ราตรีอันแสนยาวนาน
ณ ตำหนักชุ่นเทียน แคว้นเป่ยฉีภายในวังหลวงขนาดใหญ่ยังคงส่องสว่างไปด้วยแสงไฟ
แสงเปลวเพลิงสาดส่องใบหน้าหญิงสาวให้สว่างขึ้นรอยแผลเป็ที่ลากยาวจากมุมตาไปจนถึงข้างแก้มปรากฎให้เห็นอย่างน่าสะพรึงกลัว
เส้นผมสีดำสนิทปลิวไสวไปตามสายลมยามค่ำคืนรอยแผลบนใบหน้าเดิมที่ดูดุดันกลับดูนุ่มนวลขึ้นเล็กน้อย
“สตรีเพศแท้จริงแล้วนางเป็สตรีจริงๆ …”
ท่ามกลางฝูงชนไม่รู้เลยว่าผู้ใดเป็ผู้ะโคำเ่าั้ออกมา
เทพาแห่งชื่ออวี่ที่ทุกคนในแผ่นดินชื่ออวี่หวาดกลัวได้ยินเมื่อใดก็ขวัญหนีดีฝ่อ แท้จริงแล้วนางเป็เพียงสตรีผู้หนึ่ง!
ราชทูตทั้งห้าแคว้นในเหตุการณ์ไม่ว่าใครก็ต่างไม่กล้าเชื่อว่า ในไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้นแม่ทัพเหนียนที่ทำให้แคว้นพวกเขาก้มศีรษะยอมแพ้ คาดไม่ถึงว่าจะเป็อิสตรี!
ในชั่วขณะนั้นทุกคนล้วนใอย่างยิ่งยวด
หลังจากหายใสิ่งที่ปะทุตามมาก็คือความคับแค้นและความโกรธา
แผ่นดินชื่ออวี่เจ็ดแคว้นเป็อิสระปกครองตนเอง แปดปีก่อนนอกจากแคว้นซีเหลียงที่อยู่ทางตะวันตกแล้วแคว้นอื่นอีกไม่กี่แคว้นในแผ่นดินรวมถึงในแคว้นเป่ยฉีต่างก็สมดุลคานอำนาจซึ่งกันและกัน
ทว่าคนผู้หนึ่งที่ปรากฏตัวในแคว้นเป่ยฉี ‘เหนียนยวี่’ เขาเข้าร่วมกองทัพั้แ่เยาว์วัยอายุน้อย กล้าหาญเก่งกาจการต่อสู้ พร์ทางการทหารไร้คู่ต่อสู้เทียบเทียม
ภายในเวลาไม่กี่ปีเทพาหนุ่มทำาสู้รบไปแล้วทั่วทุกสารทิศ พิชิตตะวันออกจรดชายแดนใต้สนับสนุนการาาภิเษกของฮ่องเต้พระองค์ใหม่ ตราบใดที่ยังมีเขาอยู่แผ่นดินชื่ออวี่ไม่เคยปรากฏยุทธวิธีที่พ่ายแพ้ ครั้งแล้วครั้งเล่าสร้างตำนานเล่าขานไว้
โดยเฉพาะครั้งนั้นที่เจวี๋ยเฉิงเทพาชื่ออวี่นำทัพทหารห้าพันคน เข้ากวาดล้างทหารศัตรูนับแสนนาย!
สมญานามของเทพาชื่ออวี่ในแผ่นดินชื่ออวี่นั้นไร้ผู้ใดเทียบเคียง
เป่ยฉีค่อยๆ มีอำนาจขึ้นทีละนิดๆนอกจากแคว้นซีเหลียง แคว้นอื่นๆ ก็ทยอยกลายเป็เมืองขึ้นของเป่ยฉีแผ่นดินชื่ออวี่ในยามนี้ แบ่งเป็สองแคว้นคือ เป่ยฉีและซีเหลียง
เทพาชื่ออวี่เป็เทพาแห่งเป่ยฉีทว่ากลับเป็ฝันร้ายของแคว้นอื่น
“ฆ่านาง ฆ่านาง…”ราชทูตห้าแคว้นะโเสียงดังพร้อมกันจนหูแทบหนวก
เหนียนยวี่ที่นั่งอยู่บนรถเข็นรู้สึกถึงสายตาอาฆาตของทุกคนที่อยากจะสับนางเป็หมื่นๆ ชิ้นมุมปากค่อยๆยกยิ้มขึ้นบางเบา
พวกเขาอยากจะฆ่านางแล้วอย่างไร?
