สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้หลัวเลี่ยประหลาดใจและใ
เขารู้สึกว่าถ้าภาพลวงตาเกิดจากแก่นพลังั ก็อาจทำให้เขามองเห็นความมหัศจรรย์ของับรรพชนได้
ับรรพชนเป็สิ่งมีชีวิตที่เก่าแก่ที่สุดในตำนาน เก่าแก่กว่าเทพในปัจจุบัน ไม่มีใครรู้ว่าับรรพชนทรงพลังเพียงใด รู้เพียงว่าับรรพชนเปรียบดั่งเทพองค์หนึ่ง ที่สามารถสร้างโลกขึ้นมาใหม่ได้ และดำรงชีวิตอยู่ในจุดสูงสุด
หลัวเลี่ยจ้องมองที่ร่างของับรรพชนในจิตสำนึกเป็เวลานาน แต่ไม่สามารถมองเห็นความลึกลับใดๆ ได้
เขาทำได้เพียงยอมแพ้
เดินกลับไปสู่เส้นทางัเดิม
สำหรับแก่นพลังัที่เผ่าัทิ้งไว้ในกลองจู่หลงนั้น เป็พลังที่คนนอกเผ่าไม่สามารถรับไว้ได้ เว้นแต่ว่าจะมีกรณีพิเศษ
หลัวเลี่ยเดินออกจากเส้นทางัและกลับไปที่ก้นเรือัมหาสมุทรคำรน
อาชาเดือนดารัญปรากฏกายขึ้นมาทันที มันเอียงหัวถูไถไปกับอกของหลัวเลี่ยอย่างรักใคร่
เสวี่ยปิงหนิงมีสีหน้าแปลกๆ
คล้ายจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม
"นี่คือการแสดงออกแบบใดกัน?" หลัวเลี่ยถาม
เสวี่ยปิงหนิงส่ายหัว "ข้าควรบอกเ้าว่าจุดประสงค์ที่ข้าส่งเ้าไปคืออะไร"
หลัวเลี่ยกล่าวว่า "หยุดการคุกคามของเยาวชนจากเผ่าั"
"แล้วเ้าเล่า" เสวี่ยปิงหนิงถาม "เ้ากลัวว่าเยาวชนจากเผ่าัจะไม่มาหาเ้าใช่ไหม การทำลายกลองจู่หลงด้วยตนเองจะเป็การยั่วโมโหเผ่าัที่มักจะหยิ่งทะนงในตัวเองมากเกินไป กุญแจสำคัญคือการทำลายกลองจู่หลง แล้วเ้าจะได้รับจิติญญาของับรรพชน ซึ่งเป็สิ่งล่อใจที่ไม่มีใครในเผ่าัจะปฏิเสธได้"
“เ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าทำกลองจู่หลงแตก” หลัวเลี่ยถาม
เสวี่ยปิงหลงพูดด้วยความโกรธ "ข้าอยู่ข้างนอก ถึงข้าจะมองไม่เห็นข้างใน แต่ข้าก็ได้ยินเสียง"
หลัวเลี่ยพูดอย่างเฉยเมย "ในเมื่อไม่มีทางที่จะหยุดการก่อกวนของเผ่าัได้ เช่นนั้นก็ปล่อยพวกเขา ข้าก็อยากััความแข็งแกร่งของเผ่าัเช่นกัน"
เยาวชนทุกคนบนโลกสามารถต่อสู้ได้ ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เื่ใหญ่สำหรับหลัวเลี่ย
“พวกเขาไม่จำเป็ต้องมา และเ้าจะต้องมาถึงประตูอย่างแน่นอน” เสวี่ยปิงหนิงกล่าว
หลัวเลี่ยตบหน้าผากของตัวเอง เขาจดจำผลของแก่นพลังัได้
สำหรับเผ่าั การเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานของกลองจู่หลงคือการนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของสายเืโดยตรง มันสามารถเปลี่ยนัธรรมดาให้กลายเป็ัที่แท้จริงชั้นยอด และทำให้ัตัวจริงสามารถแปลงร่างได้ แน่นอนว่ามันเป็สิ่งที่ัทุกคน้า
สำหรับคนอย่างหลัวเลี่ยที่ไม่มีเืั มีเพียงสถานที่เดียวที่เขาต้องไปให้ถึง
สังเวียนับรรพชน!
ขึ้นไปที่สังเวียนับรรพชนและได้รับสมบัติวิเศษ
"หนึ่งปียังอีกนาน พวกเราไปที่สังเวียนับรรพชนก่อนเถิด!"
