คนที่ถูกเรียกว่าหลี่มามาคือคนที่เทน้ำเมื่อครู่ บริเวณหว่างคิ้วของนางปรากฏริ้วรอยลึกสองทาง เพียงมองดูก็รู้ว่านี่ไม่ใช่ลักษณะของคนที่เป็มิตรนัก
เหยาเชียนเชียนสลับนิ้วมือไม่หยุดหย่อน จอกชาร้อนในมือทำให้นางไม่สามารถยืนนิ่งเฉยได้ จึงเกิดเป็แรงเหวี่ยงเบาๆ จนมีน้ำร้อนกระฉอกออกมาโดนิับนหลังมือของนางเกิดเป็ปื้นแดงในเวลาไม่นาน
ไม่ไหว ร้อนเกินไปแล้ว!
เหยาเชียนเชียนส่งเสียงร้องแ่เบาและคลายมือออก ทำให้จอกชาร่วงหล่นแตกเป็ชิ้นละเอียด อวี๋เฟยมองนางด้วยแววตาเย็นะเื ไม่มีผู้ใดกล่าวคำใด แต่กลับเห็นนางกำนัลยกจอกชาเปล่ามาอีกจอก เห็นได้ชัดเจนว่าคนเหล่านี้้าให้นางทำต่อจากเมื่อครู่
“เหนียงเหนี่ยง” เหยาเชียนเชียนคุกเข่าลงสำนึกผิด “เชียนเชียนโง่เขลา ไม่อาจร่ำเรียนมารยาทในวังหลวงได้ในทันที เมื่อกลับถึงจวนแล้ว หม่อมฉันจะขอให้มามาสั่งสอบอมรมอย่างดี มิกล้ารบกวนคนข้างกายของเหนียงเหนี่ยงเพคะ”
อวี๋เฟยเอนกายพิงลงบนพนักเก้าอี้ พลางกัดผลไม้ที่นางกำนัลส่งมาให้อย่างแ่เบา ผลไม้มีรสชาติหวานล้ำ และนางกำนัลอีกคนหนึ่งก็วิ่งมาอยู่ข้างเท้านางเพื่อบีบนวด เมื่อได้ฟังคำพูดของเหยาเชียนเชียนเมื่อครู่ก็หัวเราะออกมาเล็กน้อย
“ในเมื่อเ้าอภิเษกสมรสกับคนในราชวงศ์ เช่นนั้นเปิ่นกงก็คือญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งของเ้า แม้แต่ในครอบครัวสามัญชน แม่สามีสั่งสอนลูกสะใภ้ล้วนเป็เื่ที่สมควร ทำไมหรือ เปิ่นกงไม่สามารถอบรมสั่งสอนเ้าได้หรืออย่างไร?”
“เชียนเชียนมิกล้าเพคะ” เหยาเชียนเชียนกัดฟัน อวี๋เฟยใช้ตำแหน่งนางสนมและผู้าุโมากดดันนาง ยามนี้นางตัวคนเดียวขาดคนช่วยเหลือ การใช้ไม้แข็งงัดกับไม้แข็งนั้นไม่สมควรกระทำอย่างยิ่ง
จอกชาเปล่าจอกหนึ่งถูกยื่นมาตรงหน้านาง เหยาเชียนเชียนจำต้องรับมา น้ำร้อนเทลงมาอีกครั้ง ในเวลาเพียงไม่นานนางก็ััได้ถึงความปวดแสบปวดร้อนที่ปลายนิ้ว
ว่ากันว่าสิบนิ้วเชื่อมโยงถึงหัวใจ ความเ็ปนี้ราวกับส่งผ่านปลายประสาทไปยังทุกจุดบนร่างกายได้จริงๆ เมื่อแล่นไปทั่วแล้วก็กลับมารวมตัวกันที่จุดศูนย์กลาง ส่งผลให้นางเ็ปเสียจนทั้งร่างสั่นเทิ้ม
หยาดเหงื่อไหลลงตามใบหน้างดงาม ไรผมบนหน้าผากของนางเปียกชุ่มจนแนบติดอยู่บนกรอบหน้าทั้งสองข้าง ทำให้เครื่องประทินโฉมที่เดิมทีดูสง่า ทว่ายามนี้เมื่อมองไปกลับอยู่ในสภาพน่าอับอายอยู่หลายส่วน
