“ผู้ฝึกยุทธ์ระดับลี้ลับ!”
ฝูงชนมองไปยังเงาร่างสีขาวที่กำลังร่อนลงมาช้าๆ ด้วยแววตาตะลึงงัน พลังโจมตีที่ปล่อยออกไปนั้นได้กลายเป็ทุ่งน้ำแข็งทอดยาวไปหมื่นลี้ ซึ่งความเร็วของมันเหนือกว่าเงาใบมีดหลายเท่า ทำให้อีกฝ่ายเืสาดกระเซ็นไปทั่วอากาศ
ที่แท้หญิงสาวที่ยืนเงียบๆ อยู่ข้างหลินเฟิงตลอดเวลาก็คือผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่ง มิหนำซ้ำปิงหยวนและเหลิ่งเยว่ยังกล้าพูดจาดูถูกนาง นี่ไม่เท่ากับว่ากำลังรนหาที่ตายเหรอ? และแน่นอนว่าที่เหลิ่งเยว่สามารถหลบการโจมตีนี้ได้ ถือว่าเป็โชคดีที่สุดในชีวิตของเขาแล้ว
เพราะไม่ว่าจะเป็หลินเฟิงหรือเมิ่งฉิง พวกเขาทั้งคู่ล้วนสามารถฆ่าเหลิ่งเยว่ได้อย่างง่ายดาย
“คนที่เข้ามาช่วยเหลิ่งเยว่คือใครกัน? นอกจากนี้เขายังเป็ผู้ใช้มีดอีกด้วย!” ฝูงชนจ้องมองไปยังทิศที่ร่างนั้นหายไป และแอบคิดในใจว่าคนคนนั้นจะเป็คนของนิกายเฮ่าเยว่หรือไม่? ถ้าหากเป็ผู้ฝึกยุทธ์จากนิกายเฮ่าเยว่ แล้วทำไมต้องปกปิดหน้าตาและซ่อนตัว? มิหนำซ้ำทันทีที่พุ่งเข้ามาช่วยเหลิ่งเยว่ เขาก็เร่งจากไปไม่คิดรั้งอยู่ต่อแม้แต่น้อย
หลินเฟิงมองไล่หลังอีกฝ่ายไปด้วยแววตาสงสัย ผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตลี้ลับ ทั้งยังเป็ผู้ใช้มีดเช่นเดียวกับเหลิ่งเยว่ ความสามารถของเขานับว่าร้ายกาจมาก ไม่แน่ว่าเขาอาจเป็อาจารย์ของเหลิ่งเยว่ก็ได้
“อัจฉริยะแห่งนิกายเฮ่าเยว่ ทางที่ดีอย่าได้พบข้าอีก” หลินเฟิงคิดในใจอย่างเ็า จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปตรวจค้นศพของปิงหยวนและมองหาแหวนมิติ
ปิงหยวนได้ประมูลซื้อไฟปีศาจจิ้งจอกเจ็ดหาง ซึ่งมันอาจซ่อนไว้ในตัวเขาหรือบางทีมันอาจจะอยู่ในแหวนมิติของเขาก็ได้ นอกจากนี้เขายังมีหินหยวนบางส่วนที่ไม่ได้ใช้และคงไม่สามารถใช้มันได้อีก ดังนั้นหลินเฟิงจึงริบมาเป็ของตัวเอง
ในเมื่อหลินเฟิงเป็ฝ่ายสังหารเขา แหวนมิติวงนี้ก็ต้องเป็ของเขา หากเขาไม่หยิบมา มันคงเป็เื่ที่น่าเสียดาย
หลินเฟิงถอดแหวนมิติออกจากนิ้วของปิงหยวน และหยดเืของตัวเองลงไปในแหวนมิติ ทันใดนั้นจิตสำนึกของหลินเฟิงก็ถูกรุกราน ก่อนที่กลิ่นอายอันเย็นะเืจะค่อยๆ สลายไปในวินาทีต่อมา นั่นคือกลิ่นอายของปิงหยวนที่หลงเหลือไว้
ไฟปีศาจจิ้งจอกเจ็ดหางอยู่ในแหวนมิติ นอกจากนี้มันยังมีเคล็ดวิชาบางอย่างและหินหยวนจำนวนไม่มากอยู่ด้านในอีกด้วย แต่สำหรับหลินเฟิงแล้ว เขาไม่ได้สนใจของเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ เขา้าแค่ไฟปีศาจจิ้งจอกเจ็ดหางเท่านั้น เพราะมันเป็ของที่ล้ำค่ามาก ซึ่งปิงหยวนต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อประมูลมันมา แต่ตอนนี้มันกลับตกอยู่ในมือของหลินเฟิงอย่างง่ายดาย
