดแต่ละคนไม่ได้ประมาณตนกันเลย”
แม่นมเสิ่นไม่ได้รับคำ ต่อมาก็พูดถึงเหล่าองค์ชาย
เฉินอู่ฝูได้อธิบายสถานการณ์ เฉินอู่ฝูหลังจากได้รับการยินยอมจากฮ่องเต้ ก็ส่งราชองครักษ์หลายสิบคนมาเอาของที่ฮูหยินผู้เฒ่าได้จัดเตรียมเอาไว้พวกนี้ บวกกับของที่ฮ่องเต้แอบมอบให้ใส่ไปบนคันรถ ก่อนจะออกเดินทางไปยังเหอซีทันที
เมืองหลวงที่แสนใหญ่โต ภายนอกมองดูแล้วเหมือนบ่อน้ำที่นิ่งสงบ ของหลายคันรถของจวนหย่งหนิงโหวพวกนี้ ก็คือแรงกระเพื่อมน้อยๆ บนผิวน้ำ แต่ว่าภายใต้การกระเพื่อมกลับมีคลื่นน้อยๆ อย่างต่อเนื่อง
การประชุมราชสำนักในต้นปี ฮูหยินผู้เฒ่ายังคงใช้อาการป่วยเป็ข้ออ้างไม่ไปเข้าร่วม นี่คือการดูแลเป็พิเศษที่ฮ่องเต้หลายองค์มอบให้กับคนชราที่อายุเจ็ดสิบปี ไม่ต้องมาเข้าประชุมราชสำนักได้
หย่งหนิงโหวเย่พร้อมด้วยซื่อจื่อ หย่งหนิงโหวฮูหยินและฮูหยินซื่อจื่อมาเข้าร่วมงานเลี้ยงน้ำชาปีใหม่กับฮ่องเต้รวมถึงฮองเฮา ถึงแม้จะไม่มีคนพูดถึงเื่เหอซีกับด่านเยี่ยนเหมิน แต่ว่าคนที่ควรจะรู้ก็ได้รู้แล้ว จับเป็องค์ชายห้าของเป่ยตี้ อีกทั้งตอนนี้เป่ยตี้ได้เปลี่ยนผู้มีอำนาจแล้ว เป็องค์ชายสี่ที่ไม่ค่อยจะถูกเลือกเท่าไหร่ขึ้นดำรงตำแหน่ง ไม่รู้ว่าองค์ชายห้าผู้นี้จะจัดการอย่างไร คาดว่าจะส่งไปเมืองหลวงหรือไม่ อย่างไรเื่นี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นแบบต่อหน้า
สีหน้าขององค์ชายหลายองค์ต่างไม่ค่อยน่าดูเท่าไหร่ แต่เหลียงเฉิงตี้กลับอารมณ์ดีมาก ทั้งยังเรียกเสนาบดีคนเก่าแก่มาพูดคุยด้วย ช่างเป็บรรยากาศที่สนุกสนานรื่นเริง
หย่งหนิงโหวเย่พร้อมด้วยซื่อจื่อ ยืนอยู่ในตำแหน่งของตนเองด้วยความตั้งใจ ในใจกำลังว้าวุ่นใจว่ารถม้าส่งของไปถึงไหนแล้ว แต่หูกลับกำลังฟังว่าเหลียงเฉิงตี้ทรงตรัสคำใด จนกระทั่งประชุมราชสำนักจบไปแล้ว
หลังจากการประชุมจบลง โหวเย่ก็พาซื่อจื่อมายืนอยู่ด้านข้างประตูวังรอหย่งหนิงโหวฮูหยินกับฮูหยินซื่อจื่อที่ไปวังหลัง รออยู่ครู่หนึ่งถึงได้เห็นสองภรรยาพยุงกันมา เดินออกมาจากในวังด้วยสีหน้ามึนงง
โหวฮูหยินเห็นโหวเย่จะอ้าปากพูด โหวฮูหยินกลับพูดเสียงเบา “มีเื่อันใดค่อยกลับไปพูดที่เรือนเถิดเ้าค่ะ”
หลังจากขึ้นรถม้ามาได้ หย่งหนิงโหวเย่ก็พิงกับผนังรถ พลางหลับตาครุ่นคิดเื่ราวต่างๆ ในใจของโหวฮูหยินนั้นมีเื่สงสัย แล้วก็อยากจะถาม แต่กลับไม่เอ่ยปากออกมา
หลังจากครั้งที่แล้วที่โหวเย่ออกมาจากเรือนของตนเองเขาก็ไม่ได้ไปที่เรือนของโหวฮูหยินอีกเลย โหวฮูหยินเองก็อยากจะวางทิฐิลงแล้วเอ่ยขอโทษโหวเย่ ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ตนเองก็ถือว่าเป็นายหญิงของเรือน จนกระทั่งลูกน้องในจวนต่างดูถูกตนเอง แต่ว่าโหวฮูหยินเป็คนที่ขี้งอแงอยู่เล็กน้อย บางครั้งก็รู้สึกว่าหน้าตาของตนเองสำคัญมากจึงไม่ได้วางทิฐิลง ทั้งสองคนจึงเป็เช่นนี้มาตลอด
