นอกจากนี้ยัง...เต็มไปด้วยความสงสาร!
ในยามนี้หลงเซี่ยวอวี่ราวกับเป็ค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาว มู่จื่อหลิงสามารถมองเห็นทุกอารมณ์ที่ปรากฏอยู่ในดวงตาอันลึกล้ำราวกับทะเลกว้างใหญ่ได้ในชั่วพริบตา
ดวงตาใสของนางสงบราวกับแอ่งน้ำนิ่ง นางเอนตัวพิงแขนของเขา แล้วมองดูเขาอย่างเงียบๆ
และในยามนี้ ใบหน้าของนางสงบลงอย่างไม่คาดคิด แต่กลับมีระลอกคลื่นเกิดขึ้นภายในหัวใจของนาง มันเป็ระลอกราวกับมีน้ำหยดใส่ และนางไม่อาจควบคุมให้มันสงบลงได้เป็เวลานาน
“มู่มู่ เ้ายกโทษให้เปิ่นหวางได้หรือไม่?” หลงเซี่ยวอวี่หลุบตาลง ดวงตาของเขานุ่มนวล เต็มไปด้วยความรักใคร่ลึกซึ้ง จ้องมองมาที่นางอย่างจริงจังและระมัดระวัง
คนที่เขา้า และจะไม่มีวันปล่อยมือจากนางไป ในยามนี้ร่างของนางราวกับถูกปกคลุมไปด้วยหนามแหลมคม เช่นนั้นเขาก็จะค่อยๆ ดึงมันออกไปทีละอัน
ผ่านไปสักพักหนึ่ง หัวใจที่ปั่นป่วนของมู่จื่อหลิงที่เต็มไปด้วยอารมณ์ซับซ้อน ก็สามารถเห็นความรักที่ลึกซึ้งในดวงตาของหลงเซี่ยวอวี่ได้
นางไม่คาดคิดมาก่อนว่าฉีอ๋องผู้เย่อหยิ่ง ทั้งเ็าและเฉยเมย จะมากล่าวโทษตนเองในยามนี้ ทั้งยังคลายมือออกจากการโอบกอดแล้วกล่าวคำขอโทษกับนาง
ยกโทษให้เขา? นางมีสิทธิ์อะไรไปกล่าวโทษเขา? มู่จื่อหลิงถามตัวเอง
ความจริงแล้ว หากพูดตามตรง มันไม่ใช่ธุระอะไรของเขา เป็ตัวของนางเองที่้าไปที่ป่าสายหมอก เมื่อถูกตามล่า นางจะสามารถตำหนิผู้ใดได้?
เขาตามหานางแค่นี้ก็ดีแล้ว และไม่มีภาระผูกพันที่จะต้องส่งนางกลับมา
ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเขา นางไม่เคยเข้าใจเลย ไม่เข้าใจเลย!
เพียงเพราะว่าครั้งนั้น หัวใจของนางเต็มไปด้วยความปีติยินดี แต่เพียงครู่เดียวเท่านั้น เพราะนางถูกทอดทิ้งไว้ข้างหลัง และนางก็เกือบจะต้องจบชีวิตลง ดังนั้น ความสุขทั้งหมดจึงจมอยู่ในก้นหุบเขา เหลือเพียงสิ่งเดียวคือความเดียวดาย
มีเพียง์และนรกอยู่ในห้วงความคิดเท่านั้น
นางคิดว่าในสถานการณ์นั้น ไม่ว่าผู้ใดก็รู้สึกไม่มีความสุข ไม่ต้องพูดถึงว่าในยามนั้นนางเกือบจะมอบหัวใจให้ไป
เพราะเหตุนี้ นางจึงไม่สามารถตัดออกได้ด้วยเหตุผลที่ยังคลุมเครือ
ดังนั้นนางจึงมีความกังวลอย่างมาก ทั้งไม่พอใจและมีความคับข้องใจที่ไม่สามารถบรรยายได้
แต่ยามนี้หลงเซี่ยวอวี่กำลังโทษตนเอง ทั้งยังขอโทษที่ทิ้งนางไว้ข้างหลัง เขาเต็มไปด้วยความห่วงใยในตัวนาง
เมื่อคืนนางไม่ได้มองผิดไป มันไม่ใช่ภาพลวงตา
เขาห่วงใยนาง แต่เขาไม่ได้มีคนที่สนใจอยู่แล้วหรอกหรือ?
