คนฉลาดเช่นจ้าวเยี่ยน เหตุใดจะไม่เข้าใจว่านางหมายถึงอะไร
เพียงแต่เขากลับรู้สึกประหลาดใจที่เหนียนอีหลานเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาเยี่ยงนี้
"ข้าเข้าใจ ข้าเองก็มิได้ปรารถนาในตัวคุณหนูใหญ่เหนียน" จ้าวเยี่ยนกล่าวอย่างเฉยเมย
เขามิได้ปรารถนาเช่นกันหรือ?
เหนียนอีหลานขมวดคิ้ว แม้นางจะไม่ปรารถนาในตัวหลีอ๋อง ทว่าครั้นได้ยินเขาพูดเช่นนี้แล้ว ในใจเหนียนอีหลานกลับรู้สึกจุกหน่วงเล็กน้อย ในความคิดของนาง ด้วยความสวยของตัวนางนั้น มิว่าผู้ใดเห็นเป็ต้องชื่นชอบ ทว่าหลีอ๋องจ้าวเยี่ยนผู้นี้...
“เช่นนั้นก็ดี...เช่นนั้นก็ดีแล้วเพคะ” เหนียนอีหลานจัดการความคิดในใจตัวเอง นางบอกกับตัวเองว่า เขาไม่สนใจตัวเองนั้นเป็เื่ดีอย่างยิ่ง เช่นนี้นางจะได้ไม่มีปัญหาเข้ามามากนัก ครั้นคิดถึงจุดนี้ เหนียนอีหลานพลันฉีกยิ้ม “เช่นนั้นขอท่านอ๋องหลี โปรดอย่านำเื่ที่อีหลานกับท่านอ๋องหลีอยู่ด้วยกันในวันนี้ไปเล่าให้ท่านอ๋องมู่ฟังนะเพคะ....”
นางรู้ว่าท่านอ๋องมู่สนิทสนมกับท่านอ๋องหลีมากที่สุด หากเขารู้ว่าพวกเราอยู่ด้วยกันตามลำพัง และเกิดความเข้าใจผิดไปต่างๆ นานา เช่นนั้นความประทับใจที่เขามีต่อนาง อาจย่ำแย่ลงยิ่งกว่าเดิม
“อี้เอ๋อร์หรือ” จ้าวเยี่ยนเลิกคิ้ว เห็นความกังวลในดวงตาเหนียนอีหลาน ในใจพลันกระจ่างแจ้ง ที่แท้...
หึ ที่แท้ คนที่คุณหนูใหญ่เหนียนผู้นี้ชื่นชอบคือ มู่อ๋องจ้าวอี้?
และหนานกงเยวี่ยผู้นั้นเองก็คง...
จ้าวเยี่ยนฉุดคิดถึงตอนที่อยู่ในห้องโถงเมื่อครู่นี้ หนานกงเยวี่ยตั้งใจขัดขวางไม่ให้เหนียนอีหลานพาเขาไปเดินชมด้านนอก เกรงว่าจิตใจของแม่ลูกคู่นี้คงจะติดอยู่กับจ้าวอี้เข้าเสียแล้ว
ทว่าท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาชื่นชอบในตัวอี้เอ๋อร์หรือฐานะยศศักดิ์ของมู่อ๋องกันแน่...
จ้าวเยี่ยนขมวดคิ้ว เขายกยิ้มมุมปาก ร่องรอยของการประชดประชันพาดผ่านไปอย่างรวดเร็วเกินกว่าจะสังเกต
"อืม ข้าไม่พูดหรอก" จ้าวเยี่ยนแย้มยิ้มอย่างอ่อนโยน กลิ่นลมหายใจราวกล้วยไม้ น้ำเสียงพริ้งเพราะเสนาะหู
"ขอบพระทัยท่านอ๋องหลีเพคะ" ครั้นได้ยินจ้าวเยี่ยนรับปาก ในใจของเหนียนอีหลานพลันดีใจอย่างมาก นางย่อกายโค้งคารวะให้จ้าวเยี่ยนอย่างมีความสุข “ได้ยินว่าท่านอ๋องหลีนั้นทรงพระทัยดีมีเมตตา เป็เช่นนั้นจริง ไม่ผิดเลยเพคะ”
พระทัยดีมีเมตตางั้นหรือ?