ความจริงแล้วครั้งนี้เป็โอกาสดี โหวฮูหยินตั้งใจเอาไว้จะต้องวางทิฐิลงให้ได้ แล้วทำตัวอ่อนโยนขึ้น ต้องทำลายสถานการณ์กระอักกระอ่วนของตนเองกับโหวเย่ลงก่อน
คิดมาถึงตรงนี้ โหวฮูหยินก็โยนเื่ที่เกิดขึ้นในตำหนักของฮองเฮาเมื่อครู่ทิ้งไป คิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะคืนดีกับโหวเย่ ส่วนโหวเย่ก็กำลังพิจารณาสถานการณ์ของราชสำนักในตอนนี้ ทั้งสองคนต่างอยู่บนสถานที่เดียวกันแต่ต่างความคิด ต่างคนต่างคิดเื่ของคนเองไป ไม่ได้ไปรบกวนผู้ใด
ทางด้านซื่อจื่อไม่ได้เป็เช่นนี้ ภรรยาของเขาั้แ่เด็กก็ถูกเลี้ยงดูเพื่อหวังจะเป็ภรรยาหลวงของเ้าสกุล เื่ความอ่อนไหวทางการเมืองนางก็ถือว่ายังมีอยู่ ฮองเฮาประกาศว่าให้ตนเองและแม่สามีเข้าไปคุย อีกทั้งท่าทีก็ยังใจดีมาก แน่นอนฮูหยินซื่อจื่อจะต้องใแน่นอนอยู่แล้ว จะต้องเกิดเื่อะไรที่ตนเองไม่รู้เป็แน่ ไม่เช่นนั้นฮองเฮาไม่มีทางมีท่าทีกับตนเองและแม่สามีเช่นนี้จริงๆ แต่ว่าพอกลับมาคิด ก็คิดไม่ออกว่าในจวนของตนเองมีผู้ใดไปทำอะไรที่เพียงพอจะเข้าสายตาฮองเฮาได้
ฮูหยินซื่อจื่อเล่าเื่ที่เกิดขึ้นในตำหนักของฮองเฮาให้กับซื่อจื่อฟังด้วยน้ำเสียงเบา ตอนนี้ซื่อจื่อเองก็ไม่ได้รู้แน่ชัดว่าเป็เื่อะไร แต่ในใจของเขารู้ ว่าจะต้องมีเื่เกิดขึ้นในจวนแน่นอน แต่ว่าบิดาของตนเองไม่ได้บอกกล่าว เช่นนั้นก็ต้องมีเหตุผลของตนเอง ซื่อจื่อจึงไม่ได้สืบสาวให้มากความ จนกระทั่งฮูหยินของตนเองมาพูดเช่นนี้ ซื่อจื่อถึงได้รู้สึกว่าตนเองจะต้องมองข้ามเื่ที่สำคัญมากๆ ไปเสียแล้ว
สองสามีภรรยามองหน้ากัน ซื่อจื่อเอ่ย “สองวันมานี้ข้าเห็นสีหน้าของท่านพ่อไม่ค่อยจะดี ถามเขาแล้วเขาก็ไม่พูด”
ฮูหยินซื่อจื่อฟังแล้วก็เอ่ย “เ้าได้ถามคนข้างกายท่านพ่อหรือไม่?”
ซื่อจื่อกล่าว “เื่เช่นนี้มันผิดกฎ อีกอย่างคนข้างกายท่านพ่อล้วนถูกฝึกพิเศษมา ข้าไปถามพวกเขาพวกเขาก็ไม่ยอมบอกข้าหรอก”
ฮูหยินซื่อจื่อละเหี่ยใจ สามีของตนเองความจริงแล้วก็ไม่ใช่คนที่มีสีสันมากมาย พูดไปแล้วก็ธรรมดาไม่มีอะไรโดดเด่น โชคดีที่นิสัยดี ดีกับตนเองและลูก ในเมื่อไม่สามารถพัฒนาได้ เช่นนั้นต่อไปก็รักษาไว้ดีๆ ก็แล้วกัน ฮูหยินซื่อจื่อตัดสินใจแล้ว จะต้องฝึกฝนจิตใจบุตรชายของตน ตอนนี้บุตรชายยังเล็ก เป็เด็กที่ฉลาด หากเลี้ยงดูดีๆ ต่อไปอาจจะสามารถผลักดันจวนโหวขึ้นมาก็ได้
พอมาถึงจวนโหว โหวเย่ไม่แม้แต่จะเปลี่ยนชุด แล้วมุ่งตรงไปยังจวนของฮูหยินเฒ่าในทันที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้