จำเป็ต้องกล่าวว่าการที่กู้เทียนชื่อสั่งให้เหล่าลูกสมุนของเขาแบ่งกลุ่มออกตามหาพวกมู่เฟิงนั้นถือเป็วิธีการที่โง่ที่สุด
โดยสาเหตุที่เขาทำเช่นนี้เป็เพราะเขาประเมินความแข็งแกร่งของพวกมู่เฟิงต่ำเกินไป
หลังจากพวกมู่เฟิงสังหารทหารรับจ้างทั้งสองคนแล้ว พวกเขาก็ทำการค้นหาทหารรับจ้างกลุ่มอื่นต่อในทันที
“ไอหยา เหตุใดจึงได้เงียบเช่นนี้ เ้าเด็กพวกนั้นไปซ่อนตัวอยู่ที่ใดกันนะ?”
ท่ามกลางป่าสนสีเหลือง เวลานี้กลุ่มทหารรับจ้างของกลุ่มเพลิงโชนกำลังออกค้นหาเด็กหนุ่มทั้งสามที่หลบหนีเข้าไปในป่า ทหารรับจ้างผู้หนึ่งคอยกวัดแกว่งดาบในมือเพื่อฟาดฟันพวกกิ่งไม้ที่ขวางทาง
“ป่านี่ก็เหมือนกันจะใหญ่อะไรนักหนา แต่ถึงอย่างไรก็ต้องตามหาต่อไป บนตัวของเ้าเด็กสามคนนั้นมีผลิญญาสีแดงที่เป็สมบัติล้ำค่าอยู่ หากตามหาพวกเขาได้ เราก็จะรวยเละกันเลยทีเดียว”
ทหารรับจ้างผู้หนึ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงแ่เบาราวกระซิบ
“รวยเละ? เ้าคิดว่าหัวหน้าจะแบ่งให้พวกเราสักเท่าไรกันเชียว?”
ในขณะที่คนทั้งสองกำลังพูดคุยกัน พวกเขาก็ไม่ทันสังเกตเลยว่ามีดวงตาสามคู่ในพุ่มไม้ข้างหน้ากำลังจับจ้องมาทางพวกเขาไม่วางตา
เมื่อคนทั้งสองกำลังจะเดินผ่านพุ่มไม้ไป ฉับพลันนั้นลำแสงสีทองจากดรรชนีนิ้วก็พุ่งตรงออกมาจากพุ่มไม้
ฉึก!
ศีรษะของทหารรับจ้างผู้หนึ่งถูกลำแสงสีทองแทงทะลุเข้าไปโดยตรง
พรึ่บ! พรึ่บ!
ทันใดนั้นเด็กหนุ่มสองคนก็โผล่ออกมาจากพุ่มไม้อย่างกะทันหัน มู่ขวงปิดปากของทหารรับจ้างอีกคนจากทางด้านหลัง ในขณะที่ไป๋จื่อเยว่ใช้กระบี่แทงลงไปบนเสื้อของชายผู้นั้น
“อื้ม อึก…”
ทหารรับจ้างผู้นั้นเบิกตากว้าง รูม่านตาของเขาขยายออกจนถึงขีดสุด จากนั้นร่างกายของเขาก็อ่อนเปลี้ยลงในทันใด
หลังจากดูดซับพลังเืจากศพทั้งสอง มู่เฟิงก็เดินนำเด็กหนุ่มทั้งสองจากไปอย่างเงียบเชียบ พวกเขาแฝงตัวกลายเป็นักล่าภายในป่า
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง เด็กหนุ่มทั้งสามได้ปลิดชีพของทหารรับจ้างไปแล้วหกคน
ไม่นานกู้เทียนชื่อและลูกสมุนอีกสองคนก็มาพบร่างของศพอันแห้งเหี่ยวสองศพที่นอนตายอยู่บนพื้นเข้า ใบหน้าของเขาก็พลันเปลี่ยนเป็ไม่น่ามอง ทั้งยังมีร่องรอยของความหวาดผวา
หลังพิจารณาจากใบหน้าและเสื้อผ้าบนร่างศพ เขาก็พบว่าศพทั้งสองต้องเป็ลูกสมุนของเขาอย่างแน่นอน
แต่ลักษณะการตายของอีกฝ่ายดูจะพิลึกพิลั่นเกินไป มันแห้งเหี่ยวราวกับมัมมี่ที่ตายมานานหลายปี
“หัวหน้า นี่มัน...”
