“ย่าเ้าคงไม่ยอมแน่” จางกุ้ยฮัวดูห่อเหี่ยว
หลิวเต้าเซียงรู้สึกว่านี่ไม่ใช่เื่ยาก จางกุ้ยฮัวไปไม่ได้ ไม่ได้แปลว่านางไปไม่ได้ อีกอย่างไก่ที่เลี้ยงในห้วงมิติก็เริ่มออกไข่บ้างแล้ว หากเลือก ‘ไข่แรก’ ที่อุดมสมบูรณ์หน่อยไปให้ ก็พอดีไม่ใช่หรือ?
ไข่แรกเป็ไข่ชุดแรกที่แม่ไก่วางออกมา มีค่ายิ่งนัก มีบางใบที่ขนาดเท่ากับไข่นกกระทา คนเฒ่าคนแก่กล่าวว่าไข่ประเภทนี้บำรุงร่างกายได้ดีที่สุด
“ท่านแม่ ให้ข้ากับพี่ไปเถิด รอข้าไปหาไข่ที่หลังเขา ถึงตอนนั้นจะแอบไปเยี่ยมกับพี่ใหญ่เอง”
ดวงตาของหลิวชิวเซียงสว่างไสว ไปบ้านยายหรือ?!
นางชอบมาก บ้านยายมีแผ่นมันเทศรสชาติอร่อย ทำได้บางเฉียบ ทอดกับน้ำมัน ทั้งหอมทั้งกรอบ แล้วยังมีไข่ต้มใบชาที่ยายทำก็อร่อยมากเช่นกัน
“ท่านแม่ ให้ข้ากับน้องรองไปเถอะ!” หลิวชิวเซียงไม่ค่อยได้ไปบ้านยายเท่าใด แต่ยังพอจำทางได้
จางกุ้ยฮัวหวั่นไหวเล็กน้อย คิดอยู่ว่าที่บ้าน่นี้สะสมข้าวร่วนไว้บ้าง แม้จะเป็ข้าวร่วน แต่หากทำเป็ข้าวต้มหอมก็พอได้ บุตรสาวคนรองไปหาไข่มาได้ ก็ไม่นับว่าไปมือเปล่า ของเหล่านี้พอให้ไม่น่าอับอายจนเกินไป
“ใช่แล้ว ท่านแม่ เื่นี้ปล่อยให้ข้าจัดการเถิด” หลิวเต้าเซียงเกือบจะโพล่งเื่ที่ได้เงินแท่งมาสองตำลึง ยังดีที่ลิ้นซุกซนของนางถูกขบไว้ก่อน
ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้พูดออกมา
จางกุ้ยฮัวคิด แล้วเอ่ย “รอหลังจาก่ที่ยุ่งเหยิงผ่านไปก่อน พวกเ้าสองพี่น้องค่อยไปเยี่ยมยายก็เป็การดี”
สุดท้ายก็มีสายใยเชื่อมใจระหว่างแม่ลูก แม้ว่าจางกุ้ยฮัวจะออกเรือนมา แต่ก็ยังคอยนึกถึงแม่ผู้ชราที่อาศัยอยู่ลำพัง
หลิวเต้าเซียงได้ยินดังนั้นจึงยิ้มและไม่ได้พูดอะไรมาก
นางมีแผนการของตัวเอง ตอนนี้ครอบครัวมีคนที่กำลังยุ่งยาก หากว่าไปบ้านยายตอนนี้ คงถูกรู้เื่เข้า ทางที่ดีต้องรอหลิวฉีซื่อไปในจังหวัด ถึงตอนนั้นหลิวซุนซื่อคงไม่ยินดีที่จะอยู่บ้านนอกต่อ เช่นนี้นางก็จะมีโอกาส และแอบไปยังบ้านยายผู้แสนดีโดยไม่มีใครรู้
หลังจากทุกคนกินข้าวเสร็จ ไม่นานนัก ก็ได้ยินเสียงเก็บถ้วยชามดังขึ้นจากในห้องโถง
จางกุ้ยฮัวส่งหลิวชุนเซียงไว้ในอ้อมอกหลิวชิวเซียง เตรียมตัวลุกขึ้นไปช่วยในห้องโถง ปรากฏว่า มือเล็กข้างหนึ่งคว้ากระโปรงนางไว้
นางก้มศีรษะลงมองอย่างสงสัยที่เ้าของมือเล็กๆ นั้น “เต้าเซียง มีอะไรหรือ?”
