รถม้ายังคงแล่นไปข้างหน้าอย่างโคลงเคลง เยวี่ยเจาหรานที่อยู่นอกรถไม่รู้เื่ราวภายในรถ บังเอิญเลิกม่านหน้าต่างขึ้นมาพอดี “อวิ๋นเฟย...” คำพูดเอ่ยไปเพียงครึ่งหนึ่ง ถึงมองออกว่าสถานการณ์ตรงหน้านี้มีบางอย่างผิดปกติ เยวี่ยเจาหรานก้มหน้าลงอย่างละอาย แล้วจึงกดเสียงต่ำลงเอ่ยอย่างรวดเร็ว “ใกล้จะถึงบ้านแล้ว อดทนอีกนิดนะ”
เยวี่ยเจาหรานพูดจบอย่างรวดเร็ว ก่อนจะปล่อยม่านลง แล้วขับรถต่อไปแสร้งทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น
ชั่วขณะหนึ่งเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดีสองมือบีบทับซ้อนกัน ผ่านไปครู่หนึ่งถึงขานตอบอย่างอ้ำๆ อึ้งๆ “ชิวเยวี่ย... เื่นี้... จะเร่งร้อนไม่ได้ เร่งร้อนไม่ได้...”
“ข้าเพียงอยากจะถามเปี่ยวเกอ ว่าจะยินยอมแต่งกับข้าหรือไม่...”
สวี่ชิวเยวี่ยเอ่ยด้วยเสียงสะอึกสะอื้นขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วใรีบร้อนยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้นาง แต่มือกลับถูกสวี่ชิวเยวี่ยคว้าไว้ในฉับพลัน ทำเอาเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วในยามนี้ตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทางไหนล้วนไม่ได้ทั้งนั้น
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วในตอนนี้ถูกคนเอาไปวางไว้บนเตาไฟแล้วจริงๆ หากยามนี้ตนปฏิเสธไป เช่นนั้นสวี่ชิวเยวี่ยก็คงจะต้องคิดว่าตนรังเกียจนาง... รังเกียจร่างกายของนางที่เคยถูกย่ำยีให้ด่างพร้อย แต่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้นจริงๆ ถึงอย่างไรเื่นี้ตัวนางเองก็ยึดโยงความรับผิดชอบ ราวกับว่าเมื่อคืนพวกคนชั่วที่ไม่น่าตายดีเ่าั้ก็คือตัวของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเองอย่างไรอย่างนั้น
ทว่า…
หากเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วในยามนี้ตอบตกลงสวี่ชิวเยวี่ย เช่นนั้นหลังจากนี้ก็คงจะมีเื่วุ่นวายไม่หยุดหย่อน ไม่เพียงต่อไปเยวี่ยเจาหรานจะไม่อาจมีชีวิตอย่างสงบสุข ความลับที่ว่าแท้จริงแล้วตนไม่ใช่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วนี้ ก็คงจะถูกขุดคุ้ยออกมาในไม่ช้าแน่ ถึงตอนนั้นทั้งจวนเยี่ยนก็จะเดือดร้อนไปกันหมด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงจวนเยวี่ย หากสืบสาวราวเื่ต่อไป น่ากลัวว่าคงจะเกิดปัญหาเช่นกัน
นอกจากนี้ตนเองก็เป็สตรี หากแต่งงานกับสวี่ชิวเยวี่ยจริง เช่นนั้นจึงจะเป็การไม่รับผิดชอบอย่างแท้จริง…
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่กำลังลำบากใจนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ในที่สุดก็เอ่ยกับสวี่ชิวเยวี่ยขึ้นด้วยความจริงใจ “ก่อนที่เราจะไปอารามชี ไม่ใช่ว่าหมายมั่นเื่การแต่งงานไว้แล้วหรอกหรือ... คุณชายจ้าวผู้นั้น เป็คนหนุ่มมากสามารถที่ไม่เลวคนหนึ่งเลยจริงๆ ดีกว่าข้าเป็ไหนๆ ข้าเป็เพียงคนโง่เขลาเบาปัญญา... หากเ้าพร้อมใจอยากจะแต่งงาน เช่นนั้นเปี่ยวเกอจะช่วยเ้าสร้างความมั่นคงกับทางจวนจ้าวให้...”