หลายปีที่ผ่านมานี้ นาง ‘เหนียนยวี่’ ก็เป็เพียงเบี้ยหมากตัวนึง!
เหนียนยวี่เอนตัวลงบนรถเข็นอย่างอ่อนแรงทว่าสายตานางยังคงมีความเฉียบคมของเทพาไม่เปลี่ยนแปลงจ้องมองบุรุษที่ยืนอยู่ท่ามกลางสายลมยามค่ำคืนในชุดคลุมสีเหลืองทองของฮ่องเต้ความดุร้ายราวสัตว์ป่าที่ฉายชัดในสายตากลับยิ่งรุนแรงขึ้น
แปดปีก่อน ตอนที่พวกเขาพบกันครั้งแรกครั้งนั้นเขาสวมชุดขาวทั้งตัว สง่างามผ่าเผย สูงส่ง เขาเคยกล่าวว่าเขาอยากเป็องค์ชายผู้เอ้อระเหยลอยชายไปทั้งชีวิต ไม่สู้รบไม่แย่งชิงไม่ต่ำต้อยไม่จองหอง แต่ใครจะรู้ เขา ‘จ้าวเยี่ยน’ เป็นักต้มตุ๋นอันดับหนึ่งบนโลกหล้านี้ปกปิดซุกซ่อนความปรารถนาอันแรงกล้าของตัวเองภายใต้สีขาวอันบริสุทธิ์ หลอกลวงทุกคน
จ้าวเยี่ยนถูกนางมองจนใจฝ่อหวาดผวาไม่กล้าสบตานาง
“จ้าวเยี่ยน แล้วเ้าล่ะ? อยากจะฆ่าข้าด้วยหรือไม่? ” กลิ่นอายของเหนียนยวี่หอมราวกล้วยไม้ กระซิบกระซาบเสียงเบาราวคนที่รักกัน
“เหนียนยวี่เ้ากล้าดียังไงเอ่ยนามของฝ่าา!”
คนที่เปิดปากพูดขึ้นมาคือบุตรสาวคนโตของจวนตระกูลเหนียนพี่สาวต่างมารดาของเหนียนยวี่ หญิงงามอันดับหนึ่งแห่งเป่ยฉี
“กล้าดี? หึ ข้า เหนียนยวี่ เืสีแดงฉานก็เคยเห็นมาจนเคยชินคลานออกมาจากกองซากศพมา ก็นับครั้งไม่ถ้วน ย่อมใจกล้าเป็ธรรมดา”เหนียนยวี่ชำเลืองมองนางอย่างเรียบเฉยแล้วกลับมาจ้องจ้าวเยี่ยนอย่างไม่วางตาอีกครั้ง “จ้าวเยี่ยน เ้าสั่งให้ข้ากลับมารับปากให้คำมั่นสัญญาว่าจะแต่งตั้งข้าเป็ฮองเฮา พวกเราก็จะได้อยู่ด้วยกันแล้วตอนนี้มันคืออะไร? เ้า้าจะฆ่าข้าจริงๆ งั้นหรือ? ”
เขาเคยกล่าวว่าตราบใดที่นางได้ความดีความชอบในศึกามากพอ วันหนึ่งถึงแม้เปิดเผยฐานะเป็สตรีคุณงามความดีของนางก็จะช่วยให้นางพ้นโทษ
เขาบอกว่าเขาเป็ฮ่องเต้ก็เพียงเพื่อจะมีอำนาจพอจนสามารถคืนฐานะสตรีของนางได้ เพื่อจะได้อยู่ด้วยกันกับนาง
ทว่าทุกสิ่งทุกอย่างตรงหน้านี้...มันคืออะไร?