เมื่อรวมกับหม้อัเก้า์ที่เขาประมูลมาและมีดเสี้ยวจันทราที่ปล้นมาจากเหลิ่งเยว่ เรียกได้ว่าตอนนี้ของล้ำค่าที่สุดในการประมูลทั้งสามชิ้นได้ตกอยู่ในมือของหลินเฟิงแล้ว
“เมืองเทียนลั้วมีสมบัติมากมายยิ่งนัก” หลินเฟิงหัวเราะออกมาเบาๆ ในวันแรกที่เขามาถึงเมืองเทียนลั้ว เขาได้เจอหญ้าิญญา และตอนนี้เขายังได้รับสมบัติล้ำค่าถึง 3 ชิ้น โดยเฉพาะหม้อัเก้า์ซึ่งเป็หนึ่งในสิบหม้อหินโบราณที่มีชื่อเสียงที่สุด การที่หลินเฟิงได้มันมานั้น ถือได้ว่าเป็โชคดีมหาศาล
ถึงแม้ว่าหม้อหินในตอนนี้จะดูเก่ามาก นอกจากรูปแกะสลักที่ดูราวกับมีชีวิตแล้ว อย่างอื่นล้วนดูธรรมดา แต่ในเมื่อมันเป็หนึ่งในสิบหม้อหินโบราณที่มีชื่อเสียงที่สุด มีหรือที่มันจะธรรมดา? มันจะต้องซุกซ่อนพลังมหาศาลไว้อย่างแน่นอน เพียงแค่รอให้เขาดึงมันออกมาใช้เท่านั้น
แต่น่าเสียดายที่มันเก่าแก่เกินไป ทำให้หลินเฟิงไม่รู้ว่าจะไปหาข้อมูลเกี่ยวกับมันได้จากที่ไหน ดังนั้นหลินเฟิงจึงไม่รู้วิธีใช้หม้อัเก้า์
…
ใน่กลางดึกอันเงียบสงัด ที่ห้องพักด้านหลังของภัตตาคารเทียนอี้ หลินเฟิงอยู่ในห้องของเขาและกำลังนั่งสมาธิอยู่บนเตียง ตอนนี้เขากำลังเข้าไปในห้วงความทรงจำของตัวเองอยู่ ซึ่งวิธีนี้เป็วิธีที่ดีที่สุดที่เขาจะได้ข้อมูลมา
ความทรงจำของผู้ฝึกยุทธ์ที่ทรงพลังเป็สิ่งที่ล้ำค่า ไม่ว่าจะเป็การปรุงยาหรือการสร้างอาวุธล้วนเป็สิ่งที่มีค่ามาก ต่อให้ใช้สมบัติที่มีค่ามาแลกก็ไม่คุ้ม อีกทั้งความทรงจำเหล่านี้คือสมบัติที่ผู้ฝึกยุทธ์ผู้นั้นมอบให้หลินเฟิงด้วยตัวเอง ดังนั้นหลินเฟิงจึงหวงแหนมันเป็พิเศษ
ในขณะนั้นเอง ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงัน ทำให้หลินเฟิงลืมตาขึ้นมาทันที
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก...”
เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น หลินเฟิงจึงกล่าวตอบเสียงเรียบว่า “เข้ามา”
เื้ัประตูที่ถูกเปิดออก ก็พบสาวงามนางหนึ่งปรากฏตัวอยู่ด้านนอก แต่นางไม่ใช่เมิ่งฉิง หลินเฟิงปรายตามองเล็กน้อยก็จำได้ว่าอีกฝ่ายก็คือหลันเจียว สาวงามผู้ทรงเสน่ห์นั่นเอง
แม้ว่าตอนนี้จะดึกมากแล้ว แต่หลันเจียวก็ยังคงสวมเสื้อผ้าบางๆ ดูเย้ายวน
นางได้เปลี่ยนไปสวมชุดกระโปรงสีแดงเพลิงเปิดไหล่ เพื่อโชว์หัวไหล่ขาวผ่องอันกลมมน และยังเผยร่องอกกับเนินอกที่อวบอิ่มออกมาเล็กน้อย ความขาวเนียนที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า ช่างเป็ภาพที่เย้ายวนจนชายใดก็ไม่อาจอดกลั้น
“ทั้งสวยงามและมีเสน่ห์”
หลินเฟิงคิดว่าคงมีเพียงสองคำนี้เท่านั้น ที่สามารถอธิบายลักษณะของผู้หญิงคนนี้ได้ ดวงตาของหลินเฟิงฉายแววสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย กลางดึกเช่นนี้หลันเจียวมาหาเขาทำไม? นอกจากนี้ยังสวมเสื้อผ้าที่ยั่วยวนเช่นนี้อีก นางไม่ห่วงความปลดภัยของตัวเองเลยหรือ?
“คุณชายหลิน ข้าเข้าไปได้ไหม?”
หลันเจียวเอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงเย้ายวน ขณะที่ดวงตาของนางเป็ประกายระยิบระยับประหนึ่งดวงดาวบนฟากฟ้า
หลินเฟิงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า “เข้ามาสิ”
เมื่อหลันเจียวได้ยินหลินเฟิงอนุญาตแล้ว นางก็เดินเข้าไปในห้องทันที ก่อนจะนั่งลงและกล่าวกับหลินเฟิงว่า “คุณชายหลิน ข้าขอโทษจริงๆ ที่มารบกวนท่านในยามวิกาลเช่นนี้”
หลินเฟิงส่ายหน้าเล็กน้อยและถามว่า “เ้ามีธุระอะไร?”
“หากหลันเจียวไม่มีธุระใดๆ ก็ไม่สามารถมาหาคุณชายหลินได้เลยหรือ?” หลันเจียวถามอย่างตรงไปตรงมา ขณะที่ส่งสายตาหว่านเสน่ห์ไปให้หลินเฟิง ขณะที่กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
“แม่นางหลันเจียวมาหาข้าถึงห้องเช่นนี้ คงไม่ได้คิดจะมาเยี่ยมเยือนข้าเฉยๆ สินะ!”
หลินเฟิงยังคงยิ้มกว้างอยู่เหมือนเดิม ที่หลันเจียวมาหาหลินเฟิงกลางดึกเช่นนี้ แสดงว่ามีคนส่งนางมาสอดแนมเขา เมื่อคิดถึงแรงจูงใจที่ซ่อนเร้นของนางแล้ว ทำให้น้ำเสียงของหลินเฟิงติดจะเสียดสีอีกฝ่ายอยู่บ้าง
“คุณชายหลิน ท่านช่างไม่เข้าใจความรักเอาเสียเลย”
หลันเจียวหัวเราะเบาๆ ขณะที่ดวงตากระจ่างใสคู่นั้นซุกซ่อนความไม่พอใจเอาไว้ แต่ยามที่จ้องมองหลินเฟิงกลับดูเหมือนว่า นางอยากจะหลอมละลายหลินเฟิงลงเสียตรงนี้
แต่สิ่งที่หลันเจียวไม่รู้ก็คือ หลินเฟิงสามารถควบคุมตัวเองได้ดีกว่าคนทั่วไป เมื่ออยู่ต่อหน้าสาวงาม
“ถ้าข้าเข้าใจในความรักล่ะก็ เกรงว่าตอนนี้แม่นางหลันเจียวคงไม่ปลอดภัยมาจนถึงตอนนี้แน่”
หลินเฟิงกล่าวขณะเหลือบมองหน้าอกของนาง หัวใจของเขาสั่นไหวเล็กน้อย ทั้งความขาวเนียนและอวบอิ่มนั่น ไม่ว่าชายใดก็ยากที่จะปฏิเสธมันได้ หากหลินเฟิงไม่มีจิตใจที่แน่วแน่และแข็งแกร่งพอล่ะก็ ป่านนี้เขาคงลงมือจัดการนางไปแล้ว
“ถ้าคุณชายหลินอยากจะ ‘รัก’ หลันเจียวผู้นี้ก็ไม่รังเกียจ”
หลันเจียวหัวเราะคิกคัก ก่อนจะลุกขึ้นยืนและเดินไปหาหลินเฟิง จนมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา ทำให้หลินเฟิงสามารถมองเห็นความขาวเนียนที่อวบอัดได้ชัดเต็มสองตา
เห็นได้ชัดว่าหลันเจียวจงใจทำแบบนี้ ผู้หญิงคนนี้คิดจะหว่านเสน่ห์ใส่เขา ไม่รู้ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของนางคืออะไรกันแน่?
“ในเมื่อแม่นางหลันเจียวเชิญชวนขนาดนี้ ข้าหลินเฟิงก็คงปฏิเสธไม่ได้”
หลินเฟิงกล่าวขณะลุกขึ้นยืน เขาเดินไปหาหลันเจียวช้าๆ ทำให้หลันเจียวใ จนก้าวถอยหลังไปโดนไม่รู้ตัว เมื่อเห็นสาวงามตรงหน้าขยับถอยหลัง หลินเฟิงก็เผยรอยยิ้มออกมา
“คุณชายหลิน ท่านนี่แย่จริงๆ” หลันเจียวถอยหลังไปอย่างระมัดระวัง ขณะที่พูดจายั่วเย้า
“แม่นางหลันเจียว เ้ามายั่วยวนข้าถึงห้อง แต่กลับไม่ให้ข้าทำอะไรเลย นี่หมายความว่าอย่างไร?”
หลินเฟิงกล่าวเสียงเรียบต่อไปว่า “แม่นางหลันเจียว เ้ามาหาข้าถึงที่นี่ มีจุดประสงค์อะไรกันแน่?”
ดวงตาของหลันเจียวฉายแววประหลาดใจออกมา หลินเฟิงไม่หลงเสน่ห์นาง ทำไมล่ะ? หรือว่านางยังยั่วยวนเขาไม่พอ?