จูชิงตะลึงลานจ้องมองรอยฝ่ามือสีแดงฉานที่ประทับอยู่กลางอก!
“น่ากลัวมาก!” จูชิงหวั่นผวา แค่ชวีหลิงเฟิงสะบัดมือหนึ่งครั้งก็สามารถทำลายลมปราณปัดป้องของเขาได้อย่างง่ายดาย
หากแต่อักขระาหลัวโหวช่วยชีวิตเขาเอาไว้อีกครั้ง แม้ว่ากายาจักมิได้แกร่งกล้าเฉกเช่นแขนขวา ทว่าก็แข็งแกร่งกว่าศัสตราวุธิญญาสามัญอยู่ไม่น้อย ฝ่ามือนั้นจึงฆ่าเขาไม่ตายในครั้งเดียว
“เหตุใดเขาถึงแข็งแกร่งเช่นนั้น?” จินขวางมองจูชิงด้วยความใ จูชิงที่เขาสามารถฆ่าตายได้ง่ายๆ เมื่อครึ่งเดือนก่อน เพลานี้มีความสามารถแกร่งกล้าพอที่จักประมือกับชวีหลิงเฟิงแล้ว
ชวีหลิงเฟิง คนอำมหิตที่ฆ่าศิษย์ในสำนักเดียวกันนับสิบโดยไม่รู้สึกผิด กระทั่งเขากับซั่งกวานจือหนิงก็ยังทำอะไรไม่ได้
แม้เป็วิชาต้องห้ามยังมิอาจต่อต้าน ทว่าจูชิงกลับทำได้
“เ้านั่นแข็งแกร่งมาก ข้าไม่ใช่คู่ประมือของมัน!” เพียงประมือ จูชิงก็ััได้ถึงความห่างชั้นระหว่างเขากับชวีหลิงเฟิงที่แตกต่างกันยิ่งราวฟ้ากับเหว
สมกับที่เป็ผู้ที่ไล่ต้อนซั่งกวานจือหนิงกับจินขวางจนอยู่หมัด พลังของชวีหลิงเฟิงน่าสะพรึงเหนือคำบรรยาย!
จูชิงใช้พลังของอักขระาหลัวโหวรับการโจมตีระลอกแรกของชวีหลิงเฟิง หากแต่ชวีหลิงเฟิงมิใช่คนโง่เขลา ไม่นานนักก็เขาก็รู้ว่าจูชิงแข็งแกร่งแค่แขนขวา ส่วนกายาคนละระดับชั้น ถ้าหลบหลีกการโจมตีจากแขนขวาได้ กระบี่แก่นอัคคีย่อมฟันร่างของจูชิงให้แหลกเป็เสี่ยง
“ัคะนองน้ำน้อยลงมือ!” จูชิงเหวี่ยงแขนขวา แสงสีทองสว่างจรัสแจ้งพุ่งทะยานไปเบื้องหน้า!
ชวีหลิงเฟิงหน้าเปลี่ยนสี เปลี่ยนวิถีกระบี่แก่นอัคคีเป็ตั้งรับปะทะกับแสงทองคำ!
“ครืนน!” ทว่าแสงทองคำรวดเร็วยิ่งกว่าอัสนี มันพุ่งเข้าใส่หน้าอกของชวีหลิงเฟิงเข้าอย่างจัง!
ชวีหลิงเฟิงรู้สึกเหมือนถูกวัวกระทิงขวิดก็มิปาน ตัวกระเด็นลอยกลางอากาศ พลังมหาศาลทะลักทลายผ่านเข้ามาในร่าง รอยแผลขนาดเท่ากำปั้นประจักษ์กลางอก!
กระบี่แก่นอัคคีเองก็ถูกแสงทองคำกระแทกหลุดร่วงจากมือ พุ่งเข้าชนต้นไม้สองสามต้นก่อนที่จักเงียบสงัดลง!
ชวีหลิงเฟิงมองแผลลึก หน้าแปรเปลี่ยนเป็สีเขียวคล้ำ ขับเคลื่อนลมปราณหยุดเืที่กำลังไหล
“ไม่ตายงั้นรึ?” จูชิงตกตะลึง แผลเหวอะหวะขนาดนั้น เดาว่าหัวใจน่าจักแหลกสะบั้นไปแล้ว เหตุใดถึงยังไม่ตาย!