คิ้วของจ้าวเยี่ยนโฉบเฉียงเข้าหาขมับขมวดคิ้วเล็กน้อย ดวงตาเย็นเยียบอย่างไร้ความเมตตา “เหนียนยวี่ ขุนนางต้องโทษกายเป็สตรี ปลอมชื่อเป็ชาย โกหกหลอกลวงเจิ้น [1] ตบตาโลกหล้า ฆ่าฟันตามอำเภอใจ ปีเริ่นซวี ฤดูหนาวาที่เจวี๋ยเฉิง นำชีวิตทหารห้าพันนายไปสู้รบโดยไม่สนใจคำสั่งและข้อกล่าวหาเจ็ดสิบสองข้ออีกมากมาย เป็ความผิดที่ไม่สามารถให้การอภัยได้สั่งปะาโดยทันที”
เสียงอันเยือกเย็นของจ้าวเยี่ยน ราบเรียบไร้ความรู้สึกแม้แต่น้อย
ในหูเหนียนยวี่ได้ยินข้อกล่าวหาเจ็ดสิบสองข้อเต็มชัดสองรูหูหึ เป็ข้อกล่าวหาเจ็ดสิบสองข้อที่ดีเยี่ยมจริงๆ!
“จ้าวเยี่ยน ข้าเป็ผู้หญิงหรือไม่นั้นไม่ใช่ว่าเ้ารู้อยู่ั้แ่แรกแล้วหรือ? ” เหนียนยวี่กัดฟัน คิดถึงความรักฉันท์หญิงชายห้องหับอันงดงามเ่าั้ เหนียนยวี่ระงับความเกลียดชังภายในใจไว้ไม่อยู่ถามจ้าวเยี่ยนราวกับหัวใจถูกกระชากปอดถูกฉีก“เ้าลืมเื่เมื่อสองปีก่อนแล้วงั้นหรือ?แล้วลูกของเราที่ไม่มีโอกาสได้ออกมาดูโลกคนนั้นเล่า? ”
ในปีนั้นตอนที่ไปปราบปรามชายแดนใต้ นางตั้งครรภ์ เขาส่งนางไปรบ ระหว่างาทารกในครรภ์อายุได้ไม่กี่เดือนก็หลุดออกมาจากครรภ์ของนาง
เขาบอกว่า เขารักนางหลังจากนี้พวกเขาจะมีบุตรด้วยกันหลายคน ทว่าแท้จริงแล้ว คำพูดหวานๆ เหล่านี้ล้วนเป็เพียงอุบายไว้ควบคุมนางทั้งสิ้น
สีหน้าจ้าวเยี่ยนไม่น่ามองขึ้นบางส่วน“ทหาร รินสุรา!”
ทิ้งไว้เพียงคำสี่คำอันไร้ความรู้สึกเขาสะบัดแขนเสื้อแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
ทิ้งเหนียนยวี่ให้เผชิญหน้ากับผู้คนมากมายเพียงลำพัง
“น้องยวี่เอ๋อร์ เ้าเสียใจหรือไม่?” เหนียนอีหลานยกแก้วสุรามาแล้วเดินไปตรงหน้าของเหนียนยวี่ “ดื่มเถิดนี่เป็รับสั่งขององค์ฮ่องเต้ เตรียมมาให้เ้าเป็พิเศษ”
สุราพิษงั้นหรือ? เหนียนยวี่ชำเลืองมองของเหลวใสในแก้ว
“ฮ่าฮ่าเ้าในยามนี้แม้แต่เรี่ยวแรงถือแก้วต่อจากข้าก็ยังไม่มีสินะเทพาชื่ออวี่ผู้สง่าผ่าเผย ยามที่สองมือนี้เคยกุมดาบนั้นแข็งแกร่งมากเพียงใดช่างน่าเสียดายเสียจริง...” บนใบหน้ายิ้มแย้มของเหนียนอีหลาน เผยความรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจเป็อย่างมาก“ทว่ามิเป็ไร พวกเราพี่สาวน้องสาวสนิทสนมกันยิ่งสุราแก้วนี้...ข้าจะทำตัวเป็พี่สาวคนหนึ่งส่งเ้าไปเองอย่างไรเมื่อกี้เ้าก็ดื่มสุราที่ข้าและฝ่าามอบให้ ไม่ใช่หรือ? ”
เหนียนอีหลานพูดพลางบีบคางนางอย่างรวดเร็วหากเป็เมื่อก่อน แม้จะอยู่บนรถเข็น ก็ไม่มีใครได้เข้าใกล้ตัวของเหนียนยวี่ได้ร่างกายที่แขนขาไร้เรี่ยวแรงยามนี้ทำได้เพียงถลึงตามองไปยังเหนียนอีหลานที่กำลังกรอกสุราเย็นๆใส่ปากนาง
“เ้ารู้หรือไม่ว่านี่คืออะไร? ” บนใบหน้างดงามของเหนียนอีหลานรอยยิ้มชั่วร้ายนั้นทำให้ผู้คนขนหัวลุก คำสองคำค่อยๆ พูดออกมาจากปากนาง “เลี่ยซิน [2]”
เลี่ยซินงั้นหรือ?
