ทะเลสาบที่อันซืออี๋อยู่ ห่างออกไปประมาณสิบกว่าเมตร เนี่ยเทียนก็ััได้ถึงสายตาไม่เป็มิตรมากมายที่ตกมาอยู่บนร่างของตัวเองอย่างพร้อมเพรียง
เนี่ยเทียนสีหน้าไม่เป็กังวลแม้แต่น้อย เดินตามอันเหอมาด้วยท่าทางปกติ
ขณะที่ระยะห่างใกล้พอประมาณแล้ว เขาก็ยิ้มแย้มสดใส กล่าวชมอันซืออี๋ “พี่สาวคนสวย พวกเราได้เจอกันอีกแล้วนะขอรับ”
“ฮ่าๆ!” อันซืออี๋เม้มปากยิ้ม “เมื่อหลายวันก่อน เดิมทีพวกเราก็สามารถเจอกันได้ที่เมืองเฮยอวิ๋น น่าเสียดายที่เ้าป่วยกะทันหัน ไม่เช่นนั้นบางทีข้าอาจเป็คนพาเ้ามาที่นี่ด้วยตัวเอง”
“เป็ความผิดของข้าเอง” เนี่ยเทียนสีหน้ากระอักกระอ่วนเล็กน้อย “ข้ารู้ว่าพี่สาวดีกับข้า รายชื่อเข้าร่วมการประลองโลกมายามรกตในครั้งนี้ล้ำค่าถึงเพียงนี้ แม้แต่ตระกูลเนี่ยของข้าเองก็ยังไม่มี พี่สาวกลับยกให้ข้าเช่นนี้ ข้าเนี่ยเทียนจะจดจำไว้ขึ้นใจ ต่อไปหากพี่สาวพบเจอปัญหาใด และข้ามีความสามารถพอที่จะช่วยเหลือได้ ข้าจะต้องทุ่มเทสุดชีวิตเพื่อพี่สาวอย่างแน่นอน”
“ช่างเป็คนที่พูดจากลิ้งกลอกได้เก่งนัก!” อันซืออี๋ยังไม่ทันได้ตอบ อันอิ่งก็พลันทำเสียงไม่พอใจ กล่าวอย่างเสียดสีว่า “ต่อให้พี่สาวข้ามีปัญหาจริงๆ อย่างเ้าหรือจะช่วยได้? ความสามารถของตระกูลเนี่ยในเมืองเฮยอวิ๋นของพวกเ้าถือว่าเป็ตระกูลที่อ่อนแอมากที่สุด ถูกตระกูลอวิ๋นกดหัวจนลืมตาอ้าปากไม่ได้แล้ว เ้ามีสิทธิ์อะไรมาคิดว่าเ้าจะสามารถช่วยพี่สาวของข้าได้?”
“เ้าคือใครรึ?” เนี่ยเทียนถามอย่างแปลกใจ
“นางคือน้องสาวของข้า อันอิ่ง เป็คนเมืองเฮยอวิ๋นเช่นเดียวกัน เ้าน่าจะเคยได้ยินชื่อของนางมาบ้าง” อันซืออี๋กล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ
“อันอิ่ง...” ใจเนี่ยเทียนกระตุกวาบ พยักหน้าเบาๆ “แน่นอนว่าต้องเคยได้ยินอยู่แล้ว”
อันอิ่งคือน้องสาวแท้ๆ ของอันซืออี๋ ทั้งยังเป็บุคคลที่สะดุดตาที่สุดในบรรดาเด็กรุ่นเล็กของตระกูลอันเมื่อหลายปีมานี้ ตอนนี้อายุเพียงสิบสามปี ปีก่อนก็สามารถฝ่าทะลุขั้นหลอมลมปราณเก้าได้ เดินออกไปจากตระกูลอันในเมืองเฮยอวิ๋น กลายเป็ศิษย์ของหอหลิงเป่าแล้ว
ว่ากันว่าพร์ในการฝึกบำเพ็ญตบะของนางโดดเด่นเสียยิ่งกว่าอันซืออี๋เสียอีก!
ทั้งตระกูลอันต่างคิดว่าความสำเร็จของนางในวันข้างหน้านั้น อาจเหนือล้ำเกินกว่าอันซืออี๋เสียด้วยซ้ำ!