“แต่ข้าไม่อยากแต่งกับเขา”
น้ำเสียงของสวี่ชิวเยวี่ยเยือกเย็นและเฉยเมยอย่างผิดปกติ ทำให้เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่เรื่อยเฉื่อยจนเคยตัวก็ยังสะดุ้งใ นางตกตะลึงอยู่อย่างนั้น ไม่พูดไม่จาไปชั่วขณะ
เมื่อเห็นแววตาของสวี่ชิวเยวี่ยเย็นะเืลง ก่อนจะไม่เอ่ยคำพูดอะไรอีก เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วกลับเริ่มร้อนใจขึ้นมา “เฮ้อ เปล่า… เปี่ยวเกอไม่ได้หมายความอย่างนั้น... อะแฮ่ม”
ขณะที่กำลังคิดว่าตนควรจะเสริมว่าอย่างไรนั้น เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็รู้สึกว่าในสมองพัวพันกันยุ่งเหยิง เอ่ยคำพูดใดก็ล้วนไม่ลื่นไหล มั่วซั่วไร้ทิศทาง ไม่มีหลักตรรกะอะไรเลยแม้แต่น้อย
“ข้าหมายถึง... เอ่อ ความหมายของข้าก็คือ... คุณชายจ้าวดีว่าข้า หากชิวเยวี่ยอยากจะออกเรือน แต่งกับเขาจะต้องเป็ผลดีอย่างยิ่งแน่นอน...” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเม้มปาก รู้สึกว่าคงจะพูดไปพอสมควรแล้วหรือไม่นะ? ทว่าเมื่อเงยหน้าขึ้นมอง สีหน้าของสวี่ชิวเยวี่ยก็ดูย่ำแย่ขึ้นมาอีกครั้ง
อย่างไรเสียสีหน้าท่าทางเช่นนั้นของสวี่ชิวเยวี่ย... ก็ดูไม่เหมือนท่าทีตามปกติเลยจริงๆ
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วพลันไม่กล้าเอ่ยอะไรอีก แล้วเงียบไปพักใหญ่ ราวกับรถม้าทั้งคันพลิกคว่ำไปแล้วอย่างนั้น สวี่ชิวเยวี่ยนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงเอ่ยซ้ำประโยคนั้นขึ้นมาอีกครั้ง “ข้าบอกไปแล้ว เปี่ยวเกอ ข้าไม่อยากแต่งกับคุณชายจ้าวอะไรนั่น หากท่านไม่อยากแต่งกับข้า ข้าก็ไม่แต่งงานแล้ว”
“ชิวเยวี่ย...” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วยามนี้ใอย่างยิ่ง ถึงอย่างไรความคิดของผู้หญิงคนนี้ก็ยากจะคาดเดาจริงๆ และสวี่ชิวเยวี่ยที่ได้รับาแและความกระทบกระเทือนอันใหญ่หลวงนั้น ความคิดจิตใจคงจะคาดเดาได้ยากยิ่งขึ้นไปอีก
อีกด้านเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่ไม่ได้เข้าใจเื่พวกนี้เท่าไรนักได้แต่พยักหน้า ให้ทุกอย่างเป็ไปตามแต่คำพูดของสวี่ชิวเยวี่ยแล้วกัน
“ก็ได้ หากเ้าไม่อยากแต่ง เปี่ยวเกอก็จะช่วยเ้าปฏิเสธงานแต่งครั้งนี้... ต่อไปมีหากโอกาส อืม... เปี่ยวเกอจะหาการแต่งงานที่ดียิ่งกว่านี้ให้ เ้าว่าเป็อย่างไร?”
สวี่ชิวเยวี่ยยกมือขึ้นเท้าคาง พลางมองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่เอ่ยอะไรแม้แต่คำเดียว
เมื่อนั้นเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็หวั่นใจขึ้นมาอีก หรือว่า... หรือว่าสวี่ชิวเยวี่ยอยากแต่งงาน? แต่ว่าท่าทีของสวี่ชิวเยวี่ยที่เห็นเมื่อครู่ อย่างไรก็ไม่เหมือนท่าทีของคนที่พร้อมใจจะแต่งงานเลย หรือว่านางเพียงอยากจะแต่งกับสตรีเช่นตนอย่างนั้นหรือ?!
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วโบกมืออยู่ในใจไม่หยุด บอกกับตัวเองอย่างเอาเป็เอาตายว่าไม่ได้ๆ เอาเป็ว่าหากศัตรูไม่ขยับ ข้าไม่เขยื้อนก็แล้วกัน ในเมื่อสวี่ชิวเยวี่ยไม่ได้พูดอะไรอีก เช่นนั้นตนก็รีบปิดปากไม่ต้องพูดจาเหมือนกัน ไม่แน่ว่าพูดไปพูดมาประเดี๋ยวคงได้เกิดปัญหาอะไรอื่นขึ้นมาอีก!