ชวีหลิงเฟิงหรี่ตา ครั้นเห็นงูตัวน้อยเลื้อยออกมาจากซากปรักหักพัก เขาส่ายหัวอย่างไม่อยากเชื่อสายตา!
“เป็ไปไม่ได้!” ม่านตาของชวีหลิงเฟิงหดเล็กเหลือเท่ารูเข็ม ใยิ่งกว่าที่จูชิงมองเขาเสียอีก!
ศัสตราวุธิญญาบุษราระดับต่ำ กอปรกับลมปราณทั้งหมดที่รีดเค้นออกมาได้ในเฮือกสุดท้าย มันคือการโจมตีรุนแรงที่สุดของเขาแล้ว แต่เ้างูสีทองนั่นกลับไม่เป็อะไรเลย!
ัคะนองน้ำน้อยจ้องเขม็งมองชวีหลิงเฟิงด้วยโทสะ ปฏิกิริยาของมนุษย์ผู้นี้เร็วกว่าที่มันคิดเอาไว้มาก ่ขณะที่มันพุ่งตัวออกไป อีกฝ่ายกลับเปลี่ยนวิถีกระบี่รับการโจมตีได้ทัน ไม่อย่างนั้นมันก็คงทะลวงหัวกะโหลกของมนุษย์นั่นไปแล้ว
ัคะนองน้ำน้อยต่อสู้กับจูชิงบนเกาะหลัวโหวหลายครั้ง การร่วมมือกันระหว่างจูชิงกับมันนั้นสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ แม้เป็สัตว์อสูรดึกดำบรรพ์ยังตายศพไม่สวย
ทุกครั้งัคะนองน้ำน้อยจักพุ่งเป้าไปที่หัวของศัตรู เพราะมันสามารถลิ้มรสความเย้ายวนของเน่ยตันได้ในทันที
“มิใช่ขั้นเคลื่อนย้ายลมปราณ หากเป็ขั้นสร้างลมปราณ เ้าสยบอสูรดึกดำบรรพ์ขั้นสร้างลมปราณอย่างนั้นรึ!” ชวีหลิงเฟิงมองจูชิงราวกับเห็นผี
มิรู้ว่ามีศิษย์ยอดฝีมือของขุนเขากระบี่เทียนหยวนกี่คนที่อยากสยบสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์บนเกาะหลัวโหว แต่พวกที่อยากสยบสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์ สุดท้ายก็กลายเป็อาหารอยู่ในท้องของสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์หรือไม่ก็ถูกสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์ฆ่าตาย ยังไม่เคยมีใครทำสำเร็จจนถึงตอนนี้
เพียงชวีหลิงเฟิงเห็นัคะนองน้ำน้อย เขาก็รีบหนีโดยไม่สนใจที่จักฆ่าซั่งกวานจือหนิงกับจินขวางอีก!
ชวีหลิงเฟิงผู้ที่กล้าสังหารศิษย์ในสำนักเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง บัดนี้ความกลัวกลับประจักษ์ในหัวใจ ร่างทั้งร่างสั้นเทิ้มอย่างมิอาจหักห้าม
คนนอกสำนักขุนเขากระบี่เทียนหยวนปรากฏตัวอย่างลึกลับบนเกาะหลัวโหว มิหนำซ้ำยังสยบสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์ อีกทั้งยังเป็สัตว์อสูรดึกดำบรรพ์ที่มีสายเืของั!
เกาะหลัวโหวกำเนิดขึ้นมาได้อย่างไร ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ มันเป็ตำนานที่อยู่ในทวีปเฉียนหยวนมาเนิ่นนาน ไม่ว่าจักเกิดเื่ประหลาดอย่างไรที่นี่ก็ไม่มีใครรู้สึกแปลกใจ แม้แต่ผู้เยี่ยมยุทธ์แห่งขุนเขากระบี่เทียนหยวนก็ยังรู้จักเกาะหลัวโหวไม่ถึงครึ่ง
ถ้าจะพูดว่าขุนเขากระบี่เทียนหยวนเป็เ้าแห่งเกาะหลัวโหว พูดว่าพวกเขาเป็ผู้พิทักษ์เกาะหลัวโหวยังเข้าท่าเสียกว่า เพราะมีพวกเขาอยู่เป็ผู้พิทักษ์ พวกเขาจึงมีคุณสมบัติเข้าไปในเกาะหลัวโหว!