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม จากบทเรียนในอดีต นางได้เข้าใจแล้วว่าชายผู้นี้สูงส่งอย่างยิ่ง มีพลังมหาศาล มีต้นทุนที่แข็งแกร่งจนไม่มีผู้ใดเทียบได้ ทั้งยังมีกลยุทธ์ในการปกครองที่ไม่มีที่สิ้นสุด
ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบและไร้ที่ตินั้นเป็ที่ชื่นชมของหญิงสาวทุกคนในใต้หล้า
และดูเหมือนว่านางกับเขาจะยืนอยู่บนเส้นทางที่เป็เส้นขนานกันเท่านั้น และไม่มีวันที่จะผสานกันได้
ด้วยสัญชาตญาณแรกของผู้หญิง นางรู้ว่าผู้หญิงในชุดขาวนั้นไม่ธรรมดา มันง่ายถึงเพียงนั้น
แม้การเหลือบมองเพียงชั่วครู่ จะยังไม่สามารถบอกได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างหลงเซี่ยวอวี่กับผู้หญิงชุดขาวเป็อย่างไร
แต่ผู้หญิงในชุดขาวมีความรักอย่างลึกซึ้งต่อหลงเซี่ยวอวี่ ซึ่งนางมั่นใจในเื่นี้มากถึงร้อยส่วน
มันเป็เื่ปกติที่คนในสมัยโบราณจะมีสามภรรยาสี่อนุ ยิ่งกับหลงเซี่ยวอวี่ผู้มีอำนาจ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
แม้ว่าในยามนี้นางจะปรับตัวเข้ากับสถานการณ์และปฏิบัติตามธรรมเนียมได้แล้ว แต่นางก็ยังไม่ใช่ผู้หญิงที่อาศัยอยู่ในโลกนี้อยู่ดี
ใจของนางนั้นคับแคบ เล็กจนไม่อาจเก็บแม้กระทั่งฝุ่นเอาไว้ได้ ต่อหน้าผู้ชายแบบนี้ แม้ว่าหัวใจจะเกิดความรู้สึก นางก็ยังไม่กล้าสานสัมพันธ์โดยง่าย
ด้วยนางรู้ดีว่าเมื่อมอบหัวใจไปแล้ว ก็จะไม่มีวันหนีพ้นได้อีก
บนร่างของเขาดูเหมือนจะมีความลึกลับมากเกินไปไม่ต่างจากนาง
ทุกคนล้วนมีความลับ และทุกคนมีสิทธิ์ที่จะปกป้องความลับของตนเอง
นางมีความลับจากอีกโลกหนึ่งที่นางไม่สามารถบอกต่อผู้ใดได้
ดังนั้น เื่ของเขา หากเขาไม่พูด นางก็จะไม่ถามเช่นกัน
นางไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันหน้า แต่ในยามนี้ นางไม่สามารถหลีกหนีจากสถานการณ์นี้ได้
เนื่องจากหนีไม่พ้น จึงทำได้เพียงยึดมั่นในหัวใจของตนเท่านั้น
มู่จื่อหลิงไม่ได้พูดอะไรออกมาเป็เวลานาน แต่ในจิตใจกลับเต็มไปด้วยความคิดมากมาย
“หืม?” เสียงของหลงเซี่ยวอวี่นั้นอ่อนโยนและนุ่มนวล เสียงที่ขึ้นจมูกช่างน่าฟังมากจริงๆ
มู่จื่อหลิงกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง ก่อนจะพูดอย่างลังเลว่า “ข้า...”
นางกะพริบตา ั์ตาสวยวาววับ ปากเป็สีอมชมพู จ้องมองไปที่หลงเซี่ยวอวี่ แล้วกล่าวว่า “อยากให้ข้ายกโทษให้ก็ได้ แต่หลังจากนี้ท่านไม่อาจกักข้าไว้ในเรือน ไม่ให้ออกไปภายนอกได้อีกต่อไป”
แม้ว่านางจะโทษเขาจริงๆ แต่ภายใต้การควบคุมของอำนาจที่แข็งแกร่งกว่าของเขา นางจะให้อภัยหรือไม่ให้อภัยเขา มันมีความแตกต่างตรงไหนกัน?