“ท่านแม่ นั่งพักอยู่ที่นี่ก็พอ ย่าไม่ได้สั่งให้แม่ไปทำงาน”
หลิวเต้าเซียงยังคงรู้สึกว่าแม่ของตนนั้นซื่อไปหน่อย
หลิวชิวเซียงเสริมขึ้น “ใช่แล้ว ท่านแม่ วางใจนั่งพักเถิด น้องรองพูดถูก คราวนี้ ย่าไม่ได้เพ่งเล็งเรา ท่านแม่อย่าไปขวางหูขวางตาเลย ย่าจะได้ไม่ด่า”
จากนั้นนางก็ส่งหลิวชุนเซียงกลับคืนให้จางกุ้ยฮัว “ท่านแม่ อุ้มชุนเซียงกลับไปให้นมที่ห้องเถิด ข้าเห็นนางง่วงนอนแล้ว”
จางกุ้ยฮัวไม่ได้ยืนกรานเหมือนแต่ก่อน ได้ยินดังนั้นก็รับหลิวชุนเซียงมา แล้วกำชับให้ทั้งสองล้างชามให้เสร็จ แล้วจึงอุ้มบุตรสาวคนเล็กกลับห้องไป
“พี่ใหญ่ เราพนันกันหน่อยดีไหม”
“พนันอะไร?” หลิวชิวเซียงเงยหน้าขึ้นมองหลิวเต้าเซียง ดวงตาสีเข้มคู่นั้นเปล่งประกายเจิดจรัสอย่างสดใส
“ฮี่ๆ พนันได้เลยว่าคืนนี้เราไม่ต้องเป็คนล้างจาน” หลิวเต้าเซียงนั่งอยู่กับที่ และไม่เก็บถ้วยชามตะเกียบบนโต๊ะ
“ไม่ต้องล้างจริงหรือ? พนันก็ได้ หากไม่ต้องล้างจริง เจ็ดวันนี้เ้า้าทำอะไร ข้าจะช่วยดูทางให้” พี่สาวแท้จริง ทั้งที่รู้ว่าหลิวเต้าเซียงชอบไปเสเพลข้างนอก แต่ยังช่วยนางตามเช็ดก้นให้
“จริงสิ ย่ายังไม่ทันได้ด่าป้ารองเลยเมื่อครู่”
หลิวชิวเซียงหัวเราะและดุทันที “เ้าเล่ห์นัก ข้าว่าอยู่เชียว ที่แท้ถึงได้รออยู่เช่นนี้”
หลิวเต้าเซียงแอบกำหมัด นักขุดหลุมพรางมืออาชีพหนึ่งหมื่นปี!
“หืม ย่าเกลียดชังป้ารอง วันเวลาข้างหน้า พวกเราคงผ่อนคลายไม่น้อย เฮ้อ ข้าเริ่มชอบป้ารองที่ขยันหมั่นเพียรเข้าแล้วสิ”
หลิวชิวเซียงยื่นนิ้วออกมาดีดหน้าผากนางเบาๆ “เ้านี่เหลือเกินจริงๆ”
อย่างไรก็ตาม น่าแปลกใจที่หลิวซุนซื่อไม่ได้โวยวาย เห็นทีคงเพราะหลิวจูเอ๋อร์บอกเื่ที่หลิวเต้าเซียงรู้เื่ให้นางฟัง
มิฉะนั้น เหตุใดทุกครั้งที่หลิวเต้าเซียงปรากฏตัวต่อหน้านาง นางถึงได้มองหลิวเต้าเซียงด้วยสายตาอำมหิต หากว่าสามารถบาดคนได้ นางคงจัดการฟันให้ตายไปหลายพันหนเป็ที่เรียบร้อย
แต่สำหรับหลิวเต้าเซียงที่หน้าหนาแล้ว ถูกผึ้งต่อยก็ไม่คัน ติดหนี้หนักหนาก็ไม่กังวล
วันรุ่งขึ้น ทั้งครอบครัวนั่งกินข้าวที่โต๊ะอาหาร หลิวต้าฟู่ไม่ได้ลุกจากโต๊ะอย่างรวดเร็วเป็ปกติ แต่หยิบปล้องยาสูบทองแดงเก้าไฟที่เหน็บตรงเอวออกมาสูบ เส้นยาสูบสีน้ำตาลอ่อนส่งกลิ่นหอมจาง จากนั้นก็บดขยี้เข้าไปในปล้อง ใช้ไฟจุดแล้วสูดติดต่อกันหลายที ไฟมอดไหม้ทั่วทั้งแท่งยาสูบ แล้วไปติดอยู่ที่ก้าน
เขาพ่นลมออกมาอย่างผ่อนคลายแล้วเอ่ย “หรุ่ยเอ๋อร์ เราเป็พ่อแม่ต้องเท่าเทียม เ้าสามเองหากไม่ใช่เพื่อเราสองคน ก็คงไม่ต้องลำบากเหน็ดเหนื่อยเช่นนี้ไม่ใช่หรือ?”