หลัวเลี่ยได้ตัดสินใจแล้ว
พูดตรงๆ ว่าเว้นแต่จะมีสายเืของเผ่าั ผลของแก่นพลังของบรรพบุรุษัจะเป็อันตราย ถ้ามันอยู่ในร่างกายเป็เวลานานจะส่งผลต่อจิติญญา
เขาและเสวี่ยปิงหนิงขี่อาชาเดือนดารัญตรงไปที่สังเวียนับรรพชน
ในวังั ลูกแก้วยังคงส่องแสงในความมืด
หลงโต้วไห่และหลงชายังคงเงียบ
ความตกตะลึงบนใบหน้าของทั้งสองคนหายไปแทนที่ด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน
พวกเขาเห็นหลัวเลี่ยทำลายกลองจู่หลงด้วยตาของพวกเขาเอง และรู้สึกใเกินกว่าจะบรรยายออกมาได้ พวกเขาถามตัวเองว่า ถ้าพวกเขาอายุเท่าหลัวเลี่ยแล้วเผชิญหน้ากับกลองจู่หลงที่มีัผู้พิทักษ์คอยคุ้มกันอยู่ พวกเขาก็คงไม่แม้แต่เริ่มต้นโจมตีได้ แล้วนับประสาอะไรกับการทำลายมัน
“หลัวเลี่ย เ้าสร้างความวุ่นวายได้ดีจริงๆ ตอนนี้เผ่าัมีชีวิตชีวาขึ้นมาแล้ว” หลงชากล่าว
“นี่ไม่ใช่สิ่งที่เ้าอยากเห็นหรอกหรือ?” หลงโต้วไห่กลอกตา
หลงชากล่าวว่า “ข้าหวังว่าจะเห็นหลัวเลี่ยประลองกับเยาวชนของเรา และไม่เคยหวังเช่นนี้ เขาทำลายกลองจู่หลงและได้รับแก่นพลังับรรพชนไป เขาจะกำจัดเยาวชนของเราออกไปอย่างแน่นอน เป็ไปได้มากว่าการต่อสู้ตามปกติแต่เดิมจะกลายเป็การนองเื และท้ายที่สุดแล้วทัศนคติของหลัวเลี่ยที่มีต่อเผ่าัจะเป็ความเกลียดชัง และนั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้า้าเห็น”
หลงโต้วไห่ถอนหายใจ “สิ่งเหล่านี้ล้วนอยู่ในขอบเขตที่ควบคุมได้ หรือแม้ว่ามันจะควบคุมไม่ได้ แต่เ้ากับข้าก็ไม่อาจเข้าไปแทรกแซงได้ สิ่งที่ข้ากังวลคือองค์หญิงสาม ก่อนหน้านี้เราสามารถปิดบังเื่ที่หลัวเลี่ยอาจขึ้นเป็เทพได้ ตอนนี้กลองจู่หลงถูกทำลายแล้ว เื่นี้ต้องรู้ถึงองค์หญิงสามแน่ ข้านึกไม่ออกจริงๆ ว่าความสัมพันธ์ขององค์หญิงสามในอนาคตจะเป็อย่างไร"
“ข้ารู้ว่าเ้ากังวลเกี่ยวกับเื่นี้ แต่เ้าก็รู้ดีกว่าข้า ว่าจากบุคลิกขององค์หญิงสามนั้น เป็ไปไม่ได้ที่พระองค์จะโดนคนที่อยู่นอกเผ่าัล่อลวง นอกจากนี้สิ่งที่นาง้ามากที่สุดในตอนนี้ก็คือการแก้แค้น” หลงชายิ้ม
“ใช่แล้ว การแก้แค้น” หลงโต้วไห่ก็ยิ้มเช่นกัน “ข้าลืมเื่ 'ผู้มีัอยู่ในเป้า' ไปเลย องค์หญิงสามเกลียดคนผู้นั้นเข้ากระดูกดำ พระองค์ทรงพ่ายแพ้ให้คนคนนั้นสิบครั้งติดต่อกัน องค์หญิงสามจะลืมความรู้สึกนั้นไปได้อย่างไร” ความกังวลของเขาหายไป และเขากลับรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยแทน “หลงชา ข้าว่าพวกเราควรไปดูความตื่นเต้นด้วยกันดีหรือไม่”
