หลังจากกินมื้อเช้ากันเรียบร้อยแล้ว อนงค์กานต์ก็จูงมือพ่อเข้าไปช่วยในครัวทันที เนื่องจากมีงานต้องออกแรงหลายอย่างที่เธอทำไม่ได้ อนงค์เดินตามหวังจะเข้าไปช่วยด้วย แต่ถูกสองพ่อลูกส่งเสียงห้ามอย่างแข็งขัน จึงทำได้เพียงแค่นั่งมองอย่างอ่อนใจ
พอล้างทำความสะอาดไก่เรียบร้อยแล้ว เธอก็ขอให้พ่อหั่นไก่แยกเป็ชิ้น ไก่หนึ่งตัวแยกเป็ 8 ชิ้น คือ น่อง 2 ชิ้น สะโพก 2 ชิ้น ปีกติดส่วนอกนิดหน่อย 2 ชิ้น และส่วนอกติดโครงหลังอีก 2 ชิ้น
อนงค์กานต์ตั้งใจทำไก่ทอดสองสูตร สูตรแรกเป็เครื่องหมักแบบแห้ง เหมือนไก่ทอดเ้าดังซึ่งไม่ต้องทำอะไรมากนอกจากตวงส่วนผสมที่ซื้อมาเมื่อเช้าคลุกและหมักได้ทันที
ส่วนอีกสูตร เธอตั้งใจทำสูตรสมุนไพรสด สูตรนี้จะหอมกระเทียมและตะไคร้ ซึ่งไก่ทอดสูตรนี้น่าจะดึงลูกค้ากลุ่มสูงอายุได้มากกว่าสูตรแรก ส่วนสูตรแรกเน้นไปที่กลุ่มเด็กและวัยรุ่นเป็หลัก
หลังจากที่พ่อแยกชิ้นไก่ทั้งสองตัวเสร็จแล้ว เธอก็แยกไก่เป็สองชามเพื่อเตรียมหมัก และเริ่มเตรียมส่วนผสมในการหมักไก่สำหรับสูตรแรกทันที โดยขอให้อนงค์ช่วยตวงให้ได้ปริมาณตามสูตร ซึ่งงานนี้ไม่ต้องใช้แรง อนงค์สามารถช่วยได้อย่างสบาย
"นิดจำสูตรได้ขนาดนี้เลยเหรอลูก" อนงค์ถามอย่างแปลกใจเพราะสูตรที่ลูกสาวยื่นให้ มีรายละเอียดชัดเจนมาก แม้แต่รายละเอียดที่ว่าต้องใช้กี่ถ้วยตวง ก็จดไว้ถี่ยิบ
"นิดเห็นในโทรทัศน์มันน่ากินมากเลยแม่ ขนาดโทรทัศน์บ้านเราเป็ขาวดำนะ ยังทำนิดน้ำลายไหลได้เลย พอเขาบอกสูตร นิดเลยรีบจดตาม" อนงค์กานต์บอกแม่แบบตาไม่กะพริบ
"พูดเสียอยากกินเดี๋ยวนี้เลย พอทอดเสร็จแล้วแม่ขอชิมเป็คนแรกนะ" อนงค์พูดยิ้ม ๆ พลางตวงส่วนผสมตามสูตรไปด้วย
สูตรการหมักไก่แบบแรกเป็ของแห้งทั้งหมด มีน้ำตาล เกลือ พริกไทยป่น และกระเทียมแห้งบดละเอียดที่ซื้อมาจากร้านขายสมุนไพร ที่จริงตามสูตรต้องมีพริกปาปริกาด้วย แต่ยุคนี้ยังไม่เป็ที่รู้จัก อนงค์กานต์เลยตัดทิ้งไป ซึ่งก็ไม่ส่งผลต่อรสชาติ เพราะเธอเคยลองทอดแบบไม่ใส่พริกมาแล้ว รสชาติยังอร่อยเหมือนเดิม เมื่ออนงค์ตวงส่วนผสมครบแล้วก็คนให้เข้ากันและเทใส่ชามไก่ และคลุกนวดให้เข้ากันก็เป็ที่เรียบร้อย