ทหารรับจ้างอีกสองคนต่างก็ใกับวิธีการตายที่แปลกประหลาดแบบนี้ ภายในใจของพวกเขาสั่นสะท้าน ก่อนที่แต่ละคนจะหันไปมองทางกู้เทียนชื่อ
กู้เทียนชื่อกัดฟันกรอด แววตาของเขาดูมืดครึ้มจนน่ากลัว เขาจ้องมองเข้าไปยังป่าลึกก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็าว่า “ข้าประเมินความแข็งแกร่งของเ้าเด็กสามคนนั้นต่ำเกินไป เรียกกำลังของเรากลับมาให้เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะถูกสังหารไปทีละคน”
“หึๆ ช่างฉลาดเสียจริง แต่ตอนนี้ก็ถึงคราวของพวกเ้าสามคนแล้ว"
ทันใดนั้นพวกมู่เฟิงก็ปรากฏตัวขึ้นในตำแหน่งที่ไม่ไกลกันนัก เด็กหนุ่มทั้งสามแสยะยิ้มออกมา จากนั้นพวกเขาก็ก้าวเข้ามาพร้อมกับดาบและกระบี่ในมือ
“เ้าหนุ่ม นึกไม่ถึงว่าเ้าจะกล้าแสดงตัว”
กู้เทียนชื่อมองไปยังคนทั้งสามคน ก่อนจะกล่าวขึ้นอย่างเ็า ในขณะเดียวกันนั้นทหารรับจ้างอีกสองคนก็เตรียมพร้อมที่จะต่อสู้
“หากไม่ปรากฏตัว ข้าจะสังหารเ้าได้อย่างไร”
มู่เฟิงยิ้มบางขณะก้าวเท้าไปข้างหน้าอย่างใจเย็น
“พวกเ้าสามคนถือว่ามีพละกำลังอยู่บ้าง แต่นั่นเป็เพราะพวกเ้าแอบลอบโจมตีในป่า หากว่าเ้าเผชิญหน้ากับข้าโดยตรง ข้าจะสังหารเ้าได้ในสิบกระบวนท่า”
กู้เทียนชื่อกล่าวเสียงเย็น
“โอ้? จริงรึ เช่นนั้นเราก็มาลองดูกัน”
มู่เฟิงยกยิ้มมุมปาก ขณะกอดอกและจ้องมองอีกฝ่ายอย่างเย้ยหยัน
กู้เทียนชื่อมองไปยังทหารรับจ้างอีกสองคน
“สังหารพวกเขา!”
พรึ่บ! พรึ่บ! ...!
ชายฉกรรจ์ทั้งสามคนกระโจนร่างออกไปทันที หมายจะสังหารเด็กหนุ่มทั้งสามคนพร้อมกัน หมัดที่ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยพลังปราณสีเหลืองของกู้เทียนชื่อพุ่งทะลวงไปทางมู่เฟิงอย่างรวดเร็ว
“หมัดเบิกภูผา!”
หมัดนี้พุ่งทะลวงแหวกผ่านอากาศตรงหน้าไปอย่างรวดเร็ว จนปรากฏเป็มวลคลื่นพลังสาดซัดไปทั่วบริเวณทำให้ใบไม้ปลิวว่อนไปทั่ว
“หมัดทะลวงลมปราณ!”
มู่เฟิงคำรามออกมาอย่างดุดัน เขาเองก็ชกหมัดไปยังกู้เทียนชื่อเช่นเดียวกัน เสียงของเส้นลมปราณทั้งสิบสองจุดดังขึ้นต่อเนื่องกันสิบสองครั้ง
ปัง!
