หลินเฟิงดึงเมิ่งฉิงเข้ามาในเขตต้องห้าม เพียงพริบตาเดียวความหนาวเย็นรุนแรงก็ลุกลามไปทั่วแขนของเขาจนมีชั้นน้ำแข็งบางๆ เกาะอยู่ ผ่านไปชั่วพริบตาทั่วร่างกายก็เริ่มมีชั้นน้ำแข็งขึ้นปกคลุมบ้างแล้ว
“หนาวมาก!”
หลินเฟิงตัวสั่นเล็กน้อย ความหนาวเย็นในร่างของเมิ่งฉิงเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น ด้วยระดับการบ่มเพาะของเขาในตอนนี้ แค่ััไอเย็นได้ไม่นานหลินเฟิงก็รู้สึกราวกับว่าร่างกายกำลังถูกแช่แข็งอยู่
หลินเฟิงหันมามองเมิ่งฉิง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยวว่า “มันเกิดอะไรขึ้น?”
“ไม่มีอะไร” เมิ่งฉิงส่ายหน้าเบาๆ ขณะที่สบตากับหลินเฟิง ในดวงตาของนางฉายแววประหลาดออกมา
“ข้าเคยบอกเ้าแล้วไม่ใช่เหรอ? ว่าถ้าควบคุมความหนาวเย็นนี้ไม่ได้ก็ให้มาหาข้า??? แล้วทำไมเ้าถึงหนีไป?”
หลินเฟิงเสียใจมาก เขาทราบถึงความร้ายกาจของไอเย็นนี้ดี หลินเฟิงเคยเห็นท่าทางเ็ปที่เมิ่งฉิงได้รับด้วยตาของตัวเอง แม้ว่าความหนาวเย็นที่แพร่กระจายในตอนนี้จะเทียบกับคราวก่อนไม่ได้ แต่มันก็สร้างความเ็ปให้กับเมิ่งฉิงอยู่ดี และทั้งๆ ที่เมิ่งฉิงก็รู้ว่าเขามีวิธีช่วยนาง แต่นางกลับเลือกที่จะเดินจากไป แล้วแบบนี้จะไม่ให้หลินเฟิงโมโหได้อย่างไร?
ดวงตาของเมิ่งฉิงไหวระริกเล็กน้อย นางก้มหน้าลงท่าทางดูราวกับเด็กที่ทำอะไรไม่ถูก ยามที่รู้ตัวว่าทำผิดไปแล้ว นางไม่กล้าสบตากับหลินเฟิงแม้แต่น้อย
ท่าทางนิ่งเงียบของเมิ่งฉิง ทำให้หลินเฟิงรู้สึกจนปัญญา นอกจากนี้เขายังรู้สึกว่าร่างกายของนางกำลังสั่นเทาอยู่ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า
“ข้าจะช่วยดูดกลืนความหนาวเย็นในร่างของเ้า”
พูดจบก็มีเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราดของัดังขึ้น ก่อนที่จิติญญากลืน์จะปรากฏตัวออกมา ร่างั 6 หัวที่ดุร้ายกำลังลอยคว้างอยู่กลางอากาศ ขณะเดียวกันมันก็จ้องมองร่างของเมิ่งฉิง
เมื่อเห็นฉากตรงหน้าเมิ่งฉิงก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ มันเปลี่ยนไป… เมื่อครั้งที่แล้วมันไม่ได้มี 6 หัว และไม่ได้ตัวใหญ่ขนาดนี้ด้วย แสดงว่าจิติญญาของหลินเฟิงเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมา
“ดูเหมือนว่าข้าจะคิดถูก”
ภาพตรงหน้าได้เพิ่มความมั่นใจในสิ่งที่นางคิด ไม่ผิดแน่ๆ จิติญญาของหลินเฟิงไม่ใช่จิติญญาประเภทอสูร
เสียงคำรามดังสนั่นไปทั่วผืนฟ้า ก่อนที่ัทั้ง 6 หัวจะอ้าปากกว้าง ทันใดนั้นก็ปรากฏแรงดึงดูดมหาศาลขึ้นมา ความหนาวเย็นในร่างของเมิ่งฉิงกลายเป็หมอกควันสีขาวลอยเข้าไปในปากของัอย่างต่อเนื่อง
หลินเฟิงยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นโดยที่มีเงาขนาดั์อยู่ด้านหลัง หัวทั้ง 6 ดูคล้ายกับหัวงู แต่ละหัวต่างขยับไหวเอื่อยๆ ดูน่าเกรงขาม
“ต่อไปอย่าให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก เ้าต้องฟังข้าเข้าใจมั้ย”
หลินเฟิงมองเมิ่งฉิงอย่างไม่พอใจขณะที่พูดออกมา
เมิ่งฉิงพยักหน้าเบาๆ แล้วก้มหน้าลง ความหนาวเย็นในร่างได้ถูกดูดกลืนจนเบาบางลงไปมากแล้ว
เมื่อเห็นท่าทางของเมิ่งฉิง หลินเฟิงก็รู้สึกปวดใจเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรกับผู้หญิงคนนี้ดี?
