หลินหวั่นชิวให้อู๋ฮุ่ยเป็ผู้ดูแลเล็กชั่วคราว รับผิดชอบดูแลชีวิตประจำวันและคอยประสานงานหน้าที่ของเหล่าสตรีสาว
พวกนางเห็นสตรีสาวที่อยู่ที่นี่อยู่ก่อนแล้ว ลองพูดคุยถึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายถูกพ่อและพี่ชายรับกลับไปแล้วนำไปขาย ต่อมาถูกคนดีช่วยไถ่ตัวและพามาที่นี่
บางคนถูกขายให้พ่อค้าคนกลาง บางคนถูกขายให้หอโคมเขียว
คราวนี้ บรรดาแม่นางที่ตามหลินหวั่นชิวมาจากหยาเหมินถึงได้เชื่อใจหลินหวั่นชิวหมดใจ
ไถ่ตัวออกจากหอโคมเขียว…คงสงสารและ้าช่วยเหลือพวกนางจริงๆ
แต่จินหลิงกลับพูดจาดูิ่เจียงไท่ไท่ อีกทั้งคำพูดของนางยังทำให้แม่นางบางส่วนไม่กล้ามากับเจียงไท่ไท่
ทั้งสองฝ่ายพูดคุยกัน กลายเป็ฝ่ายพวกนางเองที่ดีใจ รู้สึกสงสารคนที่ไม่ได้ตามมา
เหตุใดสายตาจึงตื้นเขินเพียงนี้?
จินหลิงว่าร้ายทุกคนไปทั่ว คำพูดของคนเช่นนี้เชื่อถือได้หรือ?
เห็นชัดว่าคนเราควรมีสมองด้วย
หลินหวั่นชิวดูร้านที่นี่เสร็จก็นำกระดาษออกมาวาดผังร่างให้เจียงไฉ อย่างไรเจียงไฉก็ต้องหาคนงานอยู่แล้ว ถือโอกาสหาพร้อมกันสองร้านไปเลย
นางตั้งชื่อร้านขายผ้าว่าหอซินชุน วางแผนว่าจะขายเสื้อผ้าและขายผ้าปักต่างๆ
หอซินชุน (แรกเริ่มฤดูใบไม้ผลิ) ตั้งชื่อตามความหมายของประโยคที่ว่า ‘ฤดูใบไม้ผลิมาเยือน สรรพสิ่งฟื้นคืน บังเกิดชีวิตใหม่’
นางอยากช่วยแม่นางเหล่านี้ให้มีชีวิตอยู่ต่อไป เริ่มต้นชีวิตใหม่
จัดการธุระที่นี่เสร็จพอประมาณ หลินหวั่นชิวพาบ่าวบุรุษสองสามคนไปที่ร้านหนังสือ
นางเข้ามาถึงแล้วซื้อของชุดใหญ่ ซื้อเสร็จก็ให้บ่าวคนหนึ่งขนกลับร้านขายผ้า จากนั้นพาคนที่เหลือไปเดินหาร้านหนังสือตามท้องถนนต่อ
ซื้อตำราเสร็จ นางไปร้านขายผ้าร้านอื่น ซื้อผ้าและเข็มครบครัน
ซื้อชุดเครื่องมือปักเย็บด้วยเช่นกัน
ให้บ่าวขนของทั้งหมดไปที่หอซินชุน รอเจียงไฉจัดการธุระเสร็จแล้วค่อยให้ขนกลับบ้านฝั่งใต้ของพวกนาง
นางส่งเจียงไฉไปรับเจียงหงหย่วน หลินหวั่นชิวปิดประตูโยนของเข้าห้องหัตถการเสียนอวี๋ เลือกวัสดุจากระบบ จากนั้นทำซ้ำออกมา
ต้นทุนในการทำซ้ำถูกมาก ไม่ถึงหนึ่งส่วนของราคาที่นางซื้อมา
ของที่ทำซ้ำออกมาพวกนี้ถูกเก็บเต็มช่องเก็บของเสียนอวี๋ ไม่ได้การ นางต้องซื้อไร่ในชานเมืองมาทำเป็โกดัง มิเช่นนั้นคงอธิบายที่มาของของพวกนี้ไม่ได้
มีสถานที่ให้อ้างอิงย่อมดีกว่า
ถึงเวลาแล้วนางแค่ต้องให้รถม้าวิ่งหลายรอบ ไม่มีผู้ใดรู้อยู่แล้วว่ารถม้ามาขนของเข้าหรือขนของออก คนนอกจะรู้แค่ว่าที่ไร่มีสินค้าเข้าออก
เท่านี้เป็พอแล้ว
ทำจริงให้เป็เท็จ ทำเท็จให้เป็จริง
ไร่ที่ซื้อต้องอยู่ระหว่างหัวเมืองกับอำเภอ สะดวกต่อการส่งสินค้าทั้งสองทาง
ได้ยินเสียงหน้าประตู หลินหวั่นชิวนำผ้าและอุปกรณ์ปักเย็บที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ออกมาทั้งหมด จากนั้นลุกออกจากห้อง พบว่าเป็เจียงหงหย่วน
“หย่วนเกอ จัดการธุระเรียบร้อยแล้วหรือ?”