เมื่อหมัดทั้งสองพุ่งเข้าปะทะกัน ใบไม้โดยรอบก็พัดปลิวไปตามแรงของคลื่นพลังพร้อมกับเสียงปะทะที่ดังสนั่น
มู่เฟิงก้าวถอยออกไปสองสามก้าว ในขณะที่กู้เทียนชื่อไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย เขาจ้องมองมู่เฟิงอย่างเย้ยหยัน เพราะหมัดเมื่อครู่เป็มู่เฟิงที่เสียเปรียบ
ในขณะเดียวกันนั้น มู่ขวงและไป๋จื่อเยว่ต่างก็พุ่งกระโจนเข้าหาทหารรับจ้างอีกสองคน จากนั้นเสียงปะทะของคมดาบและคมกระบี่ก็ดังก้องไปทั่วป่า
คนทั้งหกต่อสู้กันเป็กลุ่ม โดยแต่ละคนต้องจัดการกับคู่ต่อสู้ของตัวเอง
อานุภาพทักษะวิชาหมัดของกู้เทียนชื่อนั้นทรงพลังราวกับอัสนี มันทั้งดุดันและรุนแรงมาก ซึ่งวิชาหมัดนี้อยู่ในระดับธาตุทอง และเขาก็ฝึกฝนมันจนเกือบจะถึงระดับสมบูรณ์แล้ว ดังนั้นอานุภาพพลังของมันจึงน่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง เพียงหมัดเดียวก็สามารถะเิวัวกระทิงได้
แต่ถึงอย่างไรทักษะการเคลื่อนไหวของมู่เฟิงก็ยังว่องไวเกินไป แม้การโจมตีของกู้เทียนชื่อจะรุนแรง แต่เขาก็ไม่สามารถโจมตีมู่เฟิงได้
อีกด้านหนึ่ง กระบี่เล่มยาวในมือของไป๋จื่อเยว่ได้แทงไปยังทหารรับจ้างผู้หนึ่ง แต่ชายผู้นั้นใช้ทวนเข้ามาขวางเอาไว้ได้ทันท่วงที
แกร๊ง! แกร๊ง! แกร๊ง!
ร่างเงาของคมกระบี่จ้วงแทงออกไปอย่างต่อเนื่องและส่งเสียงทะลวงอันคมชัดออกมา เมื่อคมกระบี่ปะทะกับทวนหอกก็เกิดเป็ประกายไฟขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า
ทหารรับจ้างผู้นั้นโต้กลับอย่างเดือดดาล มืออีกข้างของเขาชัดดาบออกมาและเหวี่ยงคมดาบไปทางไป๋จื่อเยว่ในทันที เด็กหนุ่มหลบหลีกคมดาบอย่างว่องไว ทำให้ดาบเล่มนั้นกระทบเข้ากับต้นสนสีเหลืองที่อยู่ด้านหลังเข้าอย่างจัง ลำต้นหนาของต้นสนพลันแตกหักและพังทลายลงทันใด เป็เหตุให้เกิดฝุ่นฟุ้งกระจาย
ด้านมู่ขวงก็กำลังต่อสู้อย่างดุเดือดไม่แพ้กัน เสียงปะทะของคมดาบยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทหารรับจ้างทั้งสองคนมีวรยุทธ์สูงกว่ามู่ขวงและไป๋จื่อเยว่สองถึงสามขั้น
แต่ทักษะวิชาและทักษะพลังปราณของมู่ขวงและไป๋จื่อเยว่นั้นดีกว่าพวกเขามาก ดังนั้นในเวลาอันสั้นนี้คงเป็การยากที่จะบอกว่าใครจะเป็ฝ่ายชนะ
กู้เทียนชื่อคำรามออกมาด้วยความโกรธ เขาเหวี่ยงหมัดออกไปอีกครั้ง คราวนี้หมัดได้พุ่งเข้าไปหามู่เฟิงอย่างต่อเนื่อง เด็กหนุ่มจึงะโตีลังกากลับหลังไปหนึ่งตลบ จากนั้นเท้าข้างหนึ่งของเขาก็เหยียบลงบนลำต้นของต้นสนที่มีความหนาเท่าเอวของมนุษย์เพื่อเบี่ยงทิศทาง
เปรี้ยง…!
ต้นสนสีเหลืองถูกพลังะเิของหมัดทำลายในทันที
แต่ในระหว่างนั้นมู่เฟิงก็สะบัดดรรชนีนิ้วออกมา เขารวบรวมพลังปราณเอาไว้ที่ดรรชนีนิ้วก่อนจะปลดปล่อยพลังนั้นออกมา สำแสงสีทองพลันพุ่งทะลวงไปทางกู้เทียนชื่ออย่างรวดเร็ว
กู้เทียนชื่อพยายามจะหลบหลีก แต่ความเร็วของลำแสงดรรชนีนั้นเร็วเกินไป มันจึงพุ่งทะลวงผ่านหัวไหล่ของเขาอย่างรวดเร็ว
“อ๊าก…!”