หลงชายิ้มและพูดว่า “แน่นอน เยาวชนที่มีพร์ในเผ่าัของเราได้เริ่มดำเนินการแล้ว สังเวียนับรรพชนถูกกำหนดให้เป็สถานที่คึกคัก ซึ่งไม่ด้อยกว่าเหตุการณ์ไก้อู๋ซวงในแคว้นหลงเหยียน” ในตอนนั้นเองก็มีแสงยาวพุ่งเข้าไปที่มือของหลงชา เขาหลับตาลงเล็กน้อย จากนั้นก็เปิดเปลือกตาขึ้นและหัวเราะออกมาเสียงดัง
หลงโต้วไห่ถาม “ได้ข่าวว่าอย่างไร”
หลงชากล่าวว่า “เพิ่งมีข่าวว่าอัจฉริยะแนวหน้าสองคนในกลุ่มเยาวชนเผ่าัของข้าได้ออกเดินทางไปยังสังเวียนับรรพชนแล้ว”
“หา? หลงไป๋จางและหลงเติ้งอวิ๋นก็ลงมือเช่นกันหรือ เื่นี้น่าสนใจแล้ว" หลงโต้วไห่กล่าว
“นอกจากพวกเขาสองคน ยังมีเด็กหัวกะทิจำนวนมากจากเผ่าัที่จะจัดตั้งกลุ่มต่อสู้ ไม่ว่าหลัวเลี่ยจะแข็งแกร่งแค่ไหน มันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาปวดหัวได้” หลงชากล่าวอย่างมีความสุข “ฮ่าๆ แก่นพลังัของกลองจู่หลงนั้นเทียบไม่ได้กับพลังัที่แผ่ซ่านไปทั่วจนทำให้คนในเผ่าักลายร่างได้ เื่นี้เยาวชนทุกคนในเผ่าัก็ได้เตรียมการไว้แล้ว”
หลงโต้วไห่กล่าวว่า “แล้วเผ่าทะเลเล่า?”
เผ่าทะเลคือภายในทะเลทั้งสี่เผ่าพันธุ์สัตว์น้ำที่ยกเว้นเผ่าัเรียกว่ารวมกันว่าเผ่าทะเล
หลงชากล่าวว่า “นั่นยังเป็ปริศนา แน่นอนว่าพวกเขาทั้งหมดถูกส่งออกไปแล้ว สังเวียนับรรพชนในวันนี้กำลังกลายเป็สังเวียนยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยมีมาก่อน ที่รวบรวมหัวกะทิจากเผ่าัและเผ่าทะเลจนเพียงพอที่จะดึงดูดความสนใจของคนทั้งดินแดนได้”
หลงโต้วไห่กล่าวว่า “หลัวเลี่ยกำลังจะสร้างเื่ใหญ่อีกครั้ง”
“นั่นไม่จำเป็ต้องเป็ความจริง ในจัตุรัสเหยียนหลงเขาก็แค่ต่อสู้กับไก้อู๋ซวง และตอนหลังก็มีเกาอวิ๋นเหลิ่งเพิ่มเข้ามา แต่ตอนนี้ทุกคนล้วนเป็คนที่เก่งที่สุดในท้องทะเล ดังนั้นหลัวเลี่ยคนเดียวจึงไม่มีโอกาสผ่านไปได้” หลงชากล่าวอย่างแน่วแน่ว่า “เขาจะกลายเป็บันไดไปสู่ชัยชนะของผู้อื่น จนแม้แต่แก่นพลังับรรพชนและของขวัญจากจักรพรรดิแดนประจิมไท่อีก็ยังถูกปล้น และระยะเวลาหนึ่งปีที่เพิ่งเริ่มต้นขึ้นที่อูอวิ๋นเซียนมอบให้มันอาจจะจบลงเลยก็เป็ได้”
แม้ว่าหลงโต้วไห่้าจะคัดค้าน แต่คู่ต่อสู้ที่หลัวเลี่ยดึงดูดมานั้นมีจำนวนที่มากและน่ากลัว และเขาไม่สามารถหาเหตุผลใดๆ ค้านได้ แม้ว่าจะเป็การเคลื่อนไหวที่น่าใของหลัวเลี่ยเพื่อทำลายกลองจู่หลงก็ตาม
จริงอยู่ว่าถ้าคนคนเดียวล้มเขาไม่ได้ แล้วถ้าทุกคนรวมพลังกันจะทำไม่ได้เลยหรือ?
ยิ่งไปกว่านั้น ในบรรดาอัจฉริยะทั้งหลายยังมีอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้ซึ่งไม่อ่อนแอกว่าหลัวเลี่ยอยู่