บทที่ 2 แหวนหยกพันปี
ป้าสะใภ้จางเดินไปที่ตู้โชว์ หยิบกล่องกำมะหยี่สีแดงขึ้นมาเปิดอวดอย่างภาคภูมิใจ รอยยิ้มบนใบหน้าที่โบกแป้งหนาเตอะนั้นดูบิดเบี้ยวและน่ากลัวในสายตาของหลานสาว
ภายในกล่อง... มีเพียงสร้อยคอยาวรุงรังที่ทำจากลูกปัดสีขาวขุ่นๆ ร้อยเรียงกัน ผิวของมันดูด้านๆ ไร้ความแวววาว รอยต่อของพลาสติกยังเห็นเด่นชัดราวกับของเล่นราคาถูกที่ขายชั่งกิโลตามงานวัด
"นี่คือไข่มุกทิพย์จากเกาะฮ่องกง!"
นางประกาศก้องด้วยแววตาเป็ประกายแห่งความโลภ
"ซินแสบอกว่าไข่มุกนี้ปลุกเสกด้วยพลังจักรวาล แค่มีไว้ในบ้าน เงินทองจะไหลมาเทมาเป็ร้อยเท่าพันเท่า! อีกไม่กี่วันพวกแกก็จะรวยเป็เศรษฐีกันหมดแล้ว จะมาทวงเงินต้นโง่ๆ ทำไม!"
ความจริงนางใช้เงินซื้อไปเพียง หนึ่งพันหยวน ส่วนเงินที่เหลือนั้นนางได้ใช้ไปกับครอบครัวและลูกชายของกว่าครึ่งแล้วตอนนี้เงินที่เหลืออยู่นั้นไม่ถึง ห้าร้อยหยวนด้วยซ้ำ แต่ว่านางจะบอกว่านำเงินสามพันไปซื้อหมดแล้ว ใครจะทำไม ใครจะมารู้กับนางด้วย!!
เหมือนสายฟ้าฟาดเปรี้ยงลงกลางกระหม่อม เหมยลี่มองสร้อยเส้นนั้นแล้วลมหายใจสะดุดห้วง โลกทั้งใบหมุนคว้างจนเธอต้องใช้มือยันพื้นเพื่อประคองร่างที่สั่นเทา
"พะ... พลาสติก?" เสียงของเธอแหบแห้งจนแทบไม่ได้ยิน
เงินสามพันหยวน...เงินจำนวนมหาศาลที่พ่อแลกมาด้วยเืเนื้อและชีวิต...เงินที่จะซื้อยาพ่นให้แม่หายใจสะดวก... เงินที่จะซื้อข้าวมื้ออิ่มให้น้องชาย...เงินที่เป็ฟางเส้นสุดท้ายของครอบครัว...
มันกลายเป็ขยะพลาสติกราคาไม่กี่เหมาในกล่องกำมะหยี่เนี่ยนะ?
น้ำตาเม็ดโตไหลทะลักออกมาอาบแก้มที่ซีดเผือด เหมยลี่เงยหน้ามองป้าสะใภ้ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามและความเ็ปรวดร้าวอย่างที่สุด
"ป้าทำแบบนี้ได้ยังไง..." เหมยลี่กรีดร้องเสียงสั่นเครือ
"นั่นมันเงินของพ่อฉัน! เป็เงินของครอบครัวเรา! ทำไม... ฮึก...ทำไมป้าไม่ถามพวกเราสักคำ!"
เธอพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้น แต่ขาที่อ่อนแรงทำให้เธอล้มพับลงไปกองกับพื้นอีกครั้ง แต่ดวงตายังจ้องมองป้าสะใภ้อย่างตัดพ้อ
"ป้ามีสิทธิ์อะไรเอาเงินพวกเราไปซื้อของพรรค์นี้? ป้าไม่เห็นเหรอว่าพวกเรากำลังจะอดตาย? แม่ฉันนอนกระอักเืรอเงินก้อนนี้... แต่ป้ากลับเอาไป...เอาไปทิ้งน้ำแบบนี้เนี่ยนะ!"
ความเจ็บใจมันจุกแน่นในอกจนเหมือนจะะเิ เหมยลี่ทุบกำปั้นลงกับพื้นหินขัดเงาวับ ระบายความอัดอั้นตันใจ
"เราเป็เ้าของเงินนะป้า! พวกเราต่างหากที่เป็เ้าของ! ทำไมป้าไม่ถามแม่ฉันสักคำว่าแม่้าไข่มุกบ้านี่หรือเปล่า? แม่ไม่ได้อยากรวย! แม่แค่อยากมีชีวิตอยู่!"