“เ้าพยายามจะพูดอะไร? จะโทษที่ข้าลำเอียงหรือ? ข้าไม่ได้เป็เช่นนั้นเสียหน่อย ข้าปฏิบัติตัวต่อเ้าสามอย่างไร ก่อนจะพูดเ้าลองคิดไตร่ตรองก่อน” หลิวฉีซื่อทำหน้าจริงจัง ท่าทีของหลิวต้าฟู่ดูเหมือนว่าจะไม่ยอมถอยง่ายๆ เพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำ
“ข้าไม่ได้โทษเ้า เพียงแต่เ้าแบ่งเงินให้ลูกคนอื่นๆ ก็ควรให้ในส่วนของเ้าสามด้วย” หลิวต้าฟู่กล่าวกับนางด้วยความอดทน
ใบหน้าจริงจังของหลิวฉีซื่อเปลี่ยนเป็สีดำคร่ำเครียด เอ่ยน้ำเสียงแหลมปรี๊ด “เขากินอยู่กับที่บ้าน แล้วจะเอาเงินไปทำอะไรมากมาย เปล่าประโยชน์ อีกอย่าง ครอบครัวเขาจนถึงตอนนี้ยังไม่มีลูกชายแม้แต่คนเดียว จะเอาไปทำอะไร”
หลิวเต้าเซียงอยู่ข้างๆ ได้ยินอย่างชัดเจนแล้วเอ่ยในใจ หลิวฉีซื่อไม่ใช่คนดีอะไรจริงด้วย พ่อผู้แสนดีทำอย่างไรก็ไม่มีทางทำให้นางชอบได้เลยหรือ?
นางกล่าวเช่นนี้ จากที่ฟังเหมือนหลิวฉีซื่อกำลังคิดอยากทำให้เื่ใหญ่กลายเป็เล็ก เื่เล็กกลายเป็เื่ไม่เป็เื่!
พูดตามตรงก็คือ หลิวฉีซื่อไม่คิดจะเอาเงินแบ่งออกมา ตอนนั้นที่ตั้งใจปิดบังหลิวซานกุ้ย ก็เพราะเช่นนี้
นางเงยหน้าเล็กๆ ขึ้น ดวงตาดำขลับมองไปทางหลิวซานกุ้ย ดูเอาเถิด นี่แหละคือแม่แท้ๆ ของพ่อ ย่าของพวกเรา ปฏิบัติตัวกับครอบครัวเราเช่นนี้
หลิวซานกุ้ยผู้ซื่อตรงก้มมองต่ำ ภาพที่สะท้อนอยู่ในดวงตาบริสุทธิ์ของหลิวเต้าเซียงคือความอึดอัดบนใบหน้าของเขา
หลิวเต้าเซียงมองไปที่หลิวซุนซื่ออีกหน ทันเห็นแววตาที่สาแก่ใจของนาง ทว่า มองผิวเผินราวกับตั้งใจนั่งฟังอยู่ตรงนั้นอย่างว่าง่าย ไม่ว่าหลิวฉีซื่อจะพูดอะไร นางก็บอกว่า ถูกต้อง ใช่แล้ว!