ยิ่งไปกว่านั้น เพียงเพราะนางถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ต้องยืนอยู่บนเส้นชีวิตและความตายอีกครั้ง ในใจจึงมีสิ่งที่คอยทิ่มแทงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งมันทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจ มันเป็ความผิดของเขาจริงๆ หรือ ตัวนางเองก็ไม่รู้เช่นกัน
แต่อย่างไรก็ตาม นางคาดว่า หากนางกล้าพูดออกไปเช่นนั้น ตามอย่างที่เขาขอให้นางพูด เขาจะไม่ใจดียอมปล่อยนางออกไปอีก แล้วนางจะต้องถูกรัดคอจนตาย
นางไม่รู้ว่าฉีอ๋องขอโทษใครบางคนเป็ครั้งแรกหรือไม่ แต่ก็ยังรู้สึกเป็เกียรติอย่างยิ่งที่ทำให้ฉีอ๋องสามารถวางมาดลงและขอโทษได้เช่นนี้
ดังนั้น เนื่องจากเขา้าขอโทษ นางจึงต้องขออะไรบางอย่าง
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม มันก็เป็เื่ยากที่จะให้ฉีอ๋องเอ่ยขอโทษเป็การส่วนตัว คงจะดีไม่น้อยหากจะต่อรองในตอนนี้
ดังนั้นมู่จื่อหลิงจึงจ้องมองไปยังหลงเซี่ยวอวี่อย่างตั้งใจ ั์ตามีน้ำใสเป็ประกายระยิบระยับ ในดวงตาราวกับมีดวงดาวกะพริบเปล่งประกาย
ริมฝีปากของหลงเซี่ยวอวี่ยกขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะหัวเราะออกมาเบาๆ!
ั์ตาสีดำนั้นดุจหมึก รอยยิ้มที่มิอาจละเลย เปรียบเสมือนดวงดาวที่เจิดจ้าพราวเสน่ห์ส่องประกายระยิบระยับ
เขาลูบจมูกสีชมพูอ่อนๆ ของมู่จื่อหลิงด้วยความรัก รูม่านตาสีดำวาววับมีร่องรอยของความอ่อนโยน “ได้ ต่อไปจะไม่กักตัวไว้อีก!”
หลงเซี่ยวอวี่หัวเราะออกมา หัวใจของมู่จื่อหลิงเต้นแรงในทันที จ้องมองมาที่เขาอย่างว่างเปล่า นางเกือบจะตกตะลึง
ครั้งสุดท้ายที่นางเห็นเขายิ้ม นางได้เห็นเพียงแค่แวบเดียวเท่านั้น ยามนั้นเป็ยามที่นางกำลังอารมณ์ไม่ดี แต่ในยามนี้นางอยู่ใกล้แค่เอื้อม นางจึงมองเห็นได้ชัดเจนมากจริงๆ
ในเวลานี้ เขาได้ขจัดความเย่อหยิ่งและความเยือกเย็นออกไป ริมฝีปากบางที่สวยงามของเขายกขึ้นเล็กน้อย มีส่วนโค้งที่งดงามยากจะละสายตา ใบหน้าที่เฉียบคมของเขาดูงดงามจนน่าทึ่ง
เขาดูดีมากในยามที่เขายิ้ม ทำให้คนตกหลุมลงไปโดยไม่รู้ตัว ยาวนานราวผ่านไปเป็พันพันปี
ไม่รู้ว่าเป็เพราะในวันหน้าสามารถออกไปข้างนอกได้อย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมา หรือเพราะท่าทางของหลงเซี่ยวอวี่ ที่ทำให้มุมปากของมู่จื่อหลิงยกขึ้นอย่างอดไม่ได้ ราวกับกำลังอารมณ์ดี
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด นางจะอ้างเหตุผลนี้เพียงเท่านั้น
หลงเซี่ยวอวี่ฝังใบหน้าของเขาลงมาอย่างเงียบๆ ซุกบนกลุ่มผมที่ระบนไหล่ของนาง สูดกลิ่นหอมจางๆ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของนาง หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็กระซิบเบาๆ ว่า “อย่ากังวลไปเลย ในยามนี้ไม่อาจกักตัวเ้าไว้ได้ เช่นนั้นก็จะยึดติดอยู่ข้างกายเ้า”
เสียงของเขาเบามากจนแทบไม่ได้ยิน มู่จื่อหลิงหันไปด้านข้างแล้วมองมาที่เขาอย่างว่างเปล่า ก่อนจะถามด้วยความสงสัย “ท่านกล่าวว่าอย่างไรนะ?”
