แม้ว่าจ้านอี้หยางจะเป็ทหารแต่มือของเข้าช่างดูน่าชวนมอง
ผิวของเขาเป็สีน้ำผึ้งนิ้วทั้งสิบเองก็ดูเรียวยาวเมื่อมองรวมกันช่างดูสมดุลสวยงามราวกับงานศิลปะประติมากรรม
ท่าทางการถอดเสื้อของเขาช่างดูคล่องแคล่วแม้จะเป็การกระทำง่ายๆ แต่คนมองกลับรู้สึกเหมือนกำลังดูการแสดงละคร
มองแล้วมองอีกจนดูเหมือนคนโง่ความจริงเธอไม่ได้มีความคิดว่าจ้านอี้หยางกำลังถอดเสื้อต่อหน้าเธออยู่ในสมองแม้แต่น้อย
จ้านอี้หยางมองไปที่ดวงตาอันหมกมุ่นของซูหรงหรงเขาค่อยๆ ถอดเสื้อตัวนอกออกอย่างช้าๆ จากนั้นก็ถอดเสื้อยืดทหารสีเขียวตัวใน
เมื่อถึงฉากนี้ร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่าของจ้านอี้หยางก็ปรากฏต่อหน้าซูหรงหรง
ดวงตาของเธอเปล่งประกายราวกับยัยกระต่ายน้อยได้พบแครอทสีแดงสด
ร่ายกายท่อนบนของจ้านอี้หยางไม่มีอะไรปกปิดอยู่จริงๆเธอรู้สึกเหมือนเป็โรคที่ไม่มียารักษา สายตาของเธอกำลังถูกกล้ามท้องกำยำของจ้านอี้หยางสะกดราวกับทุกอณูรูขุมขนบนร่างกายของเขากำลังดึงดูดตัวเธอ
ร่างกายของจ้านอี้หยางเหมือนกับนักเพาะกายในทุกส่วนของกล้ามเนื้อช่างดูบึกบึนกล้ามเนื้อของเขาราวกับถูกจัดเรียงอย่างพอเหมาะพอดี ผิวสีน้ำผึ้งช่างดูมีเสน่ห์คนที่ได้มองอยู่ตอนนี้หัวใจกำลังเต้นระส่ำไม่เป็จังหวะ
ร่างกายนี้ช่าง...มีสเน่ห์มากเกินไปแล้วต้องฝึกยังไงถึงจะได้หุ่นออกมาแบบนี้นะ อ๊ายยย
ใบหน้าของยัยกระต่ายน้อยตอนนี้แดงก่ำเธอเผลอเอามือไปทาบไว้บนกล้ามหน้าท้องของเขาอย่างควบคุมไม่อยู่น้ำลายในปากของเธอไหลออกมาอย่างอดไม่ได้
ช่างดีเหลือเกินรูปร่างของเ้าไก่อ่อนกู้แหยนเจ๋อเทียบร่างกายของจ้านอี้หยางไม่ได้เลยสักนิด
เทียบไม่ติดฝุ่น !
“คุณหญิงจ้านเธอพอใจกับสิ่งที่เห็นนี่ไหม?"
“อื้มๆๆ"
ซูหรงหรงเลียริมฝีปากตนเองก่อนจะพยักหน้ารับ
แต่นาทีต่อมาเธอก็เกิดคำถาม...คุณหญิงจ้าน?
“หืม?"
เธอเงยหน้ามองเขาแต่เมื่อสบตากับเขาตรงๆ เธอก็ต้องก้มหน้าหลบตาอีกครั้งเมื่อเธอก้มหน้าลงเห็นมือตนเองกำลังวางอยู่ที่กล้ามหน้าท้องของเขา เธอถึงกับร้อง “ว้าย” ก่อนจะะโออกห่างจากเขาหลายก้าว
“นี่พวกเรากำลังทำอะไรกัน?"
จ้านอี้หยางล้มเลิกความตั้งใจที่จะทำให้ซูหรงหรงใในตอนแรกแต่พอมาได้ยินประโยคที่เธอถามเขากลับรู้สึกว่าตนเองจะปล่อยยัยกระต่ายน้อยนี้ไปอย่างง่ายดายไม่ได้เสียแล้ว
เขาเอื้อมมือไปลากตัวซูหรงหรงเข้ามาไว้ในอ้อมกอดก่อนจะค้อมตัวลงมาเผชิญหน้ากับเธอ
“ไม่รู้จริงๆหรือว่าเรากำลังทำอะไร?"
ร่างกายของซูหรงหรงเบี่ยงออกอัตโนมัติเธอพยายามที่จะ “ไม่สร้างความสัมพันธ์" กับเขา
แต่พอมองจากสถานการณ์ตอนนี้ร่างกายของเธอกำลังอยู่ในวงแขนของเขา เอวของเธอถูกมือทั้งสองข้างของเขาโอบไว้เธออยู่ใกล้กับเขามาก...มากเสียจนรับรู้ได้ถึงอุณหภูมิร่างกายของอีกฝ่ายอีกทั้ง้ายังเป็ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาที่กำลังจ้องมาที่เธออยู่ตอนนี้
หัวใจเธอเต้นรัวจนแทบจะหลุดราวกับว่าถ้าเธออ้าปากหัวใจของเธอจะหลุดผ่านออกมาจากช่องทางนั้น
อ๊ายนี่มันเื่อะไรกันเนี่ย พวกเธอกำลังทำอะไรอยู่กันแน่?