หลังออกจากหุบเขาเฮยเฟิง เมิ่งฉิงก็อยู่กับเขามาโดยตลอด นางเหมือนมีหลินเฟิงเป็ญาติเพียงคนเดียว ดังนั้นหลังจากที่เขาถูกไล่ล่าจนหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยอยู่หลายวัน มันคงเป็เื่ยากสำหรับนาง ดังนั้นเมิ่งฉิงจึงตามหาหลินเฟิงจนมาถึงที่นี่ ก่อนจะลงมือสังหารคนตระกูลจื่อด้วยความโมโห ่เวลาที่ผ่านมานางคงได้รับความทุกข์ใจมาไม่น้อย
แต่เมื่อนางเห็นหลินเฟิงเดินออกมาพร้อมกับต้วนซินเยี่ย โดยที่ต้วนซินเยี่ยสวมชุดของเขาอยู่ แล้วแบบนี้จะให้เมิ่งฉิงมีความสุขได้อย่างไร? ถึงแม้ว่านางจะไม่แสดงสีหน้าท่าทางใดๆ ออกมา แต่สำหรับหลินเฟิงที่ได้หลอมรวมเป็หนึ่งเดียวกับโลกแล้ว มีหรือที่จะจับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ นี้ไม่ได้ วินาทีที่เมิ่งฉิงหมุนตัวเดินจากไป ร่างกายที่สั่นเทาและดวงตาที่วูบไหวของเมิ่งฉิง ได้ไปอยู่ในสายตาของหลินเฟิงแล้ว
เด็กโง่คนนี้ ในเมื่อใส่ใจข้ามากขนาดนี้ แล้วจะทำตัวเ็าทำไม!
ในใจของหลินเฟิงรู้สึกสงสารนางขึ้นมา เขาเดินเข้าไปหาเมิ่งฉิงที่ยืนก้มหน้าตัวสั่นอยู่ไม่ไกล
ความหนาวเย็นที่รุนแรงยังไม่อาจทำให้นางตัวสั่นได้ขนาดนี้ แต่เมื่อหลินเฟิงก้าวเท้าเข้ามาหา เมิ่งฉิงกลับตัวสั่นเทาอย่างน่าสงสาร ในใจของนางเกิดความรู้สึกตึงเครียดขึ้นมา
ทันใดนั้นเมิ่งฉิงก็รู้สึกได้ว่าร่างกายของนางกำลังเอียงไปด้านหน้า จากนั้นมือที่ทรงพลังคู่หนึ่งก็ยื่นมาโอบกอดร่างที่เย็นะเืของนางไว้ อ้อมกอดนี้กระชับร่างของนางไว้อย่างแ่า ทำให้เมิ่งฉิงลืมเลือนความหนาวเย็นที่แล่นพล่านไปทั่วร่าง และเกิดความรู้สึกอบอุ่นขึ้นในใจ
ดวงตาที่จ้องมองไปข้างหน้าพลันเบิกกว้าง และเปล่งประกายวิบวับออกมา
“เด็กโง่ ไม่รู้หรือไง? การที่เ้าเป็แบบนี้ข้าก็ปวดใจไม่แพ้กัน”
เสียงของหลินเฟิงดังขึ้นมา ในน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความนุ่มนวล อบอุ่นและจริงใจ
ยามที่เห็นเมิ่งฉิงถูกความหนาวเย็นเข้ารุกราน และเห็นนางพยายามอดทนต่อความเ็ปที่พรั่งพรูเข้ามา ในใจของหลินเฟิงก็รู้สึกเ็ปเช่นกัน แม้ว่าเขาจะเป็คนสองภพ แต่นี่เป็ครั้งแรกที่หลินเฟิงแสดงความอ่อนโยน จริงใจและบริสุทธิ์กับผู้หญิงคนหนึ่ง!
เมื่อเมิ่งฉิงได้ยินน้ำเสียงที่อ่อนโยนนี้ ร่างกายก็ค่อยๆ หยุดสั่นและดวงตาของนางก็ปรากฏรอยยิ้มที่ไม่เคยมีมาก่อนขึ้นมา
เมิ่งฉิงค่อยๆ เอียงศีรษะซบลงกับไหล่ของหลินเฟิง
ขณะที่แขนของนางก็เลื่อนไปด้านหลังหลินเฟิงและชะงักค้างอยู่กลางอากาศ ราวกับไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไรต่อไป แต่ท้ายที่สุดแล้วสองมือน้อยๆ นั่นก็ค่อยเคลื่อนไปวางที่แผ่นหลังของหลินเฟิง
ััอันบางเบาของอีกฝ่ายทำให้หลินเฟิงคลี่ยิ้มออกมา ในรอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกเอ็นดู หลินเฟิงก็ยกมือของตนขึ้นมาลูบหัวของเมิ่งฉิงเบาๆ และกดหัวของนางแนบไหล่ของตัวเองแน่นขึ้น
ที่แท้ความรักนั้น... มันหอมหวานแบบนี้นี่เอง หัวใจของหลินเฟิงรู้สึกอบอุ่นและหวานล้ำอย่างบอกไม่ถูก
เมิ่งฉิงยืนซบไหล่หลินเฟิงเช่นนั้นเงียบๆ หัวของนางแนบชิดไปกับไหล่ของหลินเฟิง ขณะที่สายตาก็ทอดมองไปด้านหน้า ในดวงตาของนางเต็มไปด้วยรอยยิ้มและหยาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม เสียงสะอื้นดังขึ้นมาเบาๆ ดวงตาทั้งสองข้างของนางเปียกชื้นเล็กน้อย
ไม่มีใครรู้ว่าตอนที่หลินเฟิงหายตัวไปนั้น ในใจของเมิ่งฉิงร้อนรนและกระวนกระวายมากขนาดไหน? นางควบม้าไปยังชายแดนต้วนเริ่นโดยไม่หยุดพัก เพื่อสืบหาข่าวคราวของหลินเฟิง จนในที่สุดเมิ่งฉิงก็ค้นหาเบาะแสพบ นางรีบรุดไปยังหุบเขาจื่อจินโดยไม่หยุดพัก จากนั้นก็มาทราบข่าวว่าหลินเฟิงตายแล้ว!