ความเ็ปนี้ยากจะทานทนได้ ราวกับมีหนามนับไม่ถ้วนทิ่มแทงมาที่ปลายนิ้วของนาง เพียงแตะเบาๆ ก็เจ็บลึกถึงหัวใจและกระดูก
เหยาเขียนเชียนรู้สึกว่านิ้วมือของนางถูกลวกจนกำลังจะสุก ทว่าการสั่งสอนครั้งนี้ก็ยังไม่มีทีท่าจะสิ้นสุด หลี่มามาเชิญนางให้ยืนขึ้น ต้องแสดงความเคารพใหม่อีกครั้งถึงจะถูกต้อง
น้ำที่กระเด็นออกมาถูกเติมลงไปใหม่นับครั้งไม่ถ้วน ยามนี้หลังมือของเหยาเชียนเชียนแดงเป็ปื้น นางไม่รู้มาก่อนเลยว่านางจะสามารถอดทนกับความเ็ปได้นานขนาดนี้ ราวกับเจ็บจนชาไปเสียแล้ว
ความร้อนถูกส่งผ่านมาถึงปลายนิ้วอย่างต่อเนื่อง เหยาเชียนเชียนขบฟันแน่นไม่ส่งเสียงสักแอะ แม้ในแง่ของภายนอกนางถือว่าพ่ายแพ้แล้ว แต่นางจะแพ้ในแง่ของกิริยาด้วยไม่ได้เด็ดขาด
อวี๋เฟย้าอาศัยจุดนี้บีบให้นางร้องขอชีวิตหรือ แน่จริงก็เอานางไปต้มเสียวันนี้เลยสิ!
“หวังเฟยจะต้องคุกเข่าลงและน้อมคำนับ ยกจอกชาสูงเหนือศีรษะ จากนั้นค่อยเชิญเหนียงเหนี่ยงเสวยน้ำชาเพคะ”
หลี่มามายกเท้าเตะไปยังน่องของเหยาเชียนเชียน เป็สัญญาณว่าเวลานี้นางควรคุกเข่าลงได้แล้ว
เดิมทีเหยาเชียนเชียนก็เจ็บเสียจนแทบประคองสติไม่ได้อยู่แล้ว เม็ดเหงื่อรินไหลเข้าไปในดวงตา นางวิงเวียนศีรษะและดวงตาพร่าเลือน พอถูกเตะโดยไม่ทันตั้งตัวจึงประคองร่างไม่ไหวอีกต่อไป นางจ้องเขม็งไปทางเงาร่างข้างตัว จากนั้นก็ขว้างจอกชาออกไป
“กรี๊ด!”
น้ำที่ร้อนจนเดือดราดลงบนศีรษะของหลี่มามา ราวกับคนในหมู่บ้านกำลังราดน้ำร้อนลงไปเพื่อถอนขนหมูก่อนทำการเชือด เพียงแต่หมูตัวนี้กรีดร้องได้ค่อนข้างน่าเวทนา นางถูกเหยาเชียนเชียนสาดน้ำใส่หน้าอีกครั้งโดยไม่ทันตั้งตัว แม้แต่กาน้ำชาก็ทำร่วงหล่นด้วยความตื่นตระหนก
เสียงสิ่งของแตกดัง ‘เพล้ง’ อยู่แทบเท้าของอวี๋เฟย นางฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้าของหลี่มามาอย่างโเี้
“ทาสเขลา เ้าอยากลวกเปิ่นกงให้ตายหรือ!”
“บ่าวมิกล้า บ่าวมิกล้าเพคะ!”
หลี่มามาคุกเข่าลงอย่างตระหนก ชี้ไปทางเหยาเชียนเชียนและฟ้องว่า “เป็เพราะพระชายาของชิงผิงอ๋องต่อต้าน หม่อมฉันถึงได้ทำให้เหนียงเหนี่ยงตกพระทัยไปด้วย เหนียงเหนี่ยงได้โปรดอภัยให้หม่อมฉันด้วยเถิดเพคะ!”