ชวีหลิงเฟิงไม่รู้ว่าความกลัวนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะจูชิงเป็ขั้นหลอมกายาเจ็ดชั้นฟ้า แน่นอนว่าไม่ใช่ หรือเป็เพราะสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์ขั้นสร้างลมปราณนั่นมีสายเืั นั่นก็ไม่ใช่
แม้ว่าจูชิงจักมีพลังเหนือชั้นกว่าขั้นหลอมกายาทั่วไป ทว่าสำหรับชวีหลิงเฟิงแล้วนั้น เขาสามารถฆ่าจูชิงได้ง่ายๆ ในสามกระบวนท่า ถึงสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์ขั้นสร้างลมปราณจักน่าพรั่นพรึง แต่ด้วยพลังของเขาสามารถฆ่าตายได้ไม่ยากเช่นกัน
ไม่ว่าเป็จูชิงหรือัคะนองน้ำน้อยนั่นก็ไม่เพียงพอที่จักทำให้เขากลัว และยิ่งเป็ไปมิได้เลยที่จักทำให้เขาหนีอย่างขี้ขลาดตาขาว หากแต่มันกลับเป็ความกลัวที่อธิบายเป็คำพูดไม่ได้ ประหนึ่งเขาสูญเสียความเชื่อมั่นในการต่อสู้ไป มิกล้าเผชิญหน้ากับจูชิง
“มันเป็ใครกันแน่?” ชวีหลิงเฟิงหนีออกมาแล้ว ทว่าในใจก็ยังฉงนสงสัย
สิ่งที่เกิดขึ้นเหนือความคาดหมายอย่างยิ่งยวด ไม่ว่าจักเป็จูชิงที่ต่อต้านกระบี่ของชวีหลิงเฟิงได้ หรือการปรากฏตัวของัคะนองน้ำน้อย ชวีหลิงเฟิงที่ถูกทะลวงขั้วหัวใจแต่ยังไม่ตาย ทุกอย่างนั้นสร้างความใให้กับซั่งกวานจือหนิงและจินขวางเป็อย่างมาก
ครั้นซั่งกวานจือหนิงเห็นจูชิง ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความสับสน นางไม่รู้ว่าควรทำหน้าอย่างไรดี
“เกิดเื่อะไรขึ้น?” จูชิงดันตัวเองลุกออกมาจากดิน
“ถูกหลอกน่ะสิ” ซั่งกวานจือหนิงส่ายหัวพูดอย่างเ็ป
ชวีหลิงเฟิงเป็อนุชนที่โดดเด่น ภายภาคหน้าสามารถก้าวไปได้อีกไกล หากแต่เขากลับแสร้งเล่นละครตบตาคนทั้งสำนัก สังหารศิษย์สำนักเดียวกันอย่างโเี้ เมื่อใดที่เกาะหลัวโหวเปิด นั่นจะเป็วันตายของเขา
จูชิงเหลือบมองซั่งกวานจือหนิง ยอดหญิงผู้สูงศักดิ์เช่นวันนั้นไม่มีอีกแล้ว สภาพของนางมิต่างอันใดกับนางฟ้าตก์ แม้ยังคงโฉมสะคราญงามล่มเมือง หากความเ็า ความยโสก่อนหน้านี้หายไปอย่างสิ้นเชิง
“มองอะไร?” พอเห็นสายตาของจูชิงที่มองมา ซั่งกวานจือหนิงก็ขมวดคิ้ว
“หลายวันมานี้เ้าดูเปลี่ยนไป” จูชิงยิ้ม
ซั่งกวานจือหนิงถลึงตามองจูชิง “พูดอะไรของเ้า?”