เขาตายแล้ว… วินาทีนั้นไม่มีใครรู้ว่าเมิ่งฉิงได้หลั่งน้ำตาแห่งความสิ้นหวังออกมามากขนาดไหน และในใจของนางรู้สึกเ็ปมากเพียงใด หัวใจของนางราวกับถูกบดขยี้ด้วยมือที่มองไม่เห็น ความคิดเดียวที่ปรากฏขึ้นมาในหัวคือ ฆ่า ฆ่าผู้าุโตระกูลจื่อและคนตระกูลของจื่อให้หมด
ใครบอกว่ามีแค่ผู้ชายเท่านั้นที่ยามโกรธแล้วดาบในมือจะต้องเปื้อนเื ผู้หญิงเองก็เช่นกัน เพื่อคนรักแล้วนางก็พร้อมที่จะชโลมเืของศัตรูลงบนดาบ! ในตอนนั้น เมิ่งฉิงะเิพลังออกมา ภายในรัศมีหมื่นลี้โดยรอบได้มีน้ำแข็งปกคลุมไปทั่วบริเวณ
โชคดีที่หลินเฟิงยังมีชีวิตอยู่ ทว่าเขากลับไปอยู่กับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง นั่นหมายความว่าเขาไม่้านางแล้วใช่ไหม?
ตอนนั้นเมิ่งฉิงรู้สึกใจหายมาก นางได้แต่ก้มหน้าและหันหลังเดินจากมา ขณะเดียวกันนางก็พยายามขับไล่ความกลัวที่ผุดขึ้นมาในใจ... ความกลัวที่นางไม่รู้จัก
แม้จะเป็ระยะเวลาไม่นานที่ตามหลินเฟิงออกมาจากหุบเขาเฮยเฟิง มันไม่ถึงหนึ่งปีด้วยซ้ำ แต่ใครจะรู้ว่าเื่ราวที่เกิดขึ้นในระหว่างนั้น คือสิ่งที่สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับนาง ความทรงจำก่อนหน้านี้ของเมิ่งฉิงมีเพียงความว่างเปล่า หลินเฟิงได้ก้าวเข้ามาเป็ส่วนหนึ่งในชีวิตนางแล้ว และเป็ส่วนสำคัญที่นางขาดไปไม่ได้
ยังดีที่ความกลัวนั้นอยู่ได้ไม่นาน หลินเฟิงก็ะโเรียกนางและพานางเข้ามาในนี้ ก่อนจะโอบกอดนางไว้ ตอนนี้เมิ่งฉิงเพิ่งจะเข้าใจว่าอารมณ์ของนางรุนแรงมากเพียงใด ความรู้สึกภายในใจได้ะเิออกมาและกลายเป็หยาดน้ำตาไหลอาบสองข้างแก้ม
ทั้งสองคนแนบชิดกันและซึมซับความรู้สึกอบอุ่นอย่างเงียบๆ ผ่านไปสักพัก ความหนาวเย็นก็ค่อยๆ จางหายไป จากนั้นจิติญญาด้านหลังของหลินเฟิงก็สลายหายไป ทว่าพวกเขายังคงโอบกอดกันอยู่เหมือนเดิม
เมื่อเวลาผ่านไป ร่างของเมิ่งฉิงก็ขยับเล็กน้อย ก่อนที่หลินเฟิงจะปล่อยมือออก และมองใบหน้าของเมิ่งฉิงด้วยรอยยิ้ม
แต่ดูเหมือนว่าเมิ่งฉิงจะไม่สนใจสีหน้าของเขาสักเท่าไร นางยังคงปรายตามองหลินเฟิงด้วยสายตาเ็าเหมือนเดิม ก่อนจะหันหลังแล้วเดินออกไปจากเขตต้องห้าม
หลินเฟิงอึ้งเล็กน้อยแล้วยกมือเกาหัวของตัวเองอย่างมึนงง จากนั้นก็ก้าวเท้าตามนางไปติดๆ