“ยามนี้ ในใจของอี้เอ๋อร์มีแต่คุณหนูยวี่ ข้าเองก็มิค่อยได้พบเจอเขาเท่าใดนัก เพราะเช่นนั้น ข้าจึงมิมีโอกาสได้พูดคุยกับเขาเลย” จ้าวเยี่ยนถอนหายใจ ดวงตาคล้ายจ้องมองเหนียนอีหลานผ่านๆ ทว่าคาดไม่ถึงว่าจะเห็นรอยยิ้มบนใบหน้านางแข็งค้างไปชั่วขณะหนึ่ง
จ้าวเยี่ยนปิดตาลง หันหลังไปอีกฝั่ง ทอดสายตามองทัศนียภาพของสวน รอยยิ้มบนใบหน้าแย้มยิ้มกว้าง ทว่าในดวงตากลับมืดมนเคร่งขรึม
ในหัวผุดภาพของจ้าวอี้ที่กำลังวิ่งท่ามกลางสายฝน โดยมีเหนียนยวี่อยู่บนหลังของเขา
เหนียนยวี่เอ๋ยเหนียนยวี่ ในใจของเ้าเอง ก็มีแต่จ้าวอี้หรือไม่?
หากถูกเหนียนอีหลานแย่งไป เ้าจะสู้ได้หรือไม่?
มิรู้เพราะเหตุใด จ้าวเยี่ยนจึงแยกสองคนนี้ออกอย่างแปลกประหลาด มีบางส่วนไม่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็เพราะข้อดีข้อเสียหรือเพราะท่านแม่บอก ทว่าใจเขากับสั่นไหวเพราะเหนียนยวี่จริงๆ
หัวใจของจ้าวเยี่ยนอัดแน่นไปด้วยมวลเมฆแห่งอารมณ์ ในดวงตาของเหนียนอีหลานที่ยืนอยู่ด้านหลังเขา เต็มไปด้วยคลื่นอารมณ์สาดซัดเช่นกัน
'ยามนี้ ในใจของอี้เอ๋อร์มีแต่คุณหนูยวี่...'
คำพูดเหล่านี้ยังคงดังก้องอยู่ในหูของเหนียนอีหลาน มือนางกำแน่นโดยไม่รู้ตัว
เหนียนยวี่ หาก...นางจิ้งจอกเหนียนยวี่นั่นตายไปแล้วเล่า
ทว่ายามนี้ นางมิรู้ถึงความเป็ความตายของเหนียนยวี่แน่ชัดนัก สิ่งนี้ทำให้ในใจนางว้าวุ่นไม่สบายใจอย่างมาก และความไม่สบายใจนั้นยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งแทบจะกดดันนางจนหายใจไม่ออก
"ท่านอ๋องหลี จู่ๆ อีหลานก็รู้สึกไม่ค่อยสบาย คงมิอาจอยู่เป็เพื่อนท่านอ๋องหลีได้แล้ว ท่านอ๋องหลี โปรดอภัยให้ด้วยเพคะ" เหนียนอีหลานฝืนยิ้ม ดูเหมือนว่าในชั่วพริบตาต่อมา รอยยิ้มนั้นจะเลือนหายไปโดยสิ้นเชิง
จ้าวเยี่ยนพลันได้สติ ทว่าไม่ได้หันไปมองเหนียนอีหลาน
"อืม" เสียงของชายหนุ่มดังขึ้น ในน้ำเสียงแฝงความเ็าสายหนึ่ง ซึ่งแตกต่างจากน้ำเสียงอ่อนโยนสงบนิ่งเมื่อครู่นี้อย่างมาก
ทว่าเหนียนอีหลานในยามนี้ กลับไม่มีความคิดที่จะสนใจสิ่งเหล่านี้ เหนียนอีหลานหันหลังออกจากสวน และเดินตรงไปยังลานเซียนหลาน
เหนียนอีหลาน นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีของขวัญชิ้นใหญ่ในลานเซียนหลานกำลังรอนางอยู่...
