หลังจากส่งสวีซื่อเข้านอน หนีจวิ้นหว่านก็แทบรอไม่ไหวที่จะไปยังจวนสกุลสวี เพื่อเปิดเผยการกระทำอันชั่วร้ายของหนีเจียเอ๋อร์ให้สวีอี๋เหนียงรับรู้
เดิมที สวีอี๋เหนียงก็ไม่ชอบใจในตัวหนีเจียเอ๋อร์ ั้แ่ที่นางปฏิเสธการสู่ขอของตระกูลสวี จนทำให้สวีเพ่ยหรานต้องอับอายขายหน้าไปทั่วเมืองอยู่แล้ว แม้บุตรชายจะยังคงมีรักมั่นต่อสตรีนางนี้ แต่สวีอี๋เหนียงกลับไม่อาจลืมความขุ่นข้องหมองใจในยามนั้นได้
สวีอี๋เหนียงจับมือของหนีจวิ้นหวาน พลางพูด “หว่านเอ๋อร์ ข้าคิดเสมอว่าเ้าคู่ควรกว่าหนีเจียเอ๋อร์ หากเ้าพึงใจในตัวบุตรชายข้า นี่ก็เป็โอกาสอันดีที่เ้าจะต้องคว้าเอาไว้ให้ได้!”
แก้มของหนีจวิ้นหวานพลันร้อนวูบขึ้นมา นางยกมือลูบหน้าตัวเองสองสามครั้งด้วยความขัดเขิน แม้แต่น้ำเสียงก็ยังแ่เบาราวกับยุงบิน “เช่นนั้น หว่านเอ๋อร์คงต้องรบกวนให้ท่านช่วยแล้ว”
สวีอี๋เหนียงมองสีหน้าเขินอายของหญิงสาว แล้วส่ายศีรษะยิ้มๆ
หนีจวิ้นหว่านออกจากเรือนของสวีอี๋เหนียง มุ่งหน้าไปยังกรมราชทัณฑ์ เพื่อบอกกล่าวเื่นี้แก่สวีเพ่ยหราน
ขณะเดียวกันสวีซื่อก็ชิงลงมือ โดยการส่งคนไปกระจายข่าว เพื่อถ่ายทอดเื่ราวให้ผู้คนรับรู้กันทั่วเมือง ว่าหนีเจียเอ๋อร์มีพฤติกรรมชั่วช้า คิดจะลอบทำร้ายบุตรชายในครรภ์ของตนจนเกือบแท้ง หมายจะให้อีกฝ่ายมีเื่ฉาวโฉ่อย่างถึงที่สุด
ทันทีที่สือหวู่ได้ยินข่าว เขาก็รีบเขียนจดหมาย และให้คนนำส่งไปถึงมือของโจวชิงหวา ที่บัดนี้อยู่ที่ตอนใต้ของเจียงหนานอย่างรวดเร็ว จนชายหนุ่มต้องรีบเดินทางกลับให้เร็วที่สุด แต่กว่าจะมาถึงก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยห้าวัน
...
ด้านสวีเพ่ยหราน ก็ให้บ่าวรับใช้เตรียมของขวัญล้ำค่าติดตัวมาด้วย ขณะเดินทางไปยังจวนสกุลหนี
พอมาถึง เขาก็นำของขวัญตรงไปยังเรือนของสวีซื่อ
หลินมามารีบเข้าไปแจ้งทันที “ฮูหยิน คุณชายสวีมาเยี่ยมเ้าค่ะ”
สวีซื่อนอนอยู่บนเตียง เอนกายพิงหมอน พลางกล่าวเสียงเรียบ “เชิญเขาเข้ามา”
เมื่อชายหนุ่มเข้าห้องมาแล้ว ก็ส่งของขวัญให้หลินมามา และเดินไปที่เตียงด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนโค้งคำนับสวีซื่ออย่างนอบน้อม “รบกวนท่านแล้ว!”
สวีซื่อรีบลุกจากเตียง มาประคองแขนของเขา “หรานเอ๋อร์ เ้าจะทำอะไร ลุกขึ้นเร็ว!”
สวีเพ่ยหรานจึงพูดเข้าประเด็นทันที “อาหญิง ยามนี้ท่านกำลังตั้งครรภ์ ข้าจึงไม่ควรจะมารบกวน ทว่า ข้า้าจะขออภัยแทนเสี่ยวเอ๋อร์ หวังว่าท่านเมตตา”
กล่าวจบ เขาก็ค้อมตัวลงต่ำ จนร่างท่อนบนแทบจะขนานไปกับพื้น
แต่คราวนี้ สวีซื่อมิได้ยื่นมือไปประคอง ทั้งยังเอ่ยอย่างคับแค้นใจและโศกเศร้า “หรานเอ๋อร์ ั้แ่เ้าเกิดมา ข้าก็ทั้งรักทั้งเอ็นดูไม่ต่างจากลูกตัวเอง ความรักที่ข้ามอบให้ไม่น้อยไปกว่าหว่านเอ๋อร์เลย แต่ถึงคราที่ข้าเกือบแท้ง เ้ากลับไม่ช่วยระบายโทสะ ทั้งยังขอให้ข้าให้อภัยนาง ข้าจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร!”