สายตาของเหนียนยวี่ฉายแววไม่อยากเชื่อ
“ทำไม? กลัวงั้นหรือ?” เหนียนอีหลานหัวเราะในลำคออยู่ข้างหูของเหนียนยวี่“นี่น่าจะเป็สิ่งที่เ้าสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเ้าเองนะในปีนั้นาที่เจวี๋ยเฉิงเ้ายังจำได้หรือไม่? ทหารห้าพันนายของเ้าที่ถูกล้อมที่เจวี๋ยเฉิงเ้าคิดจริงหรือว่าเป็เพราะกำลังเสริมมาไม่ถึง? ฮ่าฮ่า ฝ่าาไม่เคยส่งกำลังเสริมไปั้แ่แรกต่างหากเล่า ไม่สิมีอยู่นะ มีแค่ข้าอย่างไรล่ะ เลี่ยซินมีพลังมหาศาลขนาดนี้ ทว่าเ้ากลับไม่ใช้มันฝ่าาจะยินดีได้อย่างไร?”
“เพราะเหตุนี้เป็เ้าทำให้ทหารห้าพันคนของข้าใช้เลี่ยซิน!” ั์ตาเหนียนยวี่สาดรังสีรุนแรงคมกริบดั่งคมดาบ
ที่แท้...ที่แท้มันเป็เช่นนี้งั้นหรือ!
เลี่ยซินนางคิดค้นมันขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ นางเคยนำไปทดลองกับสัตว์แล้วผลของยานั้นมันน่ากลัวเกินไป
มันสามารถกระตุ้นศักยภาพของผู้คนในเวลาอันสั้นได้ทำให้ผู้คนแข็งแกร่ง ไร้คู่ต่อสู้ ทว่าเมื่อผลของยาหมดลง ผู้ที่กินยานั้นเข้าไปทั่วทั้งร่างกายก็จะแห้งเหี่ยว หมดแรงและตายในที่สุด
เลี่ยซิน เลี่ยซินมันกำลังดูดกลืนชีวิตมนุษย์!
นางจำความตื่นเต้นในดวงตาตอนที่จ้าวเยี่ยนรู้จักเลี่ยซินได้อย่างชัดเจน เขายกให้มันเป็ยาวิเศษทว่าในความคิดของนาง มันกลับดูชั่วร้ายยิ่งกว่าสิ่งใดเสียอีก
ด้วยเหตุนี้ นางจึงทำลายสูตรยาแต่คาดไม่ถึงเลยว่า ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ยังได้เลี่ยซินมา!
“ใช่ เป็ข้าเองนำทหารห้าพันคนสังหารฟาดฟันกับทหารศัตรูหนึ่งแสนคน หึ เ้าควรจะขอบคุณข้านะถ้าไม่ใช่ข้า หลังาที่เจวี๋ยเฉิง จะเกิดตำนานอะไรแบบนี้ได้อย่างไรกัน? น่าเสียดาย ถ้าตอนนั้นเ้าตายไป ข้าก็จนปัญญาสารภาพกับฝ่าายาเลี่ยซินอันนี้ก็ทำให้เขายอมสยบต่อข้าตั้งนานแล้ว ทว่ายังโชคดีาครั้งนั้นเ้าเสียขาทั้งสองข้าง หึ เหนียนยวี่เอ๋ยเหนียนยวี่เ้าคิดจริงๆหรือว่าฝ่าาจะรักเ้า? ในสายตาของฝ่าา เ้าเป็เพียงแค่หมากตัวหนึ่งเทพาชื่ออวี่ที่ขาขาด สำหรับฝ่าาก็เป็แค่เบี้ยหมากที่ถูกเขี่ยทิ้งไปนานแล้ว เพราะฉะนั้นเ้าคงเห็นแล้วฝ่าาต้องพึ่งพาอำนาจของเมืองขึ้นอื่นๆ ้าอาศัยอำนาจตระกูลหนานกงของแม่ข้าทำลายซีเหลียงรวมเป็หนึ่งเดียวดังนั้นก็ทำได้แค่เสียสละเ้าเพื่อระงับความโกรธของแต่ละแคว้นอีกอย่างท่านพ่อเองก็รู้แผนนี้มาโดยตลอด เมื่อก่อนท่านพ่อรักประจบเ้ามากเชียวทว่ายามนี้ไม่ใช่เพื่อปกป้องสกุลเหนียน จึงเฝ้ามองดูเ้าตายงั้นหรือ ฮ่าๆเหนียนยวี่เอ๋ยเหนียนยวี่ เ้านี่ช่างน่าเศร้าจริงๆ”
น่าเศร้างั้นหรือ?