หลิวฉีซื่อโมโห ทำเอาคนที่ล้อมรอบโต๊ะทั้งหมดต่างอยู่ในความเงียบ
หลิวต้าฟู่นั่งเงียบไม่พูดไม่จาอยู่ตรงนั้น สูบยาสูบแห้งไปพลาง ใบหน้าที่กร้านเพราะแสงแดดดูไม่ออกว่าคิดอะไร แต่รู้สึกได้ว่าเขาไม่พอใจเท่าใด
หลิวฉีซื่อมองดูท่าทีไม่เอาไหนของเขาแล้ว ในใจก็ยิ่งเกิดความหงุดหงิด หากไม่ใช่เพราะตอนนั้นพ่อแม่ของนางให้ออกเรือนมาที่บ้านนอกแห่งนี้ นางจะมาอยู่กับชาวนาเท้าเปื้อนโคลนเช่นนี้ได้อย่างไร
ใน่หลายปีที่ผ่านมา หัวใจของนางไม่เคยสงบสุข นางรู้สึกว่าตนเองแต่งงานกับหลิวต้าฟู่นับว่าขาดทุนยิ่งนัก
ดังนั้น ทัศนคติที่มีต่อหลิวต้าฟู่จึงไม่เคยดีนัก
ในขณะนี้ นางบิดหน้าหันมองหลิวต้าฟู่ แล้วเอ่ยด้วยเสียงอย่างมีน้ำโห “ทำไม เ้าไม่พอใจหรือ? ข้าเลี้ยงเขามาได้ แล้วช่วยสู่ขอสะใภ้ให้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว เขากินอยู่กับที่บ้าน ย่อมไม่จำเป็ต้องใช้เงินอะไรมากมาย เอาไปก็ไม่ได้ใช้ กลับกันจะถูกคนอื่นเอาไปใช้แทน”
หลิวต้าฟู่จับทางความหมายจากคำพูดของหลิวฉีซื่อได้ จึงเอ่ยอย่างเ็า “เ้าอย่ามาเอ่ยเื่ไม่เป็เื่ วันนี้ ข้าจะพูดให้ชัดตรงนี้ ไม่ว่าเ้าจะยินดีหรือไม่ยินดีก็ต้องให้ ทุกคนคือลูกชายของเรา จะให้ก็ควรให้เหมือนกัน อย่าทำให้ลูกๆ ต้องเศร้าหมอง”
หลิวต้าฟู่คิดดูแล้ว ชีวิตนี้ตนเองได้แต่เฝ้าผืนนาแห่งนี้ บุตรชายสี่คนมีเพียงหลิวซานกุ้ยที่ได้เล่าเรียนน้อย แล้วยังเป็คนขยันหมั่นเพียร คิดว่าคงไม่มีทางจากหมู่บ้านสามสิบลี้ เมื่อตนเองแก่ตัวก็คงต้องลำบากให้เขาดูแลไม่ใช่หรือ?
เพียงแต่เขาไม่ได้พูดความคิดนี้ออกมา เพราะว่าหลิวฉีซื่อไม่มีทางเห็นด้วย
หลิวฉีซื่อยิ้มไม่ออกและเอ่ย “จากที่เ้าพูด ลูกชายกินอยู่ที่บ้าน แล้วคนเป็พ่อแม่ยังต้องให้เงินค่าจ้างเช่นนั้นหรือ?”
หลิวต้าฟู่โบกมือ พยายามกล่าวกับหลิวฉีซื่อด้วยความอดทน “จะเรียกว่าให้ค่าจ้างได้อย่างไร? ลูกชายอีกสามคนได้ไปคนละห้าตำลึง เ้าก็ควรให้เขาบ้าง หลายปีมานี้หากไม่ใช่ซานกุ้ยที่คอยทำงานหนัก ฮึ บ้านเราจะอยู่ดีเช่นนี้หรือ?”
ยุคสมัยนี้การจะจ้างลูกจ้างหนึ่งคน หนึ่งปีก็ต้องจ่ายสองถึงสามตำลึงเงิน ส่วนหลิวซานกุ้นเริ่มช่วยหลิวต้าฟู่ทำงานั้แ่สิบเอ็ดถึงสิบสองขวบ
หลิวเต้าเซียงได้ยินดังนั้นก็โกรธจนจิตใจไม่สงบ จ้างคนงานไม่ต้องให้ข้าว ให้พี่พักพิงอาศัยหรือ?