ในห้องโถง หลังจากจ้าวอิ้งเสวี่ยและจิ้นหวางเฟยออกไป เหล่าฮูหยินที่ถูกเชิญมาเดิมทีควรต้องกลับแล้ว ทว่าหนานกงเยวี่ยกลับบอกให้พวกนางอยู่ที่นี่ก่อน
ฉางไทเฮาและฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนกำลังพูดคุยสัพเพเหระ จิบชาด้วยกัน พร้อมด้วยฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงและหนานกงเยวี่ยนั่งอยู่เป็เพื่อน บรรยากาศสงบสุขรื่นเริง ราวกับเื่เมื่อครู่นี้มิเคยเกิดขึ้นมาก่อน
อย่างไรก็ตาม ในใจของผู้คนบางส่วนยังคงมีเื่ติดค้าง
ยามนี้...เฉิงเอ๋อร์น่าจะกินยาแล้วกระมัง
หนานกงเยวี่ยครุ่นคิด ดวงตานางพาดผ่านอารมณ์มากมาย
“แย่แล้วเ้าค่ะ นายท่าน ฮูหยิน...แย่แล้ว...”
ในห้องโถง หญิงชรากำลังพูดคุยกับฉางไทเฮา ใบหน้าเปี่ยมรอยยิ้ม ครั้นนางได้ยินเสียงของสาวใช้ร้องเรียกอย่างตื่นตระหนก วงคิ้วนางพลันขมวดมุ่น ในใจเริ่มเคร่งเครียด ่นี้จวนเหนียนเกิดเื่มากมายเหลือเกิน เพียงลมพัดใบหญ้าเล็กน้อย กลับทำให้ผู้คนไม่สบายใจ หรือจะเกิดเื่อะไรขึ้นอีกแล้ว
“ไม่เห็นหรือว่าฉางไทเฮายังอยู่ เกิดเื่อะไรไว้ค่อยมาคุยกันทีหลัง” ฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนกล่าวติเตียน ในใจนางไม่้าให้เื่ที่เกิดขึ้นในจวนเหนียนมาทำให้ความประทับใจของฉางไทเฮาแย่ลง
"ฮูหยินผู้เฒ่าเ้าคะ แต่คุณชายใหญ่ คุณชาย..."
"คุณชายใหญ่หรือ?"
สาวใช้ยังมิทันเอ่ยจบ หนานกงเยวี่ยคลายมือที่ถือถ้วยชา ทำให้ถ้วยชาในมือตกลงมากระแทกพื้นอย่างแรง จนถ้วยชาแตกกระจายเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อยอยู่บนพื้น ทว่าหนานกงเยวี่ยกลับลุกยืนขึ้นทันที มิสนใจน้ำชาที่หกเลอะบนตัว นางพุ่งตัวไปหาสาวใช้นางนั้น คว้าข้อมือของสาวใช้ไว้อย่างร้อนรน “เ้าพูดมาให้ชัด เกิดอะไรขึ้นกับคุณชายใหญ่?”