เจียงหงหย่วนพยักหน้า “เรียบร้อยแล้ว ซื้อสำนักคุ้มภัยสองแห่งมารวมเป็แห่งเดียว ชื่อว่าสำนักคุ้มภัยเวยหย่วน”
การซื้อสำนักคุ้มภัยหมายถึงการซื้อตัวคน ผู้คุ้มกันมีช่องทางและกฎเป็ของตัวเอง คนนอกยื่นมือเข้าไปยุ่งยาก
เจียงหงหย่วนใช้เวลาทั้งบ่ายไปกับเื่นี้ เ้าของสำนักคุ้มภัยเวยหย่วนนามว่าจางจงไห่กำลัง้าเงินไปรักษาลูกชาย ตัดสินใจขายสำนักคุ้ยภัย แต่ตัวเขายังคงรับหน้าที่เป็หัวหน้าผู้คุ้มกัน ได้เงินเดือนและส่วนแบ่งทุกเดือน
เ้าของสำนักคุ้มภัยอีกแห่งย้ายกลับบ้านเกิด เจียงหงหย่วนกับหวงจ้งซานนำคนจากทั้งสองที่มารวมกัน หลิวเฉียงส่งทหารเก่ามาร่วมด้วยเช่นกัน ทั้งหมดมอบให้จางจงไห่ประสานงาน
เจียงหงหย่วนให้เวลาเขาจัดการให้เรียบร้อยหนึ่งเดือน ระหว่างนี้จะไม่รับงาน
หากมีผู้ใดเป็ตัวปัญหาจะได้ใช้โอกาสนี้ถีบออกไป
สำนักคุ้มภัยเปลี่ยนเ้าของแล้ว ผู้ใดจะไปตามใจเ้ากัน
“กลับไปแล้วค่อยคุยอย่างละเอียดอีกที ่นี้เรามาอยู่ที่หัวเมืองสักพัก จัดการธุระให้เรียบร้อย”
ท้ายที่สุดแล้วก็ยังมีคนให้ใช้น้อยเกินไป
แต่โชคดีที่ตอนนี้ยังไม่ต้องรีบส่งคนของตัวเองเข้าไปในสำนักคุ้มภัย
มิเช่นนั้นเขาคงได้หนักใจ
“ตกลง” หลินหวั่นชิวตอบตกลง บอกแผนการของตัวเองให้เจียงหงหย่วนฟัง “ข้าอยากเปิดร้านหนังสือ เปิดในหน้าร้านที่บ้านในหัวเมือง”
“ได้ ปล่อยว่างไปก็ไม่เกิดประโยชน์ ถึงให้เช่าก็ได้ไม่กี่สตางค์ อยากให้ข้าทำกระไรหรือไม่?”
หลินหวั่นชิว “ต้องหาเถ้าแก่มาคุม พนักงานเป็เื่รอง เจียงเป่าฉลาดเฉลียวมีไหวพริบ ให้เขามาเฝ้าร้านหนังสือที่นี่ได้ แต่เถ้าแก่หายาก”
เจียงหงหย่วน “เื่นี้มอบให้ข้าจัดการเอง ข้าจะลองสอบถามให้ เ้ายังจะทำกระไรอีกหรือไม่? หากไม่มีกระไรก็ควรกลับได้แล้ว วันพรุ่งหยาเหมินในอำเภอเปิดอำเภอ เราต้องไปซื้อที่ดิน”
“กลับกันเถิด ไม่มีกระไรแล้ว ให้เจียงไฉอยู่หัวเมืองไปก่อน ที่นี่มีงานต้องทำอีกมาก” หน้าร้านต้องตกแต่ง ต้องช่วยนางหาไร่มาทำโกดัง ไม่จำกัดขนาด น่าจะซื้อได้สักที่
ที่สำคัญที่สุด…นางไม่อยากอยู่ในรถกับชายฉกรรจ์ตามลำพังอีกแล้ว เช้านี้เขาทำนางกลัวมากจริงๆ
แค่นางนึกย้อนก็ยังเขินอาย
เจียงหงหย่วนมองภรรยาตัวน้อยด้วยสีหน้าไม่แน่นอน…คงกลัวจนผวาล่ะสิ!
