ยามบ่ายคล้อยรถม้าประจำตระกูลหวังแล่นมาแต่ไกล สาวใช้นางหนึ่งกระวนกระวายรอเ้านายอยู่หน้าจวน เมื่อเห็นว่านายท่านลงจากรถม้ากำลังตรงมาทางที่ตนยืนรออยู่ เ้าตัวจึงได้รีบเข้าไปขวางหน้าทันที แม้จะกลัวการถูกตำหนิแต่ก็ต้องแจ้งข่าวนี้ให้ได้
“นายท่านกลับมาแล้วหรือเ้าคะ”
“มีอะไรก็ว่ามา” ชายหนุ่มพูดเสียงห้วนไม่ชอบใจที่สาวใช้เอาแต่อ้ำอึ้งทำตัวน่ารำคาญ จะรายงานอะไรก็ควรให้เข้าจวนก่อน มิใช่โผล่พรวดพราดเข้ามาเช่นนี้
“บ่าวมีเื่สำคัญมารายงานเ้าค่ะ บ่าวเพิ่งกลับจากตลาดเห็นฮูหยินกำลังพลอดรักอยู่กับชายอื่นเ้าค่ะ เหมือนจะเป็นายท่านโจวเชินนะเ้าคะ ฮูหยินไม่เท่ากับว่ากำลังสวมเขาให้นายท่านหรอกหรือ บ่าวยังเห็นพวกเขาเดินโอบกอดหัวร่อต่อกระซิกไม่อายฟ้าดินเลยนะเ้าคะ” ถ้อยคำที่กล่าวอ้างของตงตงเกินความเป็จริงไปมาก ความจริงแล้วนางเห็นแค่ด้านข้างแวบเดียวเท่านั้น ไม่นานฮูหยินและบุรุษผู้นั้นก็แยกจาก แล้วใครจะไปสนใจเล่า ในเมื่อฮูหยินอยู่กับชู้รักจริง ๆ
“นางกลับจวนหรือยัง” หวังเหล่ยกำมือแน่นรู้สึกหน่วงในอก วันนี้อุตส่าห์รีบกลับจวนเพื่อจะพาอันหนิงกลับบ้านเดิมแท้ ๆ คิดไว้ไม่มีผิดมิน่าเล่าถึงได้อยากออกไปนักหนา
“ยังเ้าค่ะ บ่าวเห็นเดินดูของด้วยกันกะหนุงกะหนิงเชียว” นางหวังว่าครานี้นายท่านจะต้องลงโทษสตรีร้ายกาจผู้นั้นให้สาสม จากนั้นก็รับคุณหนูอันเล่อผู้อ่อนโยนเข้ามาแทนที่ จวนแห่งนี้จะได้สงบสุขเสียที
ทว่าสิ่งที่ตงตง้านั้นกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น หวังเหล่ยกลับเข้าจวนด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยไม่มีความโกรธเคืองแต่อย่างใด สาวใช้ขี้สงสัยได้แต่ยืนเกาหัวด้วยความมึนงง เหตุใดนายท่านถึงได้เมินเฉย หรือว่าคราวนี้ตนจะพูดเกินจริงไปถึงได้ไม่เชื่อ กระนั้นก็ยังคาดหวังให้ความตั้งใจของตนสำเร็จ ในเมื่อฮูหยินยังไม่กลับถึงจวนก็ไม่แน่อาจจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ก็ได้
หวังเหล่ยเดินหน้าถมึงทึงเข้าเรือนนอนเพื่อรอว่าแม่ตัวดีจะกลับมาเมื่อใด ทว่ารอจนมืดค่ำเ้าตัวก็ไม่กลับมาเสียที นั่นยิ่งทำให้คนที่คิดว่าจะพูดคุยกันด้วยดีต้องเก็บพับไป การที่อันหนิงไม่ยอมโผล่หน้ามาเสียทีทำให้ความอดทนได้ถึงขีดสุด แน่นอนว่าหลังจากนี้จะไม่สามารถพูดคุยกันด้วยดีได้อีกแล้ว มีเพียงแรงอารมณ์ที่พร้อมจะถาโถมเข้าใส่อีกฝ่ายได้ทุกเมื่อ
ด้านอันหนิงที่กลับช้าเพราะมัวแต่เดินเที่ยวจนติดลม บัดนี้ร่างบางเร่งรีบสาวเท้าให้ถึงจวนโดยไว ในมือถือถุงกระดาษมีขนมที่นางชอบกำไว้แน่น ไม่น่าแวะดูละครงิ้วก่อนกลับเลย กว่าจะรู้ตัวก็มืดค่ำไปเสียแล้ว
เพื่อให้แน่ใจว่าสามียังไม่กลับจวน จึงแอบแวะไปดูเรือนปีกซ้ายซึ่งหวังเหล่ยสร้างขึ้นเพื่อไว้ใช้สำหรับทำงาน เรือนปีกซ้ายยังคงมืดสนิทมิได้จุดตะเกียงไฟ แสดงว่าเ้าของยังไม่กลับมา อันหนิงรู้สึกโล่งใจไม่น้อยที่ไม่ถูกสามีจับได้ จึงกลับเรือนนอนไปด้วยหน้าตารื่นรมย์สำราญใจ
“แอบไปพลอดรักที่ใดกันมาบ้างเล่า ถึงได้กลับบ้านเสียมืดค่ำ”
“หวังเหล่ย ทะ...ท่านกลับมาั้แ่เมื่อใด” หญิงสาวอุทานออกมาด้วยความใ รู้ได้ในทันทีว่าครั้งนี้นางชะตาขาดแน่
“ข้ากลับมาเมื่อใดมันสำคัญนักหรือ แล้วเ้าเล่าไปที่ใดถึงได้กลับจวนเอาป่านนี้”
“ข้าไปบ้านอยู่คุยเล่นกับท่านพ่อท่านแม่ แล้วก็แวะเดินตลาดนิดหน่อย ก็ท่านไม่มีเวลาว่างให้ข้าสักที ข้าก็เลยไปคนเดียว”
“ข้าไม่มีเวลาว่างหรือว่ารอเวลาที่ข้าไม่ว่างกันแน่” น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นบ่งบอกถึงความไม่พอใจได้เป็อย่างดี หวังเหล่ยเหยียดยิ้ม กี่ครั้งแล้วที่นางทำเช่นนี้เพราะเบื่อที่จะทะเลาะกันจึงพยายามไม่ใส่ใจ ต้องให้จับได้คาหนังคาเขาหรือไรถึงจะยอมรับได้
“ถ้าท่านอารมณ์เสียจากที่อื่นก็อย่าเอามาลงกับข้าสิ กินขนมสักหน่อยดีหรือไม่ มันช่วยให้อารมณ์ดีได้นะ” อันหนิงพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ ฝ่าฝืนคำสั่งสามีข้อนี้นางมีความผิดก็จริง ทว่าข้อกล่าวหาแอบพลอดรักกับชู้นั้นไม่เป็ความจริงแม้แต่น้อย
“ข้าไม่้าของน่ารังเกียจพวกนี้” ไวเท่าความคิดมือหนาปัดถุงกระดาษในมือภรรยาทิ้งไปอย่างไม่ไยดี ถุงขนมปลิวตามแรงกระเด็นติดผนังกระทั่งมันตกลงพื้นข้างชั้นวางของ ของที่ได้จากชายอื่นยังจะกล้าเอามาให้สามีอีกหรือ หยามหน้าเกินไปหรือไม่