อวี๋เฟยย่อมรู้ว่าวันนี้ควรวางอำนาจต่อหน้าบ่าวไพร่ นางมองไปทางเหยาเชียนเชียนด้วยสายตาเ็า สตรีผู้นี้ไม่ได้เชื่อฟังดังเช่นแต่ก่อนอีกต่อไปแล้ว คิดจริงๆ หรือว่าได้เป็ชายาของชิงผิงอ๋องแล้วจะมีท่านอ๋องคอยปกป้องอยู่ตลอดเวลา
นางหัวเราะเสียงเย็น อยากจัดการสตรีผู้นี้ย่อมต้องมีวิธี รอชิงผิงอ๋องอยู่อย่างนั้นหรือ? รอจนตายไปเลยเถิด!
“พระชายาของชิงผิงอ๋องประพฤติตนหยาบคายไร้มารยาทต่อหน้าเปิ่นกง เช่นนั้นก็จงคุกเข่าอยู่ที่นี่เพื่อเป็การไถ่โทษต่อเปิ่นกง วันนี้เปิ่นกงจะต้องสั่งสอนเ้าให้รู้ว่าสิ่งใดต่ำสิ่งใดสูง และสิ่งใดคือกฎระเบียบ”
นางกำนัลสองคนขนาบข้างซ้ายขวาและจับแขนของเหยาเชียนเชียนไว้ ก่อนจะดึงนางไปหมายจะกดนางลงบนเศษกระเบื้องที่แตกบนพื้น
ถ้าคุกเข่าลงไปก็เละน่ะสิ!
เหยาเชียนเชียนพยายามสะบัดออกเต็มแรง แต่กลับถูกจับตัวไว้แ่ากว่าเดิม คนที่มาใหม่อีกคนหนึ่งกดลำคอของนางไว้ บีบให้นางไม่สามารถแหงนหน้ามองได้ และออกแรงเต็มที่พยายามกดนางลงบนเศษกระเบื้องแตกกองนั้น
“อวี๋เฟยเหนียงเหนี่ยง” เหยาเชียนเชียนดิ้นรนขัดขืน “อย่างไรเสียหม่อมฉันก็เป็ถึงชายาของชิงผิงอ๋อง วันนี้เหนียงเหนี่ยงทำเช่นนี้ ไม่เกรงกลัวหากท่านอ๋องรู้ ไม่เกรงกลัวจะถูกฝ่าากล่าวตำหนิหรือเพคะ?”
อวี๋เฟยยิ้มเย็นพลางเดินทอดน่องมาข้างๆ เหยาเชียนเชียน ยกชิงผิงอ๋องกับฮ่องเต้มาขู่ตน นางคิดว่ายศหวังเฟยสูงส่งถึงเพียงนั้นจริงๆ หรือ ก็แค่เครื่องมือที่เป่ยเหลียนโม่จงใจใช้เพื่อมาสร้างปัญหาเพิ่มเติมให้เฉิงเอ๋อร์ก็เท่านั้น
ชายาของชิงผิงอ๋องผู้นี้ ฮ่องเต้ก็แค่แสดงน้ำใจต่อเป่ยเหลียนโม่ แสดงเป็บิดาที่เมตตาบุตร เป่ยเหลียนโม่ไม่ได้รักนาง และยามนี้นางยังทรยศเฉิงเอ๋อร์อีก ดูสิว่าผู้ใดจะมาช่วยนางได้
“เปิ่นกงเป็ถึงผู้นำนางสนมในวังหลวง แค่สั่งสอนคนชั้นต่ำไม่รู้ความคนหนึ่ง เหตุใดฝ่าาต้องกล่าวตำหนิเปิ่นกงด้วยเล่า” อวี๋เฟยยิ้มเล็กน้อย “ส่วนชิงผิงอ๋อง เ้าก็รอดูเอาเถิดว่าเขาจะมาช่วยเ้าหรือไม่”
เหยาเชียนเชียนอยากเงยหน้าขึ้นมาถ่มน้ำลายใส่ใบหน้านั้นเหลือเกิน ทว่ายามนี้นางไม่มีแรงแม้แต่จะแหงนหน้าขึ้นด้วยซ้ำ
มือที่กดอยู่บนลำคอราวกับหนักนับพันชั่ง ส่งผลให้ไม่ว่านางจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถสลัดให้หลุดได้ และยังมีอีกสองคนที่ขนาบอยู่ซ้ายขวาจับมือนางไว้อีก เหยาเชียนเชียนเป็เหมือนหุ่นไม้ชักใยที่ถูกสามคนดึงลากไปมาอยู่เหนือเศษกระเบื้องที่แตกละเอียด