เสียงร้องไห้โฮของเด็กสาวดังก้องไปทั่วห้องโถงที่หรูหรา มันเป็เสียงร้องของความสิ้นหวัง ของคนที่ถูกผู้ใหญ่รังแกจนไม่เหลือทางสู้
"โอ้ยยย!! รำคาญ! พูดมากจริง"
ป้าสะใภ้จางตะคอกกลับ ไม่มีความสำนึกผิดแม้แต่น้อย
"ฉันหวังดีแท้ๆ ยังจะมาเนรคุณ! ก็แม่แกมันโง่! แกมันก็เด็กเมื่อวานซืน! ขืนให้เงินพวกแกไปบริหาร ก็มีแต่จะจนดักดานอยู่อย่างนั้น สู้เอามาลงทุนกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ดีกว่ารึไง!"
"ป้ามันบ้าไปแล้ว!"
ความอดทนเส้นสุดท้ายของเหมยลี่ขาดผึง ความกตัญญู ความเรียบร้อยที่เคยถูกสอนสั่ง มันพังทลายลงตรงหน้าความอยุติธรรมนี้
เมื่อรู้ว่าการเจรจากับป้าสะใภ้ผู้หน้าเืเป็เื่เปล่าประโยชน์ เหมยลี่จึงหันไปหาที่พึ่งสุดท้าย...ชายวัยกลางคนที่นั่งเงียบอยู่บนโซฟาหนังเทียมสีดำมาตลอดการสนทนา
"คุณลุง..."
เหมยลี่เรียกเสียงสั่นเครือ ค่อยๆ คลานเข่าเข้าไปหา เยว่กั๋วเหลียง พี่ชายแท้ๆ ของพ่อเธอ
ลุงใหญ่นั่งสูบบุหรี่มวนโต ควันสีเทาลอยโขมงบดบังใบหน้าที่ดูอิดโรยและขี้ขลาด เขาจ้องมองไปที่จอทีวีขาวดำตาไม่กะพริบ ทำราวกับว่าหลานสาวที่กำลังร้องไห้แทบขาดใจอยู่ตรงหน้าเป็เพียงอากาศธาตุ
"ลุงคะ... ลุงได้ยินที่ป้าพูดไหม?" เหมยลี่เอื้อมมือไปจับขากางเกงของลุง เขย่าเบาๆ เพื่อเรียกสติ
"ป้าเอาเงินของพ่อไปซื้อพลาสติกพวกนั้น...ลุงไม่คิดจะห้ามป้าบ้างเลยเหรอคะ?"
ลุงใหญ่ชะงักไปเล็กน้อย แต่ยังคงไม่ยอมหันมามองหน้าหลานสาว
"ลุงคะ...นั่นมันเงินแลกชีวิตของน้องชายลุงนะ!"
เหมยลี่ะโใส่ความเงียบงันนั้น น้ำตาแห่งความน้อยใจพรั่งพรูออกมา
"พ่อกั๋วเฉียงเป็น้องชายแท้ๆ ของลุงนะ! พวกลุงเติบโตมาด้วยกัน กินข้าวหม้อเดียวกัน ลุงจำไม่ได้แล้วเหรอ?"
ความเงียบในห้องน่ากลัวยิ่งกว่าเสียงฟ้าผ่า มีเพียงเสียงเพลงกวางตุ้งจากวิทยุที่ยังดังเย้ยหยัน
"ทำไมลุงถึงทำกับพวกเราแบบนี้..."
เหมยลี่สะอื้นจนตัวโยน ความเ็ปถาโถมเข้ามาจนเธอแทบหายใจไม่ออก
"แม่กำลังจะตาย...หลานของลุงกำลังจะไม่มีกิน...ลุงเห็นพวกเราเป็อะไร? พวกเราไม่ใช่หลานของลุงเหรอคะ? พ่อไม่ใช่คนสายเืเดียวกันกับลุงหรือไง! ทำไมลุงถึงปล่อยให้คนอื่นมารังแกครอบครัวน้องชายตัวเองได้ลงคอ!"