เหนียนยวี่จู่ๆ ก็หัวเราะขึ้นมาในพื้นที่กว้างโล่งเสียงหัวเราะนั้นดังสะท้อนก้องกังวานท่ามกลางแสงสียามราตรีในใจของผู้คนที่ได้ยินล้วนตื่นตระหนกและหวาดผวา
“เ้าหัวเราะอะไร? ” เหนียนอีหลานจ้องเขม็งไปที่เหนียนยวี่ “เ้าควรจะร้องไห้ประเดี๋ยวเ้าก็จะตายแล้ว ผู้ที่ควรหัวเราะควรเป็ข้าเ้าน่าจะรู้ดีว่าข้ารอวันนี้มานานแค่ไหน ข้าเฝ้าปรารถนาให้เ้าตายไปให้พ้นๆตั้งนานแล้ว เ้าตายแล้วความสนใจของฝ่าาก็จะเป็ของข้าไม่มีเ้าเทพาชื่ออวี่ ทั้งโลกหล้าก็จะสนใจแค่ข้าสาวงามอันดับหนึ่งแห่งเป่ยฉี เ้าลองดูใบหน้านี้ของเ้าสิ...แผลเป็นี้...”
ในสายตาของเหนียนยวี่มีร่องรอยของความบ้าคลั่ง “ปีนั้นตอนอายุสิบห้าข้าก็รู้อยู่แล้วว่าใบหน้าของเ้าจะกลายเป็ภัยคุกคามของข้าข้าจะยอมให้โลกนี้มีใบหน้าที่งดงามกว่าข้าได้อย่างไรโชคยังดี...ที่รอยแผลเป็นี้ทำลายเ้า เ้าคงไม่รู้หรอกว่าครั้งนั้นตอนที่เ้าไม่ได้สติแผลเป็รอยนี้เป็ข้าที่วางแผนสร้างขึ้นมาด้วยตัวเอง ข้าเฝ้ามองเืสดๆ นั้นไหลลงบนใบหน้าเ้า..."
ั์ตาเหนียนยวี่เข้มไปชั่วขณะหนึ่งรังสีที่เฉียบคมนั้น เต็มไปด้วยจิตสังหาร
อายุสิบห้า ยามนั้นที่บ้านตระกูลเหนียนเหนียนอีหลานเป็เพียงคนเดียวที่นางสนิทด้วย ทว่าไม่เคยคิดเลยว่า....นางจะเห็นตัวเองเป็หนามบ่งสายตา!
“มองข้าทำไม? ” เหนียนอีหลานราวกับว่ายังอยากทรมานใจของเหนียนยวี่เล่น“ครึ่งเดือนหลังจากนี้ ข้าก็จะอภิเษกสมรสกับฝ่าา เ้ากินเลี่ยซินเข้าไปแล้วข้าก็เลยตั้งใจเตรียมของขวัญชิ้นหนึ่งให้เ้าเป็พิเศษจำเหล่าสัตว์ร้ายที่ตำหนักชีอู๋ได้หรือไม่? เ้าว่าเทพาชื่ออวี่ที่กินยาเลี่ยซินแล้วต้องเข้าไปอยู่กับเหล่าสัตว์ป่าดุร้ายพวกนั้น ฝั่งไหนจะตายก่อนกัน? ”
“อ้อ น้องยวี่เอ๋อร์หวังว่าเ้าจะยืนหยัดอยู่ถึงวันนั้นนะ วันที่ข้าและฝ่าาอภิเษกสมรสกัน!ทหารเอาตัวเหนียนยวี่ไปตำหนักชีอู๋!”
เชิงอรรถ
[1] เปิ่นกง คำเรียกแทนตัวเองของฮ่องเต้
[2] เลี่ยซิน หมายถึง จิตแตกซ่าน