“เ้าพูดถูกแล้ว ตอนนี้ขอบเขตของข้าต่ำต้อยจริง ตระกูลเนี่ยเองก็มีความสามารถไม่เพียงพอ แต่ว่าเื่บนโลกนี้ยากจะคาดเดาได้ เื่ที่จะเกิดขึ้นในวันหน้าใครเล่าจะบอกได้?” นึกถึงความลึกลับของดินแดนต่างถิ่นแห่งนั้น เนี่ยเทียนก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ “บางทีวันหนึ่งตอนที่พี่สาวของเ้าประสบปัญหา ข้าอาจช่วยนางได้ก็ได้!”
“ถ้าอย่างนั้นข้าก็ต้องขอขอบคุณเ้าไว้ล่วงหน้าก็แล้วกัน” อันซืออี๋กล่าวหยอกล้อหนึ่งประโยค ถลึงตาใส่อันอิ่งที่คิดจะพูดประชดประชันเนี่ยเทียน ห้ามไม่ให้นางพูดอีก จากนั้นก็กล่าวว่า “พอสมควรแก่เวลาแล้ว ข้าจะเรียกอีกสามสำนักที่เหลือ บอกให้พวกเขามาที่นี่กันได้แล้ว”
พูดจบนางก็หยิบป้ายคำสั่งแผ่นหนึ่งออกมาจากปลายแขนเสื้อ นิ้วเรียวราวลำเทียนกดลงไปบนป้ายคำสั่งนั้นเบาๆ
แสงสว่างขมุกขมัวกระจายออกมาจากปลายนิ้วของนาง พริบตาเดียวก็แสงสว่างนั้นก็แผ่ซ่านเต็มป้ายคำสั่งนั้น
เสียงร้องเบาๆ ดังออกมาจากป้าย
เนี่ยเทียนมองอย่างตั้งใจ พบว่าป้ายคำสั่งที่นางถืออยู่นั้นไม่ได้ทำมาจากหยก แต่ทำมาจากโลหะหลอมพิเศษบางอย่าง
เห็นได้ชัดว่าป้ายคำสั่งของอันซืออี๋ ไม่เหมือนกับอันที่เขาอยู่
“ในเมื่อเ้าถือป้ายคำสั่งของหอหลิงเป่าของพวกเราเข้าไปในโลกมายามรกต หลังจากเข้าไปแล้วต้องเชื่อฟังข้าทุกอย่าง ข้าให้เ้าทำอะไร เ้าก็ห้ามขัดคำสั่งข้าเด็ดขาด!” อันอิ่งมองเขาและกล่าวอย่างเผด็จการ
เนี่ยเทียนหัวเราะเหอะๆ แต่ไม่ได้กล่าวอะไร
“ข้าไม่สนว่าเ้าคิดอย่างไร รอเข้าไปถึงโลกมายามรกตแล้ว ข้าย่อมทำให้เ้าเชื่อฟังได้แน่นอน” ราวกับมองเห็นว่าเขาหัวเราะรับคำไปอย่างไม่ใส่ใจ อันอิ่งจึงเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ามั่นใจอย่างมาก
เด็กหนุ่มข้างกายของนางเ่าั้ต่างก็ทำตัวเป็ผู้ติดตามนางเป็อย่างดี เวลานี้จึงใช้สายตาไม่เป็มิตรมองมายังเนี่ยเทียน
ไม่นานหลังจากนั้น คนกลุ่มหนึ่งของสำนักหลิงอวิ๋น ภายใต้การนำของลี่ฝาน ก็ปรากฏตัวขึ้นมาในกอหญ้าที่สูงเท่าเอว
“ท่านลุงลี่...”
แค่มองไกลๆ เขาก็พบทันทีว่าผู้นำก็คือลี่ฝานที่ก่อนหน้านี้ยังอาศัยอยู่ที่ตระกูลเนี่ย เนี่ยเทียนหวาดผวาอยู่ในใจ หดคอลงอย่างไม่รู้ตัว แอบเข้าไปรวมตัวอยู่กับกลุ่มของเด็กหนุ่มข้างกายอันอิ่ง
เขาเป็คนของตระกูลเนี่ย ตอนนี้กลับมาปรากฏตัวอยู่กับคนของหอหลิงเป่า เห็นได้ชัดว่าเป็เื่ที่แปลกประหลาดอย่างมาก
เขากังวลว่าลี่ฝานจะคิดมาก
“เหอะ เหอะ” เหมือนจะมองออกถึงความลำบากใจของเขา อันอิ่งถึงได้หัวเราะขึ้นมาอย่างเป็สุข คว้าหมับเข้าไปที่แขนของเนี่ยเทียนแล้วดึงออกมาจากกลุ่มคน “เ้าหลบอะไรเล่า? สำนักหลิงอวิ๋นไม่มีอัตราเหลือมอบให้เ้า สำนักหลิงเป่าของพวกข้าใจกว้างจึงมอบให้เ้าแทน เื่แค่นี้มีอะไรให้ต้องกังวลอย่างนั้นหรือ?”