สาวใช้ใหนานกงเยวี่ยจนสะดุ้ง ครั้นนางนึกถึงคุณชายใหญ่ สีหน้าพลันฉายแววตื่นตระหนก “ฮูหยินเ้าคะ คุณชายใหญ่จู่ๆ ก็น้ำลายฟูมปาก เกร็งชักไปทั้งตัว อาการนั้น...ดูทรมานมากเลยเ้าค่ะ”
"เป็ไปได้อย่างไร...เฉิงเอ๋อร์ เฉิงเอ๋อร์ของข้า... " หนานกงเยวี่ยตัวสั่นเทา นางผลักสาวใช้ออก และจับกระโปรง วิ่งออกจากห้องโถงไปอย่างรีบร้อน
ในห้องโถง สีหน้าของคนที่ได้ยินข่าวนี้ แปรเปลี่ยนไปเช่นกัน
ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงรีบลุกขึ้นก่อนเป็คนแรก โดยมีหนานกงจื้อคอยประคอง นางถือไม้เท้าเดินออกจากห้องโถงไป
“ไทเฮา นี่...” ฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนเองก็รู้สึกกังวลเช่นกัน แต่ไหนแต่ไรมานางรักและเอ็นดูเหนียนเฉิงมาตลอด เหนียนเฉิงเป็หลานชายเพียงคนเดียวของนาง เื่ที่สาวใช้พูดมา เฉิงเอ๋อร์ เขา...ครั้นนึกถึงความทุกข์ทรมานที่เขามี นางจะนั่งต่อไปเยี่ยงนี้ได้อย่างไร
“เื่ของคุณชายใหญ่สำคัญไม่น้อย รีบไปเถิด” ฉางไทเฮากล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล
ฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนไม่สนใจผู้ใด นางรีบลุกออกไปทันที โดยมีเหนียนเย่าคอยประคอง ฉางไทเฮาที่เฝ้ามอง ไม่นาน นางเองก็ลุกออกจากห้องโถงตามไปด้วยเช่นกัน
ในห้องโถง เหลือเพียงเหล่าฮูหยินที่ถูกเชิญมา และอนุภรรยาจวนเหนียน ทั้งหมดต่างพากันคาดเดาว่าเหตุใดจู่ๆ ก็เกิดเื่ขึ้นกับคุณชายใหญ่เหนียน วันนี้ในจวนเหนียนเกิดเื่ขึ้นติดๆ กัน มันคงเป็เื่บังเอิญ ทว่ามิรู้เพราะเหตุใด เื่ที่เกิดขึ้นกับคุณชายใหญ่อย่างกะทันหัน ทำให้ผู้คนรู้สึกได้กลิ่นไม่ชอบมาพากล
อนุสี่ สวีหว่านเอ๋อร์มองไปรอบๆ ห้อง เดิมทีนาง้าหาลู่ซิวหรง ทว่ายามนี้ นอกจากฮูหยินเหล่านี้ มีเพียงอนุสามเซวียอวี่โหรวนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ
ลู่ซิวหรงเล่า?
สตรีผู้นั้นออกไปั้แ่เมื่อใด
สวีหว่านเอ๋อร์ขมวดคิ้ว ครุ่นคิดบางอย่าง หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ออกจากห้องโถงไปอย่างเงียบเชียบเช่นกัน
ในขณะนี้ บนถนนของเมืองชุ่นเทียน รถม้ากำลังเคลื่อนตัวช้าๆ ภายในรถม้า องค์หญิงใหญ่ชิงเหอและฮองเฮาอวี่เหวินนั่งอยู่ตรงข้ามกัน เหนียนยวี่นั่งถัดจากองค์หญิงใหญ่ชิงเหอ องค์หญิงใหญ่ชิงเหอเหลือบมองเหนียนยวี่ที่เงียบเชียบไม่พูดจาอยู่ข้างตัวนาง นางคิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อครู่ที่นางให้เหนียนยวี่และฮองเฮาอวี่เหวินอยู่ด้วยกันเพียงครู่เดียว เหนียนยวี่ผู้นี้จะเชิญมารดาแห่งวังหลังให้ออกมาได้!
ไม่เพียงเท่านั้น นางยังแต่งตัวเป็นางกำนัล ครั้นแรกเห็นเหนียนยวี่ แม้แต่ตัวนางยังจำไม่ได้
หึ ไปจวนเหนียนหรือ?
นางคาดหวังเล็กน้อยว่ายวี่เอ๋อร์เชิญฮองเฮาอวี่เหวินไปจวนเหนียน แท้จริง้าจะทำอะไรกันแน่