ดวงตาของหลงเซี่ยวอวี่ จับจ้องมาที่นางอย่างหนักแน่น เขาไม่ได้พูดอะไรอีก อารมณ์ภายใต้ดวงตาลึกล้ำของเขาสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
มู่จื่อหลิงก็จ้องมองอย่างนิ่งเฉย รอให้เขาตอบ แต่ผ่านไปครู่หนึ่ง หัวใจของนางก็เริ่มสั่นไหวเล็กน้อย ใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็สีแดงโดยไม่มีการเตือน
เนื่องจากนางพบสิ่งผิดปกติ ใบหน้าที่หล่อเหลาของหลงเซี่ยวอวี่ดูเหมือนจะขยายใหญ่ขึ้น และเข้าใกล้นางมากขึ้นเรื่อยๆ
ดูเหมือนรับรู้อะไรบางอย่าง มู่จื่อหลิงรีบหลบตาของเขา แล้วกดหัวของเขาให้แแ่ไปกับซอกคอของตน
แต่หลงเซี่ยวอวี่ก็ยังเหยียดมือที่ขาวสะอาดของเขาออกมาเพื่อจับแก้มที่อ่อนนุ่มของนาง จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง บังคับให้ดวงตาของนางจ้องมองไปที่เขา
น้ำเสียงของเขาเบาลงเล็กน้อย และดูเหมือนว่าจะมีกลิ่นอายของความชั่วร้าย เขาบีบแก้มสีชมพูของนางเบาๆ “มู่มู่คนโง่ ในเมื่อชอบมองเปิ่นหวางมากถึงเพียงนี้ เปิ่นหวางก็จะยอมให้เ้าได้มอง ดีไหม?”
กล่าวคือ ดูเหมือนว่าจะได้รับอนุญาตจากฉีอ๋อง ให้สามารถมองอย่างเปิดเผยและซื่อตรงได้
หากเป็หญิงอื่น สิ่งนี้คงเป็สิ่งที่ยอดเยี่ยมและเป็เกียรติอย่างยิ่ง แต่พวกนางกลับไม่มีโอกาสได้รับสิ่งนี้ และก็จะไม่ได้รับเกียรติเช่นนี้
อย่างไรก็ตาม สำหรับมู่จื่อหลิงซึ่งมีทั้งพร์และเกียรติยศเช่นนี้ มันจึงเป็ความรู้สึกโกรธและหดหู่!
เพียงเพราะคำพูดเหล่านี้ อารมณ์ที่ยุ่งยากและซับซ้อนแต่เดิมของมู่จื่อหลิงจึงกลายเป็ปัญหาในทันที
อะไรที่บอกว่านางชอบมองเขา? นางชอบมองเขาั้แ่เมื่อใดกัน?
ทันใดนั้นเส้นสีดำสามเส้นก็ปรากฏขึ้นบนหน้าผากของมู่จื่อหลิง นางพูดไม่ออก
ชายผู้นี้กำลังสับสนบางอย่างต่อนางหรือไม่? หรือว่ากำลังมีไข้?
หลงตัวเองมาก! แต่สิ่งที่น่ารำคาญและน่าเกลียดที่สุด ก็คือ ชายผู้นี้หยิ่งผยองและหลงตัวเองอย่างถึงที่สุด
“ผู้ใดชอบมองท่านกัน? โอ้อวดเกินจริง!” มู่จื่อหลิงสูดลมหายใจเข้าอย่างโกรธจัด
เสียงสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ดังขึ้น! หน้าตาดูดีแล้วอย่างไร นางไม่ใช่ผีสางเทวดา ถึงแม้ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่น่าเบื่อ แต่เมื่อมองนานเข้า นางก็ต้องมีภูมิคุ้มกันบ้าง เข้าใจไหม?