ไม่รู้ว่าผู้ใดเตะข้อพับของนางอย่างแรงจากด้านหลัง เหยาเชียนเชียนส่งเสียงฮึดฮัดขืนตัวไม่ยอมคุกเข่าลง ขบกรามไม่ยอมถูกลงทัณฑ์
หยาดน้ำใสเอ่อล้นในดวงตา ทว่านางเม้มปากแน่น พยายามหายใจเข้าลึกๆ ไม่ยอมให้มันรินไหลออกมา
นางไม่สามารถหลั่งน้ำตาต่อหน้าศัตรูได้ ถ้าหากร้องไห้ ท่าทางที่แสดงออกมาก็จะยิ่งอ่อนแอลง
นางกลืนน้ำลายอึกหนึ่งอย่างยากลำบาก ในเมื่อวันนี้นางเลือกฝั่งแล้ว แม้ไม่จำเป็ต้องเดินเข้าสู่ความมืดมิด ทว่าอย่างน้อยยามนี้นางต้องมั่นคงและมีศรัทธา
ความเคลือบแคลงใจที่เป่ยเหลียนโม่มีต่อนางยังคงไม่คลายลง หากวันนี้นางเชื่อฟังอวี๋เฟย เช่นนั้นความพยายามก่อนหน้านี้ทั้งหมดก็คงสูญเปล่าในจิตใจของเป่ยเหลียนโม่
ไม่ว่าอย่างไรเ้าของร่างเดิมก็เกือบจะสังหารอาเหยียนในคืนวันอภิเษกสมรส แม้นางไม่ได้เป็คนทำ ทว่าในเมื่อร่างกายนี้มอบให้นางแล้ว เช่นนั้นนางจึงต้องแบกรับบาปนี้ไว้เองก็สมเหตุสมผลแล้ว
หาก้าได้รับความไว้วางใจจากเป่ยเหลียนโม่อีกครั้ง นางทำได้เพียงค่อยๆ เปลี่ยนภาพลักษณ์ของเ้าของร่างเดิมภายในใจของเขา
“หม่อมฉันเป็ถึงชายาของชิงผิงอ๋อง ท่านอ๋องย่อมรักและเอ็นดูหม่อมฉัน อวี๋เฟยเหนียงเหนี่ยงถือโอกาสนี้คลายโทสะลงเสียจะดีกว่าเพคะ ทรงคิดให้ชัดแจ้งเถิดว่าจะทรงอธิบายเื่าแบนตัวหม่อมฉันต่อฝ่าาว่าอย่างไร”
นางแสยะยิ้มมุมปาก ทั้งๆ ที่อยากเปล่งเสียงร้องไห้อย่างเห็นได้ชัด แต่กลับยิ้มอย่างสดใสมากกว่าเก่า
“เหนียงเหนี่ยงพำนักอยู่ในส่วนลึกของวังหลวงมาเนิ่นนาน ทรงชมนกชมไม้ตลอดทั้งวัน เกรงว่าพระองค์จะไม่เข้าพระทัยกระทั่งสถานการณ์ในปัจจุบัน ท่านอ๋องสู่ขอหม่อมฉันต่อเสด็จพ่อ แม้ว่าความรู้สึกที่มีต่อหม่อมฉันยังตื้นเขินดังเช่นที่เหนียงเหนี่ยงว่า แต่เพราะราชโองการในท้องพระโรงวันนั้น เขาก็ไม่อาจไม่สนใจไยดีหม่อมฉันได้เช่นกัน ในวันนี้เหนียงเหนี่ยงถือได้ว่าไม่ไว้หน้าท่านอ๋องแม้แต่น้อย”
นางคือชายาของชิงผิงอ๋อง ไม่ว่าตำแหน่งหวังเฟยนี้จะแปลกประหลาดเพียงใด หรือถูกมองไม่ดีอย่างไร ทว่านางก็คือหวังเฟย และยิ่งไปกว่านั้นคือฮ่องเต้ทรงพระราชทานสมรสนี้ด้วยพระองค์เอง นางคือหวังเฟยที่ถูกหลักทำนองคลองธรรม