นี่เป็ความคิดตรรกะแบบไหนกัน?
แน่นอน คงเห็นว่าพ่อของตนดุจดั่งอมิตตาพุทธ ท่าทางใสซื่อ น่ารังแกสินะ!
ในขณะนี้ หลิวซานกุ้ยปริปาก “ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้ามีความคิดเช่นนี้ แม้ว่าครอบครัวข้าจะไม่มีลูกชาย แต่ข้ากับกุ้ยฮัวเองยังหนุ่มยังสาว ต่อไปต้องคลอดลูกชายได้แน่”
“เก่งแต่ขัน ไก่ที่ออกไข่ไม่ได้มีถมเถไป” หลิวซุนซื่อเอ่ยด้วยน้ำเสียงแปลกประหลาด
หลิวเต้าเซียงกลอกตาบนใส่นาง ไม่้าให้นางทำเสียเื่จึงเอ่ย “ท่านพ่อ ปู่กับย่าหลายปีมานี้ก็ลำบาก ความเห็นของปู่กับย่าก็ไม่ตรงกัน ท่านพ่อคิดหนทางดีๆ ใช่หรือไม่?”
หลิวซานกุ้ยยิ้มทื่อๆ ยื่นมือออกมาลูบท้ายทอย แล้วตอบ “ท่านแม่พูดถูก ครอบครัวเรากินใช้อยู่ในบ้าน ไม่จำเป็ต้องใช้จ่ายอะไร เงินห้าตำลึงนับว่ามากเกินไป”
คำพูดนี้ทำให้ใบหน้าบึ้งตึงของหลิวฉีซื่อผ่อนคลายลงไม่น้อย ส่วนหลิวต้าฟู่ที่ฟังอยู่ข้างๆ ถึงกับขมวดคิ้วแน่นจนหนีบยุงตายได้ เขาไม่เข้าใจว่าบุตรชายคิดจะทำอะไร ตนเองอุตส่าห์ช่วยไขว่คว้าผลประโยชน์ให้เขา เหตุใดเขาจึงไม่้า?
“ท่านพ่อ อย่าได้โกรธเคืองท่านแม่ด้วยเื่นี้เลย พูดจนถึงท้ายที่สุดก็เพราะข้าไม่ได้เื่ ในบ้านเราใช้เงินไปไม่น้อย น้องเล็กก็ต้องออกเรือนในอีกไม่กี่ปี บวกกับน้องสี่ต้องเล่าเรียนและสู่ขอภรรยาอีก เช่นนี้แล้ว ต้องใช้จ่ายมากมายในทุกเื่”
เมื่อหลิวซานกุ้ยกล่าวถึงตรงนี้ ก็สำรวจสีหน้าที่ดูดีขึ้นเรื่อยๆ ของหลิวฉีซื่อ อันที่จริงหัวใจของเขากำลังะโโลดเต้น
“ซานกุ้ย ไม่ใช่ว่าแม่ไม่รักเ้า แต่คำพูดของเ้าพูดจี้ใจแม่เหลือเกิน” หลิวฉีซื่อรีบคล้อยตาม
หลิวเต้าเซียงเบะปากเงียบๆ หน้าไม่อายเหลือเกิน
หลิวซานกุ้ยมองหลิวฉีซื่อด้วยท่าทีลำบากใจ แล้วเอ่ย “ท่านแม่ อันที่จริงข้าก็เห็นด้วยกับคำพูดของท่านพ่อ”
หมายความว่า เขาเองก็้าเงินด้วย!
“อะไรนะ? ซานกุ้ย เ้าเป็คนมีเหตุผล เ้าจะเพิกเฉยต่อเื่งานแต่งของหลันเอ๋อร์ไม่ได้ พี่ใหญ่กับพี่รองของเ้าต่างก็ไปทำงานข้างนอกกันหมด ในบ้านนี้ต้องพึ่งพาเ้าที่เป็เสาหลักนะ”
แทนที่จะจ้างคนงาน หลิวฉีซื่อพอใจที่จะใช้แรงงานที่ไม่มีค่าใช้จ่ายอย่างครอบครัวหลิวซานกุ้ยมากกว่า
-----