คำถามนั้นกรีดแทงเข้าไปในความเงียบ ลุงใหญ่เยว่ค่อยๆ หันหน้ามามองหลานสาว แววตาของเขาวูบไหวด้วยความละอายใจชั่ววูบ...แต่แล้วความกลัวเมียและความเห็นแก่ตัวก็กลับเข้ามาครอบงำ
เขาค่อยๆ แกะมือที่เปื้อนโคลนของเหมยลี่ออกจากขากางเกงอย่างรังเกียจ แล้วพ่นควันบุหรี่ออกมาทางจมูก ก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้หัวใจของเหมยลี่แหลกสลายไม่มีชิ้นดี
"เื่เงิน...ป้าเขาจัดการดีแล้ว"
ลุงใหญ่พูดเสียงงึมงำในลำคอ โดยไม่สบตาเธอ
"แกเป็เด็กอย่ามาเถียงผู้ใหญ่...กลับไปซะเถอะ ไป๊!! รบกวนเวลาพักผ่อน"
พูดจบ เขาก็เอื้อมมือไปหมุนปุ่มเพิ่มเสียงทีวีให้ดังขึ้น เพื่อกลบเสียงร้องไห้ของหลานสาว
เหมยลี่มองชายตรงหน้าด้วยความตะลึงงัน...นี่หรือคือพี่ชายที่พ่อเคยรักและเคารพ? นี่หรือคือลุงใหญ่ ที่พ่อเคยฝากฝังให้ช่วยดูแลครอบครัวหากเกิดอะไรขึ้น?
ความสัมพันธ์ทางสายเื...มันไม่มีความหมายอะไรเลยเมื่ออยู่ต่อหน้าความเห็นแก่ตัว ความศรัทธาในคำว่าครอบครัวของเหมยลี่ ขาดสะบั้นลงในวินาทีนั้นเอง
"เอาเงินคืนมานะ!"
เหมยลี่พุ่งตัวเข้าไปอย่างคนเสียสติ ไม่สนแล้วว่าอีกฝ่ายจะเป็ผู้หลักผู้ใหญ่
"เอาเงินคืนมาให้แม่ฉัน! เอาไปคืนซินแสเดี๋ยวนี้!"
เธอพยายามจะแย่งกล่องไข่มุกนั้นมา
"ว้าย! นังเด็กเปรต! จะปล้นคนแก่อย่างฉันเรอะ!"
ป้าสะใภ้หวีดร้อง เบี่ยงตัวหลบด้วยความใ เท้าอวบอูมไปชนเข้ากับตู้ไม้เก่าคร่ำคร่าข้างผนังอย่างแรง
กึง!
แรงกระแทกจากการยื้อแย่งทำให้ลิ้นชักชั้นล่างสุดของตู้ไม้เก่าที่ปิดไม่สนิทเลื่อนเปิดออก วัตถุบางอย่างกลิ้งหลุนๆ ออกมาจากมุมมืด...
"นั่นอะไรน่ะ!"
ป้าสะใภ้จางตาไวราวกับเหยี่ยวที่เห็นเหยื่อ นางรีบผละจากเหมยลี่ที่นอนร้องไห้ แล้วพุ่งตัวด้วยความเร็วที่ไม่น่าเชื่อสำหรับคนรูปร่างท้วม เข้าไปตะครุบวัตถุที่กลิ้งออกมาจากใต้ตู้ทันที
"ของเก่าแก่ของพ่อแกงั้นเหรอ? หรือจะเป็ทอง?"
นางรีบแบมือออกดูด้วยความหวังว่าจะได้เห็นประกายสีทองอร่ามหรือแสงแวววาวของเพชรพลอย
แต่ทว่า...ทันทีที่แหวนวงนั้นัักับมือที่เต็มไปด้วยความโลภของนาง ตัวแหวนกลับแสดงปฏิกิริยาต่อต้าน
ในสายตาของป้าสะใภ้ใหญ่จาง สิ่งที่นางถืออยู่ไม่ใช่หยกโบราณ แต่มันดูเหมือน ก้อนหินสีเขียวขุ่นๆ ที่ขึ้นรา ผิวััของมันหยาบกร้านราวกับกระดาษทราย และมีความเย็นเยียบชวนขนลุกราวกับจับซากสัตว์ตายซาก สีเขียวของมันดูหมองคล้ำจนเกือบดำ แถมยังมีรอยร้าววิ่งผ่านกลางวงเหมือนของที่แตกหักเสียหายจนซ่อมไม่ได้
มันพรางกายตัวเองให้ดูต่ำต้อยที่สุด...เพื่อหลบซ่อนจากคนที่ไม่คู่ควร
"โธ่เอ้ย! นึกว่าทอง...ที่แท้ก็หินขยะไร้ค่า!"
ป้าสะใภ้ร้องยีด้วยความขยะแขยง นางรู้สึกเหมือนกำลังถือตัวด้วงสกปรกๆ รีบสะบัดมือด้วยความรังเกียจ
"ของอัปมงคลพรรค์นี้ เก็บไว้ก็เสนียดบ้าน! มิน่าล่ะพ่อแกถึงได้ซวยหายหัวไป!"