แม้เป่ยเหลียนโม่จะไม่ชอบนางนัก แม้ฮ่องเต้จะทรงทราบดีว่าสะใภ้ผู้นี้เป็เพียงเครื่องมือที่บุตรชายทั้งสองใช้เพื่อสร้างปัญหาให้อีกฝ่ายก็เท่านั้น แม้ในใจของแต่ละคนจะไม่มีพื้นที่ให้นางเลย แต่นางก็ไม่สามารถจัดการได้ตามใจชอบ
ชื่อแซ่ของนางสลักลงบนป้ายหยกในสุสานบรรพชน นั่นเป็การป่าวประกาศต่อใต้หล้าอย่างชัดเจนว่านางคือสตรีเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถยืนเคียงข้างชิงผิงอ๋องได้ และนางยังเป็ตัวแทนของชิงผิงอ๋องในระดับหนึ่งอีกด้วย
วันนี้นางถูกเหยียดหยาม แม้จะเจ็บที่กายของนาง แต่ไหนเลยจะไม่กระทบถึงเกียรติของชิงผิงอ๋อง
อวี๋เฟยสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนเป็เยือกเย็นในทันทีทันใด เด็กสาวผู้นี้กำลังหลอกนางอยู่ นางแค่ลงโทษสตรีผู้นี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เป่ยเหลียนโม่คงไม่เคืองนางเพราะสตรีที่ไม่มีความสำคัญคนเดียวหรอก
ในราชสำนักมีผู้คนมากมายเกินไป วันนี้นางเพียงแค่ลงมือสั่งสอนคนต่ำที่ทรยศเฉิงเอ๋อร์เท่านั้น เป่ยเหลียนโม่จะไม่ไว้หน้านางเพียงเพราะหวังเฟยของเขาเชียวหรือ?
“าแบนตัวเ้าเป็เพราะเ้าหยาบคายและไร้มารยาทเอง จึงได้หกล้มและได้รับาเ็” อวี๋เฟยกล่าวทั้งรอยยิ้ม “ผู้คนในตำหนักล้วนเห็น ชายาชิงผิงอ๋องจะใส่ร้ายเปิ่นกงหรือ?”
“เหนียงเหนี่ยงผิดแล้วเพคะ” เหยาเชียนเชียนแสยะยิ้ม “ผู้คนในตำหนักล้วนเป็คนของเหนียงเหนี่ยง และทุกคนล้วนหูตาบอด ดูท่าว่าฝ่าาจะไม่ทรงเชื่อสายตาของคนตาบอดเหล่านี้”
ฝีปากดีนัก อวี๋เฟยบีบหน้าเหยาเชียนเชียนและดึงเข้ามาตรงหน้า
“เปิ่นกงเคยชอบความฉลาดของเ้าที่สุด ทว่ายามนี้มาคิดอีกรอบกลับรู้สึกว่าความฉลาดนั้นช่างชวนให้ผู้คนรังเกียจนัก”
เช่นนั้นก็โชคดีเหลือเกิน นางก็ไม่เคยชอบอวี๋เฟยอยู่แล้ว แต่อวี๋เฟยกลับทำให้นางขยะแขยงมากกว่าที่จินตนาการไว้เสียอีก
“แต่เหนียงเหนี่ยงกลับเป็เหมือนดังในจินตนาการของหม่อมฉันไม่ผิดเพี้ยน หรืออาจจะมากกว่านั้นเสียด้วยซ้ำ”
อวี๋เฟยหุบยิ้มและเหวี่ยงเหยาเชียนเชียนออกจากตัว หมากตัวนี้ไร้ประโยชน์แล้ว ตรงกันข้าม นางยังคิดเพ้อเจ้อทรยศเ้านายไปอยู่ฝั่งศัตรู ในใต้หล้ามีเื่ต่ำช้าเช่นนี้ที่ไหนกัน
แม้ว่าการกระทำในครั้งนี้อาจส่งผลให้เป่ยเหลียนโม่ไม่พอใจ แต่เมื่อคิดดูแล้วก็ไม่ใช่เื่ใหญ่ร้ายแรงอะไร อย่างมากนางแค่ต้องสำนึกผิดต่อพระพักตร์ของฮ่องเต้สักเล็กน้อย แล้วค่อยร้องไห้อ้อนวอนอีกสักหน่อย...