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่สงบนิ่งลงแล้วได้จมดิ่งลงสู่ความเงียบไปด้วยกันกับสวี่ชิวเยวี่ยที่อารมณ์ไม่ดีนัก รถม้าแล่นโคลงเคลงมาถึงหน้าประตูจวนเยี่ยนในที่สุด ทั้งสามคนต่างคนต่างมีเื่ในใจ ลงจากรถไปพร้อมกัน ก่อนจะแยกย้ายกลับเรือนของตนไป แต่เมื่อฮูหยินเยี่ยนเห็นท่าทีของสวี่ชิวเยวี่ยไม่ดีนัก จึงเรียกเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเอาไว้
“เยี่ยนอวิ๋นเฟย...”
เสียงของฮูหยินเยี่ยนดังขึ้นเื้ั เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วและเยวี่ยเจาหรานหยุดฝีเท้าลงพร้อมกัน สบตากันเล็กน้อย แล้วถอนหายใจเบาๆ อย่างสิ้นหวังยิ่ง
“ไปเถอะ ไปเถอะๆ ...” เยวี่ยเจาหรานเอ่ยกับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเสียงเบา จากนั้นตนก็วิ่งหนีไปอย่างไร้ซุ่มเสียง เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วได้แต่กัดฟันอยู่เผชิญหน้ามารดาโดยลำพัง “ท่านแม่... มีอะไรหรือ?”
ฮูหยินเยี่ยนเหลือบมองเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วอย่างเ็า แล้วจึงหันหลังเดินไปที่ห้องเอ่ยเพียง “ตามข้ามา”
“ท่านแม่ เื่ของชิวเยวี่ยไม่เกี่ยวกับข้าเลยจริงๆ นะ... ครั้งนี้ท่านใส่ร้ายข้ากับเยวี่ยเยียนหรานโดยไม่มีความผิดจริงๆ จริงๆ นะ!” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วสองมือกอดอก แล้วโยกไปโยกมาไม่หยุดเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ แต่ฮูหยินเยี่ยนน่ะหรือ? นางไม่เข้าใจและไม่เชื่อเลยแม้แต่น้อย เอ่ยอย่างเ็า “เ้าอย่ามาบ่ายเบี่ยง ข้าเห็นว่าหากเื่นี้ไม่ใช่ปัญหาของเ้า ก็คงเป็ปัญหาของสะใภ้แสนรักคนนั้นของเ้า! เ้าจงอธิบายมาให้ชัดเจนเสีย!”
เพื่อเป็การปฏิบัติตามสัญญาที่ให้ไว้กับสวี่ชิวเยวี่ย เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจึงปิดปากเงียบ ผ่านไปเนิ่นนานกว่าจะเอ่ยคำพูดออกมา “ท่านแม่จะเชื่อหรือไม่ก็ช่าง เื่นี้ไม่ใช่ปัญหาของข้าจริงๆ แล้วก็ไม่ใช่... ไม่ใช่ปัญหาของเยวี่ยเยียนหรานด้วย!”
ฮูหยินเยี่ยนจะเชื่อก็ดีไม่เชื่อก็ช่าง เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วสองมือล้วงกระเป๋าไม่สนใจใครทั้งนั้น ทั้งไม่เอ่ยคำพูดใดแม้แต่คำเดียว
ไม่มีทางเลือก ฮูหยินเยี่ยนได้แต่เปลี่ยนหัวข้อ ทำเหมือนว่าเมื่อครู่ไม่มีเื่อะไรเกิดขึ้นอย่างนั้น “เช่นนั้นเ้าว่าเื่การแต่งงานของเปี่ยวเม่ยเ้ากับคุณชายจ้าวสักหน่อยสิ...”
“โธ่เอ๊ยท่านแม่ ท่านอย่าพูดถึงเื่นี้เลย ข้าได้ยินคนเล่าลือว่า คุณชายจ้าวผู้นั้นเป็คนห่าม ไม่เป็ชื่นชอบอย่างยิ่ง แต่งไม่ได้ แต่งด้วยไม่ได้จริงๆ ข้าไม่อาจผลักเปี่ยวเม่ยของข้าเข้าไปในถ้ำหมาป่าทะเลเพลิงอะไรเช่นนั้นได้หรอก...”
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วส่ายหัวโบกมือไปมา แล้วเอ่ยปฏิเสธไม่หยุด เห็นเช่นนั้นฮูหยินเยี่ยนก็พลันเกิดความระแวงสงสัยขึ้นมา ตอนแรกไม่ใช่เยวี่ยเยียนหรานกับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วสองคนนี้หรอกหรือที่พยายามแนะนำคุณชายจ้าวอะไรนั่นกับตนไม่หยุดหย่อน? บอกว่าเขารูปงามสง่าความสามารถเพียบพร้อม เป็บุรุษหนุ่มผู้พร้อมด้วยความดีงามทั้งสามประการอันหาได้ยากไม่ใช่หรือ?
เหตุใดจากที่เคยยืนกรานให้แต่งงานให้ได้ ยามนี้กลับเอาแต่พูดว่าไม่ได้กัน...