และั้แ่นางได้พบกับเ้าปีศาจน้ำแข็งผู้นี้ ในยามนี้เมื่อนางพบกับชายรูปงามผู้อื่น นางก็จะมีภูมิคุ้มกันขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
มู่จื่อหลิงเงยหน้าขึ้น หรี่ตาลง ก่อนจะหันหน้าไปจ้องมองที่เขาอย่างสงสัย
ในท้ายที่สุด นางอดไม่ได้ที่จะคลายความสงสัยในหัวใจของนางลง ยื่นมือขาวสะอาดออกมาเพื่อััหน้าผากที่เรียบเนียนของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ
“แปลก ท่านก็ไม่มีไข้นี่” มู่จื่อหลิงพึมพำกับตนเอง
ท่าทีของชายผู้นี้เปลี่ยนไปมาก ฝ่ายไหนคือตัวจริงของเขากันนะ? มู่จื่อหลิงยังคงงงงวย
แต่มู่จื่อหลิงไม่ทราบ ว่านี่เป็ครั้งแรกที่ฉีอ๋องแสดงความอ่อนโยนของตนออกมาต่อหน้านางและมันเป็เื่จริง อีกทั้งเขาจะยังคงเผยให้เห็นด้านอ่อนโยนอย่างไม่สะทกสะท้านในภายภาคหน้า
หลงเซี่ยวอวี่ไม่คิดว่ามู่จื่อหลิงจะััใบหน้าของเขา เขาชะงักเล็กน้อย จากนั้นเขาจึงตอบสนองด้วยรอยยิ้มจางๆ ที่ปรากฏขึ้นที่มุมปาก ก่อนที่เขาจะถามอย่างเรียบง่ายว่า “ปากแข็ง เ้ากล่าวว่าไม่ชอบมอง เช่นนั้นเ้าจะััข้าทำไม?”
จู่ๆ มู่จื่อหลิงก็รู้สึกราวกับมีบางอย่างติดคอ!
มือเล็กที่ยังคงััหน้าผากของหลงเซี่ยวอวี่อยู่ กำหมัดแน่นขึ้นมาในทันที หากไม่ใช่เพราะชายผู้นี้ ในยามนั้นนางคงไม่มีความกล้าที่จะััมัน
ไม่อย่างนั้น นางคงจะชกต่อยใบหน้าหล่อเหลานี้ ที่นำหายนะมาสู่แคว้นและประชาชนไปนานแล้ว เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนกับสิ่งมีชีวิตทั้งปวง
ที่นางทำเรียกว่าััได้หรือ? นั่นคือการทดสอบเข้าใจไหม?
ชายผู้นี้ไม่บิดเบือนข้อเท็จจริงมากไปกว่านี้ได้หรือไม่! มันทำให้ดูเหมือนว่านางกำลังกินเต้าหู้เขาอยู่
หากให้ทำมากกว่านี้ เขาที่ไม่เคยทนทุกข์ทรมาน ต้องมาโดนััจนทั่ว เช่นนี้คุ้มหรือไม่?
คิดถึงเื่นี้แล้ว เช่นนั้น...
“ฮึ่ม!” มู่จื่อหลิงเหวี่ยงหมัดของตนอย่างขุ่นเคือง ระบายเสียงพ่นลมออกมาอย่างแรง ก่อนจะหันหน้าหนี และตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อเขา
แววตาของหลงเซี่ยวอวี่ดูจนปัญญากับนางแวบหนึ่ง ก่อนที่มันจะหายวับไป จากนั้นเขาก็จับใบหน้าของมู่จื่อหลิงอย่างแรงให้หันหน้ากลับมา เอ่ยด้วยน้ำเสียงเอาแต่ใจ “หากเ้าชอบดู ก็จงมองดูให้ชัดเจน แล้วสลักใบหน้านี้ของเปิ่นหวางไว้ให้แน่นภายในดวงใจของเ้า”
“เพื่อ...” อะไร มู่จื่อหลิงเกือบจะโพล่งออกมา แต่สุดท้ายใช้เหตุและผลในใจข่มมันลงไปได้ จึงทำหน้ามุ่ย แล้วพูดกับเขาไปว่า “พูดมากเกินไปแล้ว ผู้อื่นรับไม่ไหวแล้ว”
ผู้ชายคนนี้เอาแต่ใจจริงๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้