ส่วนสูตรสมุนไพรสดนั้น จะเสียเวลาอยู่หน่อยตรงต้องบดตะไคร้สดและกระเทียมสดให้เข้ากันก่อน โดยกานต์เป็คนรับหน้าที่โขลกส่วนผสมทั้งสองนี้ เนื่องจากลูกสาวยังเด็กแรงโขลกยังไม่มาก ส่วนอนงค์นั้นลืมไปได้เลยใน่นี้
เมื่อตะไคร้และกระเทียมโขลกจนได้ที่แล้วก็นำไปคลุกกับไก่ ใส่เกลือ ผงปรุงรส น้ำมันพืช ตามลงไป นวดให้เข้ากัน หลังจากนั้นก็นำไก่ทั้งสองชามไปพักไว้ในตู้เย็นอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงเพื่อให้ส่วนผสมซึมเข้าไปในเนื้อไก่
สำหรับน้ำจิ้มไก่นั้น ใน่แรกอนงค์กานต์ตั้งใจจะใช้แบบขวดสำเร็จไปก่อน เมื่อใดที่สามารถขายไก่ได้จำนวนมากต่อวัน ค่อยทำน้ำจิ้มเองตอนนั้นก็ยังไม่สาย
"แป้งไม่ผสมน้ำเหรอนิด" หลังจากหมักไก่ได้หนึ่งชั่วโมง เธอก็ขอให้แม่ตวงแป้งสำหรับใช้ทอด มีแป้งสาลี แป้งข้าวโพด ผงฟู เกลือและพริกไทยอีกนิดหน่อยเพื่อไม่ให้แป้งจืดเกินไป คลุกให้เข้ากันแล้วพักรอไว้
"ไม่จ้ะแม่ ผสมน้ำก่อนเวลาทอดแป้งจะแข็งและไม่ฟู ไก่จะไม่อร่อย"
"หม้อใบนี้ใช้ได้ไหมลูก" กานต์เดินถือหม้อใบขนาดกลางที่ปกติใช้สำหรับต้มและแกงเข้ามาในครัว เนื่องจากไก่ทอดแบบนี้ต้องทอดแบบท่วมเนื้อไก่ จึงต้องใช้หม้อแบบทรงลึกแทนกระทะ จะได้ประหยัดน้ำมันด้วย
"ได้จ้ะพ่อ" กานต์จึงนำหม้อวางบนเตาฟืนที่จุดไฟไว้แล้วและเทน้ำมันสำหรับทอดลงไปครึ่งหม้อ ที่บ้านตอนนี้มีเพียงเตาฟืนเท่านั้น อนงค์กานต์เลยขอให้พ่อช่วยคุมความแรงไฟให้อยู่ในระดับกลาง ไม่ให้แรงหรืออ่อนเกินไป เพราะจะส่งผลต่อไก่ที่จะทอดออกมา ซึ่งกานต์ค่อนข้างชำนาญเพราะช่วยภรรยาทำอาหารอยู่บ่อยครั้ง
ขณะรอให้น้ำมันร้อน เธอก็เตรียมน้ำสะอาดใส่ชามไว้ และตักแป้งที่ผสมไว้แล้วใส่ไปในน้ำจำนวน 2 ช้อน และคนให้ละลายเข้ากัน
"เอาไก่คลุกแป้งรอไว้เลยไหมลูก เดี๋ยวแม่ทำให้ น้ำมันร้อนจะได้เอาลงทีเดียว"
"ไม่ได้จ้ะแม่ ถ้าเอาไก่คลุกแป้งทิ้งไว้นาน แป้งจะอมน้ำจากตัวไก่ เวลาทอดออกมาจะแข็งไม่อร่อย" อนงค์กานต์รีบห้าม
"การทอดก็มีขั้นตอนเหมือนกันนะเนี่ย" กานต์เอ่ยอย่างแปลกใจ
"ใช่จ้ะพ่อ ในโทรทัศน์เขาบอกว่านี่เป็เทคนิคสำคัญเลย ไก่ทอดจะอร่อยหรือไม่อยู่ที่ตรงนี้แหละ"