“มาๆ ให้ท่านลี่มองเห็นเ้าชัดๆ หน่อย!”
มือเล็กๆ ของนางจับเข้าที่แขนของเนี่ยเทียนแน่น พละกำลังเยอะจนน่าใ ถึงขั้นกระชากเนี่ยเทียนออกมาจากกลุ่มคนได้ ช่างไม่ธรรมดานัก
เนี่ยเทียนสีหน้ากระอักกระอ่วน แต่ในใจกลับทั้งตะลึงและสงสัยต่อพละกำลังของนาง อดไม่ได้ที่จะมองอันอิ่งด้วยสายตาที่ลึกล้ำ มองเห็นนางเป็ศัตรูที่ร้ายกาจคนหนึ่ง
เขาเชื่อว่าตอนที่อันอิ่งกระชากตัวเขาออกมา ไม่ได้ใช้พลังิญญาในร่างกายเลย และเมื่อครู่นี้เขาก็ยังไม่ทันได้ตั้งตัว แต่พอรู้ถึงจุดประสงค์ของอันอิ่งจึงเริ่มขัดขืน
แน่นอนว่าเขาไม่ได้ใช้แรงทั้งหมด แต่ต่อให้เป็เช่นนั้น เด็กหญิงทั่วไปก็ทำให้เท้าของเขาขยับไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียว
ทว่าอันอิ่งกลับทำได้!
ขณะที่เขาแอบใอยู่กับตัวเองนั้น สายตาของลี่ฝานก็ฉายประกายแปลกประหลาดขึ้นมา สังเกตเห็นเขาทันที “เนี่ยเทียนรึ? เ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน?”
“คารวะท่านลุงลี่” เนี่ยเทียนยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน รู้ว่าในเมื่อหลบเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องกล้าเผชิญหน้า หันไปทำความเคารพต่อลี่ฝาน “คือว่า พี่หญิงอันมอบป้ายคำสั่งอันหนึ่งให้แก่ข้า ให้ข้ามีโอกาสได้มาประลองในโลกมายามรกต ท่านลุงลี่ ข้าไม่ได้ตั้งใจปิดบังท่านเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่ว่า...”
“เ้าไม่ต้องอธิบายให้มากความ” ลี่ฝานตัดบทคำพูดของเขา ขมวดคิ้วมองอันซืออี๋ที่ยิ้มราวกับดอกไม้ผลิบาน “ลงทุนไปไม่น้อยเลยรึ?” วินาทีที่มองเห็นเนี่ยเทียน เขาก็รู้ได้ทันทีว่าอันซืออี๋ไม่ได้มีเจตนาดีอะไร
อันซืออี๋สีหน้าเป็ปกติ ยิ้มมุมปากแล้วพูดว่า “ข้ากับเนี่ยเทียนมีวาสนาต่อกัน จึงให้ความสำคัญกับเขาเป็พิเศษ อย่างไรเสียตำแหน่งของผู้เข้าร่วมการประลองของหอหลิงเป่าของข้าก็เยอะอยู่แล้ว อีกทั้งข้ายังตัดสินใจเองได้ มอบให้เขาแค่คนเดียวไม่ใช่เื่ใหญ่อะไร”
ขณะที่ลี่ฝานกับอันซืออี๋ปะทะฝีปากกันอยู่นั้น เนี่ยเทียนก็สังเกตเห็นเจียงหลิงจูที่เขาเคยเจอหน้ากันเมื่อตอนที่อยู่หอหลิงเป่า นางอยู่ด้านหลังลี่ฝาน กำลังยิ้มแป้นโบกมือให้กับเขา
ในบรรดาคนทั้งเก้าที่อยู่ข้างกายของเจียงหลิงจู ก็คือเนี่ยเสียนที่ก่อนหน้านี้ทางสำนักหลิงอวิ๋นเพิ่งมารับตัวไป
ตอนนี้ เนี่ยเสียนเหลียวมองเจียงหลิงจู สักพักก็หันไปมองเนี่ยเทียน สีหน้าแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก
“เนี่ยเทียน ข้าเอง เ้ายังจำข้าได้หรือไม่?” เจียงหลิงจูะโพูด
เนี่ยเทียนที่พบว่าเนี่ยเสียนก็อยู่ด้วยจึงเอาความสนใจทั้งหมดไปไว้ที่ตัวเนี่ยเสียน ลืมตอบรับเจียงหลิงจู พอได้ยินเสียงของนางะโถึงได้คืนสติกลับมา
“อ้อ เ้าก็มาด้วยหรือ!” เขาโบกมือกลับไปทันที
สีหน้าของเนี่ยเสียนยิ่งแปลกใจเข้าไปอีก
“เ้ารู้จักเจียงหลิงจูได้เยี่ยงไร?” อันอิ่งส่ายหัว มองเขาด้วยความแปลกใจ “ในเมื่อเ้ารู้จักเจียงหลิงจู ต่อให้ไม่ได้รับการช่วยเหลือจากพี่สาวข้าก็น่าจะได้รับป้ายคำสั่งเหมือนกันนี่นา”
“เจียงหลิงจูมีความสามารถมากขนาดนั้นเชียวหรือ?” เนี่ยเทียนสงสัย
“นางคือลูกสาวของเ้าสำนักหลิงอวิ๋น แล้วก็เป็ผู้นำการประลองของทางสำนักหลิงอวิ๋นด้วย หากนางเรียกร้องย่อมสามารถพาเ้าเข้าไปในโลกมายามรกตได้แน่นอน” อันอิ่งกล่าว
เนี่ยเทียนพลันอึ้งตะลึงแล้วพูดออกไปว่า “นางเป็ถึงลูกสาวของเจียงจือซูเชียวหรือ!”