ป้าสะใภ้บ่นอุบ ก่อนจะหันมาแสยะยิ้มเหยียดหยามใส่เหมยลี่ที่นั่งน้ำตานองหน้าอยู่กับพื้น ความคิดชั่วร้ายแล่นเข้ามาในหัว...ในเมื่อหลานสาวอยากได้สมบัติพ่อนัก ก็เอามันไปสิ เอาขยะไป!
"แกอยากได้สมบัติพ่อนักใช่ไหม? ร้องห่มร้องไห้จะเป็จะตายเพื่อเงินส่วนแบ่งนักใช่ไหม...ได้! ในฐานะป้าผู้เมตตา ฉันจะยกให้!"
นางกำขยะก้อนนั้นไว้แน่น แล้วง้างมือขึ้น
"เอ้า! เอาสมบัติพ่อแกไป!"
ฟิ้ว!
นางขว้างแหวนวงนั้นใส่เหมยลี่เต็มแรง หมายจะให้กระแทกหน้าหลานสาวให้หายแค้น แหวนหยกแหวกว่ายผ่านอากาศ หมุนควงสว่านพุ่งตรงไปยังเป้าหมาย...
แต่แทนที่จะกระแทกใส่หน้าเหมยลี่จนเ็ป วินาทีที่มันเข้าใกล้รัศมีของเหมยลี่ คราบไคลและความหมองคล้ำที่ลวงตาป้าสะใภ้กลับค่อยๆ จางหายไป ราวกับมันกำลังดีใจที่ได้กลับสู่อ้อมกอดของนายที่มันเลือก
เพราะป้าสะใภ้ขว้างแหวนวงนั้นใส่เหมยลี่เต็มแรง ราวกับไล่หมูไล่หมา เหมยลี่สะดุ้งเฮือก ยกมือขึ้นปัดป้องตามสัญชาตญาณ...และแหวนวงนั้นก็ลอยเข้ามาตกในอุ้งมือของเธอพอดี
เหมยลี่ก้มมองวัตถุในมือด้วยความร้าวรานใจ มันคือแหวนที่สกปรก มอมแมม และแตกร้าว ช่างเหมือนกับชีวิตของเธอในตอนนี้เหลือเกิน ไร้ค่า ถูกทิ้งขว้าง และไม่มีใคร้า
ความสิ้นหวังเกาะกินหัวใจจนมืดมิด เธอเป็คนดีมาตลอด เชื่อฟังผู้ใหญ่ กตัญญูรู้คุณ แต่ทำไม์ถึงตอบแทนเธอแบบนี้? ทำไมคนชั่วถึงได้เสวยสุขบนความตายของคนอื่น? แม้แต่สมบัติชิ้นสุดท้ายที่ได้จากบ้านนี้ ก็ยังเป็แค่ขยะชิ้นหนึ่ง
ทันใดนั้น... โลกทั้งใบเหมือนหยุดหมุน ความเย็นเยียบจากตัวแหวนแล่นปราดเข้าสู่ฝ่ามือของเหมยลี่ ทะลุเข้าสู่เส้นเืและวิ่งตรงเข้าสู่สมอง
เสียงทุ้มต่ำ เยือกเย็น โบราณ แต่แฝงไปด้วยความหงุดหงิดรำคาญใจขั้นสุด ดังก้องขึ้นในหัวของเหมยลี่ ราวกับตอบรับความสิ้นหวังของเธอ แต่ไม่ใช่ด้วยคำปลอบโยน...กลับเป็คำด่าที่แสบสันต์!
"หยุดร้องไห้น้ำมูกไหลได้แล้วนังหนู มันทั้งน่าเกลียดและสกปรกเห็นแล้วรำคาญลูกตาชะมัด"
เหมยลี่สะดุ้งโหยง เงยหน้ามองทั้งน้ำตา มองซ้ายมองขวาหาต้นเสียง
"ไม่ต้องมองหาข้า! มองไปที่ยัยป้าหน้าวอกตรงหน้าเ้านั่น!"
เสียงในหัวสั่งเฉียบขาด ก่อนจะพ่นคำวิจารณ์ที่ทำเอาเหมยลี่ต้องลืมความเศร้าไปชั่วขณะ
"แล้วก็...ช่วยบอกยัยป้าสมองหมูนั่นที ว่าปี 1980 แล้ว ยังมีคนโง่เชื่อเื่ 'ไข่มุกทิพย์' อยู่อีกเรอะ! นั่นมันเม็ดพลาสติกร้อยเชือกฟางชัดๆ! สติปัญญาติดลบยิ่งกว่าปีศาจคางคกในบ่อขี้ซะอีก!"
****ของดีมาแล้ว ****