หลินมามาพูดเสียงอ่อน “คุณชาย ได้ยินท่านพูดเช่นนี้ บ่าวรู้สึกเ็ปยิ่งนัก!”
สีหน้าของสวีเพ่ยหรานปรากฏร่องรอยของความละอายใจ “อาหญิง หรานเอ๋อร์เสียใจยิ่งนัก หรานเอ๋อร์ไม่เคยลืมความเมตตาของท่าน แต่เห็นแก่ความรักมั่นที่หลานมีต่อเสี่ยวเอ๋อร์ ได้โปรดเมตตาอย่าถือสาต่อความผิดของนาง หลานสาบานว่าจะตอบแทนความเมตตาในครั้งนี้ของท่านอย่างแน่นอน”
สวีซื่อสะบัดแขนเสื้อหนี แล้วเค้นเสียงอย่างเกรี้ยวกราด “หรานเอ๋อร์ ข้ารักเอ็นดูเ้าก็จริง แต่ครั้งนี้คงต้องทำให้เ้าผิดหวังแล้ว ข้าไม่ให้อภัยนางแน่ หนีเจียเอ๋อร์คิดจะสังหารบุตรข้า ดังนั้นไม่ว่าวันนี้หรือวันหน้า ข้าก็ไม่มีวันให้อภัย ทางที่ดีเ้าอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับนางอีก ข้ากับพ่อแม่ของเ้า จะไม่ยอมให้เ้าแต่งงานกับสตรีชั่วผู้นี้แน่!”
สวีเพ่ยพรานจึงกล่าว “หากท่านไม่เห็นด้วย ข้าจะพานางหนีไป”
สวีซื่อเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เ้าว่าอะไรนะ?!”
สวีเพ่ยหรานหายใจเข้าลึกๆ เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนพูดอย่างเด็ดเดี่ยว “ข้าบอกว่า หากท่านไม่ยอมให้ข้าแต่งงานกับนาง ข้าจะพานางหนีไปและไม่หวนกลับมาอีก!”
“โอหังนัก!” สวีซื่อตวัดมือไปกวาดแจกันบนโต๊ะลงกับพื้น
แจกันลายครามชั้นดี พลันแตกเป็เสี่ยงๆ ดอกไห่ถัง เหลือเพียงเศษซากใต้ฝ่าเท้าของสวีซื่อ
“เพียงเพราะบุตรสาวอนุผู้ต่ำต้อย เ้าก็คิดจะละทิ้งทุกสิ่ง สละตำแหน่งเสนาบดีกรมราชทัณฑ์ ทอดทิ้งบิดามารดา ที่รอเ้ามาสืบทอดตระกูลอย่างนั้นหรือ?”
หลินมามาตื่นตระหนก รีบวิ่งไปเรียกสาวใช้ให้มาทำความสะอาดอย่างถี่ถ้วน
สวีเพ่ยหรานมองสวีซื่อ ซึ่งกำลังกุมอกอย่างคับแค้นใจ แต่เขาก็ยังคงดื้อรั้นไม่ยอมเอ่ยปากขอโทษ หรือปลอบโยนนางเหมือนที่ผ่านมา
“ข้ารักเสี่ยวเอ๋อร์ด้วยใจจริง หากในชีวิตนี้ พวกท่านไม่อาจยอมให้ข้าแต่งงานกับนาง หนทางเดียวของหรานเอ๋อร์ ก็คือต้องพานางจากไป”
หัวใจนางเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง สวีซื่อโกรธจนตัวสั่น จึงชี้หน้าอีกฝ่าย “เ้าหลานเนรคุณ ออกไปเดี๋ยวนี้ ข้าไม่อยากจะเห็นหน้าเ้าอีก!”
ในเมื่อเป้าหมายยังไม่บรรลุ ชายหนุ่มย่อมไม่ยอมจากไป “อาหญิง โปรดอภัยให้เสี่ยวเอ๋อร์ด้วย!”