“ฝ่าาเสด็จ!”
เสียงทูลรายงานพลันดังขึ้นมาจากหน้าประตู ส่งผลให้อวี๋เฟยชะงักไปทันใด ยังไม่ทันที่นางจะตอบโต้ ร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งก็ถลาเข้ามาอย่างรีบร้อน สองเท้าถีบนางกำนัลที่ตรึงตัวเหยาเชียนเชียนอยู่ให้ออกไป และร้องคำรามโดยไร้เสียง
“เชียนเชียน! เชียนเชียนเ้าเป็อย่างไรบ้าง? เปิ่นหวังไปเพียงไม่นาน เหตุใดเ้าถึงเจ็บหนักเพียงนี้?”
เป่ยเหลียนโม่กอดนางไว้ในอ้อมแขนอย่างเ็ป แม้ว่าเหยาเชียนเชียนจะถูกเขาเหวี่ยงจนอยากอาเจียน แต่พอได้ยินน้ำเสียงเสแสร้งที่คุ้นเคยนางกลับรู้สึกสบายใจขึ้นมา
“อวี๋เฟยเหนียงเหนี่ยง เหตุใดเชียนเชียนของข้าถึงอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้” เขาถามเสียงเย็น “เหนียงเหนี่ยงสนทนางานบ้านงานเรือนอันใดกับเชียนเชียน ถึงได้บีบเค้นเชียนเชียนของเปิ่นหวังถึงขั้นนี้”
“ชิงผิงอ๋องระวังคำพูดด้วย” อวี๋เฟยวุ่นวายใจกับคำถามของเขา “เชียนเชียนนางแค่ไม่ระวัง...”
“เชียนเชียนของเปิ่นหวังเชื่อฟังและสุภาพมาโดยตลอด ไม่ทราบว่านางล่วงเกินอวี๋เฟยเหนียงเหนี่ยงที่ใด หาก้าสั่งสอนก็ถ่ายทอดคำสั่งติเตียนนางเสีย เหตุใดถึงฉวยโอกาสที่เปิ่นหวังไม่อยู่ลงมือจนเชียนเชียนต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้?”
เขาไม่คิดจะให้โอกาสอวี๋เฟยได้เอ่ยปากั้แ่แรก สายตามองเห็นร่างในอาภรณ์สีเหลืองก้าวผ่านประตูตำหนักเข้ามา เป่ยเหลียนโม่อุ้มนางขึ้นอย่างเ็ป มุ่งตรงไปคุกเข่าลงหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้
“เสด็จพ่อ ลูกมีความผิด เดิมทีวันนี้ควรจะพาเชียนเชียนไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ ทว่ายามนี้เชียนเชียนถูกอวี๋เฟยเหนียงเหนี่ยงสั่งสอนจนตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ทำให้ไม่อาจเข้าเฝ้าเสด็จพ่อได้ เสด็จพ่อโปรดอภัยด้วย”
เหยาเชียนเชียนแอบกดถูกใจให้เขาในใจ นางเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างสั่นระริก ก่อนจะใช้มือซึ่งเต็มไปด้วยตุ่มเืลูบไล้ใบหน้างดงามนั้นแ่เบา
“เป็เพราะเชียนเชียนยั่วโทสะอวี๋เฟยเหนียงเหนี่ยงเพคะ โปรดเสด็จพ่อ...ตำหนิเชียนเชียนเพียงผู้เดียวเถิด เชียนเชียนโชคดีที่ได้รับการอบรมจากเหนียงเหนี่ยงด้วยพระองค์เอง เป็วาสนาของเชียนเชียน...โอ๊ย!”