เธอส่ายหน้าไปมาเพื่อปฏิเสธว่าเธอไม่รู้จริงๆ
จ้านอี้หยางหรี่ตาเล็กลงเพียงอึดใจ...ริมฝีปากของเขาก็ลงมาทาบทับที่ริมฝีปากของเธอ
การจูบครั้งนี้ไม่ใช่การจูบที่รุนแรงแต่กลับอ่อนหวานชวนน่าหลงใหลจ้านอี้หยางดูดริมฝีปากของเธอราวกับกำลังชิมผลไม้มีค่าที่หายาก
ลมหายใจอุ่นๆรินรดอยู่บนใบหน้าของเธอจนชวนจักจี้
ซูหรงหรงเริ่มได้สติคืนมาและไม่รู้ว่าเธอไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน เธอผลักตัวจ้านอี้หยางออก
จ้านอี้หยางที่ยังไม่ทันตั้งตัวถูกแรงผลักของเธอดันไปเสียกระเด็น
เขามองแผ่นหลังของซูหรงหรงที่วิ่งหนีออกไปก่อนจะสอดมือทั้งสองข้างเข้าไปไว้ในกระเป๋ากางเกง...
ไม่เป็ไรอย่างไรเสียตอนนี้ก็จดทะเบียนสมรสไปแล้ว อีกไม่นาน...ก็จะถึงเวลานั้น
ซูหรงหรงใช้เวลาชั่วอึดใจก็วิ่งมาถึงนอกระเบียงเธอใช้มือจับราวระเบียงไว้
แสงอาทิตย์ฤดูใบไม้ผลิช่างอบอุ่นมันสาดส่องมาที่ร่างกายของเธอ เธอรู้สึกว่าแก้มบนใบหน้าร้อนผ่าวยิ่งขึ้นไปอีก
ตกลงเมื่อครู่นี้จ้านอี้หยางจะทำอะไรกันแน่? ทำไมถึงได้...ถอดเสื้อผ้าออกแล้วจูบเธอ! นี่มันยังกลางวันแสกๆ นะ...
อ๊ายที่สำคัญคือมันยังเป็่เวลากลางวันอยู่นี่แหละ...
เมื่อคิดถึงตรงนี้เธอเพิ่งจะรู้ตัวว่าตนเองกำลังพบปัญหาใหญ่
ถ้าหากไม่ใช่ตอนกลางวันเธอก็จะยอมเขาอย่างนั้นเหรอ?
ซูหรงหรง...เธอกำลังคิดบ้าอะไรอยู่เนี่ย!?
เธอหลุดร้องไห้ออกมาหมดแรงที่จะจับราวระเบียงอีกต่อไป ราวกับกระต่ายเหี่ยวเฉาที่กำลังจะตายเธอทุบหัวตัวเองหลายทีเพื่อจะได้ดึงสติตัวเองกลับมา
เมื่อจ้านอี้หยางเปลี่ยนชุดเสร็จเขาก็เดินออกมานอกห้องเมื่อเห็นการกระทำของซูหรงหรงเขาก็ปรี่ตัวเข้าไปคว้าแขนของเธออย่างเป็ธรรมชาติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ไปกินข้าวกัน"
พอซูหรงหรงได้ยินเสียงของจ้านอี้หยางที่ไม่มีอาการสำนึกผิดเธอรีบคว้าราวระเบียงไว้แน่นก่อนจะเสหน้ามองไปทางอื่นอย่างไม่กล้าสบตาเขา
“ฉัน...ฉันไม่หิว!"
“ไม่หิว?"
จ้านอี้หยางขมวดคิ้วก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
“ถ้าอย่างนั้นคงต้องยกเลิกจองโต๊ะที่ภัตตาคารฉ่ายเยว่จวี"
แค่เพียงได้ยินสามคำ “ฉ่ายเยว่จวี"เธอก็ลืมเื่ก่อนหน้าไปทั้งหมด เธอดีดตัวขึ้นมาจ้องหน้าจ้านอี้หยาง
“นายจองโต๊ะไว้ที่ภัตราคารฉ่ายเยว่จวีเหรอ?"
“อืมแถมอาหารก็สั่งไว้หมดแล้วด้วย หมูหันเอย ซาลาเปาไส้ครีมเอย ไก่น้ำแดงเอย...”
ยิ่งฟังรายการอาหารดวงตาของซูหรงหรงยิ่งเปล่งประกายขึ้น
ดีมาก จ้านอี้หยางพอใจกับสิ่งตรงหน้า ยัยกระต่ายน้อยติดเบ็ดอีกแล้ว