“เขาใกล้จะตายแล้ว” จูชิงหันไปมองจินขวาง
ผู้ที่สำแดงวิชาต้องห้าม สุดท้ายก็จะกลายเป็ปุถุชนสามัญ ทั้งจินขวางยังประมือกับชวีหลิงเฟิงจนาเ็สาหัส และด้วยผลของดัชนีเอกภพ จินขวางจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
“เขาจะตายไม่ได้!” ซั่งกวานจือหนิงส่ายหัว
“ถ้าเ้ายังถ่ายลมปราณให้กับเขา เ้าเองก็จะตายด้วยเช่นกัน” จูชิงเหลือบมองซั่งกวานจือที่หนิงใบหน้าเริ่มขาวซีด ถ้ามิใช่เพราะนางคอยถ่ายลมปราณให้กับจินขวาง ป่านนี้จินขวางก็คงกลายเป็ศพไปแล้ว
“ข้าไม่อยากให้เขาตาย ถ้าไม่มีเขาข้าก็คงตายไปแล้ว” ซั่งกวานจือหนิงยังดื้อรั้น
“เส้นเอ็นขาด ตันเถียนทะลวงเป็รู ห้าอวัยวะตัน หกอวัยวะกลวงเคลื่อนที่อยู่คนละทิศละทาง าแสาหัสขนาดนี้ ไม่ตายสิแปลก” จูชิงพูดต่อ
“ถ้าเ้าอยากช่วยก็รีบช่วย แต่ถ้าไม่คิดจะช่วยก็เลิกพูดจาบั่นทอนสักที” ซั่งกวานจือหนิงเดือดดาล
“นี่คือท่าทีของคนขอความช่วยเหลืองั้นรึ” จูชิงเอ่ยถาม
ซั่งกวานจือหนิงได้ยินจูชิงพูดดังนั้นก็ตัวสั่น “ช่วยคนหนึ่งชีวิตย่อมดีกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น เ้าทนเห็นคนตายต่อหน้าต่อตาได้รึ?”
“ข้าก็ไม่รู้ว่าจะสร้างเจดีย์เจ็ดชั้นไปเพื่ออะไร อีกทั้งข้ากับเขาก็มิใช่ญาติสนิทมิตรสหายกัน กลับกันยังมีความบาดหมางต่อกันเสียด้วยซ้ำ เหตุใดข้าถึงต้องช่วยด้วยเล่า” จูชิงยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม ทว่ารอยยิ้มนั้นสำหรับซั่งกวานจือหนิงแล้วน่าสะอิดสะเอียนเหลือทน
“ตอนที่เ้าช่วยข้า เ้าไม่ได้พูดแบบนี้เสียหน่อย” เย่หยางยืนอยู่ข้างๆ พูดแทรก
จูชิงหน้าแข็งค้าง รอยยิ้มบนใบหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย มิกลัวศัตรูเป็เทพ กลัวแค่จักมีสหายร่วมทางเป็ควาย เย่หยางหักหน้าเขาเห็นๆ
“เ้าไม่พูดก็ไม่มีคนหาว่าเ้าเป็ใบ้หรอก” จูชิงถลึงตาใส่เย่หยาง แผนการของเขาถูกเย่หยางพังย่อยยับ
จูชิงพูดก็เพื่อให้ซั่งกวานจือหนิงอ้อนวอนขอร้องเขา ถ้านางทำแบบนั้น จูชิงย่อมตอบรับอยู่แล้ว พอช่วยเหลือสำเร็จซั่งกวานจือหนิงก็จักต้องซาบซึ้งในบุญคุณ แค่คิดก็น่าตื่นเต้นแล้วใช่ไหมล่ะ
“รีบช่วยเร็วเข้าสิ!” ซั่งกวานจือหนิงเร่งเร้า
จูชิงกลอกตา คุ้ยหาของล้ำค่าในถุงเอกภพ ครึ่งเดือนที่ผ่านมาเขาเก็บเกี่ยวสมุนไพรได้มากมาย แต่ไม่รู้ว่าสมุนไพรแต่ละชนิดมีประโยชน์อย่างไรบ้าง
“หญ้าโลหิตั เ้ามีหญ้าโลหิตัด้วยงั้นรึ เยี่ยมไปเลย!” ซั่งกวานจือหนิงะโ นิ้วเรียวยาวชี้ไปยังสมุนไพริญญาดึกดำบรรพ์สีแดงสดดั่งเื
หญ้าโลหิตัเป็สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ที่เล่าขานกันในตำนาน สามารถชุบชีวิตคนจากความตาย เป็สมุนไพรเพียงไม่กี่ชนิดที่ช่วยชีวิตจินขวางได้ในเวลานี้!
เย่หยางมองจูชิงอย่างไม่อยากเชื่อ จูชิงมีหญ้าโลหิตัมากมายขนาดนี้เชียวหรือ อีกทั้งแต่ละต้นก็ยังมิใช่ธรรมดา อย่างน้อยๆ ก็น่าจักมีอายุสักหมื่นปีเห็นจะได้
ซั่งกวานจือหนิงหยิบหญ้าโลหิตัใส่ปากจินขวาง “พี่จินขวาง ถ้าพี่กินมัน พี่ต้องหายดีอย่างแน่นอน!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้