สวีซื่อใช้มืออีกข้างทุบโต๊ะ กุมหน้าอก แล้วเบือนหน้าหนี
หลินมามาก้าวออกไปเกลี้ยกล่อมเขา “คุณชาย บ่าวขอร้อง อย่าทำให้ฮูหยินต้องโกรธไปมากกว่านี้เลย ท่านกลับไปเถอะ”
เมื่อมองสีหน้าเ็ปของสวีซื่อ สวีเพ่ยหรานก็ไม่อาจบีบคั้นนางได้อีก จึงได้แต่หันหลังออกไปจากห้อง
พอคล้อยหลัง ในมุมหนึ่งของเรือน ซึ่งมีร่างในชุดสีเหลืองยืนแอบฟังอยู่นั้น ดวงตาหงส์คู่หนึ่งเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ขณะพึมพำกับตัวเอง “ท่านพี่หราน หนีเจียเอ๋อร์มีอะไรดี? ท่านถึงได้ยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อมันเช่นนี้!”
ด้วยเกรงว่าเขาจะพาหนีเจียเอ๋อร์หนีไปจริงๆ พอตกเย็น หนีจวิ้นหว่านจึงไปหานายท่านหนี เพื่อขโมยกุญแจโรงเก็บฟืนมาไว้กับตัว
...
ยามดึก ดวงจันทร์ถูกเมฆบดบังจนมืดมิด
ณ โรงเก็บฟืน
หนีเจียเอ๋อร์ข่มตาหลับไม่ลง จึงได้แต่นั่งคุกเข่ามองท้องฟ้ายามค่ำคืนผ่านรอยแตกบนประตู พลางครุ่นคิดว่าต่อไปนางจะทำอย่างไรดี
ทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆ ตามมาด้วยเสียงแกรกกรากของกุญแจที่กำลังถูกปลด
หนีเจียเอ๋อร์ยืนขึ้นอย่างระมัดระวัง หันไปคว้าฟืนท่อนหนึ่งมากุมไว้แน่น ทันทีที่เห็นเงาของคนก้าวเข้ามา นางก็ยื่นไม้ออกไปขวาง
หนีจวิ้นหว่านตัวสั่น จนเกือบจะร้องลั่นด้วยความใ “ข้าเอง อย่าเสียงดัง!”
หนีเจียเอ๋อร์จำเสียงของพี่สาวต่างมารดาได้ จึงถามอย่างระแวดระวัง “ท่านมาทำอะไรที่นี่?”
หนีจวิ้นหว่านกระซิบบอกให้หลิวอวี้เฝ้าอยู่ด้านนอก พลางงับประตู จนเหลือเพียงช่องว่างเล็กๆ ไว้ดูลาดเลา จากนั้นเล่าเื่ที่สวีเพ่ยหรานคุยกับมารดาของนางในวันนี้ให้ฟัง
หนีเจียเอ๋อร์ฟังวาจาอีกฝ่าย พลางถามด้วยความกังขา “พี่หญิง หากข้ายังมิได้หมดใจกับเขา ท่านก็คงไม่คิดจะบอกใช่หรือไม่?”
หนีจวิ้นหว่านจึงกล่าวเสียงจริงจัง “ข้าอยากได้ยินเ้าพูดอีกครั้ง ว่ายังรักท่านพี่หรานหรือไม่?”
หนีเจียเอ๋อร์ตอบโดยไม่ต้องคิด “ข้ามิได้รักเขาแล้ว”
หลังเงียบไปครู่หนึ่ง หนีจวิ้นหวานก็หยิบถุงเงินจากแขนเสื้อของตนออกมายื่นให้ “หากข้าปล่อยเ้าไปแล้ว ้าให้รับปากอยู่สองเื่ อย่างแรก จงเดินทางออกจากเมืองหลวง อย่าหวนกลับมา อย่างที่สอง ห้ามยุ่งเกี่ยวกับท่านพี่หรานอีก ทำได้หรือไม่?”
ใต้แสงจันทร์อันริบหรี่ ดวงตาของหนีเจียเอ๋อร์เปล่งประกายเจิดจ้า มุมปากของนางยกขึ้นเป็รอยยิ้มเ้าเล่ห์ ขณะตอบเบาๆ “ข้าสาบานด้วยชีวิต ว่าไม่คิดจะยุ่งเกี่ยวกับสวีเพ่ยหรานแม้แต่น้อย ส่วนข้อแรก มันขึ้นอยู่กับว่าข้าจะหนีออกไปได้หรือไม่”
หนีจวิ้นหว่านเม้มปาก เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วยื่นถุงเงินให้ “จำสิ่งที่เ้าพูดในวันนี้ให้ดี!”
หนีเจียเอ๋อร์เอื้อมมือไปรับถุงเงินมายัดเข้าไปในแขนเสื้อ “ไม่ต้องห่วง ข้ายังคงยืนยันคำเดิม ว่ามิได้รักเขา”
หนีจวิ้นหว่านยิ้มเยาะ ก่อนให้หลิวอวี้พาหนีเจียเอ๋อร์ลอบออกไปทางสวนด้านหลังจวน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้