ก่อนหน้านี้เขาแค่เจอกับเจียงหลิงจูเพียงครั้งเดียว ไม่รู้จริงๆ ว่าตัวตนของเจียงหลิงจูจะสูงศักดิ์ถึงเพียงนี้
เขายังนึกว่าเจียงหลิงจูเป็เหมือนเนี่ยเสียนที่ต่างก็เป็ลูกหลานของตระกูลใหญ่ที่พึ่งพาสำนักหลิงอวิ๋น จะไปคิดได้อย่างไรว่าเจียงหลิงจูจะมีเื้ัยิ่งใหญ่ถึงเพียงนั้น
ขณะที่เขากำลังตื่นตะลึงอยู่กับตัวเองนั้น ผู้ประลองของหุบเขาเทาและอารามเสวียนอู้ก็พากันทยอยมาถึง
ฝ่ายของหุบเขาเทามีผู้เฒ่าสวมชุดสีเทาคนหนึ่งเป็ผู้นำ ด้านหลังของผู้เฒ่าคือชายหนุ่มผู้หนึ่ง เดินมาหยุดอยู่ด้านข้าง ร่างกายของเขาก็ราวกับทวนยาวแท่งหนึ่ง คมกริบเกินสิ่งใดเปรียบ!
อวิ๋นซงที่เคยต่อสู้กับเขาครั้งหนึ่งในเมืองเฮยอวิ๋น ยืนอยู่ข้างชายหนุ่มผู้นั้น เวลานี้กำลังชี้มาที่เขาพูดอะไรเบาๆ กับชายหนุ่มผู้นั้น
สายตาของชายหนุ่มผู้นั้นคมกริบราวกับกระบี่ที่พุ่งออกมาจากที่ไกลๆ
เนี่ยเทียนสบตากับเขาอยู่ครู่หนึ่งก็ััได้ถึงความเ็ป สีหน้าจึงพลันเคร่งขรึมขึ้น
เขาตระหนักได้ทันทีว่าชายหนุ่มผู้นั้นก็คือหยวนเฟิงที่เนี่ยตงไห่พูดถึง ผู้นำการประลองของหุบเขาเทาในครั้งนี้
“เมื่อหนึ่งปีก่อนก็ฝ่าทะลุหลอมลมปราณขั้นเก้าไป ถูกหุบเขาเทารับเข้าเป็ศิษย์ สมคำร่ำลือตามที่คาดไว้ไม่มีผิด” สำหรับหยวนเฟิง เขาแอบจดจำไว้ขึ้นใจ รู้ว่าคนผู้นี้จะต้องเป็ศัตรูที่แข็งแกร่งของเขาคนหนึ่งในโลกมายามรกตอย่างแน่นอน
ทางฝ่ายของอารามเสวียนอู้ ผู้นำคือหญิงชราผู้หนึ่ง นางนำขบวนผู้ประลองของอารามเสวียนอู้มาถึงเป็กลุ่มสุดท้าย
เพิ่งจะมาถึงนางก็กล่าวด้วยความร้อนรนว่า “นางหนูตระกูลอัน รีบเปิดประตูโลกลึกลับเร็วเข้า! ข้ายังมีธุระต้องไปทำอีก หลังจากส่งเด็กพวกนี้เข้าไปในโลกมายามรกตหมดแล้วยังต้องรีบกลับไป”
“ได้” อันซืออี๋กล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ
ป้ายคำสั่งที่นางใช้เรียกทั้งสามสำนักก่อนหน้านั้น เมื่อนางหลอมรวมพลังิญญาเข้าไป มันก็พลันสว่างไสวราวกับดวงจันทร์
“อู้!”