กู้เทียนชื่อยกมือขึ้นปิดหัวไหล่ขณะก้าวถอยหลัง ไหล่ซ้ายของเขาถูกลำแสงของดรรชนีนิ้วเจาะทะลุทะลวง กระทั่งกระดูกไหล่ก็ยังถูกแทงจนทะลุ
ดวงตาของมู่เฟิงเป็ประกาย เขาก้าวเท้าเข้าหาอีกฝ่ายราวกับพยัคฆ์ร้าย คราวนี้เขารวบรวมพลังปราณเพลิงไว้ที่หมัดทั้งสองข้าง ส่งผลให้เปลวไฟสีแดงเพลิงลุกโชนขึ้น จากนั้นมู่เฟิงก็เหวี่ยงหมัดไปยังกู้เทียนชื่ออย่างรวดเร็ว กลิ่นอายเผาไหม้ของเปลวเพลิงกวาดออกไปเบื้องหน้าในทันที
สีหน้าของกู้เทียนชื่อพลันเปลี่ยนไป มือข้างหนึ่งของเขาดึงกระบี่เล่มยาวจากตรงเอวออกมาอย่างรวดเร็วเพื่อต้านทานหมัดนี้
หมัดที่ลุกโชนด้วยเปลวเพลิงของมู่เฟิงกระแทกเข้ากับกระบี่เล่มยาวจนเกิดเสียงปะทะดังสนั่น
เนื่องจากมือข้างหนึ่งของกู้เทียนชื่อได้รับาเ็ ทำให้พละกำลังของเขาลดลงอย่างมาก เขาจึงถูกหมัดนี้ของมู่เฟิงบีบบังคับให้ต้องล่าถอยอย่างต่อเนื่อง
“ะเิหมัดเก้าเพลิงสุริยา!”
มู่เฟิงคำรามออกมาอย่างดุดัน หมัดนี้ถูกบรรจุไว้ด้วยพลังปราณเพลิงครึ่งหนึ่งของพลังปราณเพลิงทั้งหมดที่เขาดูดซับเข้าไป เด็กหนุ่มได้ทำการะเิพลังออกมาในหมัดเดียว
หมัดอันทรงพลังที่ลุกโชนด้วยเปลวไฟสีแดงเพลิงพุ่งทะลวงผ่านอากาศ เพียงแค่มันตัดผ่านหมู่มวลใบไม้ที่ร่วงหล่นลงมาต่างก็ถูกแผดเผาทั้งหมด
เปรี้ยง!
มันทำลายกระบี่เล่มยาวของอีกฝ่ายอย่างไร้ความปรานี ก่อนจะกระแทกเข้ากับร่างของกู้เทียนชื่อในที่สุด
“อ๊าก!”
กู้เทียนชื่อเปล่งเสียงร้องโหยหวนออกมา เสื้อคลุมและผมของเขาถูกเปลวเพลิงแผดเผา ในขณะที่ร่างของเขาก็ปลิวไปกระแทกกับต้นสนสีเหลือง ทำให้ต้นสนต้นนั้นหักโค่นลงมาโดยตรง หน้าอกของเขาปรากฏรอยแผลไหม้เกรียมจนกลายเป็สีดำ เมื่อร่างของเขาทรุดลงบนพื้นก็กระอักเืออกมาทันที จากนั้นชายหนุ่มก็เงยหน้ามองมู่เฟิงอย่างคาดไม่ถึง
หมัดนี้ของมู่เฟิงต้องสิ้นเปลืองพลังปราณจากมวลคลื่นพลังภายในจุดตันเทียนถึงครึ่งหนึ่ง ทำให้อานุภาพของมันทรงพลังเป็อย่างยิ่ง แต่มันก็แลกกับการที่ต้องสูญเสียพลังปราณไปจำนวนมาก แสดงให้เห็นว่าการใช้ทักษะวิชาระดับนิลกาฬขั้นสูงนั้นสิ้นเปลืองพลังปราณมากเพียงใด
หากเปลี่ยนเป็คนอื่นเกรงว่าอาจจะไม่สามารถแสดงพลังหมัดนี้ออกมาได้ด้วยซ้ำ ถึงอย่างไรทักษะวิชาระดับนิลกาฬขั้นสูงก็ไม่เหมาะสำหรับผู้ฝึกยุทธ์ระดับจื่อฝู่