ช่างเถิด ให้นางพักสักหน่อย อย่างไรเสียคืนนี้เขาก็ได้กอดนอนนาง
“ได้ ข้าขับรถ” เจียงหงหย่วนกัดฟันพูด รสชาติในรถม้าเมื่อเช้าไม่เลวเลย
ปั่กปั่ก!
วันหน้ายังอีกยาวไกล
หลินหวั่นชิวที่ถือกรงนกถูกเจียงหงหย่วนอุ้มขึ้นรถม้า ทั้งนกทั้งคนจ้องตากันไปมา
แต่ลูกอินทรีสีขาวตัวนี้สวยมากจริงๆ หลินหวั่นชิวค่อนข้างชอบ รู้สึกว่าเลี้ยงในกรงดูจะน่าสงสารไปหน่อย
ไว้เลี้ยงเชื่องแล้วนางปล่อยตามธรรมชาติดีกว่า ถึงอย่างไรบ้านนางก็ซื้อป่าไว้ผืนโต มีที่ให้สยายปีก
บนรถม้าไม่มีสิ่งใดทำ ดังนั้นหลินหวั่นชิวจึงขัดสมาธิฝึกกำลังภายใน ลูกอินทรีตัวนั้นเห็นหลินหวั่นชิวไม่จ้องตัวเองอีกก็หลับตานอน
เช้าวันรุ่งขึ้น เจียงหงหย่วนพาหลินหวั่นชิวไปหยาเหมินประจำอำเภอ หาสือจู่ปู้เช่นเดิม เนื่องจากก่อนหน้านี้ซุนเคอช่วยบอกสือจู่ปู้ให้แล้ว บวกกับเจียงหงหย่วนเป็ผู้คุมใหญ่ประจำบ่อน รอบนี้สือจู่ปู้จึงต้อนรับทั้งคู่ทั้งที่ยังไม่เห็นเงิน
เจียงหงหย่วนไม่ตระหนี่อยู่แล้ว มอบเงินให้อีกฝ่ายสิบตำลึง สือจู่ปู้ยิ่งกระตือรือร้นกว่าเดิม เพียงครู่เดียวก็ย้ายโฉนดที่ดินที่ถูกยึดของสวีฝู สวีเต๋อเซิ่ง และเฮ่ออวี้จาง รวมทั้งหมดหนึ่งร้อยเจ็ดสิบสามไร่ให้กลายเป็ชื่อเจียงหงหย่วน
ที่ดินเหล่านี้อยู่ในหมู่บ้านเค่าซาน แต่ก็มีที่อยู่ในหมู่บ้านซ่างสุ่ยกับหมู่บ้านต้าฝูอีก
ถึงจะห่างไกลออกไปและกระจัดกระจายก็ไม่เป็ไร ถึงอย่างไรก็จะให้คนอื่นเช่าอยู่แล้ว
พวกเขาทำเองทั้งหมดไม่ไหว
นอกจากที่นาชั้นดี สองสามีภรรยายังซื้อที่รกร้างกับป่าอีกหนึ่งร้อยไร่ หลินหวั่นชิวจะทำโรงบ่มสุรา จะปลูกองุ่น ปลูกสวนผลไม้ มีที่ป่าและที่รกร้างยิ่งเยอะยิ่งดี
สองสามีภรรยาใช้เงินไปอีกสองพันกว่าตำลึง
เฮ้อ…
เงินช่างหมดง่ายเหลือเกิน
หาเงิน หาเงิน หาเงิน!
จังหวะที่ทั้งคู่ออกจากหยาเหมิน พวกเขาเห็นคนน่ารังเกียจคู่หนึ่ง
สวีไคซานกับสวีเทาตามบุรุษเฒ่าคนหนึ่งเข้าด้านในด้วยใบหน้าอิ่มเอม หลินหวั่นชิวไม่รู้จักบุรุษเฒ่าผู้นั้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้