ป้ายคำสั่งในมือของนางคำรามออกไปลอยอยู่กลางทะเลสาบที่น้ำใสแห่งนั้น ปลดปล่อยคลื่นพลังที่น่าตกตะลึงระลอกหนึ่งออกมา
“ซู่ๆ!”
แสงสว่างสีขาวเงินเป็กลุ่มก้อนลอยกระเพื่อมขึ้นมาเป็ระลอกคลื่น ระลอกคลื่นยิ่งขยายใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ ค่อยๆ กลายร่างมาเป็น้ำวนที่จมลึกลงไปใต้ก้นทะเลสาบ
ไม่นานนัก น้ำวนลูกนั้นที่หมุนวนอยู่ตลอดเวลาก็ปรากฏตัวขึ้นมากลางทะเลสาบ
“อันอิ่ง เ้าพาผู้ประลองของหอหลิงเป่าของพวกเราเข้าไปในน้ำวน เดินทางไปสู่โลกมายามรกต” อันซืออี๋กล่าว
“ทราบแล้ว”
ร่างกายของอันอิ่งที่มองดูเหมือนอ้อนแอ้น เพิ่มความเร็วะโลอยตัวขึ้นกลางอากาศ บินนำเข้าไปในน้ำวนก่อน พริบตาเดียวก็หายไป
หลังจากนาง ลูกศิษย์หอหลิงเป่าหลอมลมปราณขั้นเก้าสองคนนั้นก็ะโตัวขึ้นสูง หายวับตามไปในน้ำวน
ด้านหลังเด็กหญิงเด็กชายของแต่ละตระกูลที่โดนอันซืออี๋เร่งเร้า ก็ทยอยกันพุ่งเข้าไปด้านใน
หลังจากที่พวกเขาทยอยเข้าไปแล้ว ภายใต้สายตาที่เต็มไปด้วยความหมายลึกล้ำจากอันซืออี๋ เนี่ยเทียนก็ะโตัวขึ้นรวดเร็วราวะุปืน แล้วพุ่งตัวเข้าไปในน้ำวน
“แปลกจัง ไม่มีการเปลี่ยนแปลงของห้วงมิติใดๆ เลยแม้แต่นิดเดียว หรือว่าข้าจะเข้าใจผิด”
อันซืออี๋ที่จ้องมองเขาอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งเขาหายเข้าไปในน้ำวนแล้วก็ยังไม่สามารถััได้ถึงความผิดปกติใดๆ ในใจจึงเกิดความสงสัยขึ้น
“ถึงคราวพวกข้าแล้วใช่หรือไม่?” ลี่ฝานะโถาม
“อืม สำนักหลิงอวิ๋นของพวกเ้าเข้าไปได้แล้ว” อันซืออี๋ตอบด้วยความผิดหวัง
“ไปเถอะ หากเจอเนี่ยเทียนในโลกมายามรกต จำไว้ว่าต้องช่วยกันดูแลเขา เขาอยู่กับคนของหอหลิงเป่า จะต้องถูกกลั่นแกล้งอย่างแน่นอน หากเป็ไปได้ก็ควรพาเขามาอยู่กับพวกเ้า” ลี่ฝานกล่าวกลับเจียงหลิงจูด้วยเสียงอันเบาว่า “ไม่ว่าจะอย่างไร เขาก็เป็คนของตระกูลเนี่ย ตามหลักแล้วพวกเราควรจะดูแลเขา”
“กลัวก็แต่ว่าเขาจะเจอเข้ากับคนของหุบเขาเทาเสียก่อน” เจียงหลิงจูเหล่ตามองหยวนเฟิง “ข้าสังเกตเห็นว่าหลังจากที่เ้าหมอนั่นยืนยันฐานะตัวตนของเขาแล้วก็เกิดจิตสังหารต่อเขาทันที”
“เ้าระวังหน่อยก็แล้วกัน”
“ได้เ้าค่ะ”
จากนั้นผู้ประลองของสำนักหลิงอวิ๋น หุบเขาเทา และอารามเสวียนอู้ก็พากันทยอยเข้าไปในน้ำวนกลางทะเลสาบนั้น
------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้